สองสัปดาห์หลังจากฉันกลับสู่อิสลาม ฉันได้กลับไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมงานแต่งงานของญาติ และตัดสินใจที่จะไม่กลับไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส วรรณคดีฝรั่งเศสหมดเสน่ห์ไปแล้ว และความปรารถนาที่จะเรียนภาษาอาหรับได้เข้ามาแทนที่
ในฐานะมุสลิมใหม่ที่มีความรู้เกี่ยวกับอิสลามน้อยมาก มันจึงเป็นบททดสอบครั้งใหญ่สำหรับฉันในการที่จะต้องอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นและถูกตัดขาดจากมุสลิมคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม การปลีกห่างออกมาครั้งนี้ได้เพิ่มพูนสำนึกแห่งอิสลามของฉันให้แรงกล้ายิ่งขึ้น และได้รู้ว่าฉันไม่ได้อยู่ตามลำพัง เพราะอัลลอฮฺทรงอยู่กับฉัน
ฉันต้องทิ้งเสื้อผ้าของฉันไปหลายชุด และด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนคนหนึ่งที่เย็บเสื้อผ้าเป็น ฉันจึงได้ทำชุดที่คล้ายกับชุดของชาวปากีสถาน ฉันไม่ถูกรบกวนด้วยสายตาแปลกๆ ที่ผู้คนมองฉัน
หลังจากหกเดือนในญี่ปุ่น ความปรารถนาที่จะเรียนภาษาอาหรับของฉันมีมากขึ้นจนฉันตัดสินใจไปเรียนที่ไคโร ซึ่งฉันรู้จักใครบางคนที่นั่น ครอบครัวที่ฉันไปอยู่ด้วยไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ (หรือญี่ปุ่น) ได้เลยสักคน และสุภาพสตรีที่จูงมือฉันเข้าไปในบ้านก็สวมชุดสีดำปิดตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า แม้แต่ตาก็ปิดด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะคุ้นเคยกับมันแล้วในกรุงริยาดนี้
ฉันจำได้ว่าประหลาดใจมากในตอนนั้น ทำให้นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในฝรั่งเศสตอนที่ฉันได้เห็นชุดแบบนั้นแล้วคิดว่า มีผู้หญิงที่ตกเป็นทาสของวัฒนธรรมอาหรับอยู่ โดยที่ไม่รู้จักอิสลามที่แท้จริง(ซึ่งฉันเชื่อว่า ความคิดในการปกปิดใบหน้าไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น แต่เป็นวัฒนธรรมทางเชื้อชาติอย่างหนึ่ง)
ฉันต้องการจะบอกสุภาพสตรีในไคโรคนนั้นว่า ชุดของเธอมันมากเกินไป ซึ่งมันไม่เป็นไปตามธรรมชาติและผิดปกติ แต่เขากลับบอกว่าชุดที่ฉันทำเองนั้นไม่เหมาะสมที่จะสวมออกไปข้างนอก เป็นบางอย่างที่ฉันไม่เห็นด้วย เพราะฉันเข้าใจว่ามันถูกต้องตามข้อกำหนดสำหรับมุสลิมะห์แล้ว
แต่ตอนที่อยู่ในกรุงโรม ฉันซื้อผ้ามาทำชุดยาวที่เรียกว่า คิมาร์ (khimar) ที่ปกปิดลำตัวและแขนทั้งหมด ฉันถึงขนาดพร้อมที่จะปิดใบหน้า ซึ่งพี่น้องส่วนใหญ่ที่ฉันรู้จักเขาทำกัน พวกเขาเป็นคนกลุ่มน้อยในไคโร
พูดโดยทั่วไปแล้วชาวอียิปต์รุ่นเยาว์ ซึ่งมีความเป็นตะวันตกไปไม่มากก็น้อย จะอยู่ห่างๆ จากผู้หญิงที่สวมคิมาร์ และเรียกพวกเขาว่าพี่สาว ผู้ชายปฏิบัติกับเราด้วยความเคารพและสุภาพเป็นพิเศษ ผู้หญิงที่สวมคิมาร์มีความเป็นพี่น้องกันซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของท่านศาสดา (ความจำเริญและความสันติสุขจากอัลลอฮฺประสบแด่ท่าน)
ที่กล่าวว่า มุสลิมจะให้สลามกับคนที่เขาเดินผ่านบนท้องถนน ไม่ว่าจะรู้จักกันหรือไม่ก็ตาม กลุ่มพี่สาวมีจิตสำนึกในศาสนาของตัวเองมากกว่าผู้ที่สวมผ้าคลุมไปตามธรรมเนียม แทนที่จะทำไปเพื่ออัลลอฮฺ ก่อนที่จะมาเป็นมุสลิมะห์ ฉันชอบสวมเสื้อผ้าในชุดกางเกงกระฉับกระเฉง ไม่ใช่กระโปรงแบบผู้หญิง แต่ชุดยาวๆ ที่ฉันสวมในไคโรทำให้ฉันพอใจ ฉันรู้สึกว่ามันสวยงามและผ่อนคลายมากกว่า
ในความรู้สึกแบบตะวันตก สีดำเป็นสีที่เหมาะจะสวมใส่ในเวลาค่ำเพราะมันเน้นให้เห็นความสวยงามของผู้สวมใส่ พี่สาวน้องสาวกลุ่มใหม่ของฉันดูสวยงามอย่างแท้จริงในชุดคิมาร์สีดำ และความเป็นพี่น้อง ความมีน้ำใจ เปล่งแสงออกมาจากใบหน้าของพวกเธอ อันที่จริง พวกเธอไม่เหมือนกับแม่ชีโรมันแคธอลิก เป็นบางอย่างที่ฉันสังเกตเห็นเป็นพิเศษเมื่อตอนที่ฉันมีโอกาสได้ไปปารีสไม่นานหลังจากมาถึงที่ซาอุดิอารเบีย
ฉันอยู่ในตู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเดียวกับแม่ชีคนหนึ่ง และเราก็ยิ้มให้กันกับชุดที่คล้ายกันของเรา ชุดของเธอเป็นสัญลักษณ์ของการอุทิศตนเพื่อพระเจ้าของเธอ เหมือนกับชุดของมุสลิมะห์
ฉันแปลกใจอยู่บ่อยครั้งว่าทำไมผู้คนจึงไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับผ้าคลุมของแม่ชีแคธอลิก แต่กลับวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงกับผ้าคลุมของมุสลิมะห์ ราวกับว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของการก่อการร้ายหรือการกดขี่
ฉันไม่สนใจกับการที่ต้องทิ้งเสื้อผ้าหลากสีสันไปแล้วสวมใส่แต่สีดำ อันที่จริง ฉันมีความรู้สึกว่าอยากจะใช้ชีวิตเพื่อศาสนาแบบแม่ชีอยู่เสมอ ก่อนที่จะได้มาเป็นมุสลิมะห์