ความคิดเห็นที่ 1 วันอาทิตย์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา ข่าวดี มาระโก 13:24-32 (24) ในวันเหล่านั้นเมื่อทุกขเวทนาผ่านไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง (25) ดวงดาวจะตกจากท้องฟ้า และอานุภาพบนท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน (26) เมื่อนั้นประชาชนทั้งหลายจะเห็น บุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในก้อนเมฆ ทรงพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ (27) เมื่อนั้น พระองค์จะทรงใช้ทูตสวรรค์ ไปรวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรจากทั้งสี่ทิศ จากปลายแผ่นดินจนสุดขอบฟ้า (28) จงเรียนคำอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อเทศเถิด เมื่อมันแตกกิ่งอ่อนและผลิใบ ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า ฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว (29) ท่านก็เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้เถิดว่าพระองค์ทรงใกล้เข้ามา อยู่ที่ประตูแล้ว (30) เราบอกความจริงแก่ท่านว่า คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงพ้นไป ก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น (31) ฟ้าดินจะสูญสิ้นไป แต่วาจาของเราจะไม่สูญสิ้นไปเลย (32) ส่วนเรื่องวันและเวลานั้น ไม่มีใครรู้เลย ทั้งบรรดาทูตสวรรค์ และแม้แต่พระบุตร นอกจากพระบิดาเพียงพระองค์เดียว จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:15:22

ความคิดเห็นที่ 2 พระวรสารบทที่ 13 ของนักบุญมาระโก ถือว่ายากที่สุดบทหนึ่งในพระธรรมใหม่ เพราะเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และความคิดแบบชาวยิว ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:16:15

ความคิดเห็นที่ 3 ชาวยิวไม่เคยสงสัยเลยว่า ตนเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร   และเพราะพระเจ้าทรงเลือกสรร พวกเขาจึงคิดว่า ควรมีตำแหน่งและบทบาทเหนือชนชาติอื่น   แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป พวกเขาเริ่มตระหนักว่า อาศัยกำลังของตนเอง ย่อมไม่มีทางบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ จึงหันมาพึ่งพาและรอคอย ความช่วยเหลือจากพระเจ้า   พวกเขาเรียก วันที่พระเจ้าจะเสด็จมา ทำลายชนชาติอื่น แทนพวกเขา และสถาปนาอาณาจักรใหม่ให้แก่พวกเขาว่า วันของพระเจ้า (The Day of the Lord) จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:17:22

ความคิดเห็นที่ 4 ด้านหนึ่ง ต้องยอมรับว่าพวกเขามองโลกในแง่ดี ที่เชื่อมั่นว่า พระเจ้าจะเสด็จมาช่วยเหลือพวกเขา   แต่อีกด้านหนึ่ง ต้องถือว่าพวกเขามองโลกในแง่ร้ายสุด ๆ ที่เชื่อว่า โลกใบนี้เลวร้ายเกินกว่าจะฟื้นฟูได้   ต้องทำลายล้างให้สิ้นซาก แล้วสร้างใหม่สถานเดียว จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:18:18

ความคิดเห็นที่ 5 ด้วยเหตุนี้ ภาพเหตุการณ์ วันของพระเจ้า จึงถูกวาดไว้อย่างน่าขนพองสยองเกล้า ดังคำของประกาศกอิสยาห์ที่ว่า จงพิลาปร่ำไห้ซิ เพราะวันแห่งพระเจ้ามาใกล้แล้ว วันนั้นจะมา  เป็นการทำลายจากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์.... ดูเถิด วันของพระเจ้าจะมา ดุร้ายด้วยความพิโรธ และความโกรธอันเกรี้ยวกราด ที่จะกระทำให้แผ่นดินโลกเป็นที่ร้างเปล่า และเพื่อจะทำลายคนบาปของโลกเสียจากโลก จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:19:01

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะดวงดาวแห่งฟ้าสวรรค์ และหมู่ดาวในนั้นจะไม่ทอแสงของมัน ดวงอาทิตย์ก็จะมืดเมื่อเวลาขึ้น และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงของมัน.... เพราะฉะนั้น เราจะกระทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือน และแผ่นดินโลกจะสะท้านพลัดจากที่ของมัน โดยพระพิโรธของพระเจ้าจอมโยธา ในวันแห่งความโกรธอันเกรี้ยวกราดของพระองค์ (อสย 13:6-16) จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:19:40

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วงเวลาระหว่าง พระธรรมเก่าเชื่อมต่อกับพระธรรมใหม่ ชาวยิวไม่เคยรู้จักคำว่า เสรีภาพ เลย พวกเขาตกเป็นเมืองขึ้น ของอาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่า   ความหวังและความใฝ่ฝันถึง วันของพระเจ้า จึงถูกกระตุ้นให้ลุกโชนขึ้นมา จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:20:35

ความคิดเห็นที่ 8 วรรณกรรมประเภท Apocalypses ที่เปิดเผยให้เห็นเหตุการณ์ในอนาคต โดยเฉพาะใน วันของพระเจ้า เกิดขึ้นมากมาย โดยอิงอยู่กับภาพเดิม ๆ ในพระธรรมเก่า เพียงแต่เพิ่มเติมรายละเอียดใหม่เข้าไปบางประการ สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกอยู่เสมอ คือ วรรณกรรมเหล่านี้ไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรือประวัติศาสตร์ แต่เป็นเพียงนิมิตและความใฝ่ฝันของชาวยิว   หาได้มุ่งหวังให้เป็นแผนที่หรือกำหนดการ สำหรับเหตุการณ์ในอนาคตแต่ประการใดไม่ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:21:55

ความคิดเห็นที่ 9 พระเยซูเจ้าทรงใช้ภาษา และภาพเหตุการณ์ จากวรรณกรรมเหล่านี้ซึ่งชาวยิวคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพื่อบอกว่า พระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยที่ทั้งพระองค์เองและชาวยิวต่างรู้ดีว่า ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงนิมิตและความฝัน เพราะ เรื่องวันและเวลานั้น ไม่มีใครรู้เลย ทั้งบรรดาทูตสวรรค์ และแม้แต่พระบุตร (ข้อ 32) จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:22:34

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจมาระโกบทที่ 13 ได้ดีขึ้น คือ พระวรสารบทนี้เป็นการรวบรวมคำพูด เกี่ยวกับอนาคต ที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ในโอกาสต่าง ๆ เอามาไว้ที่เดียวกัน ทำให้ความคิดหลายอย่างพัวพันกัน จนเป็นเสมือนเรื่องเดียวกัน จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:23:49

ความคิดเห็นที่ 11 อันที่จริงมาระโกบทที่ 13 ประกอบด้วยความคิดที่แตกต่างกันถึง 5 ประการด้วยกัน คือ 1. คำทำนายถึงความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม  ข้อ 1, 2, และ 14  20 2. คำเตือนเรื่องการเบียดเบียนที่จะตามมา  ข้อ 9  13 3. คำเตือนถึงอันตรายในวาระสุดท้าย  ข้อ 3  6 และ 21  22 4. คำเตือนเรื่องการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์  ข้อ 24  27 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระวรสารในวันนี้ 5. คำเตือนถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวัง  ข้อ 28  37 ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งของพระวรสารในวันนี้ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:24:44

ความคิดเห็นที่ 12 แน่นอนว่า ตอนแรกของพระวรสารวันนี้ กล่าวถึง การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า ดังข้อความที่ว่า เมื่อนั้นประชาชนทั้งหลายจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในก้อนเมฆ ทรงพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ (ข้อ 26) เพียงแต่ภาพเดิม ๆ จากพระธรรมเก่า เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน วันของพระเจ้า ได้ถูกนำมาใช้เพื่อบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่พระองค์จะ เสด็จกลับมาครั้งที่สอง จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:25:57

ความคิดเห็นที่ 13 ตัวอย่างของภาพเหล่านี้คือ 1. สงคราม   ก่อนวันของพระเจ้าจะมาถึง พวกเขาจะวางแผนทำสงครามซึ่งกันและกัน เมืองกับเมือง บ้านกับบ้าน ประชาชนกับประชาชน อาณาจักรกับอาณาจักร (เทียบ มก 13:7-8) 2. ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวมืดมิด   เช่น ดูเถิด วันของพระเจ้าจะมา.... พราะดวงดาวแห่งฟ้าสวรรค์และหมู่ดาวในนั้น จะไม่ทอแสงของมัน  ดวงอาทิตย์ก็จะมืดเมื่อเวลาขึ้น และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงของมัน (อสย 13:9-10; 34:4; อมส 8:9; ยอล 2:10, 3:15; อสค 32:7, 8) จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:26:59

ความคิดเห็นที่ 14 3. ชาวยิวจะถูกรวบรวมจากทั้งสี่ทิศ กลับสู่เยรูซาเล็มใหม่ เช่น ในวันนั้น เขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ และบรรดาผู้กำลังพินาศอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย และบรรดาผู้ถูกขับไล่ออกไปยังแผ่นดินอียิปต์ จะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขาบริสุทธิ์ที่เยรูซาเล็ม (อสย 27:13; 35:8-10; มคา 7:12; ศคย 10:6-11) ขอย้ำอีกครั้งว่า ภาพเหตุการณ์ที่ยกมา ล้วนเป็นเพียงนิมิตและความฝัน ที่ชาวยิวรู้จักและคุ้นเคยมานานนับร้อยปี   พระเยซูเจ้าทรงนำภาพเหล่านี้มาใช้ เพียงเพื่อบ่งบอกถึง ความยิ่งใหญ่แห่งการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ เท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ เลย ที่เราจะต้องรู้ลึกในรายละเอียดเหล่านี้ ! จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:28:43

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนพระวรสารตอนที่สอง แม้จะสืบเนื่องมาจากตอนแรกก็จริง แต่เป็นคนละเรื่องกัน หากไม่แยกแยะให้ชัดเจน อาจทำให้เข้าใจพระเยซูเจ้าผิดพลาดได้ บางคนถึงกับกล่าวหาพระองค์ว่า ทำนายผิดที่ตรัสว่า คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงพ้นไป ก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น (ข้อ 30) เพราะจนบัดนี้ เวลาได้ผ่านพ้นไปสองพันปีแล้ว ยังไม่เห็นพระองค์เสด็จกลับมาสักที และโลกใบนี้ก็ยังคงดำรงอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นพิภพแต่อย่างใด จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:30:02

ความคิดเห็นที่ 16 อันที่จริง พระเยซูเจ้าทรง เป็นฝ่ายถูก ส่วนผู้กล่าวหานั่นแหละ เป็นฝ่ายผิด ! เพราะเมื่อพระองค์ตรัสถึง ต้นมะเดื่อเทศว่า เมื่อมันแตกกิ่งอ่อนและผลิใบ ย่อมเป็นสัญญาณว่า ฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้วฉันใด   เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้น ดังเช่นสงคราม ดวงอาทิตย์มืดมิด ฯลฯ เกิดขึ้น ย่อมเป็นสัญญาณว่า เวลานั้นใกล้มาถึงแล้วฉันนั้น (ข้อ 28-29) พร้อมกับฟันธงว่า เราบอกความจริงแก่ท่านว่า คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงพ้นไปก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น นั้น พระองค์ไม่ได้หมายถึง วันและเวลาแห่ง การเสด็จมาครั้งที่สอง หรือวัน สิ้นพิภพ แต่ประการใด เพราะวันเหล่านี้ ไม่มีใครรู้เลย ทั้งบรรดาทูตสวรรค์ และแม้แต่พระบุตร นอกจากพระบิดาเพียงพระองค์เดียว (ข้อ 32) จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:31:45

ความคิดเห็นที่ 17 ขอย้ำว่า ไม่มีใครรู้ แม้แต่พระองค์เอง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พระองค์จะตรัสว่า คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงพ้นไป ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับมา แต่เรื่องที่พระองค์ทรงทำนายถึงคือ ความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม ชนิด ไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย (มก 13:2) ซึ่งคำทำนายนี้เกิดขึ้นจริง และคนในชั่วอายุนั้นได้ประสบ เมื่อโรมส่งกองทัพมาปิดล้อม และทำลายกรุงเยรูซาเล็มจนราบเป็นหน้ากลองในปี ค.ศ. 70 อันเป็นเหตุให้ ชาวยิวต้องกระจัดกระจายไปทั่วโลก และพึ่งกลับมารวมตัวกันสร้างประเทศอิสราเอลขึ้นมาใหม่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านพ้นไปแล้วนี่เอง จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:32:33

ความคิดเห็นที่ 18 อนึ่ง ในเมื่อพระเยซูเจ้าทรงปล่อยวางข้อสงสัย เรื่อง วันและเวลาของการเสด็จมาครั้งที่สอง ไว้ในอ้อมพระหัตถ์ของพระบิดาเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว (ข้อ 32)   ความพยายามใด ๆ ที่จะคิดคำนวณ เพื่อหาวันและเวลาสิ้นพิภพจึงต้องถือว่า เป็นการข้ามหน้าข้ามตาพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง ตรงกันข้าม ในเมื่อพระองค์ผู้ทรงเป็น หนทาง ความจริง และชีวิต" (ยน 14:6) ได้ทรงยืนยันว่า จะเสด็จกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน เพียงแต่ยกเรื่องวันและเวลา ให้อยู่ในการตัดสินพระทัยของพระบิดาเจ้า จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:33:56

ความคิดเห็นที่ 19 เช่นนี้แล้ว. สิ่งเดียวที่เราพึงกระทำอย่างยิ่งยวดคือ เตรียมพร้อม เราต้องเตรียมพร้อม ด้วยการทำหน้าที่แต่ละวันให้ดีที่สุด   เพื่อว่าเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาอีกครั้ง เราจะไม่ต้องหวาดกลัวหรือตื่นตระหนก แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดี อย่าลืมว่า ฟ้าดินจะสูญสิ้นไป แต่วาจาของพระองค์จะไม่สูญสิ้นไปเลย (ข้อ 31) บัดนี้ ชะตากรรมของเรา อยู่ในกำมือของเราแล้ว !!! คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อเผยแพร่พระคัมภีร์ 18 พ.ย. 55 จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:34:48

ความคิดเห็นที่ 20 พี่น้องครับ บทความวันนี้ ทั้งยาก และทั้งยาวมาก แต่จะสามารถตอบข้อสงสัยเกี่ยกับ วันสิ้นโลก ที่เรามักอยากรู้กันได้หมด หรือเกือบหมด ทุกปี พระศาสนจักร จะเรียงบทอ่านในพิธีมิสซา ตามลำดับวันเวลา ตั้งแต่ เริ่มปีพิธีกรรม เตรียมรับเสด็จพระคริสตสมภพ บทพระวรสารจะเกี่ยวกับ เหตุการณ์ก่อนพระเยซูเจ้ากำเนิด เช่น การกำเนิดของนักบุญยอห์น แม่พระรับสาร นักบุญยอแซฟเห็นนิมิต จนถึงวันคริสตมาส บทพระวรสารจะเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซู พระยาสามองค์เห็นดาวทอง ประหารทารกผู้วิมล และต้นปี บทพระวรสารจะเกี่ยวกับ การถวายพระกุมารในพระวิหาร เรื่อยมาจนกระทั่ง พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง เริ่มประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า เข้าเทศกาลมหาพรต พระเยซูเจ้าถูกทดลอง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม ไปรับการทรมาน สิ้นพระชนม์ และเทศกาลปัสกา พระองค์เสด็จคืนพระชนม์ชีพ เข้าสู่เทศกาลธรรมดา พระวรสารสอนเรื่อง การอัศจรรย์ ช่วยเหลือคน และเทศน์สั่งสอนต่าง ๆ จนบัดนี้เข้าสู่ปลายปีพิธีกรรม เป็นช่วงระลึกถึงปลายทางชีวิตของเรา คือ เป็นนักบุญในสวรรค์ หรือ วิญญาณผู้ล่วงลับในไฟชำระ วันนี้ พระวรสารบอกเราว่า วันสิ้นโลกจะมาแน่ ขอให้เราเตรียมพร้อม และสัปดาห์สุดท้าย สัปดาห์หน้า พระวรสารบอกว่า วันพิพากษาประมวลพร้อมจะมาถึง พระเยซูเจ้า จะเสด็จมาในฐานะกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ณ เวลานั้น วันเวลาเราจบสิ้นแล้ว โอกาสทำความดี โอกาสสำนึกบาป โอกาสขอพระเมตตา ล้วนผ่านไปแล้ว วันพิพาษาประมวลพร้อม เป็นวันที่เรารอคอย หรือ วันที่เราหวาดกลัว ไม่ทราบ วันนั้นจะมาถึงก่อน หรือ วันที่เราจะลาโลกนี้จะมาถึงก่อน เราไม่ทราบ พระศาสนจักรบอกเราว่า ตลอดปี เรามีโอกาสมากมาย ตลอดชีวิต เรามีโอกาสมากมาย จงใช้เวลานั้น จงใช้โอกาสนั้น ให้เป็นประโยชน์ ก่อนที่จะสายเกินไป หากปีนี้ สายเกินไปแล้ว ปีพิธีกรรมใหม่ ขอให้เราเริ่้มต้นใหม่นะครับ ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่าน ให้โอกาสพี่น้องทำความดี เพื่อกลับไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร ในสรวงสวรรค์ครับ ... แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 55 21:22:14 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 55 16:32:14 จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:55:54

ความคิดเห็นที่ 21 เราพี่งคุยเรื่องนี้เกี่ยวกับการกลับมาของพระเยซูคริสกับพี่น้องมอรมอนมาหยกๆ ตอนบ่ายๆ เพราะว่า เรากับน้องสาว(จากโบสถ์)วางเเผนกันไว้ว่าถ้าหากไม่เเต่งงานกันเสียก่อน ก็จะไปเป็นมิชชันนารี (เราคงอายุสัก 23 จบมหาลัยก่อน ส่วนน้องก็ 19 ไปมิชชั่น ก่อนเข้า BYU) ตอนนี้ที่โบสถ์มอร์มอน เขาอนุญาตให้ผู้หญิง อายุ 19 ปี ขึ้นไป สามารถสมัครเป็นSister ได้ ^^ ได้ข่าวว่าปีนี้มีคนสมัครเป็น 10,000 คน (ผู้หญิง) น้องบอกว่า เมื่อก่อนผู้หญิงเขากำหนดให้อายุเกิน 21 ก่อน เเต่ตอนนี้ต้องเลื่อนมาเป็นอายุ 19 เพราะใกล้การเสด็จมาหนที่ 2 เเล้ว จากคุณ : คนที่เดินผ่านมา เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 14:53:12

ความคิดเห็นที่ 22 เพลงยามบ่าย หาโอกาสแวะเข้ามาจนได้ จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 15:02:44

ความคิดเห็นที่ 23 เรียน คุณคนที่เดินผ่านมา ยินดีด้วยครับ สำหรับภารกิจที่ คุณและน้องสาวตั้งใจจะทำ เพื่อพระเจ้า ทางแห่งกางเขนไม่เคยสบาย ไม่ใช่ทางที่เราเลือกเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ชี้นำเรา ขอให้คุณทั้งสอง เข้มแข็ง และอดทน สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ หากกิจการใด เกินกำลังไปบ้าง ก็อย่าลืมพระเจ้านะครับ ขอให้เราร้องเรียกพระเจ้า เหมือนที่นักบุญเปโตรร้องเรียกพระองค์ ขณะที่จะจมน้ำว่า พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย ขอพระเจ้าสถิตกับคุณ คนที่เดินผ่านมา  และน้องสาวเสมอครับ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 17:11:53

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณ สำหรับเพลงยามบ่ายครับ คุณสู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 17:12:34

ความคิดเห็นที่ 25 พระวาจาในวันนี้ที่ได้ยกมานั้น  เป็นพระวาจาที่ผมชอบมากที่สุด เพราะเป็นพระวาจาของพระเยซุที่ยืนยันถึงความจริง ความเที่ยงแท้ และความเป็นนิรันดร์ ของพระวาจาของพระองค์  ทุกๆคำ ทุกๆประโยค ทุกๆความนัย ของพระองค์ จะดำรงอยู่ตลอดนิรันดร์กาล ในส่วนเรื่องของวันที่พระองค์จะเสด็จมาครั้งที่สองนั้น สำหรับผม ผมมองว่าคริสตชนก็ไม่ควรจะไปให้ความสำคัญมาก  เพราะจะทำให้เกิดความวิตก หวาดกลัว  แต่ควรระลึกถึงพระคำของพระเจ้า เพื่อให้เป็นเครื่องเตือนสติ อยู่เสมอให้กระทำความดีงาม  แสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ และคอยผูกสายเอวเอาไว้เสมอ เพราะเมื่อพระเสด็จมา หรือพระทรงเรียก  เราก็จะพร้อมเพียงพอที่จะไปอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ได้  ขอพระเจ้าอวยพรครับ จากคุณ : Mana--Amen เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 18:49:58