ความคิดเห็นที่ 1 http://www.dungtrin.com/vipassana/   แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตคุณ  มีค่ามากครับ จากคุณ : ผงฝุ่นในสายลม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 14:16:11

ความคิดเห็นที่ 2 สิ่งที่เราทำได้ และดีที่สุด คือทำใจ ให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ใจเราแข็งแรง แล้วเริ่มต้นใหม่ ความผิดหวังในครั้งนี้ไม่ใช่ที่สุดของชีวิต แต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงบันไดให้ก้าวไปสู่ความหวังใหม่ในวันพรุ่งนี้ จากคุณ : อัศวินผู้อาภัพ เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:03:01

ความคิดเห็นที่ 3 มารับฟังด้วยคนค่ะ จากคุณ : temple cat เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:36:42

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องนึกย้อนไปถึงตอนที่ยังไม่มีแฟนคนนี้เข้ามาในชีวิต ตอนนั้นชีวิตคุณก็สนุกสนาน เฮฮา มีความสุขไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมพอมีคนๆ นี้เข้ามาเพียงเวลาไม่นาน (ถ้าเทียบกับระยะเวลาทั้งหมดที่คุณยังไม่เจอเค้า) คุณถึงต้องรู้สึกย่ำแย่ หดหู่ หมดพลังเมื่อเค้าจากคุณไป อย่าให้ใครมาเป็นตัวแปรในการสร้างความสุขหรือความทุกข์กับคุณเลย ทุกข์สุขสร้างได้เองด้วยตัวคุณเองทั้งนั้น ความรักเชิงชู้สาวค่อนข้างเป็นเสมือนภาพลวงตา ที่หลอกให้เราจินตนาการไปแบบโง่ๆ ว่ามันจะต้องสุข สุข และสุข คนทั่วไปชอบหลอกตัวเองแบบนี้เสมอ "ความรักของคุณทำให้ชีวิตผมมีค่าและมีความสุข" "รักเราจะไม่มีวันจางหาย" "เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกัน" "ทุกอย่างกลายเป็นสีชมพูเมื่อมีเธอเข้ามาในชีวิต" บลา บลา บลา... พอความจริงปรากฏออกมาแบบไม่เน้นโลกสวยว่า "คุณดีเกินไป" "เราเข้ากันไม่ได้" "ห่างกันซักพักดีกว่า" "ทัศนคติเราไม่ตรงกัน" "คุณไม่มีเวลาให้เหมือนแต่ก่อนเลย" "ความรักของเราจิดจางลงแล้วเหรอนี่" บลา บลา บลา... คนกลับรับไม่ได้ ไม่ยอมรับความจริงว่าทุกอย่างย่อมมีเสื่อมด้วยกันทั้งนั้น ขนาดเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน ยังมีเบื่อหน้าไม่อยากคุยด้วยเลย หนักหน่อยก็ทะเลาะแตกหักกันไปเลยก็มี นับประสาอะไรกับใครก็ไม่รู้ที่มาทำความรู้จักกับเราเพียงไม่กี่ปี (ถ้าเทียบกับพี่น้องเราเอง) สรุป มันไม่แปลกหรอกถ้าคนที่แวะเข้ามาในชีวิตเราเพียงแป๊บๆ แต่น่าลุ่มหลง จะต้อง fade ตัวเองออกไปเหมือนตอนแรกที่ยังไม่เจอกันที อย่าไปอะไรมาก นึกซะว่าเป็นช่วง reset ชีวิตเราเองให้กลับไปตั้งต้นใหม่ เคยใช้ชีวิต มีความสุขด้วยตัวเองยังไงก็กลับไปเหมือนเดิม มองภาพที่ผ่านเข้ามาเป็นแค่สายลมพัด ที่อาจนำกรวดทรายพัดเข้าตาทำให้น้ำตาไหล ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไป ล้างตาให้สะอาดแล้วก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง ถือซะว่า สิ่งนั้นเป็นบทเรียนอันมีค่า ไว้เตือนสติตัวเองอย่าเผลอไปให้ลมพัดทรายเข้าตาให้เจ็บอีกซ้ำๆ ก็แล้วกัน จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:24:50

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร ก็คืนดีกันมาก็หลายครั้งแล้ว คราวนี้ จะเพิ่มสถิติมาอีกสักครั้งจะเป็นไร จริงไหมครับ? จากคุณ : ความเชื่อ เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:29:49

ความคิดเห็นที่ 6 ความหดหู่ ท้อถอย ซึมเซา เป็นกิเลสตัวหนึ่ง จงกำจัดกิเลส ด้วยสมาธิ กับ ปัญญา จากคุณ : valid-guarantee เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:15:21

ความคิดเห็นที่ 7 จงหาความสำราญเบิกบานด้วยการ เผชิญความเป็นจริง อย่าฝันหวานว่าความสุข อยู่ที่เธอ รักเรา อย่าฝันหวานว่าคสามสุขอยู่ที่เธอเป็นแบบนี้ แบบนั้น หรือแบบไหนๆ อย่าฝันหวานว่าความสุขอยู่ที่วันข้างหน้า  หรือ อยู่ที่ความร่ำรวย อย่าฝันหวานว่าความสุขอยู่ที่วัด หรือ พิธีกรรมใดๆ แท้จริง  ความสุขอยู่ที่ ความเข้มแข็งของพลังชีวิต และชีวิตจะมีพลังเข้มแข็งได้ อยู่ที่ผ่านความยากลำบากและฝ่าความทุกข์มาได้ด้วยอดทน จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 18:31:55

ความคิดเห็นที่ 8 จะทุกข์ จะสุข อยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น   ทำไมต้องเอาความทุกข์ความสุขของเราไปผูกติดกับคนอื่นด้วย เวลาจะทุกข์จะสุขก็ได้แต่อาศัยคนอื่นหรือสิ่งอื่นทำให้สุข ทั้งที่เราสุขได้ด้วยตัวเอง ผมคิดแบบนี้ จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 18:41:45

ความคิดเห็นที่ 9 1. แบบสมถะ ก็สวดมนต์ ยาวๆ เลย จนกว่าใจสงบ หรือบริกรรมคำอะไรก็ได้ ซ้ำๆ ย้ำๆ ให้จิตจดจ่อกับสิ่งอื่น จะช่วยให้ทุกข์คลายลงได้บ้าง 2. แบบวิปัสนา คือไม่ต้องไปทำอะไร แต่ให้มีสติ แล้วดูความหดหู่นั้นไปเลยครับ ดูว่าจิตที่หดหู่มันเป็นแบบนี้  จิตที่ทุกข์มันอย่างนี้ ดูมันไปเรื่อยๆ สังเกตุความต่อเนื่องของมัน จะพบว่า มันเองก็อยู่ไม่คงที่ เดี๋ยวทุกข์มาก เดี๋ยวน้อย เดี๋ยวก็หายไปตอนเราไปใส่ใจอย่างอื่น ก็จะเห็นความไม่เที่ยงของมันได้ครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 19:58:48

ความคิดเห็นที่ 10 เลิกเป็นเรื่องปรกติ จากคุณ : โอปปา เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 20:30:02

ความคิดเห็นที่ 11 เย้ ยังไม่มีใครพูดตรงกะที่เราจะ เราใช้ จับลมหายใจ บวก กะ แสงสว่าง ได้ผลอย่างมากในระยะยาว จากคุณ : แฮ่่ (HeavenMoon) เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 21:18:43

ความคิดเห็นที่ 12 กำลังเป็นอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ทำไง ก็ได้แต่ปลง อืม ชีวิตต้องเดินต่อไป ถ้ายังมีชีวิตอยู่ จากคุณ : ckman เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 22:45:50

ความคิดเห็นที่ 13 ทำอย่างไร เมื่อความหดหู่เข้าครอบงำ              เพิ่งเลิกกับแฟนครับ รอบที่สี่ ครั้งนี้เลิกกันจริงแล้ว ทึ่เลิกเพราะคบไปก็ทุกข์มากกว่าสุข แฟนผมก็ตัดพ้อต่อว่ายิ่งทำให้หดหู่ไปกันใหญ่              รู้สึกจิตใจหดหู่ มานานมากหลายเดือน กำหนดจิตใจอย่างไรดีครับ อยากจะไปเที่ยว ไปทำบุญตจว. ก็ยังไปไม่ได้ช่วงนี้งานเยอะ จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย     เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 14:00:31              1. พิจารณาโทษหรือความทุกข์ เมื่ออยู่ด้วยกัน บ่อยๆ เนืองๆ              2. พิจารณาความสุข ความปลอดโปร่ง เมื่อเลิกกันแล้ว บ่อยๆ เนืองๆ              อยากจะไปเที่ยว ไปทำบุญตจว. ก็ยังไปไม่ได้ช่วงนี้งานเยอะ              ลองพิจารณาการเป็นอาสาช่วยงานตามโรงพยาบาล ใกล้บ้าน ในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดต่างๆ น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งตนเอง และต่อสาธารณะ.              คำว่า บุญกิริยาวัตถุ http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=บุญกิริยาวัตถุ              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 02:00:16

ความคิดเห็นที่ 14 ลองพิจารณาว่า ในชีวิตของคุณเจ้าของกระทู้     ยังมีคนอื่นๆที่สำคัญกว่าแฟนอีกมากมาย  เช่น  พ่อ แม่  ปู่  ย่า  ตา  ยาย  ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง  ครูบาอาจารย์ ฯลฯ   บุคคลเหล่านั้นสำคัญกว่าแฟน ใช่ไหมละ ? จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 03:06:54

ความคิดเห็นที่ 15 ทุกข์ ควรกำหนดรู้ การยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันไม่เที่ยงแปรเปลี่ยนได้ เป็นทุกข์ การยึดมั่นในสิ่งที่ไม่ใช่ของเราย่อมเป็นทุกข์ การพรัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นเรื่องธรรมดา เป็นทุกข์ ไม่จากกันวันนี้ วันหน้าก็ตายจากกันอยุ่ดี สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ควรละ  พิจรณาดุว่าอะไรทำให้ใจทุกข์ จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 09:49:43

ความคิดเห็นที่ 16 ไปหา หรือโทรฯหาผู้มีศีล มีธรรมค่ะ ฟังธรรมจากท่านแล้วจะทำให้จิตใจดีขึ้น ตัวตปธรรมจะมีพลังลุกขึ้นมาต่อสู้กับจิตใจที่ไม่ดีค่ะ รีบจัดการค่ะ ยิ่งทิ้งไว้นานจะทำให้ฝ่ายอกุศลมีพลังแรงขึ้น กำจัดยากขึ้นค่ะ จากคุณ : tks_th เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 12:51:06

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับทุก คห.ที่ให้กำลังใจและแง่คิด วิธีการปฏิบัติครับ ผมจะน้อมนำไปปฏิบัติ ก่อนหน้าที่จะมึแฟน ผมก็สุขทุกข์ตามอัตภาพ เหงาบ้างแต่ไม่มาก แต่จิตใจสงบได้ง่ายเวลาปฏิบัติ พอมีแฟน แรกๆ ชีวิตก็กระชุ่มกระชวย แต่พอไม่กี่เดือน ก็เริ่มเบื่อชิน รู้สึกหนักๆใจ ทำสมาธินานๆไม่ได้   แต่คงได้แต่ตามดูจิต เหมือนกับมีความกังวล หนักๆหน่วงๆ พอเลิกกัน ก็หดหู่ รู้สึกผิด ที่ผมทำไม่ได้ดั่งใจเธอ ทำให้เธอผิดหวัง  แต่ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว แม้จะถูกต่อว่า เป็นคนเห็นแก่ตัว  ผมยอมรับผิดทุกอย่าง และจะไม่ทำผิดซ้ำอีก เลิกติดต่อกัน ห่างๆกัน ไม่อยากให้เธอมาตื้อมาง้ออึกเหนื่อยใจ เห็นทุกข์เห็นโทษของการมีครอบครัวเลย ถ้างานว่างๆแล้ว ผมอยากจะไปวัดป่าที่เคยไปแถวภาคใต้ ไปช่วยงานวัด ไปปฏิบัติทำใจให้เป็นกุศล เวลาเหนื่อยๆเครียดๆผมจะไปอยู่วัดครับ ช่วยงานวัด อยู่ในป่า แล้วจิตใจสบายมาก ลืมภาระหน้าที่ทุกอย่าง ที่วัดเงียบสงบ สัปปายะมาก จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 14:23:34

ความคิดเห็นที่ 18 ก่อนอื่นขอออกตัวว่าเราก็ยังศึกษาอยู่ ยังไม่รู้จริงว่าอะไรถูกอะไรผิดนะคะ สำหรับตัวเองเวลามีเรื่องหดหู่จากการที่ใจผูกโยงกับคนอื่น ไปทำบุญคนเดียว (อย่างเช่น ทำสังฆทานวัดใกล้ๆ บ้านก็ได้) แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอให้เรายืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเองยิ่งๆ ขึ้นไป ทำบ่อยๆ ไม่ต้องใช้เงินครั้งละมากมายก็ได้ รู้สึกว่าช่วยได้นะ ส่วนเรื่องภาวนา เราศึกษาจากหลวงพ่อปราโมทย์ ( http://wimutti.net/ ) เยอะสุด รู้สึกว่าปฏิบัติตามแล้วจิตใจมันรู้จัก "ออกจากความหมุกมุ่นครุ่นคิด" ได้เรื่อยๆ ซึ่งในความรู้สึกของเรา ความหมกมุ่นนี้เองเป็นตัวเอ้ที่ทำให้ทุกข์ ในช่วงเวลาแบบที่คุณว่า แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 03:23:02 จากคุณ : deepriver เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 03:21:24

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ deepriver หลังจากผ่านไปเกือบสองอาทิตย์  ผมพยายามพิจารณาดูใจตนเองตลอด ดูมันทั้งๆที่หดหู่ หมดแรงนั่นแหละ ช่างมัน คิดเสียว่าดูหนัง บางทีดูไปดูมาเหมือน จิตมันกำลังสอนตนเองว่า  เรากำลังเป็นบ้าอะไรอยู่กับเรื่องแค่นี้ เคยผ่านอาการทำนองนี้มาก็พอควรแล้ว มีเผลอใผลไปตามอารมณ์ หมกมุ่นโดยไม่มีสติบ้าง จนเกิดความชิน  และจิตมันเริ่มฉลาดเมื่อจะคิดหมกมุ่นเรื่องเดิมๆที่ทำให้หดหู่ จิตก็ถอน พยายามไปสนใจเรื่องอื่นทำกิจกรรมอื่น  ตั้งสติ ตั้งเป้าหมายสิ่งที่ทำที่น่าสนใจ บางวัน พอได้มีงานทำอะไรยุ่งๆเหนื่อยๆ  บางเรื่องก็สนุก ทำให้เพลิดเพลินจนลืมทุกข์ไปเลยก็มี ก็พยายามดูใจตลอด แต่ตอนที่สุขสนุกมักจะเผลอลืมสติไปนานมากๆ กว่าจะกู่กลับ จึงทำให้รู้เลยว่า  อารมณ์ ทุกข์ สุข เป็นของไม่แน่นอน  มาเดี๋ยวก็ไป แต่ที่เราทุกข์มากๆ เพราะขาดสติ ไปหมกมุ่นและพยายามจะกำจัดมันออกไปโดยเร็ว โดยไม่เรียนรู้อะไรเลย จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 22:14:18