ความคิดเห็นที่ 1 เพราะการอนุโมทนาบุญ ทำให้เกิดในตระกูลสูง พวกไม่เคยมีจิตคิดยินดีกับบุญผู้อื่น ย่อมเกิดเป็นสัตว์ชั้นต่ำ จากคุณ : กระบี่นางฟ้า เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 20:56:26

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นธรรมดาครับ พวกที่ขาดอาหารของตนเอง ก็ต้องขอแบ่งจากผู้อื่น แต่เทวดาเขามีอาหารของเขาเองนะครับ จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:09:24

ความคิดเห็นที่ 3 คงเหมือนกับเวลาเราอนุโมทนาบุญคนอื่นแหล่ะครับ จากคุณ : zovoy เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:12:21

ความคิดเห็นที่ 4 อืมม...ได้ฟังมาว่า ผู้มีลมหายใจเข้าออกเท่านั้น จึงจะสามารถทำ วิปัสนา บำเพ็ญกรรมฐานได้ ทำการภาวนา กำหนดลมหายใจ ทำอานาปานสติได้ ดังนั้น ใครทำได้ ย่อมมีผู้มาขอส่วนบุญกันเนือง ๆ ....สงสัยได้ แต่อย่าตระหนี่ บุญเราทำ ยิ่งแผ่ไป ยิ่งให้ไป ยิ่งได้รับ จิตยิ่งงาม เพราะเมตตาเจริญดี จิตยิ่งมีเมตตา ไม่ติดในอัตตา ย่อมละง่าย ตัดง่าย สามารถพัฒนาจิตไปสู่การตัดกิเลสได้อีกขั้น จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:19:18

ความคิดเห็นที่ 5 คห.1-3 ขอบคุณค่ะ คห.4 ค่ะ นับว่าเป็นความรู้ใหม่ค่ะ  "เรื่องผู้มีลมหายใจ" แต่จะขอค้นหาข้อมูลก่อนเชื่อนะคะ จากคุณ : ซอนต๊อก เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:34:44

ความคิดเห็นที่ 6 รู้ได้อย่างไรว่า "พวกสัมภเวสี เปรต เทวดาต้องมาขอรับบุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้ " การที่มีคนเชื่ออย่างนั้นมากๆ ไม่ได้หมายความว่า เรื่องนั้นเป็นจริง จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:55:45

ความคิดเห็นที่ 7 เขาไม่รู้ว่าทำเองได้ค่ะ ที่จริง ผีส่วนใหญ่ ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าอนุโมทนาเอาก็ได้ เขาอนุโมทนายังไม่เป็นเลย จะหวังให้ภาวนาเอง คงยากค่ะ ผีอยู่กับโมหะ-โทสะ เปรตอยู่กับโมหะ-โลภะ หิว ตะกละตะกราม หิวหิวหิว จะเอาสติที่ไหนมาภาวนากันล่ะ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 22:07:13

ความคิดเห็นที่ 8 ขออนุญาตคุยกับคุณ.  พี2 แล้วคุณข้ามความเชื่อทั้งหลาย โดยรู้ว่าสิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดเป็น อกุศล ด้วยตัวเองแล้วหรือครับ ถ้าเช่นนั้น คุณก็ไม่ต้องเชื่อใครอีก นอกจากพระศาสดา แล้วคุณเชื่อพระศาสดาหรือยัง ว่า ศาสดาและสาวกย่อมกล่าวตรงกันในปฏิจจสมุปบาท จากคุณ : กระบี่นางฟ้า เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 22:13:33

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 8     แล้วคุณข้ามความเชื่อทั้งหลาย โดยรู้ว่าสิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดเป็น อกุศล ด้วยตัวเองแล้วหรือครับ ถ้าเช่นนั้น คุณก็ไม่ต้องเชื่อใครอีก นอกจากพระศาสดา ผมคิดว่าผมควรจะเชื่อใคร  เชื่อธรรมบทไหนเหมือนหลายๆคน แต่ละคนก็เลือกที่ตัวเองอยากจะเชื่อ  ด้วยเหตุผลของตัวเอง ส่วนว่าจริงๆแล้วใครจะถูกใครจะผิด  หรือผิดทั้งคู่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่สัจจะแล้วมีหนึ่งเดียว(สมมุติสัจจะอาจมีมากกว่าหนึ่งที่ถูก) ส่วนที่ว่า   "ศาสดาและสาวกย่อมกล่าวตรงกันในปฏิจจสมุปบาท" ผมยังไม่ได้ศึกษาให้แจ่มแจ้ง  ขอฟังไว้ก่อนยังไม่อาจ "ไม่เชื่อ" และไม่อาจ  "เชื่อ อย่างหลับหูหลับตาโดยไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง" จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 22:38:07

ความคิดเห็นที่ 10 ฮะ คห. 5 ภพภูมิของมนุษย์ คือภพภูมิที่ เทวดามาจุติ เพื่อสั่งสมบุญ เป็นภพภูมิที่สามารถเลือกทางไปได้ จะสวรรค์ หรือ นรก ก็สุดแล้วแต่จะเลือกกระทำ ...ผู้เคยเกิดเป็นสัตว์ ก็ต้องขยับมาเป็นมนุษย์ ก่อนจะไปสู่ภพที่สูงขึ้น....หรือจะมีสัตว์ที่ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบ้างหว่า อิ อิ อันนี้ไม่รู้... จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 22:40:54

ความคิดเห็นที่ 11 สิ่งที่จขกทสงสัยนั้น คิดว่าเป็นคำอธิบายให้กับคนที่ทำบุญว่าทำไปเพื่ออะไร ทุกคำถามมีคำตอบให้หมด(เพื่อความสบายใจ) ทำบุญแล้วได้อะไรบ้าง ทำให้คนเกิดกำลังใจในการทำบุญ อยากทำบุญเพื่อสร้างบุญบารมี เพราะไม่อย่างนั้นคนเราจะทำบุญไปเพื่ออะไรเล่า ถ้าไม่มีอะไรจูงใจให้ทำ ถ้าคนที่มีปัญญา เค้าก็จะไม่มาสนใจเรื่องพวกนี้หรอกครับ เพราะมันไม่ใช่สาระของการทำบุญที่แท้จริง จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 22:51:41

ความคิดเห็นที่ 12 คห.6ค่ะ ความคิดเห็นที่ 6     รู้ได้อย่างไรว่า "พวกสัมภเวสี เปรต เทวดาต้องมาขอรับบุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้ " การที่มีคนเชื่ออย่างนั้นมากๆ ไม่ได้หมายความว่า เรื่องนั้นเป็นจริง จากคุณ : P2wichai     เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:55:45   ถูกใจ : Persimon, ซอนต๊อก --------------------------- ขอบคุณ คห.6 ด้วยค่ะ คห.8 ช่วยตอบให้แล้วค่ะ  ขอบคุณมากๆเช่นกัน บางเรื่องรู้ได้เฉพาะตนจริงๆค่ะ   แต่อาจมีหลายคนรู้  และอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ จากคุณ : ซอนต๊อก เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 23:05:36

ความคิดเห็นที่ 13 คงต้องลองเป็นเทวดากันก่อนมั้งครับ ถึงจะรู้ เอ้าว่าแล้วก็ลองเป็นกันเลย (หิริ และ โอตัปปะ) อนุโมทนาครับกับธรรมทานของทุกท่าน ในโต๊ะศาสนา หุหุ จากคุณ : เจตวิมุติ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 23:55:03

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้ามองบุญเป็นความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเรา เรามีความสุข เราก็อยากให้คนที่เขาลำบากมีความสุข มีเสียงหัวเราะด้วย อุทิศส่วนบุญก็คล้ายๆกัน คือเราแบ่งปันความสุขที่เรามีให้เปรต ให้สัตว์เดรัจฉาน ให้ผู้ที่ยังทุกข์ทนเวี่ยนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ บางชีวิตอาจจะมีความสุขอยู่ บางชีวิตอาจจะทุกข์อยู่ แต่ไม่มีชีวิตไหนที่สุขถาวร ดังนั้นถ้าเราแบ่งความสุขที่เรามีให้เขา เห็นเขามีความสุข เราก็ยิ่งมีความสุขด้วย ความสุขของเราก็ไม่ได้ลดลงไปแต่กลับมีมากขึ้นด้วยซ้ำครับ พอจะนึกภาพออกมั้ยครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 01:23:28

ความคิดเห็นที่ 15 เดาว่าพวกเปรต อสุรกายน่าจะทำสมถะ วิปัสสนาเองไม่เป็น สมัยตอนเป็นมนุษย์ก็ไม่น่าจะเคยคิดปฏิบัติ พอมาอยู่ในภพต่ำกว่านี้ที่ทุกข์ทรมานกว่า ความคิดที่จะมาเจริญภาวนายิ่งไม่น่าจะมีอยู่ในหัว เพราะมัวแต่ทุกข์อยู่ ใจเลยมืดมน จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 14:19:29

ความคิดเห็นที่ 16 คำตอบจากการคาดเดานะครับ ไม่มีหลักฐานยืนยัน (ถึงแม้อาจจะเคยเป็นเปรตและเทวดามาแล้ว แต่ก็จำไม่ได้ละ) เปรตน่าจะอยู่ในภพภูมิที่มีแต่ความอดอยาก หิวกระหาย  ไม่มีกะจิตกะใจจะนึกถึงการทำบุญ พอใครทำบุญก็รู้สึกถึงความเย็นจึงระลึกได้เป็นครั้งคราวมาขอส่วนบุญด้วย (อาจจะยกเว้นเฉพาะเปรต บางจำพวกที่มีเวลาเสวยสุขบ้าง คงจะนึกถึงการทำบุญได้บ้าง) ส่วนเทวดาที่มีสัมมาทิฏฐิ ก็น่าจะเหมือนกับคนที่รักในบุญ เห็นหรือได้ยินใครทำบุญก็รู้สึกปราบปลื้มต้องการเข้าไปร่วมอนุโมทนาบุญด้วย (อาจจะไม่เรียกว่าขอส่วนบุญ แต่เรียกว่าอนุโมทนาบุญจะเหมาะสมกว่า) จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 16:03:10

ความคิดเห็นที่ 17 เทวดา....สาธุ จากคุณ : กระบี่นางฟ้า เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 55 11:57:41