Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปฏิบัติธรรมแบบเอาอะไร ? ติดต่อทีมงาน

ได้ยินครูบาอาจารย์ พูดกันเสมอว่า  "ปฏิบัติธรรม อย่าไปเอาอะไร ไม่ให้เอาอะไร.."


เราไม่ได้นอกครูหรอก เราเชื่อที่ครูอาจารย์ท่านกล่าวมาเป๊ะ... บัณฑิตทั้งหลายท่านกล่าวสัจจะ ถ้อยคำดังกล่าวจึงเป็นจริงตามนั้นเลย





แต่เราเป็นเด็กหลังห้อง 555  ขอลวดลายหน่อย มันมีรายละเอียดระหว่างทาง ที่เรายังสามารถสนุกสนานกับมันได้ค่ะ

ถ้าไม่เอาอะไร แล้วจะได้อะไรล่ะ ถ้าไม่ "มี" จะ "ไม่มี" ได้ยังไง หรือจะ ปล่อยสิ่งที่มีได้ยังไง

จะรู้ได้ถึงความไม่มี ไม่เอา มันต้องมีตัวมีตัวเอามาเปรียบกันหนา..

เราอาจได้รับอิทธิพลของเซน ของเต๋ามาเยอะเหมือนกัน

เขาสอนกันมาแบบนี้แหละ เขามักเปรียบเทียบของสองสิ่ง เพื่อให้เห็นสิ่งที่อยู่เหนือสองสิ่งนั้น


พิจารณาจากการเดินทางของตัวเอง ก็เห็นว่ามันต้องเอาก่อน ถึงจะไม่เอาได้

ถ้าข้ามขั้นไม่เอา(ธรรม)เสียตั้งแต่แรก กิเลสมันจะเอาอย่างอื่นมาให้เราน่ะสิ


วันนี้เลยชวนกันมา คุยเรื่องปฏิบัติธรรมแบบเอาอะไร กันค่ะ



วิธีที่เราทำกับตัวเอง เป็นวิธีแบบโลกๆ

เราเป็นคนชอบตอบโจทย์ ถ้าไม่มีโจทย์ เราเวิ้งว้าง วิเวกวิโหว๋เหว๋

เราชอบเล่นเกม เวลาปฏิบัติ เราเลยชอบคิดแบบเกม

ตั้งแต่ เกมต่อสู้พื้นๆ เกมกลยุทธ์ เกมต่อจิกซอว์..พัซเซิ้ล  

เราชอบเก็บแต้ม ในแต่ละวัน เรามักจะตรวจดูว่า วันนี้ได้แต้มหรือเสียแต้ม

เราไม่ได้ยึดดีหรือไม่ดี ยึดได้หรือเสีย ยึดผิดหรือถูก เราไม่ชอบความจริงจังอย่างนั้นมาตั้งแต่แรก  

แต่ถ้าเรายึดว่ามันเป็นเกม มันสนุกนะ  มันเป็นแค่เกม มีใครบ้างบ้ายึดเกมเป็นจริงเป็นจัง  มันจริงจังก็ตอนเล่นเกมแหละ เล่นเสร็จแล้วก็กลับมาสู่โลกจริง

เราเลยเล่นเกมปฏิบัติธรรมทุกวัน  

วันนี้เสียแต้ม.. แพ้ทางพี่มาร  เราจะต้องเก็บแต้มคืน สองเท่าอะไรก็ว่าไป



การเก็บแต้มประจำวัน สวดมนต์ ทำวัตร เจริญสติ เป็นแต้มธรรมดา

แต้มพิเศษ ผ่านสถานการณ์ปัญหา ผ่านได้ ยอมได้ ละได้ วางได้ อันนี้เป็นแต้มพิเศษ


จะมองมันเป็นการสอบก็ได้ แล้วแต่อารมณ์ ถ้าจริงจังจะมองเป็นการสอบ ทำข้อสอบ แต่ส่วนมาก มองเป็นเกม..

บางครั้งหลงอินกับเกมก็มี ถึงขั้นน้ำหูน้ำตาร่วงได้  แต่พอมีเกมใหม่เข้ามา เกมเก่าเราก็โยนทิ้ง 555


นอกจากเล่นเกมทุกวันแล้ว

เรามักย้อนทบทวนเสมอๆ ว่าตั้งแต่วันแรกที่ย่างก้าวเข้ามาปฏิบัติจริงๆ ถึงวันนี้แล้ว เราเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง

มีสิ่งใดที่เราเคยไม่รู้ และได้รู้แล้ว

สิ่งใดที่เราเคยไม่รู้ และยังคงไม่รู้แจ้ง

หรือสิ่งใดที่เราคิดว่ารู้ แต่เอาจริงๆ เรากลับยังไม่รู้เอาเสียเลย


เวลานั่งสมาธิ หรือทำงานที่ใช้กายทำ เราชอบพิจารณา  บางทีมีเหตุมีสัญญาปรากฏขึ้น ก็นั่งพิจารณาไล่ไป

ย้อนทวนไปในอดีต แล้วมาจบลงที่ปัจจุบัน เราจะเห็นความก้าวหน้าของตัวเอง มันมีตัวชี้วัด มันวัดผลได้  จะใช้สถิติพื้นฐาน ค่าร้อยละ หรือจะใช้เศษส่วนก็ใช้ได้    

หรือจะดูเชิงคุณภาพ ดูการเปลี่ยนแปลงของทักษะ ของพฤติกรรม  ของระดับความสุข ความทุกข์ ระดับการยึด และการวาง ดูอัตราช้าเร็วของความหลง กับความรู้สึกตัว


การปฏิบัติธรรมเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ ที่เราสามารถวัดผลได้

เมื่อเราได้ผลออกมา เราก็นำผลการวิจัยนี้ไปใช้ปรับปรุงพัฒนาการปฏิบัติของเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป  เป็น R & D ส่วนตัว

เดี๋ยวนี้ แค่มองปราดเดียว ตัวเลขขึ้นมาเลย 555 วันนี้ได้กี่คะแนน

คะแนนที่หายไป คืออะไร  ต้องปรับปรุงตรงไหน ตรงไหนต้องรักษา ตรงไหนทำได้ดีแล้ว



เราไม่ได้เรียนปริยัติ หรือพระอภิธรรม  เวลาวัดผล ก็ไม่ได้วัดจากสมมติบัญญัติ  แต่วัดเอาจากตัวเอง แบบบ้านๆ

คือวัดแบบ "ก่อนผ่า และหลังผ่า" ง่ายไม่ซับซ้อน


เป็นต้นว่า พอทำงานกฐินที่วัดจบลง เราก็ทบทวนว่าเรามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เทียบตัวเอง จากก่อนทำงานกฐิน ระหว่างทำงานและหลังทำงาน

มุมมองเปลี่ยนไป ทิฐิเปลี่ยนไป กำลังเปลี่ยนไป ความมั่นคงในใจเปลี่ยนไป

เปลี่ยนขึ้นหรือเปลี่ยนลง

บางทีก็ย้อนกลับไปดูอดีต เมื่อปีที่แล้ว ตอนงานกฐินของวัด เราเป็นอย่างไร สถานะนอกใจ สถานะในใจ

ย้อนไปดูอีก เมื่อปีก่อนปีที่แล้ว เป็นอย่างไร..


โอว...  เรามาไกลแล้วนะเนี่ย..

ไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ..

เห็นอย่างนี้ มันจะไม่อยากเสื่อม  เพราะว่าเราลงทุนมามาก จะทิ้งขว้างไปก็ย่อมเสียดายเวลา แรงกายแรงใจที่ได้ทุ่มเทไป

เราเคยเสียสัจจะที่จะศีลแปดในพรรษา ก่อนเวลาไม่ถึงเดือน ไม่กี่วันเอง
แพ้ก๋วยเตี๋ยวชามเดียว.. กร๊ากก (แถมไอ้ชามนั้นก็ไม่ได้กินล่วย)

แต่เพราะก๋วยเตี๋ยวชามนั้นแหละ สอนเราเยอะเลย

ย้อนมองทีไรก็ขำทุกที ตอนรู้ตัวว่าแพ้ ก็ขำแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ยังขำอยู่ ตัวเองตอนนั้นมันช่างกะแหร่งได้ที่

การปฏิบัติธรรมมันมีแพ้มีชนะ เอาไว้ฮา  แต่ไม่ได้เอาไว้ยึดว่ามันต้องแพ้หรือต้องชนะ  เพราะว่าแพ้ก็ดีไปอย่าง ชนะก็ดีอีกอย่าง


เมื่อทบทวนตัวเองบ่อยๆ มันจะเห็นการเติบโตของตัวเองค่ะ จากไม่มี มันก็มีขึ้นมา เจริญขึ้นมา

บางอย่างที่เคยมี มันก็ลดลงไป หรือหายไปก็มี  


แต่หมุนภาพดูดีๆ ที่ว่ามันมีขึ้นมา เจริญขึ้นมา มันก็ยึดไม่ได้นะ คิดว่าดีแล้ว เจอโจทย์ใหม่ๆ อาจจะแพ้หมดรูปไปก็ได้

ในขนบของเกม เล่นจนจบ ชนะแล้วในเกมนั้นก็สมควรภูมิใจ ว่าเล่นเกมได้ดี

แต่ผู้สร้างเกม เขาไม่หยุดพัฒนาเกมใหม่ๆหรอก เดี๋ยวก็มีเกมมาใหม่อีก

ความภูมิใจมันจึงไม่เที่ยง เมื่อเล่นเกมคนเดียวเก่งแล้ว ก็ลองมาท้าเล่นเกมออนไลน์ดู 555 เจอคู่ต่อสู้เก่งกว่า ก็ต้องกลับไปฝึกมาใหม่


สิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากการปฏิบัติธรรมแนวเล่นเกมนี้ คือ "ผู้รู้" เล่น ก็รู้ว่าเล่น ไม่เผลอยึดว่าเป็นจริง  คือเราสนุกกับการเรียนรู้ การเล่น ผลมันไม่สำคัญอ่ะ

เพราะผลที่ได้และคิดว่าดีแล้วในวันนี้ ก็มีอันที่ดีกว่ายิ่งๆ ขึ้นไป ตราบใดที่เราไม่หยุดการเรียนรู้ เราก็จะไม่เห็นว่าตัวเองย่ำอยู่กับที่นาน

มันไม่ก้าวหน้า ก็ถอยหลัง 555
บางทีไม่ก้าวไปข้างหน้า แต่ก้าวแนวนั่งก็มีนะ



นึกถึงคำหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านบอกว่า "ปฏิบัติเล่นๆ ไป" เราโดนมาก ตอนนั้นไม่เข้าใจหรอก แต่ว่าคำนี้อยู่ในใจเสมอ และเข้ามากขึ้นทุกวัน

พระอาจารย์ใหญ่ท่านก็ชอบสอนว่า "ทำให้มันสนุก ตื่นเต้น ให้มันมีศิลปะ"


ใครเคยปฏิบัติธรรม แบบไม่เอาอะไร มาแล้ว

ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศ ปฏิบัติแบบ "เล่นเอาอะไร" ดูบ้าง แก้เซ็งได้ค่ะ



เวลาเข้าเกม กด Enter จะมีโจทย์ให้เลือก วันนี้จะเอาอะไร

จากนั้นก็เลือกอาวุธ แล้วก็เข้าสู่ simulation 555

ผิดแต่ว่า เกมนี้ restart ไม่ได้ค่ะ  ถ้าคุณไม่ผ่าน คุณต้องติดแหง่กตรงน้ันต่อไป คุณไปเล่นเกมใหม่ก็ได้ แต่เกมเก่า คุณก็ติดอยู่อย่างนั้นแหละนะ


ไอ้เกมสัจจะที่เราอ่อนมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันก็ยังอ่อนอยู่
พรรษาแรกนั้นไม่สำเร็จ พรรษาที่สองไม่ได้อธิษฐานมั้ง พรรษานี้ก็ยังไม่เต็มค่ะ อธิษฐานสองข้อ ทำได้ข้อเดียว

เป็นเกมเก่า ที่ยังคงต้องเล่นต่อไป จนกว่าจะผ่าน

รู้สึกชีวิตมีอะไรให้ท้าทายดีค่ะ

 
 

จากคุณ : chaosy
เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 15:06:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com