ความคิดเห็นที่ 1 ได้คำตอบแล้วหนิ จากคุณ : uyadas เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 19:15:55

ความคิดเห็นที่ 2 จากการอ่านนิยายกำลังภายใน คุณทราบหรือเปล่าหละครับ ว่าเขาทำสมาธิอะไรพวกนี้กันขั้นไหน ถึงทำแบบนั้นได้ ที่จริงมันมีการฝึกฝนเรื่องกำลังกายประกอบด้วย ไม่ใช่แค่พลังจิตเพียงอย่างเดียว จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 19:28:31

ความคิดเห็นที่ 3 เขาไม่ได้นั่งสมาธิอย่างเดียว เขาฝึกวิทยายุทธ์ด้วย การฝึกสมาธิก็น่าจะเป็นส่วนสำคัญเช่นกันที่ทำให้เกิดกำลังภายใน แต่ในความเป็นจริงคงไม่ถึงกับเหาะเหินเดินอากาศหรอกครับ จากคุณ : เอกเขนกนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 19:52:51

ความคิดเห็นที่ 4 เพราะคุณไม่เห็น  แล้วทำไมเราทำแบบนั้นไม่ได้ครับ? ที่ทำไม่ได้ เพราะทำยังไม่ถึงล่ะครับ ผมว่านะ จากคุณ : Bigsun เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 20:00:56

ความคิดเห็นที่ 5 กำลังภายใน ช่วยในสมาธิมากๆเลยนะ ถ้าเดินลมปราณเป็น จะเข้มแข็งและมีกำลังมาก หายใจเข้าสุด หายใจออกสุด รวบรวมพลัง เดินพลังยังไง เราก็ไม่ได้ไปฝึกหรอกนะ แค่ปฏิบัติสมาธินี่แหละ มันมาเอง ทั้งโยคะ ทั้งมวยจีน วิชาไรไม่รู้ ขุดมารื้อฟื้นหมด ไม่รู้มันมายังไงเหมือนกัน ตอนนั้นลมปราณเดินซะตัวแดง แก้มแดงไปหมดเลย เราก็ดูไป เออ เอาๆๆ ให้พอ นานเลยกว่าสมาธิจะเริ่มเข้าที่ได้ ต้องไปฝึกพวกนี้ก่อนซะนานหลายเดือนเลย พอได้ไปวิหารเซียนที่ชลบุรี เพิ่งถึงบางอ้อ... เออ ไม่เคยฝึกมาก่อนเลย แต่ท่าดันเหมือนที่วิหารเซียนเลย ทุกวันนี้ยังนึกขอบคุณพระอาจารย์ทุกสาย ทุกทางที่ปราณีสอนเรา รำลึกอยู่เสมอ จากคุณ : 4ปีจบ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 20:11:20

ความคิดเห็นที่ 6 คุณเข้าใจว่าการนั่งสมาธิคืออะไรครับ คือการนั่งหลับตาเฉยๆหรืออย่างไร เคยศึกษาเรื่องของความหมายของสมาธิบ้างหรือไม่ ถ้าคุณถามว่าทำไมเหล็กของอเมริกาถึงลอยไปบนอากาศได้ แล้วทำไมเหล็กซึ่งขุดจากภูเขาเหมือนกันและเอามาหลอมจนเป็นเหล็กเหมือนกัน พอหลอมเป็นแท่งแล้วทำไมมันไม่ลอยไปบนอากาศแบบเหล็กของสหรัฐ(เครื่องบินของสหรัฐบ้าง) ทำไมเหล็กของสหรัฐลอยได้ ทำไมเหล็กของไทยลอยไม่ได้ในเมื่อเป็นเหล็กเหมือนกัน คำตอบง่ายๆคือเพราะสหรัฐเขาเอาเหล็กไปเข้ากระบวนการสร้างเห็นปัจจัยเพื่อให้มันเลยได้และเป็นเครื่องบิน  และของไทยคือเหล็กแท่งกลมๆไม่ได้สร้างเหตุปัจจัยใดให้มันเป็นเครื่องบิน แล้วมันก้กลายเป็นแท่งเหล็กธรรมดาๆลอยไม่ได้ไง คุณก็เป็นคน ญี่ปุ่นก็เป็นคน แล้วคุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้หรือเปล่า ทำไมคนญี่ปุ่นถึงพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ทำไมคุณถึงพูดไม่ได้ ก็เป็นคนเหมือนกันนี่ ผมยังไม่แน่ใจว่าคุณอายุถึง 15 ปีแล้วหรือยัง ทำไมตรรกกะแค่นี้ยังไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว กำลังภายในมากจากลมปราณ ลมปราณมาจากกระบวนการฝึกลมหายใจ หลักๆคือลากลมหายใจให้ลึกลงไปถึงจุดตั้งช้างหรือภาษาจีนเรียกว่าจุดตันเถียน ลมปราณภาษาจีนเรียกว่า ชี่  ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าคิ ลากลมหายใจไปสะสมอยู่ที่จุดนั้น (ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างออกไปแล้วแต่แนวทาง) เมื่อสะสมจนร้อนแล้วค่อยฝึกการขับเคลื่อนให้ไหลไปทั่วตัว แล้วก็ บลาๆๆๆๆๆ  อีกเยอะครับ ผมแค่ให้คีย์เวิร์ดคุณไปเพื่อหาความรู้เพิ่มเอาเองนะครับ อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ไม่ค่อยหรืออาจจะไม่มีพลังภายในวิเศษวิโศนั้นแล้วหรอกครับ แต่ที่มีและให้ผลแน่ๆจากการฝึกลมปราณคือ ทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เหนื่อยง่าย ตัวเบาเหมือนนกที่จะโบยบิน(ความรู้สึก) แน่นอนการสะสมลมปราณต้องใช้ทั้งสมาธิและสติ  แต่สมาธิและสติไม่ใช่สาเหตุของการเกิดลมปราณ มันแค่ตัวช่วย ผมเองรู้วิธีฝึกนะ แต่ผมเองไม่มีเวลาจะทำมันต่อแล้ว แต่ผมไม่บอกคุณว่าทำยังไง คุณเอาคำบางคำของผมไปหาความรู้ต่อเอาเอง สมาธิคือการฝึกจิตให้ตั้งมั่น แน่วแน่ มีพลัง สติคือการฝึกจิตให้เปรียบเหมือนเซนเซอร์ รู้ทุกสภาวะของสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนคุณจะเอาสองอย่างนี้ไปประยุกต์ยังไงนั้นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เช่นบางคนเอาไปประยุกต์ในการเรียนการทำงาน บางคนเอาไปประยุกต์กับการเคลื่อนไหวของร่างกาย แน่นอบอกคนเอาไปประยุกต์ในการสร้างหรือฝึกลมปราณเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แล้วจะไปประยุกต์ต่อไปอีกหรือไม่นั้นแล้วแต่ว่าเขาจะรู้หรือไม่และถูกทางหรือเป็นไปได้หรือไม่แค่นั้นเอง ลมปราณ หรืออินเดียเรียกว่า ปราณ หรือปราณะ หรือ บาลีเรียกว่า ปาณะ ปาณา คือลมหายใจนี่แหละ เช่น อานาปานสติ  คือการฝึกมีสติอยู่กับลมหายใจ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 20:27:53 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 20:23:37 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 20:18:46 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 20:18:01 จากคุณ : มังกรจักรวาล เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 20:16:40

ความคิดเห็นที่ 7 คห 5 มีหลายอย่างคล้ายกันคับ แต่ไม่กล้าให้ กิฟ กลัวเข้าใจผิด แฮะๆ ตอนเรานั่ง ตอนหลังมันดันจะลุกขึ้นมารำ ก่อนรำ มัน หมุน ส่าย สารพัด เหมือนหาทางออก สบายๆ ทำนองนี้ ยิ่งท่าทางยิ่งเหมือนกะดูหนังแหละ เหมือนบ้าคนเดียว กลับไปที่ จขกท การนั่งสมาธิ เขาจะมีเคล็ดเดินลมปราณ ถ้ามั่ว อาจซวยได้ ส่วน ตัวเบา หรือพลังภายใน ของพุทธ หรือเซียน หรือมารแล้วแต่เรียก สำเร็จขั้นหนึ่งมันก็เหาะ บู้ ออกอภิญญา เหมือนกันนั่นแหละ ไปแยกตรงความเห็น ชอบ มิชอบ กุศล อกุศล เทพ มาร จากคุณ : เถาถั่ว (HeavenMoon) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 21:18:29

ความคิดเห็นที่ 8 . จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 22:15:21

ความคิดเห็นที่ 10 สมัยตอนหนุ่มๆ ติดดูหนังจีนกำลังภายใน อยากเหาะเหิรเดินอากาศได้ ก็เคยอ่านตำราอยู่พักนึง เป็นวิธีการฝึกเดินลมปราณตามแนวทางโยคะคุนดาลินีของทางอินเดีย (Kundalini Yoga) ซึ่งลมปราณ ชี หรือคิก็คือตัวเดียวกัน เขาเปรียบคุนดาลินีเป็นเหมือนผลึกปิรามิดท่ีมีพลังงูเห่าอยู่ภายใน (Serpent Power) มีตำแหน่งตั้งอยู่บริเวณปลายก้นกบ การนำพลังงานออกมาใช้ ก็คือการเดินลมปราณท่ีประกอบด้วยพลังสมาธิไปตามลมหายใจโดยให้วิ่งไปชนยอดผลึกปิรามิดนี้ จนสามารถปลุกพลังงูเห่าให้เลื้อยออกมา ก็อย่างท่ีคห.6บอกแหละครับ การสะสมพลังงานท่ีจุดนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนรู้สึกปวดร้าวไปทั่ว ....แล้วกำลังภายในก็จะคืบคลานออกมาอย่างช้าๆ คล้ายงูเห่า หากนึกภาพไม่ออก ผมจะวาดภาพให้ทันสมัยขึ้นหน่อย.... มันเหมือนการเกิดปฏิกริยาลูกโซ่ในระเบิดปรมาณู เราเอานิวตรอนยิงเข้าไปท่ี U235 ที่มีขนาดวิกฤติ (Critical Size) ก็จะมีพลัังงานแตกออกมา และในท่ีนี้... นิวตรอนก็คือพลังจิตที่เนื่องกับลมปราณ (คล้ายการฝึกอานาปานสติ) U235 (ธาตุยูเรเนี่ยม 235) ก็คือ Kundalini ขนาดวิกฤติ หมายความว่า Kundalini ได้รับการสะสมพลังงานจากลมปราณจนถึงจุดท่ีเรียกว่าอิ่มตัวและพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังงานออกมา ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิอย่างต่อเนื่อง (ถ้าเทียบกับการเข้าฌาณ น่าจะเป็นระดับ 3 หรือ 4) และจำนวนครั้งของการสะสมพลังงานจากการเดินลมปราณ ซึ่งในแต่ละบุคคลจะใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไป       ภายหลังจากการเกิดกำลังภายในแล้วก็ต้องรู้จักวิธีควบคุมและการนำไปใช้งาน เคยได้ยินมาว่าต้องมีสำนักหรืออาจารย์เป็นผู้กำกับดูแล มิฉะนั้นขณะท่ีฝึกหากเกิดลมปราณย้อนกลับก็อาจได้รับอันตรายถึงชีวิต... หมายเหตุ.  ท่ีผมบรรยายมานั้นเป็นการนึกให้เห็นภาพจากการจินตนาการเปรียบเทียบ...อย่าถือว่าเป็นเรื่องจริงจัง แต่ก็น่าจะพอมีเค้าอยู่บ้างนะครับ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 03:23:11 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 03:08:43 จากคุณ : selfless เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 22:35:36

ความคิดเห็นที่ 11 เขาว่า กิมย้ง ผู้ริเริ่มนิยายกำลังภายใน เคยบวชหรือเป็นเด็กวัดนี่แหละ จึงทำให้มีโอกาสคลุกคลีและอ่านตำราในหอคัมภีร์บ่อย ๆ จึงมีไอเดียบรรเจิด เขียนนิยายกำลังภายในออกมา จริงหรือไม่จริงอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นเช่นนี้จริง พวกนิยายกำลังภายในทั้งหลายก็คือเรื่องจริงอิงนิยาย แต่งเติมมากหรือน้อยก็เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด ดังนั้นจะนำมาเปรียบเทียบความจริงคงจะยาก แต่ถ้าจะหมายถึงกำลังภายในที่เกิดจากสมาธิ อย่างนี้มีจริง เพียงแต่อาจไม่เหมือนในคัมภีร์ จะเหาะเหินเดินอากาศก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่าย ๆ ผู้ที่มีบารมีพอจะทำได้ ก็มักจะเป็นผู้ที่ไปเกิดในสมัยพุทธกาลนั่นแหละ สมัยนี้หาได้ยากมากถึงมากที่สุด จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 22:39:21

ความคิดเห็นที่ 12 วาโยกสิน  นึกถึงกองลมที่พัดอยู่ในกาย จากคุณ : กระบี่นางฟ้า เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 23:08:15

ความคิดเห็นที่ 13 中華千古絕學縯法大師 จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 00:44:24

ความคิดเห็นที่ 14 สังเกตุมั๊ย.. ในหนัง..   เวลาเจ้าสำนัก(อาจารย์) อาจารย์ลุง(ศิษย์พี่ของอาจารย์) อาจารย์อา(ศิษย์น้องของอาจารย์) หรืออาจารย์ปู่(ศิษย์พี่หรือศิษย์น้องของอดีตเจ้าสำนัก) เค้ามักจะเข้าฌาน ฝึกยุทธ์ ในถ้ำ หรือห้องศิลา อะไรประมาณนั้น ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของสำนัก อยู่เสมอ ใช้เวลาครั้งละหลายเดือน หรือเป็นปีๆ โดยไม่ออกมาข้างนอกเรย ให้ศิษย์คอยส่งข้าวส่งน้ำให้เท่านั้น ที่ว่า คร่ำเคร่งกับการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ในสมัยนี้น่ะ ยังไม่ได้ 1 ใน 10 ของศิษย์ปลายแถวในสำนักเหล่านั้นเรยด้วยซ้ำ จากคุณ : จักรขวด เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 02:23:38

ความคิดเห็นที่ 15 นั่งสมาธิแล้วได้เอง ส่วนตัวไม่เคยฝึกโยคะ อ่านพบในหนังสือเรื่องปราณ จักรทั้ง7 เข้าใจและเข้าถึงตามนั้นทั้งปราณและเดินปราณได้ถึงจักรที่6 ยังไม่ถึงจักรที่7 คนตายจึงเรียกว่าหมดลมปราณ ปราณหยุดเคลื่อนไหว ทางพุทธต้องมีปัปัญญาจึงจะเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง...ส่วนอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ไม่ออกความเห็น เพราะผมนั่งสมาธิมาสามสิบกว่าปีก็ไม่เคยสัมผัส ผีเทวดาก็ไม่เคยเห็น เพื่อนผมบางคนนั่งแล้วเห็นก็มี เป็นเฉพาะคนมั้ง จากคุณ : ศิษย์ปู่หมอ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 06:03:16

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าเรามีเวลาว่าง แบบคนสมัยก่อน ก็คงดี สมัยก่อนไม่ต้องมีภาระยุ่งยากมากมายแบบสมัยนี้ กิเลสน้อย ทีวี วิทยุ เนต ก็ไม่มี ก็เลยมีเวลาฝึกเยอะ สมัยนี้ถ้าอยากฝึก ก็ต้องตัดทางโลกอย่างเดียวมั้งครับ.. จากคุณ : .. (รัก กวน มึน) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 07:33:08

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านหนังสือกำลังภายใน เป็นแรงบันดาลใจที่ดีค่ะ เพราะว่า เราก็อ่านแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนเรียนจบมหาลัย ทำให้ชอบเรื่องมวยจีน ปัจจุบันก็ยังฝึกอยู่ จะต้องแยกแยะสิ่งที่เขียนออกระหว่าง ข้อมูลจริงกับจินตนาการออกจากกันค่ะ ทางจีนนั้นมีอิทธิพลของเต๋า-พุทธมหายาน-ขงจื้อ เหมือนน้ำเทลงในนม แยกกันไม่ออก กลายเป็นระเบียบ ประเพณี วัฒนธรรม สิ่งที่คุณ chongcob จะตอบก็คงจะยาว จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 08:09:14

ความคิดเห็นที่ 18 เคยอ่านมังกรคู่มั้ยครับ จันทร์ในบ่อ ของโค่วจงฉีจือหลิง ผมว่าคือสัมมาสมาธิ วิชาช่วงเวลาณขณะนี้ของปาฟงหัน ผมว่าคือจิตผู้รู้ ใครเคยอ่านมาถกกันได้ครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 09:01:35

ความคิดเห็นที่ 19 จันทร์ในบ่อ เป็นคำที่ใช้อธิบายตั้งแต่ต้นจนถึงสุดท้ายของจิตและสมาธิ ในสายมหายานค่ะ มีอธิบายทั้งของมหายานจีนและทิเบต และที่เห็นมีแปลขายในเมืองไทย จะมาจากมหายานเซนในญี่ปุ่น จำชื่อไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 09:15:45 จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 09:14:58

ความคิดเห็นที่ 20 คุณพยัคฆ์น้อย จริงอ่ะ มิน่า ผมว่าแล้วสภาวะมันเข้าเลย จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 09:21:50

ความคิดเห็นที่ 21 ส่วนใหญ่เรื่องเซนญี่ปุ่น จะรู้จากการอ่านหนังสือที่แปลขายในเมืองไทย ส่วนมหายานจีนนั้นเรียนจากเหล่าซือที่สอนมวยจีนภายใน และทิเบตตามไปเรียนกับพระลามะ , ในส่วนที่เรียนกับเหล่าซือนั้น คำสอนนั้นจะผสมผสานกันระหว่างมหายานจีน เต๋าและขงจื้อ เพราะนี้คือสายธารหลักของจีน   แต่เฉพาะเรื่องจันทร์ในบ่อน้ำ โดยส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นของมหายานค่ะ แนวคิดของมหายานตั้งบนพื้นฐาน การเดินรอยตามพระพุทธเจ้า ตั้งปณิธานช่วยเหลือสรรพสัตว์ โพธิจิต เมื่อสอนเรื่องเหล่านี้ จะอิงพระมหาโพธิสัตว์ โพธิจิต ใช้ในการอธิบายการปฏิบัติธรรม ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เรียนก็ได้ยินคำว่า "จ่วนซื่อ" หมายถึง การเปลี่ยนตัวรู้---> ให้เป็นปัญญา โดยอธิบายผ่าน อาตยนะทั้งแปด ตรงนี้ส่วนของทิเบตแทบจะไม่เน้นเท่าไร จะโดดเด่นในส่วนของมหายานแบบจีน บางครั้งก็อธิบายเรื่อง "จ่วนซื่อ"  ผ่านจันทร์ในบ่อน้ำ โดยใช้ภาพพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม ที่นั่งอยู่บนฝั่งปารมิตาในการอธิบายค่ะ ส่วนของเซนญี่ปุ่น จำได้ว่าที่อ่านเจอ เพราะกำลังสนใจแนวคิดหลักปรัชญาดาบของญี่ปุ่น แล้วเขาจะโยงเรื่องนี้เข้าด้วยกันน่ะค่ะ ขออภัยจำรายละเอียดไม่ได้ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 10:48:48

ความคิดเห็นที่ 22 คุณพยัคฆ์น้อย แล้ววิชาเลข1 ที่หายไป มาจากอะไรพอจะทราบมั้ยครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 19:09:08

ความคิดเห็นที่ 23 จีนกำลังภายใน และ การนั่งสมาธิ การนั่งที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกกำลังภายใน(修丹练功) หากเทียบจากลักษณะภายนอกแล้วจะเหมือนกับการนั่งสมาธิของทางพุทธศาสนา หรืออีกหลายศาสตร์ จากคุณ : แปลงนาม เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 23:51:50

ความคิดเห็นที่ 24 แต่สาระเบื้องหลัง การฝึกนั้นต่างกัน การนั่งสมาธิของทางฝ่ายเถระวาทเป็นการฝึกที่มุ่งการเรียนรู้ ให้เกิดปัญญา และเข้าถึงธรรมะ ผ่านเวทนา สัญญา สังขาร ฯลฯ แต่การฝึกกำลังภายใน หรือเน่ยตัน เป็นการนั่งเพื่อฝึกการรวบรวมพลังธรรมชาติ จากขบวนการหายใจ  เพื่อให้พลังไปรวมอยู่ ณ ฐานของพลังที่เรียกว่า ตันเถียน(丹田) โดยมิได้มุ่งที่การเกิดปัญญา หรือเข้าใจ เข้าถึงสภาวะธรรม อย่างทางพุทธศาสนา ผู้ที่ฝึกรวบรวมพลัง สำเร็จ ก็จะสามารถผกผันพลังชีวิตนั้น ไปใช้ในจุดมุ่งหมายต่างๆ รวมทั้งการมีชีวิตที่ยืนยาว.... จากคุณ : แปลงนาม เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 00:18:21

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ cantona_z ที่คุณถามว่า   "คุณพยัคฆ์น้อย แล้ววิชาเลข1 ที่หายไป มาจากอะไรพอจะทราบมั้ยครับ"  ไม่เข้าใจความหมายของ วิชาเลขที่ 1 ค่ะ ^__^ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 07:05:37

ความคิดเห็นที่ 26 โอยยยยยๆๆ  เซียนกำลังภายในทั้งนั้น....เยี่ยมครับ...ผมได้ความรู้เยอะ...สรุปก็ว่า สมัยนี้ สังคมเสื่อม สิ่งรอบตัวกิเลสมาก ทำให้ไม่สามารถฝึกสมาธิขั้นนั้นขึ้นมาได้...ความสามารถแบบโบราณ ก็ ไม่มีเหลือ...ถ้าใครยังสามารถทำเช่นนั้นได้ คงมหัศจรรย์ มนุษย์ ศตวรรษ ที่ 20 นะครับ จากคุณ : chongcob เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 10:01:01

ความคิดเห็นที่ 27 จริงคือเท็จ เท็จคือจริง ตอนเด็กนึกว่าเป็นสำนวนเอามัน แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจรางๆแล้ว เหมือนกับสำนวนเลข1ที่หายไป. รวมทั้งสำนวนจันทร์ในบ่อน้ำ มหายานมีอะไรที่น่าสนใจจริงๆ จากคุณ : ninetanian เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 21:42:23

ความคิดเห็นที่ 28 คห.10 ถ้าสนใจศึกษากำลังภายในโดยใช้ลมปราณ ให้ใช้ กูเกิ้ล search ไปท่ี Kundalini ก็จะมี Website ให้ศึกษาเยอะครับ จากคุณ : selfless เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 02:58:52

ความคิดเห็นที่ 29 มันคือการทำสมาธิให้รู้สภาวะของร่างกาย ทำให้เกิดการจัดระเบียบทุกๆอย่างในร่างกาย ให้เกิดแรงออกมาได้เต็มที่ หรือควบคุมร่างกายให้เป็นไปตามที่ต้องการ สร้างสติให้รับรู้สภาวะปราณของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งตอบสนองการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างทันท่วงที คนเราทุกคนต่างก็ยืนได้เป็นปรกติ แต่ถ้าพื้นที่เรายืนอยู่ เป็นแค่พื้นที่เล็กๆพอดีกับฝ่าเท้า ที่อยู่สูงจากพื้นดิน คนส่วนใหญ่จะไม่สามารถยืนได้ เพราะความคิดฟุ้งซ่าน กลัวจะตก กลัวความสูง แต่สำหรับผู้ที่ฝึกวิทยายุทธ์ จะสามารถยืนและเดินบนนั้นได้ เพราะสามารถควบคุมสติและจัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในท่วงท่าที่ถูกต้องได้นั่นเอง ส่วนการตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีนั้น ในทางเซนจะฝึกในเรื่องของจิตเดิมแท้ คือจิตที่เป็นธรรมชาติแท้จริงของมนุษย์ มันสามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆได้อย่างทันท่วงที ปราศจากความคิดปรุงแต่ง ถ้าเป็นะวกนักบวช จะใช้การการฝึกที่เรียกว่า มอนโด คือการถามตอบแบบฉับพลัน ผู้ตอบจะต้องตอบคำถามทันทีโดยปราศจากความคิด ซึ่งอาจารย์จะประเมินสภาวะของจิตได้จากคำตอบของศิษย์ ในความเห็นของผม การฝึกกังฟู ไม่ใช่การบริหารรางกายให้แข็งแรงเพื่อมีกำลังนั่งสมาธิ แต่การฝึกกังฟูคือวิธีการฝึกสมาธิรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้ฝึกต้องมีสมาธิอย่างสูงจึงจะฝึกได้ จากคุณ : รอเธอโสด เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 08:24:10

ความคิดเห็นที่ 30 ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เคยผ่านๆตาจากหนังสือของคุณจำลอง พิศนาคะ แต่หนังสือเก่ามากๆ จนจำชื่อหนังสือไม่ได้ ว่าเกี่ยวกับเรื่องกำลังภายในล้วนๆ  และอีกหลายเล่มของ อ.สุวินัย ภรณวลัย ช่วงแรกๆ สัก 6-8 เล่มแรก ก่อนอาจารย์สุวินัย จะหันเหไปทางธาตุกายสิทธิ์ เหล็กไหลและเรื่องลี้ลับแทน และถ้าเกี่ยวกับพลังภายในฝ่ายเต๋าที่ถูกอ้างถึงในเทพมารสะท้านภพและจอมคนแผ่นดินเดือด-เหยี่ยวมารสะท้านสิบทิศ ก็เห็นมีอยู่ในหนังสือของคุณหมอท่านหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวผมขอค้นหาดูก่อน จะนำมาแจ้งภายหลัง จากคุณ : songpon.ouan เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 19:36:44

ความคิดเห็นที่ 31 เทพมารนี่ตันตระชัดๆเลย จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:31:05

ความคิดเห็นที่ 32 พบแล้วครับ "สมาธิเต๋า วิถีแห่งเซียนฟ้า จิ้งกง" โดยธรรมบัญชา (เคล็ดไทย) ขอยกตัวอย่างสารบัญดังนี้   หลักสำคัญของการฝึกฝนวิถีตัน  วิธีการฝึกกังฟู  ครรภ์หายใจ: วิถีแห่งตันภายใน วิธีสยบปราณด้วยครรภ์หายใจ  เปิดด่านขยายทวาร  มหาเขตกับทวิลักษณ์(ไท่จี๋กับเหลี่ยงอวี่)   หยางแท้   ใจฟ้า คูหาญาณ ตาที่สาม  วิถีแห่งตันทอง จากคุณ : songpon.ouan เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:33:57

ความคิดเห็นที่ 33 ในนิยายกำลังภายใน แบ่งเป็นฝ่ายธรรมะและอธรรม ผู้นำฝ่ายธรรมะ ได้แก่ พระสงฆ์ (วัดเสียวลิ้ม) และนักพรต (สำนักบู๊ตึง) ฝ่ายอธรรม ได้แก่ พรรคมาร อสูรร้าย และเหล่าปีศาจสารพัดพิษ ขอกล่าวถึงเฉพาะจุดหมายปลายทางของการฝึกวิชาฝีมือของฝ่ายธรรมะ ที่ยึดแนวทางมาตรฐานตามคัมภีร์พุทธ และพรต อันมีจุดหมายปลายทางของการฝึก ของพระสงฆ์ คือ สิ้นกิเลสสำเร็จมรรคผลนิพพาน ส่วนนักพรตก็สำเร็จเป็นเซียน จากคุณ : ปก เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 55 15:54:15