|
เงา นั้นก็ไม่มีใน วัตถุทึบแสง
เงา นั้นก็ไม่มีใน แสงหรือแสงแดด
เงา นั้นก็ไม่มีใน พื้นที่รับแสง
แต่เมื่อเหตุทั้ง ๓ มาเป็นปัจจัยแก่กันและกันตามหลักปฏิจจสมุปบันธรรม กล่าวคือ วัตถุทึบแสงมาบังกั้นแสงที่ตกกระทบบนพื้นที่รับแสง จึงเกิด สังขาร - สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้น จากเหตุทั้ง ๓ มาเป็นปัจจัยกัน จึงเกิดสิ่งที่เราเรียกกันโดยภาษาสมมติหรือสมมติสัจจะว่า เงา ขึ้น อันเป็นไปตามธรรมหรือสภาวธรรมหรือธรรมชาติที่เป็นเช่นนี้เองเป็นธรรมดา
ที่หมายถึงเมื่อเหตุปัจจัยครบดังนี้ ก็ย่อมต้องเกิดขึ้น จะไปห้ามไม่ให้เกิด,ไม่ให้เป็นก็ไม่ได้ เมื่อเจริญวิปัสสนาโดยการโยนิโสมนสิการจะพบว่า เมื่อเหตุต่างๆอันคือวัตถุทึบแสง, แสง, พื้นที่รับแสง ที่มาเป็นปัจจัยแก่กันและกันชั่วขณะหรือระยะหนึ่งเหล่านั้น เมื่อเหตุตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งต่างก็ย่อมล้วนเป็นสังขารอันไม่เที่ยงเช่นกัน มีอาการแปรปรวนหรือดับหรือสูญไป
เงาอันเป็นผลที่เกิดขึ้นตามหลักปฏิจจสมุปบันธรรม ย่อมต้องเกิดอาการแปรปรวน หรือดับไป กล่าวคือขึ้นอยู่หรืออิงอยู่กับเหล่าเหตุต่างๆที่มาเป็นปัจจัยกันนั้นนั่นเอง เงาอันเป็นสังขารจึง มีการแปรปรวน หรือการเกิดดับๆๆๆ...เป็นไปตามเหตุปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ภายใต้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นไปเช่นดั่งจิต ที่ก็เป็นไปตามเหตุที่มาเป็นปัจจัยต่อกันและกันดังเช่นเงานั่นเอง
ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งกันก็ไม่เกิด ดังนั้นการพยายามหาตัวหาตนของจิต หรือไล่จับจิตหรือวิญญาณ จึงเป็นการพลัดหลงสู่วังวนของความคิด หรือมายาของจิต จึงอุปมาได้ดั่งการพยายามวิ่งไล่จับเงา อันย่อมไม่มีวันประสบผลสำเร็จ ไม่ว่าจะเนิ่นนานสักกี่ร้อยภพ กี่พันชาติ ก็ตามที
จากคุณ |
:
Faraday
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 55 17:58:12
|
|
|
|
|