ความคิดเห็นที่ 1 อนุโมทนาสาธุครับ จากคุณ : กระบี่นางฟ้า เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 22:58:44

ความคิดเห็นที่ 2 " (เพื่อป้องกันการเข้าอรูปฌาน/ติดฌาน) " เดี๋ยวนี้ มีความคิดความเชื่อแปลกๆ ว่า  ทำนองให้รังเกียจฌานต่างๆ ไปเสียแล้ว   แต่กลับให้ไปติดที่กามสุข  ซึ่งเป็นสุขที่หยาบกว่า ฌาน ที่พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้ติดในฌานนั้น ไม่ได้หมายถึงว่า ให้ละฌานนั้น โดยถอยหลังมาติดที่กามสุขน่ะครับ   แต่หมายถึงให้ละฌานส่วนหยาบเข้าไปสู่ฌานส่วนละเอียดยิ่งๆ ขึ้นไป  ซึ่งจะทำให้กิเลสหลุดล่อนได้ดียิ่งขึ้น ไม่เจริญฌาน แล้ว จะไปถึงอาสวักขยญาณ (ความรู้วิธีกำจัดกิเลสให้สิ้นไป) ได้อย่างไร จากคุณ : bodymind เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:11:58

ความคิดเห็นที่ 3 อนุโมทนาสาธุ จากคุณ : l_yan1 เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:18:11

ความคิดเห็นที่ 4 ฌานไม่ได้เข้าง่ายอย่างนั้นหรอกครับ แค่ 30 นาที จะบอกต่อว่า ท่านนึงที่เคยบวชฝึกสมาธิอย่างหนักโดย - ฉันวันละ 1 มื้อ - พระถือศีล 227 ข้อ - ห้ามพูดยกเว้นสอบอารมณ์ - บิณฑบาตรเฉพาะวันพระ ห้ามดูทีวี ฟังวิทยุ อ่านนสพ. (ห้านเสพสื่อทุกชนิด) - ปฏิบัติ วันละ 20 ชม. ที่เหลือ 4 ชม. คือ นอน และ ฉันอาหาร - เดินจงกรม สลับกับ บริกรรมโดยวิธี ยุบหนอ พองหนอ เพียรอย่างหนัก พร้อมกับตั้งจิตอธิฐานให้พบธรรมอันวิเศษโดยไวกับพระรัตนไตรทุกครั้ง เพราะท่านมีเวลาบวชเพียง 4 เดือน 1 เดือนเต็มกับการปฏิบัติอย่างนี้ องค์ของปฐมฌานถึงจะเกิด คือ ปิติ เพิ่งจะมาเมื่อครบเดือน ลองคำนวณชม. ก็ 600 ชม.ที่ปฏิบัติ ถึงว่าไม่ง่ายหรอกครับเรื่องฌาน ไม่ต้องไปกลัว เรื่องฌานเนี่ย "กลัวไม่ได้ ได้ไม่กลัว" มากกว่าครับ จากคุณ : click2 เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:34:58

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่มเติมว่า ปิติ ทางโลกนี่เทียบไม่ได้เลยกับ ปิติที่เป็นองค์ของฌาน นะครับ เช่นกัน อุเบกขา ที่เกิดขึ้นในองค์ของฌาน ก็ไม่สามารถเอาความรู้สึกวางเฉยใดๆในโลกมาเทียบได้นะครับ มันคนละเรื่องกันเลย จากคุณ : click2 เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:40:49

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องฌานนี่เป้าหมายใครเป้าหมายมันนะคะ หลวงพ่อวิริยังค์ท่านสอนเป็นหลักสูตร ระบุโปรแกรมไว้เช่นนั้น และท่านเน้นว่าเข้าสมาธิ อยู่ในองค์ฌาน 1-4 พอขึ้นฌาน 4 ก็ต่อวิปัสสนาได้ แต่ถ้าเลยไปอรูปฌานแล้ว จะเหมือนอาฬารดาบสกับอุทกดาบส พระอาจารย์ของพระพุทธเจ้าล่ะค่ะ ไม่ใช่ทาง พลาดจากคุณอันใหญ่ เพราะฌานระดับนั้นไม่มีความรู้สึกแล้ว จะพิจารณาไตรลักษณ์ก็ไม่ได้ หลวงพ่อท่านยังย้ำว่า มัชฌิมาปฏิปทา สัมมาสมาธิ อยู่แค่ ฌาน 4 ค่ะ ส่วนสำนักอื่น หรือใครชอบเล่นฌานก็ตามจริตเลยค่ะ ^^ จากคุณ : S III (Kewalin Rieki) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:52:23

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อนร่วมงานผมท่านหนึ่งสนใจทำสมาธิและเคยได้ชวนผมไปตามสำนักฯต่างๆหลายแห่งแต่ผมก็ไม่เคยไปกับเขาจนกระทั่งเขาคิดว่าผมไม่สนใจในเรื่องนี้แต่ผมก็ได้ข่าวความก้าวหน้าในด้านนี้ของเขาตลอดเวลา ครั้งสุดท้ายเขาก็ได้ไปฝึกที่วัดนี้หลังจากไปที่วัดต่างๆมาหลายแห่งหลังจากจบหลักสูตรเขาก็ไม่ไปฝึกที่วัดไหนอีกต่อไปเลย ทุกวันนี้เขาสนใจทำพระเครื่องไปมอบให้วัดต่างๆและก็ยังเคยเอามาแจกผม ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเอาสูตรการทำพระมาจากที่ไหนแต่ก็ดูว่าเขาไม่สนใจในด้านการทำสมาธิเหมือนเดิม กลับมาสนใจในการหาสูตรทำพระเครื่องให้ได้ดี ยิ่งขึ้นๆไป ทั้งนี้ผมไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้เพราะอะไรหรือว่าเขาสนใจในด้านนี้มากกว่าการทำสมาธิแล้วกระมัง ทั้งนี่ผมก็แค่อยากเล่าให้ท่านๆฟังเท่านั้นครับ จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 00:12:19

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยตามคุณ ความคิดเห็นที่ 4 ครับ ช่วงผมบวช 3 เดือน ฝึกสติและนั่งสมาธิ กินแต่ ปีติ ปัสสัทธิ จนอิ่มไปเลย เริ่มตั้งแต่ย่างเท้าเข้าโบสถ์ก็เป็นเทวดาไปแล้ว จะเป็นพรหมไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 00:54:36

ความคิดเห็นที่ 9 คห 7 งั้นคงเป็นที่ความสนใจส่วนบุคคลแล้วค่ะ เพราะหลวงพ่อท่านไม่ได้เน้นเรื่องการปลุกเสก แต่จะมีเวลารวมตัวกันสวดพระปริตร ก็จะได้น้ำมนต์จากการสวดมนต์แต่ละครั้ง เข้าใจว่าท่านต้องการสอนไม่ให้งมงายมากกว่า ว่าน้ำมนต์ หรือวัตถุมงคลก็ได้มาจากการสวดพระพุทธมนต์ และนั่งสมาธิอธิษฐานจิตแบบที่พวกเราทำกันอยู่นี่แหละ แต่ท่านไม่ได้ให้มาตั้งหน้าตั้งตาปลุกเสกพระเครื่องหรอกนะคะ ท่านเน้นให้เดินจงกรมนั่งสมาธิเป็นหลักค่ะ จากคุณ : S III (Kewalin Rieki) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 06:42:55

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องฌาน จะเข้ายากเข้าง่ายก็ต้องอยู่ที่ของเก่าที่สะสมมาในกาลก่อนด้วยส่วนนึงค่ะ บางคนนั่งครั้งแรกก็ได้ฌานแล้ว ทั้งที่ตลอดชีวิตไม่ได้ฝึกสมาธิมาก่อน แต่ถ้าใครมีของเก่าน้อยก็ต้องเพียรสะสมใหม่เอาค่ะ หลวงพ่อสอนสมถะเพื่อสะสมพลังจิตให้ใช้ชีวิตได้เป็นปกติสุข หากใครสะสมมากจนเพียงพอจะทำวิปัสสนา ก็พิจารณาไตรลักษณ์ต่อได้ ใครยังไม่พอก็ต้องรอก่อน อย่าข้ามขั้น ฌาน 1-4 เป็นที่ผลิตพลังจิต ฌาน 5-8 (ตั้งแต่อากาสานัญจายตนะ) เป็นที่สูบกินพลังจิต ทำมากไปจะหลงผิดได้ง่าย ท่านจึงไม่แนะนำให้เข้าฌานระดับที่ลึกมากขนาดนั้น และเนื่องจากแต่ละคนมีของเก่าไม่เท่ากัน การเข้าฌานเร็วช้าต่างกัน ท่านจึงกำหนดเวลาเพียง 30 นาที ป้องกันไว้ก่อนค่ะ หลายๆสำนักก็กำหนด 30 นาทีเหมือนกัน คงเป็นเวลาที่ครูบาอาจารย์พิจารณามาแล้วล่ะค่ะ ส่วนบางที่เน้นดูเวทนาพิจารณาไตรลักษณ์ ก็จะเร่งความเพียรเป็นหลายๆชั่วโมงก็มีค่ะ ทางไปมีหลายทาง เลือกทางที่ถูกจริต และเป็นสัมมาทิฏฐิ คือตรงคำสอนพระพุทธเจ้า จะได้ไม่หลงทางค่ะ อย่างไรก็ตาม ทางพ้นทุกข์ประหารกิเลสได้มีแค่วิปัสสนาเท่านั้น ฌาน/สมถะทำได้แค่กดข่มกิเลสค่ะ อาจจะเบาบางลงแต่ยังไงก็ไม่หมด จากคุณ : S III (Kewalin Rieki) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 06:46:05

ความคิดเห็นที่ 11 กำลังจะบอกว่า ไม่ต้องไปห่วงเรื่องฌาน ไม่หมูขนาดนั้นหรอก แล้วก็คนบนโลกมีพื้นสมาธิมาแบบเข้าฌานได้ง่ายๆ มีไม่ถึง 1% หรอก ที่ยังอยู่กับโลกกีย์แล้วฝึกได้ แค่บอกว่าไม่ต้องพะวงหรอก ที่จะพิจารณาธรรมได้สมาธิขั้นต่ำก็ต้องได้ฌาน ไม่ได้ฌานในการพิจารณาธรรม ไม่มีทางที่จะสำเร็จมรรคผลหรอก จากคุณ : click2 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 07:26:27

ความคิดเห็นที่ 12 คห 11 ก็จริงค่ะ ที่ว่าคนได้ฌานมีน้อยเหลือเกิน ขนาดสมัยพุทธกาล พระอรหันต์ส่วนใหญ่ก็เดินสายสุขวิปัสสโก (บรรลุแบบไม่ได้ฌาน และไม่มีฤทธิ์) ส่วนน้อยที่ได้ฌาน ได้อภิญญา หลวงพ่อวิริยังค์ท่านก็บอกค่ะว่า คนที่เรียนในหลักสูตรของท่าน ทำสมาธิเกิน 100 ช.ม. ขึ้นไปนั่นแหละ ถึงจะได้สักปฐมฌาน แต่การได้ฌานก็ไม่ใช่เป้าหมายของการทำสมาธิ ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ ทำให้เป็นนิสัยติดตัวไว้ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เราเรียนหลักสูตรท่านก็ทำตามท่านไป ไม่เกิน 30 นาที ไม่ได้กลัวติดฌาน แต่ทำเกินกว่านั้นไม่ไหวด้วยล่ะค่ะ แหะ แหะ (แบ่งทำหลายรอบเอาดีกว่า สำหรับเรานะคะ) จากคุณ : Kewalin Rieki เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 08:24:31

ความคิดเห็นที่ 13 @4 สงสัยตรงประโยคนี้ "1 เดือนเต็มกับการปฏิบัติอย่างนี้ องค์ของปฐมฌานถึงจะเกิด คือ ปิติ" หมายความว่า "ปีติ" จะเกิดเมื่อเข้าปฐมฌานเป็นอย่างต่ำเหรอ? ทำไมเราเข้าใจว่า "ปีติ" เกิดได้ตั้งแต่ "อุปจารสมาธิ" ล่ะ เริ่มงงแระ [=_+] จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 10:39:09

ความคิดเห็นที่ 14 เจริญอานาปานสติ ชื่อว่าไม่เหินห่างจากฌาน ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุเจริญอานาปานสติ แม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า ก็จะป่วยกล่าวไปไย ถึงผู้กระทำให้มากซึ่งอานาปานสตินั้นเล่า. เอก. อํ. ๒๐/๕๔-๕๕/๒๒๔.  ------------------------------------------ "ทำวันละกี่ครั้งก็ได้ ตามกำลัง แต่ครั้งนึงห้ามเกินอย่างละ 30 นาที"   พระสูตรข้างต้น พระศาสดาได้กล่าวสรรเสริญการกระทำให้มากซึ่งอานาปนสติ ยังไม่เคยพบพระสูตรที่ว่า ทำมากแล้วจะเกิดโทษอย่างไร ใครมีช่วยอนุเคราะห์ด้วย จะขอบคุณยิ่ง       จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 10:57:38

ความคิดเห็นที่ 15 อยากเข้า อรูปญาณอะครับ อยากสุขในญาณด้วย คุณ จขกท ครับ พอชี้ให้เห็นสวรรค์แล้วจะมาปิดอีก ยากครับ แต่คิดเล่นๆคงไม่ติดง่ายๆมั้ง ไม่ใช่ยาอีนี่นา  ปิติ เรามันจืดจาง หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มันรวมๆมั่วไปหมด ยกเว้นเจอโจทย์ คู่กัด จึงระเบิด แต่ก็ลดลงเยอะไม่เหมือนก่อน ว๊ายมาอ่านไปเขียนไป คห 13 ครับ สมัยยังทรงพระชนชีพอยู่ มาก อุดม ด้วยพระ อรหันต์ ปฏิฯ เขียนไม่ถูก ติดกาแฟ ใจมันสั่นๆ สัมภิทาญาณ ครับ ส่วนในยุคปลายพระศาสนา พศ 3-4000 จึงจะมากด้วย สุกกฯครับ ท้ายสุดจะมากด้วย อนาคามี ครับ แต่ พระอรหันต์ก็ไม่ขาดตอนนะครับ   สุดท้าย วิชชา ในพระพุทธศาสนา ที่ง่าย คือ ของเก่า กลับมา และทำถูกจุด อยู่สายใด เช่น สาวก จะผ่านปรื๊อ   ที่ยาก คือ บารมีต้นๆ เคาะกันเป็นแสนชาติ อย่างหนา ยิ่งพวกพุทธภูมิ ต้องผ่านทุกอย่าง ลองและเป็นจนชำนาณ  ไม่มีกำหนดตายตัว เด็กเล็กๆฝึกครั้งเดียว เดี๋ยวเดียว ไปได้สวรรค์ นรก พยานมีเยอะแยะครับ จะว่าง่ายก็ง่าย ยากก็ยาก เป็นคนๆไป  ใช่ครับกำลังมีไว้เพื่อส่งเราไปให้ถึงที่ ปัญญาจะนำพาไปให้ถูกที่ ไปถึงกะไปถูก จากคุณ : ด้วยความเคารพครับ (HeavenMoon) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 11:14:19

ความคิดเห็นที่ 16 โหย เราเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญชำนาญทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ จะอธิบายไขข้อสงสัย/อภิปรายยังไงดีเนอะ ก็แค่เอาข้อมูลมาฝากเพื่อนๆที่สนใจเริ่มทำสมาธิแบบง่ายๆสั้นๆ พอจะผ่อนคลายความเครียดจากชีวิตประจำวัน และเผื่อจะเป็นทางให้เดินไปต่อยอดได้ ส่วนใครมีกำลัง มีความเพียรจะเน้นทำให้มาก เน้นเล่นฌาน ก็ตามแต่กำลังตามแต่จริตของแต่ละคนค่ะ เราคงเอาคำสอนของหลวงพ่อวิริยังค์มาหักล้างคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้แน่นอน แค่คิดว่าวิธีสอนฆราวาสกับวิธีสอนพระ การสอนเน้นสมถะกับเน้นวิปัสสนา การสอนสายสุขวิปัสสโกกับสายฌานลาภี ก็อาจจะต่างกันก็ได้ค่ะ ใครสนใจแนวทางนี้ก็ลองหาข้อมูลดู ใครไม่สนใจ หรือมีแนวทางที่เห็นว่าดีกว่านี้ ถูกต้องกว่านี้ก็ทำตามแนวทางนั้น เท่านั้นเองค่ะ ขอบคุณที่ร่วมแชร์ความรู้ ประสบการณ์ และทัศนคตินะคะ ^/\^ --- สิ่งที่เราบอกในคห 12 อ้างอิงจาก --- http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=1003&Z=1058&pagebreak=0 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต [๒๐๕] ... สัตว์ที่กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์แล้วได้สมาธิ ได้เอกัคคตาจิต มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์แล้ว ไม่ได้ สมาธิ ไม่ได้เอกัคคตาจิตมากกว่าโดยแท้ ---- เพิ่มเติม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062 http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=41887&view=next พระอริยะสุกขวิปัสสกบุคคล เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปัญญาวิมุตติ พระอริยะนี้มีมากกว่าพระอริยะที่เป็นฌานลาภีบุคคล อิเมสํ หิ สารีปุตฺต ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สฏฺฐิ ภิกฺขู เตวิชฺชา สฏฺฐิ ภิกฺขู ฉฬาภิญฺญา สฏฺฐิ ภิกขู อุภโตภาควิมุตฺตา อถ อิตเร ปญฺญาวิมุตฺตา แปลว่า ดูก่อนสารีบุตร ในภิกษุ ๕๐๐ เหล่านี้ ภิกษุ ๖๐ องค์เป็นเตวิชชบุคคล ๖๐ องค์ เป็น ฉฬภิญญาบุคคล ๖๐ องค์ เป็นอุภโตภาควิมุตตบุคคล ที่เหลือเป็นปัญญาวิมุตตบุคคล จากคุณ : Kewalin Rieki เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 14:10:21

ความคิดเห็นที่ 17 คนสมัยนี้ทำฌานได้ยากมากๆ เพราะเรื่องที่กระทบอยู่ในชีวิตประจำวันมันสุดแสนจะวุ่นวาย ละนิวรณ์ 5 ได้ลำบากยากเย็น การนั่งสมาธิ 30 นาที บางทีฟุ้งซ่านตลอด 30 นาทียังมีเลย (นั่งเป็น ชั่วโมงๆ ก็ยังฟุ้งกันอยู่เลย) เพราะงั้น อย่าพึ่งไปกลัวการติดฌาน ให้กลัวไม่ได้ฌานก่อนดีกว่า การเดินจงกรม 30 นาที นั่ง 30 นาที น่าจะเป็นขั้นต่ำที่ควรทำ (ของคนสมัยนี้) มากกว่าเป็นขั้นสูง (แบบที่หลวงพ่อว่าอย่าทำเกิน) ถ้าทำได้ ควรจะมีวิริยะ เดินสัก 1 ชม. นั่ง 1 ชม. สลับกันไป วันหนึ่งๆ ทำให้ได้สัก 3-4 รอบ ยังจะน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนฝึกสมถะนำวิปัสสนา คำว่า "เน้นเล่นฌาน" สมัยนี้คงหาได้ยาก ที่หลงๆ กันอยู่นั้น จะเป็น ชานอ้อย ชานเรือน ชานหมาก กันเสียมากกว่า (ประโยคนี้ไม่ได้หมายถึงหลวงพ่อหรือลูกศิษย์ลูกหาของท่านนะ พูดจากที่เห็นๆ ในห้องนี้แหละ) จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 15:45:52

ความคิดเห็นที่ 18 ว่าตามตรงเราก็ไม่ทราบเหตุผลอื่นที่ทำให้หลวงพ่อวิริยังค์ย้ำว่าไม่ให้นั่งสมาธิ/เดินจงกรมเกินรอบละ 30 นาที เพราะท่านบอกเหตุผลเพียงเท่านี้คือเพื่อไม่ให้เข้าไปในฌานลึก (ฌาน5-8) และไม่ให้ติดฌาน ถ้าติดฌานแล้ว 1. ติดสุข ไม่เป็นอันทำอะไร อยากแต่จะนั่งสมาธิ ไม่กลับมาอยู่กับโลก ทิ้งงานทิ้งหน้าที่ 2. ถ้าฌานลึกจะหลงผิดได้ง่าย เช่น คิดว่าบรรลุแล้ว เก่งแล้ว มานะอัตตามาก แก้ไขยาก ท่านว่าใครมีเวลามีกำลังก็ให้ทำหลายรอบเอา แต่รอบนึงอย่าให้เกินอย่างละ 30 นาที ท่านสอนมาเท่านี้ เราก็ทำตามเท่านี้ค่ะ แถมทำได้น้อยกว่าที่สอนด้วยซ้ำ นานๆจะได้ 30/30 ซักที  >.< จากคุณ : Kewalin Rieki เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 16:59:11

ความคิดเห็นที่ 19 คอร์สของหลวงพ่อวิริยังค์มีหลาย level ครับ คอร์สนี้เป็นคอร์สชาวบ้าน ระดับ easy แล้วก็มี level อื่นไปเรื่อยๆ เอาหลักการอะไรมากกับคอร์สนี้คงไม่ได้มั้งครับ แค่ให้ชาวบ้านเก็บกินแต้มจากการมีใจสงบ สะสมพลังสมาธิไปเรื่อยๆ จนใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 23:06:14