|
อรรถกถา มหาเวสสันตรชาดก ว่าด้วย พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทานบารมี หน้าต่างที่ ๑๐ / ๑๐. พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนามหาเวสสันดรชาดก ซึ่งประดับด้วยคาถาประมาณ ๑,๐๐๐ คาถานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน มหาเมฆก็ยังฝนโบกขรพรรษให้ตก ในที่ประชุมแห่งพระประยูรญาติของเรา อย่างนี้เหมือนกัน. ตรัสดังนี้แล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ชูชกในกาลนั้น คือ ภิกษุเทวทัต. นางอมิตตตาปนา คือ นางจิญจมาณวิกา. พรานเจตบุตร คือ ภิกษุฉันนะ. อัจจุตดาบส คือ ภิกษุสารีบุตร. ท้าวสักกเทวราช คือ ภิกษุอนุรุทธะ. พระเจ้าสญชัยนรินทรราช คือ พระเจ้าสุทโธทนมหาราช. พระนางผุสดีเทวี คือ พระนางสิริมหามายา. พระนางมัทรีเทวี คือ ยโสธราพิมพา มารดาราหุล. ชาลีกุมาร คือ ราหุล. กัณหาชินา คือ ภิกษุณีอุบลวรรณา. ราชบริษัทนอกนี้ คือ พุทธบริษัท. ก็พระเวสสันดรราช คือ เราเองผู้สัมมาสัมพุทธเจ้า แล. จบ นครกัณฑ์ http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=1045&p=10 -----------------------------------------------------------------------
"ก่อนพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ ทรงเลือก ๕ อย่าง" http://www.dhammathai.org/buddha/g26.php
ในกาลนั้น พระบรมโพธิสัตว์เจ้า บังเกิดเป็นสันตุสิตเทวราชเสวยทิพยสมบัติอยู่ในรัตนวิมานสวรรค์ ชั้นดุสิตเทวโลก ครั้งนั้นท้าวมหาพรหม และเทวราชในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า ชวนกันไปเผ้ากราบทูลอาราธนาพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ให้จุติลงไปบังเกิดทั้งสองประชากร ให้รู้ธรรม และประพฤติธรรม สมดังที่พระองค์ได้บำเพ็ญบารมีตั้งพระทัยไว้แต่แรก
พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิได้รับอาราธนาของทวยเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู "ปัญจมหาวิโลกนะ" หมายถึงสิ่งที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงพิจารณาข้อตรวจสอบที่สำคัญหรือ "การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ ๕ อย่าง" ก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้ามี ๕ อย่างคือ ๑. กาล ๒.ทวีป ๓.ประเทศ ๔.ตระกูล ๕.มารดา พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงเลือกดังนี้
๑. กาล ทรงเลือกอายุกาลของมนุษย์ ๒. ทวีป ทรงเลือกชมพูทวีป ๓. ประเทศ ทรงเลือกมัธยมประเทศ ๔. ตระกูล ทรงเลือกตระกูลกษัตริย์ศากยวงศ์ ๕. มารดา ทรงเลือกมารดาที่มีศีลห้าบริสุทธิ์ ได้บำเพ็ญบารมีมาตลอดแสนกัป และกำหนดอายุของมารดา ทรงกำหนดได้พระนางมหามายา ------------------------------------------------------
"๗ สหชาติ ของพระพุทธเจ้า"
ครั้น พระนางสิริมหามายา พระราชมารดาของพระพุทธเจ้าเมื่อใกล้ถึงกำหนดพระประสูติกาล ก็เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ไปยังกรุงเทวทหะอันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง (ตามธรรมเนียมพราหมณ์ที่ฝ่ายหญิงจะต้องกลับไปคลอดที่บ้านบิดามารดา) เมื่อขบวนผ่านมาถึงอุทยานลุมพินีซึ่งตั้งอยู่ระหว่างนครทั้งสอง พระนางประชวรพระครรภ์ บรรดาข้าราชบริพาลก็รีบจัดที่ประสูติถวายภายใต้ต้นสาละใหญ่
กาลเวลานั้นแดดอ่อน ดวงตะวันยังไม่ขึ้นตรงศรีษะเป็นวันเพ็ญเดือน ๖ พระจันทร์จักโคจรเต็มดวงในยามเที่ยงคืน ชมพูทวีปเริ่มมีฝนอากาศโปร่ง ต้นไม้ในอุทยานป่าสาละกำลังผลิดอกออกใบอ่อน ดอกสาละ ดอกจำปาป่า ดอกอโศก และดอกไม้นานาพรรณกำลังเบ่งบานส่งกลิ่นเป็นที่จำเริญใจ พระนางสิริมหามายาประทับยืน พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งสาละ พระหัตถ์ซ้ายปล่อยตก ประสูติพระโอรสโดยสะดวก
ในวันเพ็ญเดือน ๖ วันที่พระกุมารประสูตินั้น มีมนุษย์และสัตว์กับสิ่งซึ่งเป็นสหชาติมงคลบังเกิดร่วมถึง ๗ อัน "สหชาติ" นั้นหมายถึงผู้เกิดร่วมด้วย ๗ สหชาติของพระพุทธเจ้า คือ http://www.dhammathai.org/buddha/g27.php
=====================================
ผมเชื่อว่า หญิงชาย มีความสำคัญเท่าเทียมกัน เพราะ "หากไม่มีเพศหญิง พระพุทธเจ้า
จะมาเกิดและทรงอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไรกัน?"
จากคุณ : -----------------------------------------------
คุณรถเรณู มองโลกแคบและสั้น เกินไป หรือเปล่า ?
ที่มีพระพุทธเจ้า และสหชาติ ก็ด้วย ความตั้งใจจะช่วยเหลือ สรรพสัตว์ ของหลายบุคคลที่มีเจตนาต่างกัน
ที่ท่านทั้งหลายได้ตั้งจิต อธิษฐานไว้ ในอดีตชาติอันยาวนาน และร่วมกันสร้างบารมีมาด้วยกัน นับภพนับชาติไม่ถ้วน
ดังเช่น เรื่องพระเวสสันดรชาดก เป็นต้น
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ธ.ค. 55 06:29:13
|
|
|
|
|