|
http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=บุญ
แสดงผลการค้น ลำดับที่ 1 / 12 กุศลบุญจริยา ความประพฤติที่เป็นบุญ เป็นกุศล, การทำความดีอย่างฉลาด
แสดงผลการค้น ลำดับที่ 2 / 12 ทำบุญ ทำความดี, ทำสิ่งที่ดีงาม, ประกอบกรรมดี ดังที่ท่านแสดงใน บุญกิริยาวัตถุ ๓ หรือบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ แต่ที่พูดกันทั่วไป มักเพ่งที่การเลี้ยงพระตักบาตร ถวายจตุปัจจัยแก่พระสงฆ์ บริจาคบำรุงวัดและการก่อสร้างในวัด เป็นสำคัญ
แสดงผลการค้น ลำดับที่ 4 / 12 บุญ เครื่องชำระสันดาน, ความดี, กุศล, ความสุข, ความประพฤติชอบทางกายวาจาและใจ, กุศลธรรม
แสดงผลการค้น ลำดับที่ 5 / 12 บุญกิริยาวัตถุ สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ, เรื่องที่จัดเป็นการทำบุญ, ทางทำความดี, หมวด ๓ คือ ๑. ทานมัย ทำบุญด้วยการให้ ๒. สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี ๓. ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา ; หมวด ๑๐ คือ ๑. ทานมัย ทำบุญด้วยการให้ ๒. สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี ๓. ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา ๔. อปจายนมัย ด้วยการประพฤติอ่อนน้อม ๕. เวยยาวัจจมัย ด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้ ๖. ปัตติทานมัย ด้วยการเฉลี่ยส่วนความดีให้ผู้อื่น ๗. ปัตตานุโมทนามัย ด้วยความยินดี ความดีของผู้อื่น ๘. ธัมมัสสวนมัย ด้วยการฟังธรรม ๙. ธัมมเทสนามัย ด้วยการสั่งสอนธรรม ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ ด้วยการทำความเห็นให้ตรง
แสดงผลการค้น ลำดับที่ 6 / 12 บุญเขต เนื้อนาบุญ; ดู สังฆคุณ
แสดงผลการค้น ลำดับที่ 7 / 12 บุญญาภิสังขาร ดู ปุญญาภิสังขาร
==============================
หนังสือธรรมของอภิธรรมมูลนิธิ http://www.abhidhamonline.org/Ajan/book.htm
มารู้จักบุญกันเถิด http://www.abhidhamonline.org/Ajan/BK/punn.doc
ความหมายของคำว่า บุญ
คำว่า บุญ มาจากศัพท์ ปุญฺญ มาจาก ปุ ธาตุ ที่แปลว่า ชำระ เพราะฉะนั้น ท่านจึงได้ทำความหมายของคำไว้ว่า อตฺตสนฺตานํ ปุนาติ โสเธตีติ ปุญฺญํ แปลว่า ชื่อว่า บุญ เพราะมีความหมายว่า ชำระ ดังนี้
ชำระในที่นี้ ก็คือทำให้หมดจด คือทำสันดานของตนให้หมดจดจากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ มลทิน ก็คือ สนิม เครื่องเศร้าหมอง หรือเครื่องแปดเปื้อนสันดานในที่นี้ คือ จิตสันดาน
ความสืบต่อของจิตของแต่ละคน ผู้ใดเจริญบุญทั้งหลาย มีทานเป็นต้น ก็จะชำระสันดานของบุคคลนั้นให้หมดจด ส่วนจะหมดจดจากอะไร ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของบุญ ไม่ใช่บุญอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะทำให้จิตสันดานหมดจดจากราคะ โทสะ โมหะ อย่างใดอย่างหนึ่งได้ไปเสียทั้งหมด ไม่ใช่อย่างนั้น
บุญ มาจาก ปุรธาตุ ที่มีอรรถว่า เต็ม ก็ได้ คือว่า ชื่อว่า บุญ โดยความหมายว่า เป็นของที่ควรทำให้เต็ม ก็ได้ คือ ถ้ายังไม่มีก็ทำให้มีขึ้นมา มีแล้วนิดหน่อยยังไม่เต็ม ก็ต้องทำให้เต็มให้บริบูรณ์ เรียกว่า บุญ ที่ว่ามานี้เป็นเครื่องวัดประการแรกว่า การกระทำของเรานี้ควรจะเรียกว่าบุญได้หรือไม่ ความหมายทั้งสองนี้ ไม่ใช่ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นบุญแล้วก็ย่อมได้ความหมายทั้งสองอย่าง เป็นของที่ควรทำให้เต็มให้บริบูรณ์ด้วย เป็นเครื่องชำระจิตสันดานให้หมดจดด้วย
หลักพิจารณาว่าเป็นบุญหรือไม่
เราจะทำความดีอะไร จะเป็นทานก็ตาม เป็นศีลก็ตาม การกระทำนั้นมีลักษณะเป็นการชำระสันดานให้หมดจดหรือไม่ ถ้าใช่...ก็ชื่อว่าเป็นบุญ ถ้าไม่ใช่...ก็ไม่ชื่อว่าบุญ ถ้าหากว่าประกอบด้วยความต้องการแล้วจึงให้ทาน ประสงค์ผลเฉพาะหน้า ที่จะได้ในเวลานั้น เช่น ชื่อเสียงเกียรติยศ คำสรรเสริญเป็นต้น ก็ย่อมไม่เกิดการชำระจิตสันดานให้หมดจดได้
ความอยากได้เป็นราคะหรือโลภะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น แม้ทำแก่พระสงฆ์ หรือบริจาคให้แก่วัด .. ถ้าทำด้วยความต้องการ ในสิ่งที่แลกเปลี่ยนแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นได้อย่างไร จิตใจเสียสละไม่เกิดขึ้นเลยตั้งแต่ต้น เพราะพอมีเครื่องล่อใจจึงได้ทำ ยกตัวอย่าง
ทางวัดจะเรี่ยไร เอาเงินไปทำอะไรก็ตาม ต่อให้เป็นวัตถุปูชนียสถานทางพระพุทธศาสนา แต่มีเครื่องล่อใจ เช่นว่า ถ้าทำด้วยจำนวนเงินเท่านี้ก็จะได้เหรียญ ที่มีลักษณะอย่างนี้ มีเนื้อผสมอย่างนี้ แต่ถ้าหากทำบุญด้วยเงินมากกว่านั้นก็จะได้ของตอบแทน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ดีกว่า อย่างนี้เป็นต้น พร้อมทั้งโฆษณาสรรพคุณในสิ่งที่จะให้ เป็นเครื่องตอบแทน ทำให้เกิดอยากได้ พออยากได้แล้วก็บริจาคเงิน นั่นเป็นบุญที่ตรงไหนกัน
บางคนบอกว่าทำเพื่อภพหน้าชาติหน้า เพราะเป็นคนเชื่อกรรมเชื่อผลของกรรม อันนี้ต้องทราบว่าทำอะไรแล้วไปสู่ภพหน้าได้ .. สำคัญอยู่ที่ตรงนี้ .. แต่นี่โลภะออกหน้าเป็นสำคัญ อย่างไร ๆ ก็ไม่ใช่บุญ เพราะว่าถ้าไม่ได้ (สิ่งล่อ) แล้วก็จะไม่ทำ ถ้าได้จึงจะทำ อย่าลืมว่า คำว่า บุญ คือ ธรรมชาติ ที่ชำระจิตสันดานให้หมดจด แต่เวลานี้เกิดความไม่หมดจดขึ้นมา .. คือเกิดความโลภขึ้นมาแล้ว บางทีเกิดความไม่หมดจดขึ้นมา คือเกิดความโลภขึ้นมาแล้ว บางทีก่อนหน้านั้นอาจจะหมดจดอยู่แล้วก็ได้ แต่พอได้ยินคำโฆษณาในคราวที่เขาเรี่ยไรต้องการเงิน ทำให้เกิดโลภขึ้นมาแล้วจึงทำ ด้วยความอยากได้สิ่งตอบแทน ก็กลายเป็นว่ามีมลทินขึ้นมา เห็นชัดๆ ว่า เกิดราคะ เกิดความต้องการ เกิดความปรารถนาขึ้น ซึ่งก็ทราบกันอยู่ว่าเป็นลักษณะของอกุศลประเภทหนึ่ง ที่ท่านเรียกว่า ตัณหา เวลานั้นจิตใจไม่สะอาดหมดจดเลย แสดงว่าไม่มีบุญอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น สำคัญเอาเองว่าเป็นบุญ นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า ไม่รู้จักบุญ บุญอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ
บุญอยู่ที่ไหน ?
บุญอยู่ที่จิตที่ไม่มีโลภะ ไม่มีโทสะ ไม่มีโมหะ เช่น..ถ้าขณะใดที่ประสบพบผู้ที่กำลังทุกข์ยากเดือดร้อน แล้วมีจิตใจอ่อนโยน มีความเป็นมิตร ถ้าต้องการที่จะเกื้อกูล ขณะนั้นจิตไม่มีโทสะปราศจากโลภะ ไม่ตระหนี่แล้วสละวัตถุเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น ..ขณะนั้นเป็นบุญ นี่คือธรรมปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ที่ว่าจะได้บุญ แต่ขณะใดที่กุศลจิตเกิดขณะนั้นเป็นบุญโดยไม่ใช่หวังว่า ทำไปเพื่อจะได้บุญมากๆ เพราะขณะที่กำลังหวัง หรือต้องการบุญขณะนั้นไม่ใช่บุญ แต่เป็นโลภะเป็นบาป
ความเข้าผิดในเรื่องบุญกับกรรม
ผู้ที่เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม ว่ากรรมดีนั้นย่อมมีผลตอบสนองดีคือความสุข ความสวัสดีแก่ผู้กระทำ ส่วนกรรมชั่วมีผลตอบสนองในด้านที่ไม่ดีแก่ผู้กระทำ คือ ความทุกข์ความเดือดร้อน ผู้นั้นย่อมเป็นผู้รู้จักหลีกเลี่ยงการทำกรรมชั่ว ขวนขวายทำกรรมดี กรรมดี ก็คือบุญ นั่นเอง เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีศรัทธาพร้อมทั้งมีความรู้ถูกต้องในเรื่องกรรมดีกรรมชั่ว ย่อมรู้จักทำสิ่งที่เป็นบุญ
"บุญ" เป็นธรรมชาติฝ่ายตรงข้ามกับ "บาป" มิใช่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับ "กรรม" ผู้ที่ไม่ได้เรียน ไม่ได้สดับฟังเรื่องบุญ ก็จะเข้าใจเกี่ยวกับคำว่าบุญไขว้เขว คำว่า บุญ ก็เข้าใจไปอย่างหนึ่ง คำว่า กรรม ก็เข้าใจไปอย่างหนึ่ง คือ เข้าใจว่าถ้าเป็นการทำไม่ดีแล้วก็เรียกว่า กรรม ถ้าเป็นการทำดีจึงจะเรียกว่า บุญ จึงมักพูดคู่กันไปว่า บุญกรรม หรือ แล้วแต่บุญแต่กรรม อย่างนี้เป็นต้น ทำให้คนฟังหรือคนอ่าน ได้ยินหรือไปเห็นข้อเห็นเช่นนี้ ก็มักเข้าใจผิดว่า บุญเป็นฝ่ายดี ส่วนกรรมเป็นฝ่ายชั่ว เกิดความเข้าใจผิดแน่ชัดยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อมีการกล่าวแยกกันเป็นแต่ละอย่าง คือ เวลาพูดถึงกรรมอย่างเดียว จะพูดถึงในด้านที่ไม่ดีแน่นอน เช่นว่า คนนั้นทำกรรมเอาไว้มาก เวลานี้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน นั่นเป็นเพราะกรรมตามสนอง แต่เวลาพูดถึงสิ่งที่ทำให้คนนั้นคนนี้มีความสุขความสวัสดี จะพูดถึงแต่บุญอย่างเดียวว่า เขาเป็นคนมีบุญเสียจริงหนอ อย่างนี้เป็นต้น นี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นชัดว่า.....แม้แต่ชื่อ แม้แต่ศัพท์ ก็ยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง บุญนั้นหาได้คู่กับกรรมไม่ บุญมาคู่กับบาปต่างหาก ส่วนกรรมคือการกระทำเป็นคำกลาง ๆ ดีก็ได้
ถ้าการกระทำนั้นดี เป็นกรรมดี ก็เรียกว่า กุศลกรรม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บุญ ให้ผลเป็นสุข
ถ้าการกระทำนั้นไม่ดีหรือชั่ว เป็นกรรมชั่ว ก็เรียกว่า อกุศลกรรม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บาป ให้ผลเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น บุญก็คือกรรมดีนั่นเอง ส่วนบาปคือกรรมชั่ว
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
17 พ.ย. 55 06:30:50
|
|
|
|
|