CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ......................ศีล......................คุณค่าของความเป็นมนุษย์.................

    ..............ศีล..เป็นที่ตั้งแห่งความดี

    .............ศีล..คุณค่าของความเป็นมนุษย์

    แม้ศีลจะมีหลายความหมาย แต่ที่สำคัญที่สุด คือ เจตนา ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า
    "ศีล คือ ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากความชั่ว ความทุจริต สิ่งที่ไม่ดีทุกประการ"

              การรักษาศีล จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุ คือวิธีการทำบุญอย่างหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่เรา
    ตั้งใจงดเว้นจากความชั่ว ตั้งใจที่จะไม่เบียดเบียนใคร ย่อมจะเกิดกระแสแห่งความดี
    เกิดความเมตตาขึ้นมาในใจ ที่เราเรียกว่า กระแสบุญ อันเป็นเครื่องชำระจิตใจของเรา
    ให้สะอาดบริสุทธิ์ การรักษาศีลจึงเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและจิตใจให้บริสุทธิ์
    ดีงามยิ่งขึ้น

    ศีล....แปลว่า  ปกติ

            เพราะปกติของคนเรานั้นย่อมรักชีวิตของตน และเห็นคุณค่าชีวิตของคนอื่น
    เมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้ จึงยินดีในการรักษาศีล เพราะไม่ปรารถนาจะเบียดเบียนกันและกัน
    การรักษาศีลจึงเป็นการนำไปสู่ความเป็นคนที่ ปกติสมบูรณ์
             ด้วยเหตุที่มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง หากแต่อยู่ร่วมกันเป็น
    สังคม มนุษย์จึงมีข้อตกลงระหว่างกัน ในการที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติสุข ซึ่งข้อ
    ตกลงดังกล่าวนั้นก็คือ มนุษยธรรม หรือ ศีล ๕ นั่นเอง

    .....อะไรคือ ปกติของคน

    ปกติของคนจะมีอารมณ์ดี มีใจเมตตากรุณา ต่อเพื่อนมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย
    จึงเกิดศีล ข้อ ๑ ขึ้นมาว่า ปาณาติปาตาเวระมะณี หมายถึง เจตนาเครื่องงดเว้นจากการ
    ฆ่าสัตว์ด้วยตนเองและใช้คนอื่นให้ฆ่า พูดง่ายๆ ก็คือ รักจะเป็นคนแล้วอย่าฆ่า

    ปกติของคนจะมีความภาคภูมิใจว่า "ทำกินเอง" ไม่ลักขโมยใครกิน ไม่แย่งหรือเบียด
    เบียนฉ้อโกงทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตน
    จึงเกิดศีล ข้อที่ ๒ ขึ้นมาว่า อทินนาทานา เวระมะณี หมายถึง เจตนาเครื่องงดเว้นจาก
    การลักทรัพย์ด้วยตนเอง และใช้คนอื่นให้ลัก หรือพูดง่ายๆว่า รักจะเป็นคนแล้วอย่า
    โกงใครทั้งสิ้น

    ปกติของคนจะต้องข่มความรู้สึกด้วย มโนธรรมเมื่อมีความรู้สึกทางเพศเกิดขึ้น ปกติของ
    คนแล้วจะไม่แย่งคู่ครองของใคร
    จึงเกิดศีล ข้อที่ ๓ ขึ้นมาว่า กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี หมายถึง เจตนาเครื่องงดเว้น
    จากการประพฤติผิดในกาม หรือพูดง่ายๆ ว่า รักจะเป็นคนเต็มคน ก็อย่าทำผิดทางเพศ

    ปกติของคนจะพูดกันตรงไปตรงมา มีความจริงใจต่อกัน
    จึงเกิดศีล ข้อที่ ๔ ขึ้นมาว่า มุสาวาทา เวระมะณี หมายถึง เจตนาเครื่องงดเว้นจากการพูด
    ปด พูดส่อเสียด บิดเบือนความจริงให้คนอื่นหลงเชื่อ หรือพูดง่ายๆ ว่า รักจะเป็นคน
    ต้องพูดกันตรงไปตรงมา

    ปกติของคนย่อมมีสติมั่นคง แล้วอาศัยสตินั้นเปลี่ยนแปลงกำลังกาย ให้เป็นกำลังความ
    ดีได้ เพื่อรักษาสติ รักษากำลังความดีไว้ จึงเกิดศีล ข้อ ที่ ๕ ขึ้นมาว่า สุราเมระยะมัชชะปะ
    มาทัฎฐานา เวระมณี หมายถึง เจตนาเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่ง
    ความประมาท หรือพูดง่ายๆ ว่า รักจะเป็นคนเต็มคน อย่าไปดื่มสุรายาเมาหรือ ติดยาเสพ
    ติดให้โทษ

    ....ศีลเป็นเสมือนเครื่องมือวัดความเป็นคน โดยพิจารณา ดังนี้...

    วันใดเรามีศีลครบ ๕ ข้อ แสดงว่าวันนั้นเรามีความเป็นคน ครบ ๑๐๐ %
    ถ้ามีศีลเหลือ ๔ ข้อ ความเป็นคนก็เหลือ ๘๐ % ใกล้สัตว์ เข้าไป ๒๐ %
    ถ้ามีศีลเหลือ ๓ ข้อ ความเป็นคนก็เหลือ ๖๐ % ใกล้สัตว์เข้าไป ๔๐ %
    ถ้ามีศีลเหลือ ๒ ข้อ ความเป็นคนก็เหลือ ๔๐ % ใกล้สัตว์เข้าไป ๖๐ %
    ถ้ามีศีลเหลือ ๑ ข้อ ความเป็นคนก็เหลือ ๒๐ % ใกล้สัตว์เข้าไป ๘๐ %

                                 ถ้าศีลทุกข้อขาดหมด ก็หมดความเป็นคน หมดความสงบ หมดความสุข
    แม้ยังมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตายแล้ว เพราะความดีใดๆ ไม่อาจงอกเงยขึ้นมาได้อีก มีชีวิต
    อยู่ก็เพียงเพื่อจะทำความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นเท่านั้น คนชนิดนี้ คือคนประ
    มาทแท้ๆ

    ศีล กล่าวโดยสรุปมี ๓ ประเภท คือ

    ๑. ศีล ๕ ( เบญจศีล, นิจศีล, จุลศีล )
        เป็นศีลพื้นฐานอันสำคัญยิ่ง เพราะการที่เราจะรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้นั้น
    จะต้องรักษาศีล ๕ เป็นอย่างน้อย

    ๒. ศีล ๘ ( อุโบสถศีล, มัชฌิมศีล )
         เป็นศีลที่รักษาในวันอุโบสถ (วันพระ) หรือในโอกาสพิเศษตามที่ต้องการ เพื่อเป็น
    การยกระดับจิตใจให้ประณีตยิ่งขึ้น

    ๓. ปาริสุทธิศีล ( มหาศีล )
         เป็นศีลสำหรับผู้ที่มุ่งสู่ความบริสุทธิ์ และความสงบสุขของชีวิต เช่นพระภิกษุใน
    พระพุทธศาสนา เพราะเป็นการเกื้อกูลต่อการทำภูมิจิตให้สูงยิ่งขึ้นไป

                      ดวงจันทร์ปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาศ ย่อมสว่างกว่าหมู่
                          ดาวทั้งปวงในโลกด้วยรัศมีฉันใด บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล
                                มีศรัทธา ก็ย่อมรุ่งโรจน์กว่าผู้ตระหนี่ทั้งปวงในโลก
                                                        ด้วยความเสียสละฉันนั้น

                                   จิตฺตํ  ทนฺตํ  สุขาวหํ  จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้
                                                                                   
                                                                                                พุทธพจน์

    จากคุณ : foox - [ 18 พ.ย. 47 14:12:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป