ความคิดเห็นที่ 1 บุคคลชื่อว่าเป็นบัณฑิตเพราะเหตุที่พูดมาก ก็หามิได้ ผู้ใดเป็นผู้เกษม ไม่มีเวร ไม่มีภัย ผู้นั้นเรียกว่าเป็นบัณฑิต (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:14:33

ความคิดเห็นที่ 2 บุคคลใด ผูกเวรว่า ผู้นี้ได้ด่าเรา ได้ตีเรา ได้ชนะเรา ได้ลักของเรา เวรของผู้นั้นย่อมไม่ระงับลงได้ ส่วนบุคคลใด มิได้ผูกเวรไว้เช่นนนั้น เวรของผู้นั้นย่อมระงับลงได้ (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:15:00

ความคิดเห็นที่ 3 ในกาลไหนๆ เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร นี่เป็นธรรมเก่า (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:15:18

ความคิดเห็นที่ 4 คนพวกอื่นไม่รู้ดอกว่า เราทั้งหลายย่อยยับอยู่ (เพราะการทะเลาะวิวาทกัน) ส่วนพวกใดรู้เห็นโทษของการทะเลาะวิวาท ความหมายมั่นซึ่งกันและกันก็ย่อมระงับลง (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:15:32

ความคิดเห็นที่ 5 บุคคลใดเห็นสิ่งอันไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นสิ่งอันเป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ บุคคลนั้นมีความดำริผิดประจำใจ ย่อมไม่อาจพบสาระได้ ส่วนบุคคลใดเห็นสิ่งอันเป็นสาระว่าเป็นสาระ สิ่งนั้นไม่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ บุคคลนั้นมีความดำริถูกประจำใจ ย่อมสามารถพบสิ่งอันเป็นสาระ (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:15:50

ความคิดเห็นที่ 6 ผู้ใดโง่ รู้ตนว่าเป็นคนโง่ ผู้นั้นยังเป็นคนฉลาดได้บ้างเพราะความรู้นั้น ส่วนผู้ใดโง่ แต่สำคัญตนว่าฉลาด ผู้นั้นเราเรียกว่าเป็นคนโง่มาก (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:16:09

ความคิดเห็นที่ 7 คนพาลอยู่ใกล้บัณฑิตแม้ตลอดชีวิต ก็ไม่รู้ธรรม เหมือนทัพพี (คลุกคลีอยู่กับแกง) ไม่รู้รสแกง (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:16:22

ความคิดเห็นที่ 8 คนฉลาดเข้าใกล้บัณฑิตแม้เพียงครู่เดียว ย่อมรู้ธรรมได้โดยพลัน เหมือนลิ้นรู้รสแกง (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:16:34

ความคิดเห็นที่ 9 คนพาล มีปัญญาทราม ประพฤติตนเป็นดังศตรูของตน คือเที่ยวทำกรรมอันลามก อันมีผลเผ็ดร้อน (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:16:55

ความคิดเห็นที่ 10 กรรมลามกที่คนพาลทำแล้ว ยังไม่ให้ผลทันทีก็มี ดังนมสดที่ยังไปทันแปรไป (เพราะเพิ่งรีดใหม่ๆ) แต่บาปนั้น ย่อมแผดเผาคนพาลในกาลอันควร เหมือนไฟซึ่งเถ้ากลบไว้ (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:17:46

ความคิดเห็นที่ 11 ความรู้เกิดขึ้นแก่คนพาล เพื่อเป็นโทษแก่ตัวเขาเอง ย่อมกำจัดความดีของคนพาลนั้น และทำให้ปัญญาของเขาตกไป (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:17:58

ความคิดเห็นที่ 12 ผู้ฉลาดควรเห็นว่า คนที่ชี้โทษตักเตือนในเมื่อเห็นความผิด กล่าวปรามให้เว้นความชั่ว เป็นผู้มีปัญญาดี นั้นเป็นเสมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้ และควรคบบัญฑิตเช่นนนั้น เพราะเมื่อคบอยู่มีแต่ทางดี ไม่มีทางเสียเลย (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:18:16

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้ใดโอวาทสั่งสอน ห้ามจากอกุศลกรรม (ความชั่ว) ผู้นั้นย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษ แต่ไม่เป็นที่รักของอสัตบุรุษ (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:18:28

ความคิดเห็นที่ 14 สัตบุรุษทั้งหลายย่อมเลิกละ คือไม่ติดในธรรมทั้งปวง (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:18:40

ความคิดเห็นที่ 15 good bye thank ja จากคุณ : HeavenMoon เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 16:40:13

ความคิดเห็นที่ 16 jra bye bye^^ จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 22:05:37

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 12     ผู้ฉลาดควรเห็นว่า คนที่ชี้โทษตักเตือนในเมื่อเห็นความผิด กล่าวปรามให้เว้นความชั่ว เป็นผู้มีปัญญาดี นั้นเป็นเสมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้ และควรคบบัญฑิตเช่นนนั้น เพราะเมื่อคบอยู่มีแต่ทางดี ไม่มีทางเสียเลย (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi    ความคิดเห็นที่ 13     ผู้ใดโอวาทสั่งสอน ห้ามจากอกุศลกรรม (ความชั่ว) ผู้นั้นย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษ แต่ไม่เป็นที่รักของอสัตบุรุษ (พุทธภาษิต) จากคุณ : M_moshi   เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 14:18:28     พระศาสดาตรัสไว้  ดีแล้ว ชอบแล้ว    อนุโมทนาสาธุ จากคุณ : กระบี่นางฟ้า เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 22:09:15

ความคิดเห็นที่ 18 คล้ายๆ จะเข้ากับสถานะการณ์ปัจจุบัน ของประเทศนะครับ หุหุ จากคุณ : เจตวิมุติ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 55 01:00:25

ความคิดเห็นที่ 19 ช่วงนี้ไม่ได้อัพเดตข่าวคาวบ้านเมืองเลยครับ ถ้าตรงแสดงว่าบังเอิญ หุๆ^^ จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 16:03:05