|
ความคิดเห็นที่ 25
อุทธัจจะนิวรณ์ (ขั้นพระอนาคามี ไม่ว่าจะ ผ่าน ข่ม นิวรร์ทั้ง ๕ มาได้แล้วหรือไม่ สมัย ยังเป็น ปุถุชน) จึง ต่างจาก อุทธัจจะสัญโญชน์ (ขั้นพระอนาคามี)
^^^^^^^^^^^
ย่อมต่างกัน เพราะ อุทธัจจะสัญโญชน์ (ขั้นพระอนาคามี) มีความละเอียดประณีตมากกว่า
# อุทธัจจะนิวรณ์
ทรงอุปมาว่า ....
เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำ อันลมพัดต้องแล้ว หวั่นไหว กระเพื่อม เกิดเป็นคลื่น บุรุษผู้มีจักษุ เมื่อมองดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ไม่พึงรู้ ไม่พึงเห็น ตามความเป็นจริง ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใด บุคคลมีใจฟุ้งซ่านด้วยอุทธัจจกุกกุจจะ อันอุทธัจจกุกกุจจะเหนี่ยวรั้งไป และย่อมไม่รู้ ไม่เห็นอุบายเป็นเครื่องสลัดออก ซึ่งอุทธัจจกุกกุจจะ ที่บังเกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง ...
หรือ ...
... เครื่องเศร้าหมองของจิต ๕ อย่างนี้ เป็นเครื่องทำจิตไม่ให้นิ่มนวล ไม่ให้ควรแก่การงาน ไม่ให้ผุดผ่อง ให้เสียไป และไม่ให้ตั้งมั่นด้วยดี เพื่อความสิ้นอาสวะ เครื่องเศร้าหมองแห่งจิต ๕ อย่างคือ
กามฉันทะ...พยาบาท...ถีนมิทธะ...อุทธัจจะ กุกกุจจะ...วิจิกิจฉา เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ทำจิตไม่ให้นิ่มนวล...
# อุทธัจจะสัญโญชน์
พระอนาคามี ยังมีจิตอนุเสติ ในสภาวธรรมอันละเอียดประณีต เช่นเรื่อง ... ความที่ยังไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ, ความมี ความเป็น ในภพสุทธาวาส , การปรารภความเพียรจัด, การอยู่ในธรรมเครื่องอยู่สงบ/เครื่องขัดเกลา, ยังเพลินพอใจในสัญญาซึ่งอทุขมสุขเวทนา ... ฯลฯ
เมื่อพระอนาคามี ยังมีฉันทราคะในขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ (อุปาทานขันธ์) จึงมีความน้อมไป ... เมื่อเมื่อการมา การไปมี การเคลื่อนและการบังเกิด (จุติ + อุปะปาตะ) ย่อมมี
ทรงตรัสว่า ...
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อภิกษุเป็นผู้มีปรกติ เห็นโดยความเป็นอัสสาทะ (น่ารักน่ายินดี) ในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ (สัญโญชนิยธรรม) อยู่ , การหยั่งลงแห่ง " นามรูป " ย่อมมี , เพราะมีนามรูป เป็นปัจจัย จึงมี สฬายตนะ ; เพราะมีสฬายตนะ เป็นปัจจัย จึงมี ผัสสะ ;
ฯลฯ ....
เพราะมีอุปาทาน เป็นปัจจัย จึงมี ภพ ; เพราะมีภพ เป็นปัจจัย จึงมี ชาติ ; เพราะมีชาติ เป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน: ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.
http://www.pobbuddha.com/tripitaka/upload/files/1529/index.html
สูตรที่ ๘ ทุกขวรรค อภิสมยสังยุตต์ นิทาน. สํ. ๑๖/๑๐๘/๒๑๖, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน.
ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้มัวแต่เห็นเป็นของอร่อยในสัญโญชนิยธรรม (กามคุณห้า ฯลฯ) ทั้งหลายอยู่ ย่อมละราคะไม่ได้ ละโทสะไม่ได้ ละโมหะไม่ได้ .... เพราะ ละราคะ โทสะ โมหะไม่ได้ ย่อมไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาส ; เรากล่าวว่า ย่อมพ้นจากทุกข์ ไม่ได้.
- ทุก. อํ. ๒๐/๖๕/๒๕๒.
^^^^^^^^^^^
ไม่ทราบว่าความเข้าใจที่บรรยายมานั้น ผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด กรุณาแก้ไข ให้รายละเอียดเพิ่มเติมด้วย...
จะรออ่านนะ ขอบคุณมาก ...
จากคุณ |
:
พลอยยินดี และ ดีใจ ที่ไม่ไป (คนดู)
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ธ.ค. 55 23:34:18
|
|
|
|
|