PANTIP.COM : Y12989098 จะทำอย่างไรให้ใจมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนได้ครับ []

ความคิดเห็นที่ 8

ใช้ธัมม์ อิทธิบาท 4 คือ ดูนะครับ แบบนี้ครับ

ฉันทะ....สร้างความพอใจอย่างยิ่ง ในการอยากเรียน เช่น เมื่อเห็นหนังสือ ต้องพยามอยากอ่าน อยากดู อยากจับต้อง ต้องมองแบบความสวย ความพอใจ คือ ปกสวย ภาพสวย เรื่องน่าสนใจ

วิริยะ คือ สร้างความเพียงอย่างยิ่ง คือ พยามยามในการเข้าหาหนังสือ ฟังคนที่มีความรู้พูด ต้องรู้จักอดทน ต้องอ่อนน้อมต่อผู้อื่นเมื่อต้องการจะได้ความรู้จากเขา ตั้งใจอ่านหนังสือให้วันละ 1 หน้า หรือมากกว่านั้นครับ

จิตตะ คือ คิดแต่การเรียน ไม่คิดเรื่องอื่นมาก คิดฝักใฝ่แต่การเรียน คิดหมั่นเรื่องเรียน คิดว่า วันข้างหน้าจักต้องสำเร็จการเรียนอย่างคนอื่น ๆ ต้องได้รับปริญญา อย่างใดอย่างหนึ่ง

วิมังสา คือ ตรึกตรอง พิจารณาผลที่เราจะได้จากการเรียนจบ ความสำเร็จจากการเรียน กระทำเรื่องการเรียนไว้ในใจ คือ ตั้ง " โยนิโสมนสิการ" ทำไว้ในใจโดยอุบาย คือ การเรียน แบบแยบคาย ตรึกไวตลอดที่ว่าง หรือ มีเวลา ไม่ว่า จะนั่งรถ เดิน นอน ก็ต้องตรึกไว้อย่างนี้

เมื่อทำได้อย่างนี้แล้ว ภาวะของจิต จะเกิด "จินตภาพ" ขึ้น คือ มีความรู้สึกยินดีในการเรียน มีความสุขที่ได้เห็นความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง

"จินตภาพ" นี้ ถือเป็น นิมิตอย่างหนึ่ง บางครั้งก็คล้ายกับว่า ตัวเรากำลังจะเข้ารับปริญญา หรือ มีความรู้สึกว่า ดีใจ สุขใจ ที่ตัวเองทำได้

ลักขณะ จินตภาพ นี้เหมือนเรามีความรู้สึกคุ้นเคยเมื่อเห็นใครบางคนที่เดินผ่าน แต่เราก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร แต่ความรู้สึกเหมือนได้เจอกันมาก่อน

ผมเองก็ใช้ อิทธิบาท 4 จนเกิด "จินตภาพ" ขึ้น ผลที่ได้รับ คือ ไม่ว่าเรา จะนอน เดิน นั่ง ก็จะรู้สึกว่า อยากอ่าน อยากเห็น อย่างเรียน อยากรู้หนังสือที่เรียน แม้ไม่ได้อ่าน ก็จับมาดู ก็ยังดี

และเมื่อรู้สึกท้อแท้ ก็จะเกิดอาการให้กำลังใจตัวเองได้ โดยสร้างความอบอุ่น ความสุข และนึกเห็นแต่ความสำเร็จของตัวเอง แม้คนอื่น ๆ จะให้กำลังใจเรา แต่ตัวเราเองเท่านั้นที่ให้กำลังใจและมองเห็นความสำเร็จได้

แม้แต่ตอนที่เรากำลังทำไม่ดี หรือไปงานเลี้ยงกับที่ทำงาน เช่น ต้องดื่มสิ่งมึนเมา เมื่อ "จินตภาพ" ทำงาน จะกลับได้สติทันที และอาการเมาจะหายไปอย่างมาก และอยากจะหนีกลับออกจากงาน ก็มีครับ

ลองทำดูนะครับ.. อาจจะเป็นประโยชน์ได้...

จากคุณ : นะโม (กลุ่มพุทธบุตร)

เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 16:23:19