|
"ความหวั่นไหว ย่อมมีแก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฏฐิอาศัยแล้ว" (นิสฺสิตสฺส จลิตํ).
ความหวั่นไหว ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยแล้ว (อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ);
เมื่อความหวั่นไหวไม่มี, ปัสสัทธิ ย่อมมี (จลิเต อสติ ปสฺสทฺธิ);
เมื่อปัสสัทธิมี, นติ(ความน้อมไป) ย่อมไม่มี (ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหติ); เมื่อนติไม่มี, อาคติคติ (การมาและการไป) ย่อมไม่มี (นติยา อสติ อาคติคติ น โหติ);
เมื่ออาคติคติไม่มี, จุตูปปาตะ (การเคลื่อนและการเกิดขึ้น) ย่อมไม่มี (อาคติคติยา อสติ จุตูปปาโต น โหติ);
เมื่อจุตูปปาตะไม่มี, อะไรๆ ก็ไม่มีในโลกนี้ ไม่มีในโลกอื่น ไม่มีใน ระหว่างแห่งโลกทั้งสอง(จุตูปปาเต อสติ เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเร): นั่นแหละ คือที่สุดแห่งทุกข์ละ
(เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส)", ดังนี้ แล
- อุทาน.ขุ. ๒๕/๒๐๘/๑๖๑
พระอรหันต์ท่าน สติ+สมาธิสมบูรณ์ และท่านก็ไม่มี จุตูปปาตะ (การเคลื่อนและการเกิดขึ้น) อีกแล้ว ... ท่านเข้าถึงซึ่งความว่างอย่างยิ่งแล้ว ....
เมื่อจุตูปปาตะไม่มี, อะไรๆ ก็ไม่มีในโลกนี้ ไม่มีในโลกอื่น ไม่มีในระหว่างแห่งโลกทั้งสอง
แล้วท่านยังจะ ฝัน ได้อีกหรือ ...???
จากคุณ |
:
จุตูปปาตะ ไม่มี อะไรๆ ก็ไม่มี (คนดู)
|
เขียนเมื่อ |
:
25 พ.ย. 55 23:57:20
|
|
|
|
|