Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ครั้งหนึ่งที่เกาะ ลันตา.. ติดต่อทีมงาน

ฟังประสบการณ์หญิงๆ มาเยอะแล้ว วันนี้มาแบ่งปันประสบการณ์ของชายชาตรีบ้างค่ะ ขออนุญาตเจ้าของเรื่องมาแล้วค่ะ





ครั้งนึงที่กระบี่ เกาะลันตา

..... เมื่อเข้าอาทิตย์ที่สองของการบวช พรรษาแรก เริ่มเห็นอะไรหลายอย่างที่ตัวตนนั้นมันสร้าง มาขวางการทำความเพียร ช่างมากมาย

หนึ่งในนั้นก็คือ "ความกลัว"  มีมันมานาน เลิกคบกับมัน มันก็ไม่ยอมไปไหน ไล่ก็ไม่ไป จนมาวันนึง ...


..... พระอาจารย์ที่เป็นเจ้าสำนัก  ท่านได้สร้างกุฎิ ขึ้นมาใหม่ และติดๆกันนั้น ก็เป็นต้นไม้ใหญ่ที่ชาวบ้านบนเกาะเอาพระพุทธรูปบ้าง ศาลเจ้าที่บ้าง ตุ๊กตาบ้าง ที่หักพังแล้วมาวางไว้ที่โคนไม้ และบริเวณนี้แหละที่พระท่านเล่าว่าเคยมีโยมเอาศพเด็กที่ตายแล้วมาฝังไว้


วันนั้นรู้สึกฮึกเหิมดีแท้ คืนนี้ล่ะฉันจะไปนอนสถานก่อสร้างกุฎินี้แหละ

พอบ่ายสามโมงโดยประมาณ ก็ไปเริ่มปัดกวาดสถานที่ ปูเสื่อ เนื่องจากวันนั้นเป็นช่วงที่คนงานไม่มาทำงาน และสำนักสงฆ์นี้ เป็นสำนักเล็กๆ สร้างอยู่ติดเนินเขา ข้างหลังเป็นภูเขา ไม่มีเมรุ มีศาลาการเปรียญ กุฎิพระไม่กี่หลัง และที่กำลังสร้างใหม่ ที่เราจะพักคืนที่จะเล่านี่แหละ ...

..... พอพระอาทิตย์ตกดิน เราก็ไปสรงน้ำ ทำวัตรเย็น ความฮึกเหิมก็ยังคงอยู่ พอทำวัดเสร็จแล้ว ลุกขึ้นด้วยอาศัยพี่หึกเหิมนั่นแหละ จ้ำอ้าวไปหยุดอยู่ตรงทางขึ้นกุฎิ

บรรยากาศเงียบกริ๊บ พี่ฮึกเหิมไม่ช่วยไรเลย พี่ฮึกเหิมไปแล้ว..

อ่อนแรงเหงื่อตกเลย แต่ยังไงก็ต้องไป ความรู้สึกที่ว่ากลัวเสียฟอร์ม (เพราะเขารู้กันทั้งสำนักว่าคืนนี้จะมานอนที่นี่) มันผลักดันให้ก้าวขึ้นไป ก้าวขึ้นไป

ความกลัวฟาดเข้าแสกหน้า หน้าชาไปหมด เปียกด้วยเหงื่อเต็มไปหมด ปากก็บ่นออกมาเบาๆว่า

" กู ไม่น่ามาเลย " ...


..... พอถึงที่ก็จุดเทียน มองไปรอบๆ เงียบมากๆ มืดตึดตื๋อ

ซักพักนึง ลมเริ่มพัดแรง ก็หาเอาอิฐมาบังเทียนไว้ไม่ให้ดับ แล้วก็นั่งลง รวบรวมสติให้ดีๆ แล้วหลับตาลง

ตอนนั้นใช้พุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก นั่งไปพักนึง เริ่มนิ่งได้ ระดับนึง แล้วก็เสียงนึงก็ดังขึ้น

กร๊อบ!?

เสียงเหมือนใบไม้หรือกิ่งไม้โดนเหยียบ สะดุ้งตามเสียงเล็กน้อย แต่เหงื่อนี่ดิ เปียกไปทั้งตัว ทั้งๆที่ลมพัดดีแท้ ...

..... แต่ก็ยังภาวนาต่อไป นิ่งได้ระดับนึง

ในขณะนั้นเอง ภาพนึงก็โผล่ขึ้นมาให้เห็นในนิมิต เป็นผู้หญิงสาว ค่อนข้าง อวบๆ ขาวๆ ห่มสไบสีบานเย็น ทั้งชุดเลย มีดอกไม้ทัดหู

มายืนยิ้มให้อยู่ที่ใต้โคนไม้นั้น ใบหน้านั้นยิ้มให้อย่างสวยงามทีเดียว

แล้วก็มีบางสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป จากใบหน้ายิ้มสวยขาวๆ นั้น ปากที่ยิ้มเห็นฟันสวยปากเริ่มกว้างขึ้น หน้าที่อวบๆเต็มๆ เริ่มแห้งลง แห้งลง แล้วตาที่จ้องเขม็ง กลับลึกโบ๋เข้าไปในกระโหลก

ภาพที่เห็นตอนนี้คือ กระโหลกที่อ้าปากหว๋อ ลอยเข้ามาอย่างเร็ว! ...


..... แล้วภาพนั้นก็กระจายหายเหมือนเราลอยไปกระทบกับควันหมอก พร้อมเสียงที่ดังอีกแล้ว กร๊อบ!

สะดุ้งสุดตัวทันที ความรู้สึกมันบอกเลยว่า ใช่เลย เธอคนนี้อยู่ตรงนี้จริงๆ !


แต่สติตอนนั้น พยุงยื้อไว้ได้ พุทโธจะขาดหายไป แต่ไม่ยอมลืมตา มีเสียงบอกมาจากข้างในว่า

" เมิงอย่าวิ่งนะ เมิงอย่าวิ่ง เมิงอย่าวิ่ง เมิงวิ่งสติแตกแน่ "

แล้วพุทโธก็มาจับที่ลมหายใจต่อ ความกลัวเข้ามาฟาดฟัน รุมกระทืบ รุมกระหน่ำ

มีช้อยส์ให้เข้ามาเลือกด้วย ว่าให้วิ่ง กับอีกชอยส์ที่ว่า

"ห้ามวิ่งอาบัตินะเมิง"

พุทโธ ก็ยังอยู่ เหงื่อไม่ต้องพูดถึง ไหลเปียกไปถึงก้นเลย อังสะ จีวร สบง เปียกไปหมด พุทโธ ยังอยู่ ควบคู่ไปกับความกลัวที่ทวีมากขึ้น


มากจนแทบจะทะลักออกปาก  ตะโกนว้ากกกกกกก ดังๆให้ได้

แทบขาดใจ และแล้วมันก็พุ่งสูงสุดถึงที่สุดของความกลัว ...



..... เชื่อไหมว่า

เหมือนเก้าอี้นิรภัยที่อยู่บนเครื่องบินรบ มันดีดตัว ปึ๊บ! เดียว

ทุกอย่างดับนิ่งสนิท


เห็นแต่ลมหายใจที่มีพุทโธกำกับเข้าออกอยู่อย่างเดิม แต่อาการ อารมณ์ที่กลัวสุดขีดนั้นหายดับไปหมด ไม่เหลือเลย


เหมือนปะทะกับความนิ่งแรงๆ แล้วไอ้ที่เกาะติดมาด้วยคือความกลัวมันกระเด็นหลุดไปเลย

นิ่งอยู่อย่างนั้น ได้พักใหญ่


เหงื่อที่เปียกทั้งตัว แห้งแล้ว ก็ค่อยๆ ลืมตา ขึ้นมา มองไปรอบๆ


ความรู้สึกที่กลัวหายไปเกลี้ยงเลย ความนิ่งยังทรงอยู่แม้จะลืมตา

เราลุกจากที่นั่งตรงนั้น แล้วเดินตรงออกไปที่ โคนไม้ที่ว่านั้น และสิ่งที่ไม่เคยพบเจอมาตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ เจอเต็มๆเลย


..... ไม่กลัว ...  


มันคือความไม่กลัว มันไม่ใช่ว่าหยิบเอาความกล้ามาเป็นตัวช่วย มาแก้ให้ไม่กลัว

แต่นี่มันนิ่ง และ ไม่มีความกลัวเหลืออยู่  คือ "มันไม่กลัว ..."



..... คืนนั้น เราไม่ได้นอนทั้งคืน ตื่นทั้งคืน และเดินทั่วสำนักเลย

ตรงไหนที่ว่าวันแรกๆ ที่มาแล้วกลัว เราเดินเข้าไปหาเลย นิ่งสนิท ไม่กลัวอีกต่อไป จนมาถึงทุกวันนี้ ...



..... ความกลัว ดังตัวอย่างที่เล่าไป มันแสดงตัว และขยับรุนแรง  ต่อต้าน เหมือนดังคนที่กำลังใกล้ตาย ต่อสู้เพื่ออยู่

หากว่าเราในคืนนั้น ไม่สู้กับมันโดยการนั่งอยู่ ไม่วิ่งเตลิด  ด้วยความกลัวที่มันตอบโต้มา

คืนนั้นไม่ใช่เราที่อยู่ แต่เป็นความกลัวที่ยังอยู่ และยังไม่ตาย

ความกลัวนั้นก็ยังคงบงการให้ระบบร่างกาย ตกเป็นทาสมัน และเป็นอารมณ์ให้มาบดบังเป็นอุปสรรค ในการทำความเพียร

หากประจันหน้ากันแล้ว ให้ทุกคนจำไว้ว่า ให้วัดกับมันไปเลย

มีเพียงยกนี้ยกเดียวที่จะตัดสินเด็ดขาดว่าใครที่แพ้ และต้องเป็นเธอที่จะต้องชนะมันเท่านั้น มันถึงจะตายและหายไปจากชีวิตการทำความเพียรของเธอ


ไม่ใช่เเค่ความกลัวอย่างเดียว ปรับใช้ได้ทุกอย่างที่เธอว่ามันเป็นอุปสรรค

เวทนาทุกตัวเลย ที่ต้องเจอยกที่ต้องวัดกะมัน อย่างตัวอย่างนี้

ไหนๆมันออกมาแล้วถือว่ามันพลาดแล้วที่ออกมา จงอย่าให้เสียเที่ยว เเละเสียท่า นาทีทองมาแล้ว ซัดมันมันเลย ...



..... อานิสงส์นี้ ที่ความกลัวตายนี้ โยมสไบบานเย็นนั้นก็ได้ไปด้วย ซึ่งเราก็แผ่ให้คืนนั้นเลย ...

..... จนได้มากราบพระอาจารย์ ท่านก็เอ่ยกฎเหล็กที่ว่า

" อย่าตกใจ อย่าสงสัย อย่ากลัวตาย อย่าลืมตา "

ทำให้เราหวนถึงเรื่องนี้ได้ ..


..... ใครที่มีประสบการณ์แบบนี้ก็มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันบ้างเน้อ ... ^.^



เล่าเรื่องโดย Aunto nio

แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 55 16:57:33

จากคุณ : chaosy
เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 15:38:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com