เปิดหน้ากากธรรมกาย ลากไส้ ดร.เบญจ์

    เดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่ากระทู้พันทิพย์เป็นที่ซ่องซุมโจรไปแล้วหรือครับ ปล่อยให้สาวกสำนักธรรมโกย ให้เลือกด่าว่าพระอริยสงฆ์ได้ตามอำเภออยู่ใจได้ อย่างกรณี นายมาก, นายพอล , นายอัสมิมานะ เห็นแต่ตั้งกระทู้ถามเรื่องนิพพานเป็นอัตตา อย่างที่ท่านอ. เสฐียรพงษ์ วรรณปก บอกไปแล้วว่า "...พระนิพพานคืออะไร เป็นอัตตาหรืออนัตตา นี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาตีความแล้วนะครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เรียบร้อยแล้วว่าพระนิพพานเป็นอนัตตา ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าคุณเชื่อไหม เสรีภาพให้มาใช้ตรงนี้ คุณมีเสรีภาพจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าคุณไม่เชื่อพระพุทธเจ้าว่าอธิบายอย่างนี้ ตีความอย่างนี้ ผมไม่เชื่อ คุณก็มีสิทธิ์ที่จะไปไหนก็ได้ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณจะมาอ้างว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้ต่างหาก เอาความเห็นของคุณไปใส่นี่ กลายเป็นว่าคุณกำลังจะบิดเบือน กำลังจะทำลายพระพุทธศาสนา..."

    บุคคลทั้ง 3 นี่ ผมเห็นแต่เอาข้อมูลของเจ้า ดร.เบญจ์ มาลงในกระทู้พันทิพย์ทั้งดุ่นเลย แล้วตอนนี้เจ้าดร.เบญจ์ ผู้ทำลายพระพุทธศาสนา หนังสือของมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พฤติกรรมของบุคคลทั้ง 3 ก็คือบ่อนทำลายพระพุทธศานา ต่อไปนี้จะเป็นบทสรุป

    หนังสือเรื่อง พระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ ซึ่งผู้ใช้นามว่า ดร.เบญจ์ บาระกุล เป็นผู้เขียนนั้น มีความมุ่งหมายที่จะ เหยียบพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ยกธรรมกาย โดยไม่มีทางที่จะเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้ เหตุที่ต้องเหยียบพระธรรมปิฎก ก็เพราะพระธรรมปิฎกเป็นผู้ออกมาเสนอแนวความคิดที่ชี้ให้เห็นว่า ลัทธิธรรมกายนั้นมีแนวคำสอนไม่ถูกต้องตามคำสอนที่ปรากฎในพระไตรปิฎกเถรวาท สิ่งที่พระธรรมปิฎกชี้ให้เห็นนั้น เป็นที่ยอมรับกันว่ามีน้ำหนัก มีหลักฐาน ค้านไม่ได้ จึงต้องหาทางทำให้พระธรรมปิฎกเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจไม่ได้ หรือเป็นคนล้มละลายทางวิชาการ ด้วยการโยงเรื่อง บิดเบือนเรื่อง ตลอดจนแต่งเรื่อง ให้เห็นว่าพระธรรมปิฎกนั้นมีพฤติกรรมที่เสียหาย พูดอย่างสรุปให้ชัดๆ ก็คือ พระธรรมปิฎกเป็นไส้ศึกของต่างศาสนาที่แอบแฝงเข้ามาทำลายศาสนาพุทธ เป้าใหญ่ในการเหยียบพระธรรมปิฎก ก็คือผลงานทั้งหลายทั้งปวงของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือหนังสือ พุทธธรรม อันเป็นผลงานที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายต่างยกย่องว่าเป็นดั่งเพชรเม็ดงามในวงวิชาการพระพุทธศาสนา แต่ทุกขั้นตอนทุกกระบวนท่าในการเหยียบพระธรรมปิฎก กลับเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนและเลอะเทอะเป็นที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นไปในชีวิตของพระธรรมปิฎก หรือในด้านผลงานของท่าน ความเสียหายอันเกิดจากข้อกล่าวหานั้น ย่อมมิได้เกิดเฉพาะแก่พระธรรมปิฎกเท่านั้น หากยังเปราะเปื้อนเข้าไปถึงหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอีกด้วย จุดนี้แหละที่ทำให้ผู้รักความเป็นธรรมและรักความจริงย่อมไม่ควรจะทนนิ่งดูดายได้

    ในส่วนที่มุ่งยกธรรมกาย ก็มีความผิดพลาด คลาดเคลื่อน และเลอะเทอะไม่แพ้กัน อันที่จริง การที่ใครจะยกย่องคำสอนหรือข้อปฏิบัติของใคร ก็ย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพโดยบริบูรณ์อันผู้ใดผู้หนึ่งมิบังควรที่จะเข้าไปแทรกแซงก้าวก่าย แต่การยกธรรมกายอันปรากฎในหนังสือ พระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ เล่มนี้มิได้ยกกันลอยๆ หากแต่ได้อ้างอิงเอาพระไตรปิฎกเถรวาทเข้ามาสนับสนุนอย่างผิดพลาดคลาดเคลื่อน และเลอะเทอะเป็นที่สุดเช่นกัน กรณีเช่นนี้หากปล่อยทิ้งไว้หรือปล่อยให้ผ่านเลยไปเฉยๆ โดยไม่มีการทักท้วงถามถึงความถูกต้องแล้วไซร้ ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานเพียงพอหากได้อ่านเข้า ก็จะหลงเข้าใจผิดไปว่า คำสอนนั้นๆ ข้อปฏิบัตินั้นๆ ตรงตามหลักพระพุทธศาสนาเถรวาท เพราะมีพระไตรปิฎกตรงนั้นๆ รับรองเอาไว้ และถ้าการอ้างอิงอย่างเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเช่นนี้ สามารถทำได้โดยไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ แล้วไซร้ สัทธรรมปฏิรูปก็ย่อมจะบานสะพรั่งขึ้นในพระพุทธศาสนาโดยเร็วพลันเป็นแน่แท้ ต่อไปอาจเป็นอย่างนิทานตลกที่เล่ากันว่า พระสองรูปเถียงกันว่าสัตว์บกกับสัตว์น้ำอย่างไหนมีมากกว่ากัน ต่างก็อ้างเหตุผลขึ้นมาสนับสนุนความเชื่อของตน และไม่ยอมกัน ในที่สุดรูปที่เห็นว่าสัตว์น้ำมีมากกว่าสัตว์บกก็พูดขึ้นว่า พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า สัตว์น้ำมีมากกว่าสัตว์บก ดังพุทธภาษิตว่า ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาครํ อีกรูปหนึ่งได้ฟังอ้างบาลีดังนั้นจึงยอมแพ้

    หมายความว่า ต่อไปใครจะสอนอะไร ปฏิบัติอะไร ก็ได้หมด โดยอ้างว่ามีพระไตรปิฎกตรงนั้นๆ รับรองไว้ว่าถูกต้องอย่างนั้นๆ

    ทุกประเด็นที่ผมยกขึ้นมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับลัทธิ แนวคำสอน ข้อปฏิบัติ ความคิด ความเข้าใจ อันเป็นเรื่องส่วนรวมทั้งสิ้น แม้หากจะมีประเด็นเกี่ยวกับตัวบุคคลบ้างก็เป็นเรื่องที่บุคคลนั้นๆ แสดงออกต่อสาธารณะ ไม่มีเรื่องส่วนตัว และไม่ได้มุ่งเรื่องส่วนตัวเลย แม้เป็นเรื่องส่วนรวมอยู่แล้วก็ยังจำกัดอยู่ในขอบเขตของหลักธรรมหรือแนวคิดทางธรรม เรื่องหลายๆเรื่องที่ดูเหมือนจะเกี่ยวกับส่วนรวม ผมก็ไม่แตะข้องแวะ เช่น เรื่องซื้อที่ดิน เรื่องทำธุรกิจ เรื่องการใช้เงิน และแม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับสีกาทั้งหลาย ซึ่งมีการประโคมข่าวกันอย่างอึกทึก เพราะเรื่องเหล่านี้ผมเห็นว่า ควรจะอยู่ในวงพิจารณาอีกวงหนึ่ง ไม่ใช่วงที่ผมควรจะไปพิจารณาด้วย แต่ควรเป็นเรื่องของผู้มีหน้าที่และมีอำนาจจะพึงพิจารณาดำเนินการกันไป กรอบของผมอยู่ที่เนื้อหาหลักธรรมเท่านั้น อะไรที่ผมเห็นว่าพูดผิดสอนผิด ตลอดจนกล่าวหาผิดๆ ผมก็ยกขึ้นมาชี้แจงแสดงให้เห็นว่าผิดอย่างไร และที่ถูกควรเป็นอย่างไร

    จากคุณ : โลกียะ - [ 5 ส.ค. 46 04:15:52 A:202.57.175.115 X: ]