ความคิดเห็นที่ 1 ประวัติท่านพุทธทาส http://www.buddhadasa.com/ ------------------------------------------------ http://www.buddhadasa.com/ ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น พอพระพุทธเจ้า มีขึ้นในโลก เรื่องเหล่านี้ มันมีอยู่แล้ว จะไปเสียเวลาหักล้าง ก็ไม่ไหว พิสูจน์ให้คนโง่ เห็นไม่ได้ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้า ท่านจึงพลอยตรัส เอออวย ไปตามคำที่พูดๆ กันอยู่ แต่แล้ว ก็ทรงแสดง สิ่งที่ดีกว่า ให้เขาเลิกละ ความสนใจ หรือ ติดแน่น ในสิ่งนั้นเสีย ให้เลิกละ ความติดแน่น ในนรก ในสวรรค์ ในเทวโลก พรหมโลก เหล่านั้นเสีย ------------------------------------------------------- จากธรรมบรรยายเรื่อง เทวดามีจริงหรือ ? ท่านได้กล่าวตู่พระพุทธเจ้าว่าเอออวยกับพวกพราหมณ์ เพราะพิสูจน์ให้คนโง่เห็นไม่ได้ และมีหลายๆ อย่างเรื่องที่ท่านบิดเบือนพระพุทธพจน์ ดังนี้ กรณีเฉลิมศักดิ์ใส่ร้ายท่านพุทธทาส http://larndham.net/index.php?showtopic=12605&st=0&hl=เฉลิมศักดิ์ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 13 ธ.ค. 47 17:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ท่านพุทธทาสท่านมรณะภาพไปแล้วอะครับ ตอนนั้นเป็นข่าวดังมากเลย หนังสือธรรมมะนี่มีให้อ่านมากมายเลยเข้าไปหาในร้านหนังสือเลือกเอาตามแบบที่ชอบได้เลย หรือถ้าเล่นเน็ตก็ลองเข้าไปโหลดหนังสือคุณดังตฤณมาอ่านดูได้ มีตั้งแต่เป็นนิยาย ชั้นอนุบาลจนถึง พระสูตรฉบับแปลพร้อมคำอธิบาย เจ้าของเขาสร้างเว็บให้คนจนอ่านได้ฟรี ที่นี่ http://dungtrin.com/ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 13 ธ.ค. 47 17:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ท่านพุทธทาสกล่าวตู่ปฏิจจสมุปบาทธรรม http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/K3166539/K3166539.html ------------------------------------------- จากคำถามเจ้าของกระทู้ ---------------------------------------------- เลยทำให้เราอยากรู้จักท่านอ่ะค่ะ เท่าที่อ่านดูท่านเป็นพระที่ท่าทางจะมีความรู้มากๆ ทีเดียว เก่งอ่ะ และไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่วัดไหนอ่ะคะ อยากเห็นตัวจริง จะถามแม่ก็ไม่กล้า กลัวเก๊กแตก เพราะตอนแรกดันไปทำท่าประมาณว่าธรรมมะหนูไม่สน - -' ---------------------------------------------------- ท่านเป็นนักวิชาการที่เสนอให้ตัดพระธรรมวินัยออกสัก ๖๐% เพื่อความบริสุทธิ์ --------------------------------------- http://www.buddhadasa.com -------------------------------------------------------------------- ปลดออก ระงับเสีย สำหรับเมื่อจะแสดงแก่คนชนิดไหน ถ้าจะมีสำหรับคนทั่วไป คนพื้นฐานที่ไร้การศึกษาก็ไม่ต้องฉีกออก และไม่มีอะไรที่จะต้องฉีกออก แต่ถ้าจะแสดงแก่นักวิทยาศาสตร์แท้จริง นักโบราณคดีแท้จริง ต้องปลด ๆ ออกเสีย ๖๐% เหลือ ๔๐% จึงจะสะอาด สะอาดบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เหลือแต่แกนกับแก่น เหลือแต่เพชรเหลือแต่ทองคำ (หัวเราะ) ------------------------------------------------------------------- ไม่ได้มีหลัก (หัวเราะ) ว่าไปตามความรู้สึก พออ่าน ๆ เข้าหลาย ๆ เที่ยวเข้า มันก็เกิดความรู้สึกเองตามหลักสามัญสำนึก สังเกตเห็นว่ามันมีอยู่อย่างนั้น ๆ แสดงอะไรอยู่อย่างนั้นแล้วเรื่องก็บอกอยู่ในตัว เรื่องที่เป็นคำอธิบายปลีกย่อยในวินัยปิฎกมันก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทำในสมัยพระพุทธเจ้า อย่างนี้มันก็ไม่ค่อยแปลกเท่าไร ใคร ๆ ก็รู้สึก และโดยเฉพาะพวกฝรั่งนั้น จะรู้สึกง่ายที่สุด เพราะเขาสังเกตสังกาเก่ง เราเริ่มรู้สึก สะดุดสงสัยขึ้นมาว่านี่มันไม่ใช่ ตอนนั้นก็ยังไม่มากเท่าเดี๋ยวนี้ (หัวเราะ) ถ้าเดี๋ยวนี้มันรู้สึกแน่นอน เฉียบขาด และความรู้สึกอย่างนั้นเดี๋ยวนี้มันแน่นแฟ้น ---------------------------------------------------------- จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 13 ธ.ค. 47 17:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดิมท่านอยู่ที่สวนโมกข์ครับ ตอนนี้ท่านมรณภาพไปนานแล้วครับ ท่านเขียนผลงานไว้มากครับ มีลูกศิษย์ ลูกหาค่อนข้างมาก ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ นรก และการเวียนว่ายตายเกิด น่าจะค่อนข้างถูกจริต กับสายท่านพุทธทาสมาก แต่ถ้าเชื่อบ้างควร ศึกษาของท่านธรรมปิฏกจะดีกว่าเพราะท่านจะเขียน แบบกลางๆ กว่า และท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าพึ่งเริ่มก็ลองติดตาม กระทู้ซีรีย์ มงคล 38 ของคุณ fooxดูสิครับ อธิบายได้ดี ทีเดียว อยู่ในพันทิพ ต้องระวังครับเพราะหลากพ่อพันธแม่ หลากสำนักประชันขันแข่ง ทำให้มึนเอาง่ายๆ จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 13 ธ.ค. 47 17:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เริ่มแรกอ่านแบบที่ท่านอธิบายแบบง่ายๆก่อนดีกว่า แบบที่เราเข้าใจแล้วนำมาใช้ได้ทำให้เรารู้อารมเราหรือความเป็นไปของเราดีกว่า อะไรที่เรายังไม่เห็นก็ยังไม่ต้องแค่รู้ไว้เพื่อเจอท่านจึงอธิบายเท่าที่ไม่ทำให้เราเผรอไปในเรื่องที่ไกลไป เอาเป็นแค่ตอนที่เรายังมีลมหายใจแล้วเราเป็นสุขก็ดีสำหรับเราแล้วไม่ต้องไปคิดไกลจนต้องมานั่งทุกข์ต่อไป จากคุณ : EDM - [ 13 ธ.ค. 47 17:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 น่าสงสารผู้ตั้งกระทู้ ที่พอตั้งกระทู้ถามถึงพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็โดนพวกประสงค์ร้ายต่อพระศาสนาเข้ามาโจมตี ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ตั้งกระทู้ครับ คุณเดินมาถูกทางแล้ว ถ้าไม่แน่ใจอย่างไรก็ลองพิจารณาถึงในหลวงก็ได้ครับ ว่าในหลวงท่านปฏิบัติกับท่านพุทธทาสอย่างไร? "ในสมัยหนึ่งเมื่อท่านเจ้าคุณพุทธทาสป่วยหนัก “เป็นความดันโลหิตสูงถึงเกือบสามร้อย เป็นโรคเบาหวาน น้ำท่วมปอด เส้นเลือดหัวใจตีบ และมีอาการหัวใจวาย อาการขนาดนี้แบบนี้ก็แลเห็นได้ว่าท่านเจ้าคุณพุทธทาสน่าจะมรณภาพ”พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบความแล้วจึงโปรดฯให้แพทย์หลวงคณะหนึ่งเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อรักษาพยาบาลท่านเจ้าคุณ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะแพทย์อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสไปถวายเจ้าคุณพุทธทาสว่า “ทรงขออาราธนาว่าอย่าเพิ่งดับขันธ์ ขออาราธนาให้อยู่จรรโลงพระศาสนาต่อไป” ท่านเจ้าคุณพุทธทาสเจริญสมาธิรับพระราชกระแสบนเตียงผู้ป่วย ครู่หนึ่งก็ได้กล่าวกับคณะแพทย์ว่า “อาตมารับอาราธนา แต่จะอยู่เท่าที่ปัจจัยและสังขารจะอำนวยให้ได้เท่านั้น” หลังจากรับอาราธนาแล้ว อาพาธที่เป็นอยู่ก็ทุเลาอย่างรวดเร็วเป็นที่มหัศจรรย์ และหลังจากนั้นท่านเจ้าคุณพุทธทาสก็มีอายุยืนยาวมาได้หลายปี จนกระทั่งท่านเจ้าคุณได้ปลงอายุสังขารในปลายปีก่อนที่จะละสังขารนั่นเอง" ที่มา...http://larndham.net/index.php?showtopic=13037 จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 13 ธ.ค. 47 19:09:42 A:61.90.6.11 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 4 ท่านพุทธทาสไม่ใช่ไม่เชื่อนรกสวรรค์และการเวียนว่ายตายเกิดนะครับนะครับ มีหนังสือที่เป็นบทสัมภาษณ์ถามท่านเกี่ยวกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีโจมตีท่านเรื่องเหล่านี้ ซึ่งสามารถหาซื้อมาอ่านได้ไม่ยากครับ ตรงกันข้าม ผู้ที่กล่าวโจมตีท่านพุทธทาสอย่างนายเฉลิมศักดิ์มาจนบัดนี้ยังปฏิเสธพระสูตรที่ว่า สวรรค์นรกอยู่ที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจอยู่เลยครับ นายเฉลิมศักดิ์ปฏิเสธพุทธพจน์นะครับ ท่านพุทธทาสปฏิเสธคำสอนของพระสาวกที่จับใส่ปากพระพุทธเจ้า ธรรมะของท่านธรรมปิฏก ของท่านพุทธทาส ของหลวงพ่อชา นั้นสอดคล้องกับพุทธพจน์ครับ มีในพระสูตร สำหรับกระทู้นี้และอีกหลายๆกระทู้ ผู้ที่กล่าวตู่พุทธพจน์ กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ผมเห็นมีแต่นายเฉลิมศักดิ์นี่แหละครับ ท่านพุทธทาสเป็นผู้ที่ซื่อตรงต่อพุทธพจน์จนถึงที่สุดแล้ว ผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างโชกโชนคงทราบกันดี ส่วนพวกที่โจมตี...หวังว่าคงไม่ต้องถึงกับให้มีคำยืนยันจากพระอาจารย์สายพระป่าถึงคุณธรรมของท่านพุทธทาสให้ชัดแจ้งจึงจะหุบปากกันได้หรอกนะครับ และขอกล่าวเตือนทุกคนอย่าตกเป็นเหยื่อคำกล่าวเท็จของนายเฉลิมศักดิ์ที่กล่าวหาท่านพุทธทาสเลยครับ เพราะผมได้พิสูจน์จนทราบกับตัวเองชัดแจ้งแล้ว ว่าที่เฉลิมศักดิ์กล่าวหาเป็นความเท็จทั้งสิ้น ผมคงฝากความเห็นของผมเกี่ยวกับเรื่องคำกล่าวเท็จของนายเฉลิมศักดิ์ไว้แค่ที่ตรงนี้ และขอให้ทุกท่านระลึกถึงเหตุการณ์ที่ในหลวงท่านปฏิบัติืกับท่านพุทธทาส เผื่อจะสะกิดใจอะไรขึ้นมาได้บ้าง ผู้ที่หลงเชื่อนายเฉลิมศักดิ์ก็ขอให้ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังอย่างผู้มีปัญญา ท่านจะพบว่าคำสอนของท่านพุทธทาสที่นายเฉลิมศักดิ์โจมตีนั้น เป็นถ้อยคำเดียวกับพระสูตรในพระไตรปิฏกครับ จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 13 ธ.ค. 47 19:21:02 A:61.90.6.11 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผู้ตั้งกระทู้ครับ ผมขอยืนยันในฐานะชาวพุทธผู้อุทิศตัวให้กับศาสนาผู้หนึ่งว่าท่านพุทธทาสเป็นพระแท้ครับ ถึงจวบกระทั่งผมสิื้นลมในชีวิตนี้ ก็ขอยืนยันตรงนี้ว่าท่านพุทธทาสซื่อตรงต่อพุทธพจน์จนถึงที่สุด จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 13 ธ.ค. 47 19:23:03 A:61.90.6.11 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เด็กคนหนึ่งอ่านหนังสือท่านไม่ถึงหน้าดีก็เกิดความปีติ กระหายใคร่จะได้ศึกษาพุทธศาสนาเพิ่มเติมมากขึ้น นี้แลจึงสมญานามพุทธทาส ท่านผู้รู้และอวดรู้ทั้งหลาย ถ้าให้ย้อนเวลาน้องคนนี้ได้ ท่านจะเลือกอันไหน 1. รู้พุทธศาสน์แบบพุทธทาส ซึ่งขัดกับความรู้เดิมของท่าน มีคนสนใจศาสนาพุทธอย่างจริงจังเพิ่มอีก 1 คน 2. ไม่ต้องรู้มันซะดีกว่า เพราะพุทธทาสพูดในสิ่งที่ท่านรับไม่ได้ ท่านเลือกอันไหน ถ้าคนเชื่อตามพุทธกันหมด โลกจะสวบสุขขึ้นไหม และท่านขัดแย้งกับท่าน ก็หาคนที่เก่งกว่าท่านมานำเสนอ แล้วทำ ให้คนซึ้งในศาสนาง่ายๆ เร็วๆอย่างท่านได้หรือเปล่าครับ แต่กลับพระหลายรูปที่สอนให้คนยึดมั่นถือมั่นกลับไม่มีใครไปว่า จากคุณ : พายไม่เป็น ยกขาก็ไม่เป็น (thaisub) - [ 13 ธ.ค. 47 19:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณกำลังฟุ้งครับ รบกวนค้นหาข้อเขียนหรือหนังสือที่ท่านพุทธทาสเขียน ชัดๆว่า ชาติก่อน(ก่อนเกิดในมดลูก) มี ชาติหน้า(หลังร่างกายเสียชีวิต) มี กรรมดี กรรมชั่ว มีจริงส่งผลถึงชาติหน้า(หลังร่างกายตาย) ชาติหน้าจริงๆตามภาษาชาวบ้านนะ ไม่ใช้ใน ชีวิตนี้ที่ยังไม่ตายแล้วตะแบงว่าจิตเกิดดับคือชาติภพ ขอความกรุณาช่วยล้างความโง่เขลาของผมด้วย ผมหาไม่เจอจริงๆ เจอแต่ที่ท่านพยายามเลี่ยงว่าจิตคิดดีก็เป็นเทวดา คือขึ้นสวรรค์ จิตคิดชั่วก็คือตกนรก เจอแต่แบบเลี่ยงๆ อย่างนี้ พอจิตเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็คือการเวียนว่าย ตายเกิด แต่หาไม่เจอครับที่ว่าร่างกายเสียชีวิตแล้ว เป็นศพแล้ว จิตยังต้องรับกรรมในนรกสวรรค์ ความดีความชั่วไม่สูญ ขอความกรุณาหน่อยครับ ผมจะได้คลายความโง่ลงบ้าง ไม่ต้องไปอ้างใครครับถ้าอ้างผมอ้างตัวผมเอง ชัดเจนกว่า ฟังมากับหูตัวเป็นๆ ว่าชาติหน้าหลังร่างกาย ตายนะมีหรือไม่มี จากคุณ : ชะยาสะนาคะตา - [ 13 ธ.ค. 47 19:48:15 A:203.113.33.11 X:203.150.217.114 TicketID:078114 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระพุทธเจ้าท่านมุ่งสอนส่วนที่เป็นนามธรรมเท่านั้น แต่ท่านก็ทรงนำร่องด้วยภาษาชาวบ้าน เพราะมันไม่เป็นการขวางโลก เพราะคนส่วนมากสมัยนั้นเชื่อเรื่องตายแล้ว มาเกิดใหม่ได้ด้วยจิตเดิมอันเดียวกัน ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ร่างกายมันก็เกิดได้หนเดียว และก็ตายหนเดียวเท่านั้น แต่จิตวิญญาณนั้นมันเป็นอะไรๆที่ยุ่งยากซับซ้อนและมีอำนาจแต่คนมันไม่เข้าใจเพราะถูกกลุ่มควันของอวิชชามันคลุมอยู่ การเห็นว่าร่างกายเกิดหนเดียวตายหนเดียวไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลย ยิ่งสมัยนี้คนเข้าใจตามหลักของวิทยาศาสตร์มากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ผมยังได้ยินท่านแม่ทัพภาค ๔ พูดอยู่เลยว่า คน้ราเกิดหนเดียวตายหนเดียว ขอทำดีให้ถึงที่สุดก็แล้วกันจากเหตุการณืที่ตากใบ อย่าลืมว่าสมัยพุทธกาลกับสมัยนี้มันต่างกันตั้ง ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว ความจริงคนในสมัยนั้นก็มีการยอมรับกันมากแล้วด้วย ได้แก่พระอริยบุคคลทั้งหลายตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปพอเข้าใจไหม.. อืมม์..นี่ถ้าพูดเก่งกว่านี้นะรับรองหนาว..อิ อิ อิ จากคุณ : ชูไม่วิทย์ - [ 13 ธ.ค. 47 21:22:13 A:203.113.50.141 X:203.150.217.116 TicketID:014259 ]

ความคิดเห็นที่ 12 งง สรุปแล้ว ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า ในการจุติของจิตดวงเดิม ในกายอื่นๆ มีจริงหรือไม่ หากไม่มี คือ เกิดและตายหนเดียว แล้วนิพพาน กับ ความตายทั่วไปจะให้ผลต่างกันอย่างไรครับ ในเมื่อการตายแล้วตายเลยเหมือนกัน คือนิพพานบอกว่าจิตดับไปด้วย แต่ความตายธรรมดาจิตไม่ดับ แต่ก็ไม่ต้องไปเกิดแล้ว? งง จากคุณ : ช่วยชี้แจงด้วย - [ 13 ธ.ค. 47 23:02:03 A:203.107.159.163 X: TicketID:068073 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โหน้องเขาแค่สนใจ อยากรู้ประวัติ อยากศึกษาธรรม พวกพี่ๆมาทะเลาะจนเสียธรรมกันทำไมอะ ชาตินี้ ชาติหน้า ชาติไหน ไม่เห็นเกี่ยวกับกระทู้เรย ไปตั้งใหม่ดีกว่าไหมคะ ปล.เรากลัวน้องเขางงงงงงงง อะเพราะเพิ่งใหม่ เดี๋ยวตกใจหมด จากคุณ : ตาลสด - [ 14 ธ.ค. 47 00:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับคุณตาลสด อย่างยิ่งครับ จากคุณ : ไข่เจียวว - [ 14 ธ.ค. 47 01:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 10 ครับ ผู้ที่กล่าวโจมตีท่านพุทธทาสโดยมากเป็นผู้ไม่ศึกษาพุทธพจน์แต่เป็นผู้สึกษาคำสอนของพระสาวกรุ่นหลัง หรือไม่ก็ศึกษาพุทธพจน์อย่างไม่รอบคอบ ท่านพุทธทาสท่านอธิบายเรื่องนี้หลายหน้าอยู่เหมือนกัน ผมคงต้องขอสรุปอย่างย่อๆ ที่ผมเสียเวลาพิมพ์และพิมพ์อย่างผิดมารยาทต่อผู้ตั้งกระทู้ก็เผื่อว่าใครสักคนที่โดนคนใจสกปรกที่กล่าวร้ายท่านพุทธทาสอยู่ในขณะนี้จะสะกิดใจอะไรขึ้นมาบ้างครับ ไม่งั้นคงตั้งเป็นกระทู้ใหม่ไปแล้วขอให้เรื่องนี้มันจบที่กระทู้นี้แบบรอบเดียวดีกว่า ผมเคยกล่าวว่าที่ท่านพุทธทาสสอนท่านเอามาจากพุทธพจน์ และก็ยังขอยืนยันเช่นนี้ ที่ว่าไม่ยืนยันว่าตายเกิด และไม่ยืนยันว่าตายสูญ ก็มาจากพุทธพจน์ คือพระพุทธเจ้าเป็นคนสอน และท่านพุทธทาสนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแสดงท่านพุทธทาสไม่ได้คิดเองเออเองหรอกครับ ชาตินี้ชาติหน้าที่ท่านพุทธทาสแสดงว่าทำนองชาติคือการเกิดของอัตตานี่ก็เอามาจากพุทธพจน์ในพระไตรปิฏกนะครับ แม้กระทั่งสวรรค์ในอกนรกในใจนี่ก็เอามาจากพุทธพจน์ในพระไตรปิฏก หนำซ้ำที่ท่านแสดงก็ล้วนนำมาใช้ดับทุกข์ได้ มีประโยชน์แก่ผู้ฟัง การแสดงธรรมแบบนี้ก็ต้องตามพุทธพจน์อีกเช่นกัน สรุปตรงนี้ก่อนว่าที่ท่านพุทธทาสสอนนี่ ท่านไม่ได้มั่วเอง ท่านเอามาจากพระพุทธเจ้า เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาแสดง ที่ๆคุณความเห็นที่ 10 ยกมา เป็นคำที่ฝ่ายโจมตีท่านพุทธทาสขยายความเอาเองนะครับ ท่านเคยชี้แจงกับผู้มาสัมภาษณ์หลายครั้ง ในหนังสือที่ผมมีอยู่ลงไว้ว่า ท่านไม่ปฏิเสธเรื่องนรกสวรรค์ชาตินี้ชาติหน้า ในแบบที่ชาวบ้านเข้าใจ แต่ท่านพอใจที่จะสอนธรรมในแบบที่พิสูจน์ตรงนี้ได้ใช้ดับทุกข์ได้ (ซึ่งนำมาจากพระสูตรในพระไตรปิฏกทั้งสิ้นครับ) สรุปตรงนี้ว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธ ท่านบอกหลายครั้งแล้ว ผมว่าในยุคสมัยนั้นอาจต้องใช้คำที่ให้มันกระแทกใจคนฟังหน่อย จะได้ดึงความโง่ความหลงออกมา แล้วฝ่ายโจมตีท่านก็ขยายความให้มันผิดเพี๊ยนเป็นท่านปฏิเสธครับ เช่นเรื่องฉีกพระอภิธรรม ท่านหมายถึงให้เลือกอธิบายธรรม สำหรับพวกหัวก้าวหน้าหัวนิวเคลียร์ ก็ให้เลือกธรรมที่พิสูจน์ได้ในชาตินี้อธิบาย พวกชาวบ้านธรรมดาก็อธิบายกันแบบเดิม ท่านพูดทำนองนี้ก็มีการขยายความว่าท่านต้องการตัดพระอภิธรรมออก ก็ขอสรุปตรงนี้ว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธความมีอยู่ของนรกสวรรค์ชาตินี้ชาติหน้า ประเด็นพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านพิสูจน์ได้ว่าคำสอนในวิสุทธิมรรคบางส่วนเอาหลักความเชื่อของพราหมณ์มาผสมครับ เช่นโลกกว้างเท่านี้ จักรวาลกว้างเท่านี้ การอธิบายปฏิจจสมุปบาทแบบ 3 ภพ 3 ชาติ ทั้งๆที่ในพุทธพจน์เองก็อธิบายแค่คร่อมภพชาติกับแบบปัจจุบัน ซึ่งท่านก็เห็นด้วยกับพุทธพจน์ครับ มาถึงตอนสุดท้าย ผมอยากจะบอกว่าธรรมะมีแบบทั้งระดับโลกียะกับโลกุตตระนะครับ อย่างตายเกิดแบบที่เราเข้าใจอยู่ในระดับโลกียะ แต่เรื่องไม่มีผู้ตายเกิด เป็นธรรมระดับโลกุตตระ ถ้าอยากนิพพานก็ต้องพึ่งธรรมระดับโลกุตตระ อยากไปแค่สวรรค์ก็พึ่งธรรมระดับโลกียะ ที่ท่านพุทธทาสแสดงเป็นธรรมที่พาเราไปนิพพานได้ครับต้องแยกให้ดี และธรรมที่ท่านแสดงก็มีในพระสูตรในพระไตรปิฏกทั้งนั้น และนี่แหละครับพระแท้ผู้ซื่อตรงต่อพุทธพจน์ที่หลายต่อหลายท่านกล่าวโจมตีอยู่ จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 14 ธ.ค. 47 03:24:38 A:202.133.149.207 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากคำถามเจ้าของกระทู้ ---------------------------------------- และขอรบกวนอีกข้อค่ะ คือถ้าจะศึกษาธรรมมะเนี่ยมันมีหนังสือให้อ่านมั๊ยคะ(ไม่อยากไปวัดอ่ะ) แล้วควรจะเริ่มยังไง มันควรจะเริ่มยังไงอ่ะค่ะ เราไม่รู้ว่าความยากง่ายในศาสนาเค้าจัดกันยังไง ควรอ่านหนังสือเล่มไหน ก่อนหรือหลัง เพราะว่าศาสนานี่มันไม่มีเป็นหลักสูตรใช่มั๊ยคะ -------------------------------------------------- ถึงเจ้าของกระทู้ครับ ควรเริ่มจากความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญาก่อน จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏก ----------------------------------------------- สัทธา ความเชื่อ;ในทางธรรม หมายถึงเชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ, ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล, ความมั่นใจในความจริงความดี สิ่งดีงาม และในการทำความดีไม่ลู่ไหลตื่นตูมไปตามลักษณะอาการภายนอกท่านแสดง สืบ ๆ กันมาว่ามี ๔ อย่างคือ ๑. กัมมสัทธา เชื่อกรรม ๒. วิปากสัทธา เชื่อผลของกรรม ๓. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตัว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ๔. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต ----------------------------------------------- ควรเริ่มต้นด้วยธรรมบรรยายง่าย ๆ มีพระพุทธพจน์, หรือพระสูตรประกอบ เช่น หนังสือ ธรรมบท ทางแห่งความดี (จากกระทู้ที่ลานธรรมเสวนา) การระงับเวรด้วยการไม่จองเวร(ยักษิณี) http://larndham.net/index.php?showtopic=13316&st=0 หรืออ่าเพิ่มเติมจาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ตั้งแต่หน้า ๑ ถึง ๙ http://www.mgronline.com/Dhamma/ViewBrowse.aspx? BrowseNewsID=8101&SourceNewsID=6811&Page=9 ------------------------------------------ ทางแห่งความดี : ผู้ต้องเศร้าโศกในโลกทั้งสอง http://www.mgronline.com/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=4578765847086 ----------------------------------------- อ่านเรื่องนายจุนทสูกริก ที่ฆ่าหมูมานาน ด้วยผลแห่งกรรมนั้นเวลาตายต้องร้องเป็นเสียงหมูถึง ๗ วัน ซึ่งอาการแปลกเวลาเหล่านี้ก็ยังปรากฏอยู่ นี้แหละเพราะอำนาจกรรม ที่จะส่งผลไปเกิดในโลกหน้า เจ้าของกระทู้ก็เลือกทำกรรมเองแล้วกันว่าจะเป็นผู้ต้องเศร้าหมองในโลกทั้งสองแบบนายจุนทสูกริก หรือผู้บันเทิงในโลกทั้งสองแบบ ธัมมมิกอุบาสก http://www.mgronline.com/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=4549561440348 จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 14 ธ.ค. 47 05:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ถ้าอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสมาก จะไม่เชื่อในโลกทั้งสองว่ามีจริง เพราะท่านปฏิเสธเรื่องหลักกรรม, การเวียนว่ายตายเกิด โดยอ้างกาลามสูตรคือไม่ให้เชื่อ ความเชื่อที่จะประกอบด้วยปัญญา(ศรัทธา)ย่อมไม่บังเกิดกับผู้นั้น ทั้งที่ในบทสรุปของกาลามสูตร พระพุทธองค์ตรัสถึงความอุ่นใจ ๔ ประการกับผู้ที่เชื่อ(ศรัทธา) http://larndham.net/index.php?showtopic=12605&hl=เฉลิมศักดิ์&st=6 จากหนังสือ พุทธธรรม ของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏก หน้า ๒๔๐ (บางส่วน) - พุทธพจน์แสดงหลักศรัทธา กาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้น ผู้มีจิตปราศจากเวรอย่างนี้ มีจิต ปราศจากความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิต บริสุทธิ์อย่างนี้ ย่อมได้ประสบความอุ่นใจถึง ๔ ประการ ตั้งแต่ใน ปัจจุบันนี้แล้ว คือ ถ้าปรโลกมีจริง ผลวิบากของกรรมที่ทำไว้ดีทำไว้ชั่วมีจริง การที่ว่า เมื่อเราแตกกายทำลายขันธ์ไปแล้ว จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็ย่อมเป็น สิ่งที่เป็นไปได้ นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ ๑ ที่เขาได้รับ ก็ถ้าปรโลกไม่มี ผลวิบากของกรรมที่ทำไว้ดีทำไว้ชั่วไม่มี เราก็ครอง ตนอยู่ โดยไม่มีทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน เป็นสุขอยู่แต่ในชาติ ปัจจุบันนี้แล้ว นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ ๒ ที่เขาได้รับ ก็ถ้าเมื่อคนทำความชั่วก็เป็นอันทำไซร้ เรามิได้คิดการชั่วร้ายต่อ ใครๆ ที่ไหนทุกข์จักมาถูกต้องเราผู้มิได้ทำบาปกรรมเล่า นี้เป็นความอุ่น ใจประการที่ ๓ ที่เขาได้รับ ก็ถ้าเมื่อคนทำความชั่ว ก็ไม่ชื่อว่าเป็นอันทำไซร้ ในกรณีนี้ เราก็มอง เห็นตนเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสองด้าน นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ ๔ ที่เขาได้รับ ---------------------------------------------- สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้นับถือในลัทธิศาสนาหรือหลักคำสอนใดๆ พระองค์ จะตรัสธรรมเป็นกลางๆ เป็นการเสนอแนะความจริงให้เขาคิด ด้วยความ ปรารถนาดี เพื่อประโยชน์แก่ตัวเขาเอง โดยมิต้องคำนึงว่าหลักธรรมนั้นเป็น ของผู้ใด โดยให้เขาเป็นตัวของเขาเอง ไม่มีการชักจูงให้เขาเชื่อหรือเลื่อมใส ต่อพระองค์ หรือเข้ามาสู่อะไรสักอย่างที่อาจจะเรียกว่าศาสนาของพระองค์ พึงสังเกตด้วยว่า จะไม่ทรงอ้างพระองค์ หรืออ้างอำนาจเหนือธรรม ชาติพิเศษอันใด เป็นเครื่องยืนยันคำสอนของพระองค์ นอกจากเหตุผลและ ข้อเท็จจริงที่ให้เขาพิจารณาเห็นด้วยปัญญาของเขาเอง เช่น เรื่องใน อปัณณกสูตร ซึ่งแสดงให้เห็นเหตุผลที่ควรประพฤติธรรม โดยไม่ต้องใช้วิธี ขู่ด้วยการลงโทษและล่อด้วยการให้รางวัล ดังนี้ :- ------------------------------------------------- ผมจึงเห็นด้วยกับความเห็นที่ ๔ ที่เสนอว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ นรก และการเวียนว่ายตายเกิด น่าจะค่อนข้างถูกจริต กับสายท่านพุทธทาสมาก แต่ถ้าเชื่อบ้างควร ศึกษาของท่านธรรมปิฏกจะดีกว่าเพราะท่านจะเขียน แบบกลางๆ กว่า และท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ ------------------------------------------------ อย่างเช่นธรรมบรรยายเรื่องเทวดา ของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏก http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/K3156633/K3156633.html จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 14 ธ.ค. 47 05:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จากสารานุกรม พระไตรปิฏกฉบับธรรมทาน (cd) -------------------------------------------------- ๑. นิตยมิจฉาทิฏฐิ เป็นทิฏฐิที่ร้ายแรงมากมี ๓ อย่าง คือ ๑.๑. อเหตุกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล บุญบาปไม่มี จะดีหรือชั่ว ก็เป็นไปเอง ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว จึงไม่ทำเหตุให้ดี เช่น ไม่ทำบุญกุศล, ไม่ขวนขวายให้ตนหลุดออกจากวัฏฏะทุกข์นี้ เช่น อริฏฐะภิกษุและกัณฏกภิกษุ เป็นต้น เขาก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ชนิดดิ่งทีเดียว ห้ามทางสวรรค์ ทางพระนิพพาน. สัตว์นี้เป็น ผู้เฝ้าแผ่นดิน ชื่อว่า เป็นตอแห่งวัฏฏะ. ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะ ถือว่า ตัวตนมีอยู่ เพราะ ถือมั่นในรูปนั้น เพราะยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น ๑.๒. อกิริยทิฏฐิ คือ มีความเห็นว่า กรรมไม่มีจริง ไม่มีผล ของกรรม บาปที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ ย่อมไม่มีแก่เขา หรือมาถึงเขา บุญที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ ย่อมไม่มีแก่เขา หรือมาถึงเขา เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่นำเรามาเกิดและ เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็ดิ้นรนหากินกันไป ทำอะไรก็ได้ให้ตนสบาย โดยไม่ต้องสนใจใครทั้งสิ้น เมื่อแก่ชราก็ตายไปตามธรรมชาติ ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้า ทำความชั่วได้ทุกอย่าง ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และ ถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น ๑.๓. นัตถิกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดี ทำชั่วไม่มี ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ กระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว สอนผู้ อื่นให้รู้แจ้ง ไม่มีในโลก คนเรานี้เป็นแต่ประชุมมหาภูตรูปทั้ง ๔ เมื่อใด ทำกาลกิริยา เมื่อนั้น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม อินทรีย์ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอยไปในอากาศ เพราะกายสลาย ทั้งพวกคนพาล ทั้งบัณฑิตย่อมขาดสูญ พินาศสิ้น หลังจากตาย ไปย่อมไม่มี. ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้า ทำความชั่วได้ทุกอย่าง. ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และ ถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น ทิฏฐินี้มักเป็นของพวกอาจารย์หัวรุนแรง แม้จะบอก กล่าว แนะนำอย่างไรก็ไม่ได้ผล อีกทั้ง อาจโต้ตอบด้วย ความรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด นอกจากตนเอง. อเหตุกทิฏฐิ, อกิริยทิฏฐิ, นัตถิกทิฏฐิ ทิฎฐินี้ห้ามสวรรค์ , ห้ามมรรค หรือเรียกว่า มัคคาวรณ์ ห้ามมรรคห้ามผล หรือ เป็นโมกขาวรณ์ ห้ามนิพพาน เป็นสัคคาวรณ์ ห้ามสวรรค์ โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ นิตยมิจฉาทิฏฐิ ท่านยกตัวอย่างเช่น อนันตริยกรรม ๕ ซึ่งถือว่าเป็นกรรมหนักมากมีโทษมาก แม้กระนั้น ก็ยังมีโทษและกรรมหนักสู้มิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้ หาก ถามว่าเพราะอะไร ตอบว่า เพราะอนันตริยกรรม ๕ นั้น มี เขตกำหนดหรือมีกำหนดของโทษนั้น ถึงแม้ว่าอนันตริยกรรม ๔+๑= ๕ อย่าง จะทำให้เกิดในนรก หรือสังฆเภทก็เป็นกรรม ตั้งอยู่ในนรกชั่วกัปเท่านั้น. แต่นิยตมิจฉาทิฏฐิคือ ความเห็นผิดอันดิ่ง ไม่มีเขตกำหนด เป็นรากเหง้าของวัฏฏะ การหลุดออกจากวัฏฏะย่อมไม่มีสำหรับ บุคคลผู้มีมิจฉาทิฐิเหล่านี้ แม้คราวกัปพินาศเมื่อมหาชนไปเกิด ในพรหมโลก แต่บุคคลผู้มีนิยตมิจฉาทิฏฐิก็ไม่สามารถไปเกิด ในพรหมโลกได้ แต่ต้องถูกไฟไหม้อยู่ในโอกาสแห่งหนึ่ง ใน อากาศซึ่งเป็นไฟยิ่งกว่าไฟในมหานรกเสียอีก. ท่านอุปมาว่า ก้อนหินแม้เล็กขนาดเท่าถั่วเขียวโยนลงไป ในน้ำ ชื่อว่าจะลอยอยู่ข้างบน ย่อมไม่มี ย่อมจมลงไปข้างล่าง อย่างเดียว ฉันนั้น. ------------------------------------------------------ ถ้าท่านใดศึกษางานของท่านพุทธทาสแล้วเกิดทิฏฐิดังข้างบนขึ้น ขอให้รีบศึกษาจากผู้ทรงพระไตรปิฏกท่านอื่นประกอบ ไม่เช่นนั้นจะได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่ไม่มีโชคได้พบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ http://www.84000.org/true/258.html อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... เป็นผู้จำแนกธรรม..... นำความสงบมาให้ .... แต่บุคคลนี้กลับมาเกิดในปัจจันตชนบท และอยู่ในพวกมิลักขะไม่รู้ดีรู้ชอบ.... อันเป็นสถานที่ไม่มีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไปมา.... “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... แต่บุคคลนี้กลับมาเกิดในมัชฌิมชนบท แต่เขาเป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มีโลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ทั้งหลายที่ผุดเกิดขึ้น (โอปปาติก) ไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กระทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสั่งสอนประชุมชนให้รู้ตาม ไม่มีในโลก ------------------------------------------------ ขอให้หนูเจ้าของกระทู้มีโชคพบสัตตบุรุษ เกิดสัมมาทิฏฐิในพระพุทธศาสนา เทอญ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 14 ธ.ค. 47 06:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 http://202.44.204.76/cgi-bin/stshow.pl?book=16&lstart=5846&lend=5888&word1=สัทธรรมปฏิรูป ๕๓๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อ ใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรม- ชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น เมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ [๕๓๓] ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุ น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษใน โลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะ อัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้ ฯ -------------------------------------------------------------------------- ขอให้เจ้าของกระทู้และชาวพุทธทุกท่าน อย่าได้ไปคบกับโมฆบุรุษ ผู้กล่าวแต่สัทธรรมปฏิรูป อันเป็นเหมือนทองเทียมที่จะทำให้ทองคำแท้นับวันจะเลือนหายไป จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 14 ธ.ค. 47 06:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อย่างนี้แหละที่เขาเรียกว่าใบลานเปล่า ยกมาแล้วแต่หารู้และเข้าใจตามนั้นไม่ ไอัรู้ครึ่งๆกลางๆแบบนี้แหละ ที่มันเป็นปัญหาต่อการเผยแผ่ศาสนา ไปศึกษามาให้สุดยอดก่อนดีกว่าครับ แล้วคุณเฉลิมศักดิ์จะเข้าใจเอง ผมยังคงเชื่อคุณซิตังเม และคุณมัชฌิมว่าคุณยังหวังดีต่อพุทธศาสนาอยู่ ก็ขอให้ไปศึกษาทาใหม่ตั้งหน้าใหัมันเป็นสัมมาทิฏฐิหน่อย ถ้าตั้งไว้ผิดแล้ว อย่างอื่นมันก็ผิดไปหมด ดำริก็ผิด พูดก็ผิด แล้วจะปฏิบัติถูกได้อย่างไร ถัาปัญญายังไปไหว เรียนใหม่เถอะครับ จากคุณ : ชูไม่วิทย์ - [ 14 ธ.ค. 47 10:19:30 A:172.17.9.52 X:61.19.199.143 TicketID:014259 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณชูไม่วิทย์ครับ ผมเชื่อว่านายเฉลิมศักดิ์เป็น "ผู้ไม่หวังดี" ต่อพุทธศาสนาครับ... จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 14 ธ.ค. 47 11:56:19 A:61.90.93.79 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จากคำแนะนำของคุณชูไม่วิทย์ ------------------------------------------- ก็ขอให้ไปศึกษาทาใหม่ตั้งหน้าใหัมันเป็นสัมมาทิฏฐิหน่อย ------------------------------------------ พระพุทธองค์ตรัสถึงสัมมาทิฏฐิเบื้องต้น หรือทิฏฐิสัมปทา ไว้ดังนี้ --------------------------------------------- http://larndham.net/cgi-bin/tread.pl?start_book=20&start_byte=475580 หรือ http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=13&lstart=1833&lend=2382&word1=อปัณณกสูตร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทิฏฐิสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคน ในโลกนี้ เป็นสัมมาทิฐิ มีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานที่ให้แล้วมีผล ฯลฯ สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วย ปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตามมีอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้ เรียกว่า ทิฏฐิสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลสัมปทาเป็นเหตุ ... เพราะ จิตตสัมปทาเป็นเหตุ ... หรือเพราะทิฏฐิสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตก กายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนแก้วมณี หกเหลี่ยม ถูกโยนขึ้นไปเบื้องบน กลับมาตั้งอยู่จะโดยที่ใดๆ ต้องกลับมาตั้งอยู่ ได้ด้วยดี แม้ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลสัมปทา เป็นเหตุ ... เพราะจิตตสัมปทาเป็นเหตุ ... หรือเพราะทิฏฐิสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๓ อย่างนี้ ฯ ------------------------------------------------ แต่ผมไม่เคยเห็นผลงานของท่านพุทธทาส ที่จะส่งเสริมให้เกิดสัมมาทิฏฐิเลยครับ มีกล่าวตู่สัมมาทิฏฐินี้ว่าเป็น ความเห็นผิดที่รุนแรงที่คอยบั่นทอนพระพุทธศาสนา หรือคุณชูไม่วิทย์ช่วยแนะนำด้วยครับ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 14 ธ.ค. 47 12:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากความเห็นที่ ๔ ของคุณกำลังฟุ้ง ------------------------------------------ ขอกล่าวเตือนทุกคนอย่าตกเป็นเหยื่อคำกล่าวเท็จของนายเฉลิมศักดิ์ที่กล่าวหาท่านพุทธทาสเลยครับ เพราะผมได้พิสูจน์จนทราบกับตัวเองชัดแจ้งแล้ว ว่าที่เฉลิมศักดิ์กล่าวหาเป็นความเท็จทั้งสิ้น ----------------------------------------------- ทุกท่านลองพิจารณาดูจากกระทู้นี้ครับ กรณีเฉลิมศักดิ์ใส่ร้ายท่านพุทธทาส2 http://larndham.net/index.php?showtopic=12605&st=0&hl=เฉลิมศักดิ์ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 14 ธ.ค. 47 12:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สรุปย่อมีสามความคิด 1เชื่อพระไตรปิฏกไม่ผิดเพี้ยน เชื่อบุญบาปกรรมก่อน หลังตาย มีจริง ตายแล้วไม่สูญ ต้องรับกรรม 2เชื่อบุญบาปกรรมก่อน หลังตาย มีจริง ตายแล้วไม่สูญ ต้องรับกรรม แต่เชื่อพระไตรปิฎกผิด พยายามอธิบายว่าท่านพุทธทาส สอนตรงสอนถูกเฉพาะที่ถูก นอกนั้นผิด 3เชื่อตามพฤติกรรมหลบเลี่ยงหลีกไม่พูดถึงชาติหน้า หลังร่างกายตาย เพราะไม่มีโลกหน้า ตายแล้วสูญ กรรมดีกรรมชั่วมีแต่ในชาติที่มีชีวิต ไม่ต้องเชื่อก็ถึงนิพพาน เออย่างนี้คุณเฉลิมศักดิ์ค่อนข้างได้เปรียบ ถ้ามีนรกสวรรค์จริงก็ได้ชื่อว่าปกป้องธรรมตาม พระไตรปิฏก แต่ถ้าไม่มีนรกสวรรค์จริงคุณเฉลิมศักดิ์ผิด เป็นบาปก็เจ๊ากันไปเพราะตายแล้วสูญ ไม่ต้องไปตกนรก ทีนี้ของผมบ้าง ซ้ำหลายครั้งแล้ว เคยได้ยินเขาคุย กันเรื่องอภิธรรม เคยเจออาจารย์บุญมี แต่ไม่รู้จัก ไม่เคยเรียนอภิธรรม เลยบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูก ธรรมแบบหลบๆเลี่ยงๆนรกสวรรค์ผมก็ได้อ่านไม่มาก จึงไม่อาจลงความเห็นได้ ผมอาจจะอ่านไม่แตกฉานก็ได้ เลยไม่รู้จะเชื่อใคร นรกสวรรค์ บุญบาปหลังตาย ไม่มีหลอกโยม ขอเชื่อหูตัวเองไปก่อนก็แล้วกัน จากคุณ : ชะยาสะนาคะตา - [ 14 ธ.ค. 47 12:33:45 A:203.118.65.201 X: TicketID:078114 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สนทนา... ผมเองไม่เคยอ่านของท่านพุทธทาสโดยตรง แต่ก็อ่านผ่านที่คุณเฉลิมศักดิ์เอามาลงให้อ่านนั่นแหละ จะเป็นมิจฉาหรือสัมมา ก็เป็นเรื่องของท่าน และคุณจะเชื่อแบบไหนก็อยู่ที่ปัญญาของคุณ (สัมมา) แต่อย่าชี้นำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ก็คือ เรืองตายแล้วเกิด พูดได้แต่ต้องพูดใหัเป็นประโยชน์และตรงแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร รูปหรือนาม คำว่า"สูญ" ของพาลกับของบัณฑิตมันขาวกับดำกันเลย อย่าตีความมั่วตามความคิดของคุณเองว่าท่านพุทธทาสเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็มันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแท้ๆ มันจะเป็นอย่างที่คุณคิดไปได้หรือ เพราะฉนั้นจึงขอร้องอย่างหลวง คุณเองเท่าที่ผมรู้ก็คือเรียนอภิธรรม แต่ไหง จะเอาเชื้อโรค เข้าไปด้วย อภิธรรมคือห้องแลปของพุทธศาสนา เอาไว้พิสูจน์ความเป็นจริงในเรื่องของทุกข์ แทนที่จะออกจากห้องแลปมาแล้ว ก็สามารถหายาฆ่าเชื้อโรดได้เลย และสามารถผลิตวัคซีนไว้ป้องกันได้อีกด้วย ถ้าอย่างนี้ไม่ต้องเลย เข้าใจไหม อิ อิ อิ ..... จากคุณ : ชูไม่วิทย์ - [ 14 ธ.ค. 47 13:41:03 A:172.17.9.52 X:61.19.199.143 TicketID:014259 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ท่านพุทธทาสภิกขุนี่เป็นใครเหรอคะ แล้วท่านอยู่ที่วัดไหน ----------------------------------------------------------- ท่านพุทธทาส ท่าน ขานนาค ขอบวชในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ฯ (อีกไม่กี่ปี ก้ถึง ๑๐๐ ปี ท่านพุทธทาสฯ) ท่านก่อตั้ง วัดธารน้ำไหล หรือ สวนโมกขพลาราม ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฏณ์ธานี ท่านตั้งชื่อท่าน มีความหมายว่า "ทาสของพระพุทธเจ้า" (แปลว่า ไม่ใช่ ทาสของ อะไรอื่นฯ) ท่านชี้ว่า เวลานี้ พระบรมศาสดา ยังทรงยังอยู่ นั่นคือธรรม วินัย ที่ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว ตามที่ ตรัสไว้ใน มหาปรินิพพานสูตร ดังนั้น เราทุกคนจึงสามารถ สอบสวนได้ว่า ธรรมะ เรื่องนั้นๆ ตรัสไว้อย่างไร หมายความว่าอย่างไร ตามหลัก กาลามสูตร (มี ๑๐ ข้อ) ทั้งนี้ เพื่อไม่ตก อยู่ในการครอบงำ ด้วยเหตุ ๑๐ อย่างนั้น ท่านเป็นนักปฏิบัติ ฝ่ายสมาธิภาวนาฯลฯ ท่านเขียนด้วยลายมือ ท่านเอง ถึง อาโลกสัญญา ที่ท่านฝึกได้ ฯลฯ (พ.ศ. ๒๔๗๗ ถ้าจำไม่ผิด) ท่านพุทธทาส แปลพระสูตรพุทธวจนะ ที่ตรัสเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท (ดู ธรรมโฆษณ์ ของท่าน ที่ชื่อ ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์) เป็น เหตุให้ ผู้ที่ ยึดมั่นถือมั่น ใน ทิฏฐิเช่นนั้นของตนนั้น (และหรือ อะไรก็ตาม และจะอ้างหลักฐานคือ วิสุทธิมัคค์ (วิสุทธิมัคค์ จึง ไม่เกี่ยว รวมทั้ง ผู้รจนาวิสุทธิมัคค์ ก็ไม่เกี่ยวข้อง กับ ความยึดมั่นของผู้นั้น) หรือ อ้าง คำว่า คันธัพพะ บ้าง ฯลฯ จึงอะไรๆ กับ ท่านพุทธทาส ผู้ชี้ว่า ปฏิจจสมุปบาท คือ อย่างนี้ๆ เช่นคำว่า ....แต่ถ้าอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสมาก จะไม่เชื่อในโลกทั้งสองว่ามีจริง เพราะท่านปฏิเสธเรื่องหลักกรรม, การเวียนว่ายตายเกิด โดยอ้างกาลามสูตรคือไม่ให้เชื่อ ฯ เรื่องนี้ (ที่หาว่าท่าน สอนว่า ตายแล้วสูญ เป็นต้น) ท่านพุทธทาส ชี้แจงไว้แล้ว ในหนังสือ ๕๐ ปีสวนโมกข์ ฯลฯ เจ้าของกระทู้ อาศัย พุทธวจนะ ที่ตรัส กาลามสูตร เป็น เครื่องป้องกัน ไม่ให้ สติปัญญาแห่งอัตตภาพเองนั้น ถูกอะไรๆ ครอบงำ เพราะ อคติ ๔ หรือ เพราะ ฯลฯ นะครับ ผม ยืนยันได้ ด้วยปัญญาของผม ที่อาศัย กาลามสูตร ฯลฯได้ว่า ท่านพุทธทาส ท่านซื่อสัตย์ต่อพระบรมศาสดาสมกับ คำว่า "ทาสของพระพุทธเจ้า" จากคุณ : ไม่ใช่ศิษย์ท่านพุทธทาส (F=9b) - [ 14 ธ.ค. 47 14:17:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แม้จะรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์แต่ก็ขอเตือนไว้ตรงนี้อีกครั้งละกันครับ ที่ว่ากันว่า ไม่ยืนยันชาติหน้ามีหรือไม่มี ตรงนี้พระพุทธเจ้าพูดนะครับ หรือความเห็นที่ 24 จะไม่เห็นด้วย ที่ว่ากันว่า สวรรค์นรกอยู่ที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจนี่พระพุทธเจ้าก็พูดอีกนะครับ หรือความเห็นที่ 24 จะไม่เห็นด้วยอีก ชาติในความหมายของอัตตาเกิด พระพุทธเจ้าก็เป็นคนพูดอีกครับ ความเห็นที่ 24 จะไม่เห็นด้วยอีกหรือไม่ ปฏิจจสมุปบาทแบบปัจจุบัน พระพุทธเจ้าก็เป็นคนพูดครับ หรือความเห็นที่ 24 จะไม่ยอมรับ คำสอนที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการดับทุกข์ไม่ถือเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้่า พระพุทธเจ้าก็เป็นคนพูดอีก ความเห็นที่ 24 จะเห็นด้วยไหมครับ? มีคนๆหนึี่งครับที่ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมรับคำสอนของพระพุทธเจ้า รวมทั้งกล่าวโจมตีคำสอนของพระพุทธเจ้าเหล่านี้ คนๆนั้นคือนายเฉลิมศักดิ์ครับ ตรงกันข้ามนายเฉลิมศักดิ์คนนี้กลับนำคำของพระสาวกมาโจมตีธรรมของพระพุทธเจ้าบ้าง ความเห็นที่ 24 อยากตกนรกเป็นเพื่อนนายเฉลิมศักดิ์ตอนตายไหมครับ? ส่วนเนื้อความในความเห็นที่ 24 ผมพิมพ์ไปในความเห็นก่อนแล้วว่าเป็นเรื่องธรรมระดับโลกียะ กับโลกุตตระ ก่อนมีพระพุทธเจ้าเขาก็เห็นนรกสวรรค์กันอยู่แล้ว เขาก็เหาะกันได้ไปคุยกับเทวดากันได้อยู่แล้ว แต่หลังมีพระพุทธเจ้าถึงมีการพูดเรื่องการไม่ใช่ตัวตนเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านพุทธทาสคัดมาแสดงและก็ถูกโจมตีโดยชาวพุทธแต่ปากที่งมงายคลั่งไคล้ไสยศาสตร์ เรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธ แต่ไม่เคยอ่านพุทธพจน์ และได้กล่าวร้ายต่อพุทธพจน์เสียอีก เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายในฐานะชาวพุทธละกันครับ หรืออยากตกเป็นเครื่องมือทำลายแก่นศาสนาร่วมกับนายเฉลิมศักดิ์และกอดคอกันตกนรกก็เชิญครับ ผมไม่พูดอะไรในกระทู้นี้อีกแล้ว ที่พูดมาก็เผื่อว่าจะมีคนได้ประโยชน์จากสิ่งที่ผมพูด จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 14 ธ.ค. 47 14:23:18 A:61.90.93.79 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าน้อง จขกท คง งง ไม่เอาธรรมะแล้วมั้ง จากคุณ : ... - [ 14 ธ.ค. 47 14:37:10 A:203.156.69.128 X: TicketID:077215 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อ เจตนา ที่ท่านพุทธทาส "ไม้ซีก งัก ไม้ซุง" กรณี ธรรมะ ที่ชื่อ ปฏิจจสมุปบาท น่าตรงกับ สังคีติสูตร ตาม ที่พระสารีบุตรท่านกล่าวไว้ว่า ธรรม ๒ ประการ อันพระพุทธองค์ ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้เอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว มีอยู่ อันพุทธบริททั้งหลาย พึง(สังคีติ คือ)สอบสวนจนเป็นที่เข้าใจตรงกันทุกคน แล้วช่วยกัน สาธยาย ในธรรม สองอย่างนั้น ไม่พึงวิวาทกันในธรรมสองอย่างนั้น โดยประการที่พรหมจารรย์ที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ดีแล้วนี้ จะพึงมั่นคง ตั้งอยู่นาน ข้อนั้น(ก็) เพื่อ เป็นไป เพื่อหิตสุข แก่ มหาชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะหืโลก เพื่อประโยชน์หิตสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรม ๒ คือ (๑) ความเป็นผู้ฉลาดใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย มนะ ( หรือได้แก่อายตนะใน ๖ / หรือ ทวาร ๖ ฯ) (๒) ความเป็นผู้ฉลาด ใน ปฏิจจสมุปบาท ข้อนี้ ฉลาด แบบไหน ละครับ ทีนี้ มีผู้เสนอ คันธัพพะ ไว้ (ดูกระทู้ 3170041) ฯลฯ กรณีคันธัพพะนี้ ถามว่า คันธัพพะ นั้น มี สติปัญญาสัมปชัญญะสมาธิ เพื่อ ความเป็นผู้ฉลาดใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย มนะ ได้หรือ ตาม สังคีติสูตร อย่างไรก็ตาม คันธัพพะ ไม่ว่าจะคืออะไร ในที่ สุด ๙ เดือน(โดยประมาณ) ก็ คลอดออกมา ฯ คันธัพพะ รวมทั้ง ที่คลอด ออกมา ก็ อนัตตา หาความเป้น ตัวกุ ของกุ ไม่ได้ ที่ตรงไหน จริงไหมครับ และ ตามที่ตรัสว่า ก่อนก็ดี เดี๋ยวนี้ ก็ดี ตถาคตบัญญัติสอนแต่เรื่องทุกข์ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ที่กายยาววา หนาคืบ ที่มี สัญญาและใจ (คันธัพพะ กายยาวกี่ว่า หนากี่คืบ มี สัญญาและ ใจ แบบไหน ฯ) ดังนั้น จึงเสนอไว้ว่า ท่านพุทธทาส จึง สมกับ คำว่า "ทาสของพระพุทธเจ้า" ดังนี้แล จากคุณ : ไม่ใช่ศิษย์ท่านพุทธทาส (F=9b) - [ 14 ธ.ค. 47 15:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ดูมาตั้งแต่เมื่อวาน สงสารเจ้าของกระทู้จังเลย จากคุณ : my studio - [ 14 ธ.ค. 47 15:20:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 น้องเขาคงบรรลุธรรมไปแล้วมั้งเนี่ยะ ก็นายเฉลิมศักดิ์เล่น โยนโครมใหญ่ๆมาให้ แบบไม่หยุดหย่อน ลิงค์โน่นไปนี่ทั่วเชียว นี่หรือคนศึกษาธรรมมามาก ใช้ปัญญาส่วนไหน แนะนำน้องใหม่ เจ้าของกระทู้เนี่ยะ ไม่รู้แนะนำให้ ชอบศาสนา หรือกลัวศาสนากันแน่ จากคุณ : เง็กเซียน - [ 14 ธ.ค. 47 15:51:56 A:192.168.3.2 X:61.91.152.36 TicketID:031844 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ก็ว่างั้นป่านนี้ขยาดไปหรือยังไม่รู้น้องเอ่ย จากคุณ : EDM - [ 14 ธ.ค. 47 16:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ง่ะ....กลับมาจากรร.รีบเปิดกระทู้เลย กะจะมาเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานโพสต์เสร็จก็หาหนังสือเจอเลย และเมื่อคืนได้อ่านต่อจนถึงเรื่องความว่างแล้วอ่ะค่ะ(มึนหน่อยๆ แต่จะพยายามอ่านอย่างตั้งใจ และรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่ต้องตั้งใจอ่าน และพิจารณาอย่างยิ่งเลยอ่ะค่ะ) แต่พอเปิดดูกระทู้ โห...มีคนตอบถล่มทลาย30 กว่าความเห็น และยิ่งอ่านก็ยิ่งมึน....เริ่มกลุ้มหน่อยๆ เพราะอยากศึกษาธรรมมะจริงๆ และรู้สึกว่าเรารู้น้อยเหลือเกิน ทำให้คิดว่า อย่างเราจะมีปัญญาเข้าใจในธรรมมะที่แท้จริงได้มั๊ย และก็สงสัยอีกแล้วอ่ะค่ะ ว่า...ธรรมมะ ที่พระแต่ละท่านสอนนี่ไม่เหมือนกันเหรอคะ?? ถ้าจะศึกษาธรรมมะ ควรจะศึกษาอะไร จากไหน ??? ในเมื่อ ถ้าพระแต่ละท่านสอนไม่ตรงกัน จะรู้ได้อย่างไรว่าคำสอนไหนเป็นธรรมมะแท้จริง ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และเผยแพร่อ่ะคะ แต่ข้อนึงที่ได้จากการอ่านในหนังสือของท่านพระพุทธทาสแล้วเชื่อก็คือ ที่ว่า...สิ่งใดๆ ล้วนไม่ควรยึดถือ ว่าเป็นตัวเรา ของเรา ประมาณนี้อ่ะค่ะ พออ่านแล้วลองคิดดู ก็รู้สึกว่า มันเป็นจริงทีเดียว แต่ยังไง ก็ขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ ^^ จากคุณ : super rabbit - [ 14 ธ.ค. 47 16:55:24 A:203.113.33.7 X:203.150.217.118 TicketID:078180 ]

ความคิดเห็นที่ 34         ถึง คุณ super rabbit ความคิดเห็นที่ 33 แนะนำ :-         อ่านและค้น พระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม         พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์         พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม         หมวดหนังสือ ธรรมะ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/       จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 14 ธ.ค. 47 17:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถึงน้อง ซูเปอร์กระต่าย ถ้าอ่านแล้วเข้าใจได้แบบนี้ ก็ดีแล้วครับ ของท่านพุทธทาส ก็นับว่าเป็นธรรมะที่เข้าใจได้ง่าย ที่น้องสงสัยว่า ทำไมสอนไม่เหมือนกัน? จริงครับ ที่สอนไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าท่านใดมีวิธีการสอนอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นธรรมแท้ๆของพระพุทธเจ้าน่ะครับ ไม่ใช่ว่าสอนต่างกันแล้วจะมีอันไหนจริงหรือปลอม ยกตัวอย่างง่ายๆ.... เหมือนวิชาเรียนในห้องน่ะน้อง วิชาเดียวกันก็จริง ถ้าให้ครูสิบคนมาสอนวิชาเดียวกัน น้องคงเจอวิธีสอนที่แตกต่างกัน น้องต่าย(ขออนุญาตเรียกอย่างนี้นะ)อาจชอบวิธีสอนของครูก. เพราะทำให้ต่ายเข้าใจมากกว่าการสอนของครู ข. หรือครู ง. แต่เพื่อนน้องต่ายคนอื่น อาจไม่เข้าใจที่ครูก.สอนเหมือนน้อง แต่กลับชอบวิธีสอนของครู ข. หรือครู ง.มากกว่า มันก็เลยเหมือนเถียงกันไม่จบว่า ครูคนไหนสอนถูกหรือสอนผิด เพราะเนื้อแท้แล้วก็สอนเนื้อหาที่มีแก่นเดียวกัน เพียงแต่ครูคนนี้อาจเหมาะกับเรา เพราะเราฟังเขาสอนแล้วเข้าใจ แต่เพื่อนคนอื่นอาจชอบครูอีกคนเพราะฟังภาษาเขาเข้าใจกว่า เท่านั้นเอง ...พอเข้าใจใช่มั้ยครับ ในภาษาของพวกเรามักใช้คำว่า "จริต" คือถ้า "จริต" ตรงกันก็ไปกันได้ เข้าใจกันได้ แต่อย่าเหมาว่า คนที่"จริต" ไม่ตรงกับเรา เขา"ผิด" นะจ๊ะ เพราะฉะนั้น ถ้าอ่านของท่านพุทธทาสแล้วคิดว่าทำให้ชอบและสนใจศาสนาพุทธ ก็อ่านต่อไปเรื่อยๆ เล่มโน้นบ้างเล่มนี้บ้าง แต่ก็ไม่ปิดกั้นตัวเอง ลองศึกษาของพระท่านอื่นๆบ้างก็ได้ เผื่อ"จริต"ของน้องต่ายอาจรับได้ดีกับทุกท่านนะ แต่ที่เห็นมีการเถียง บอกว่าการสอนคนโน้นคนนี้ผิด แม้แต่บอกว่าการสอนของท่านพุทธทาสผิดก็มีนี่ อย่าไปฟังหรือใส่ใจ เพราะนั่นเขาเป็นประเภท "ใจปิด" อ้อ.. แนะนำหนังสือเกี่ยวกับพุทธให้ลองดู แต่เป็นทางพุทธแบบเซนนะ คือ "การ์ตุนเซน" หรือ "นิทานการ์ตูนเซน" อะไรประมาณนั้น เห็นว่ามันเป็นนิทานน่ะ มีการ์ตูนด้วย น่าจะอ่านง่าย น่าอ่าน บางเรื่องเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะพุทธในสายของท่านพุทธทาสก็มาทางสายเซนเหมือนกัน เผื่อจะสอดรับคล้องจองและช่วยเสริมความเข้าใจได้ดีมากขึ้นนะจ๊ะ ยินดีด้วยที่ก้าวเข้ามาในแดนธรรมแล้วในวัยอันน้อยนิด วิชิต จากคุณ : วิชิต - [ 14 ธ.ค. 47 17:39:24 A:192.168.3.2 X:61.91.152.36 TicketID:031844 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เชื่อใครดีคะ ระหว่าง ท่านเฉลิมศักดิ์ CD กับ ท่าน F.......555 จากคุณ : น.ม.ร. - [ 14 ธ.ค. 47 20:31:36 A:202.176.96.180 X: TicketID:082163 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่มีใครสนใจผมบ้างเลย ขอโพสใหม่อีกที ไม่อยากให้ตัวเองเกิดมิจฉาทิฐิไปก่อน ความคิดเห็นที่ 12 งง สรุปแล้ว ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า ในการจุติของจิตดวงเดิม ในกายอื่นๆ มีจริงหรือไม่ หากไม่มี คือ เกิดและตายหนเดียว แล้วนิพพาน กับ ความตายทั่วไปจะให้ผลต่างกันอย่างไรครับ ในเมื่อการตายแล้วตายเลยเหมือนกัน คือนิพพานบอกว่าจิตดับไปด้วย แต่ความตายธรรมดาจิตไม่ดับ แต่ก็ไม่ต้องไปเกิดแล้ว? งง จากคุณ : ช่วยชี้แจงด้วย - [ 13 ธ.ค. 47 23:02:03 A:203.107.159.163 X: TicketID:068073 ] ช่วยบอกผมด้วยนะครับ จากคุณ : เด็กน้อยผู้ไม่รู้ - [ 15 ธ.ค. 47 00:57:34 A:203.107.159.18 X: TicketID:068073 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบ คหที่ 37 ครับ นิพพาน เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ตั้งแต่ยังไม่ตายครับ ผลมันจะต่างก็ต่อเมื่อเข้าถึงก่อนที่ยังจะไม่ตายนี่แหล่ะครับ ก็คือ ดับทุกข์ได้ ดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญา สอนคนอื่นให้ดับทุกข์ได้ คุณค่า ความต่างอยู่ที่ตรงนี้ครับ จากคุณ : มัชฌิม - [ 15 ธ.ค. 47 01:36:27 A:203.159.23.24 X:203.159.0.10 TicketID:037950 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อย่างงี้ถ้าเดินๆอยู่ตกท่อตาย ก็ให้ผลเหมือนนิพพานสิครับ แต่นิพพานนี่ต้องเสียเวลาฝึกใจตน แต่ตกท่อนี่ไม่ต้องทำอะไรเลย จากคุณ : เด็กน้อยผู้ไม่รู้ - [ 15 ธ.ค. 47 01:44:07 A:203.107.159.18 X: TicketID:068073 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จากคำถามของคุณเด็กน้อย ------------------------------------- ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า ในการจุติของจิตดวงเดิม ในกายอื่นๆ มีจริงหรือไม่ หากไม่มี คือ เกิดและตายหนเดียว แล้วนิพพาน กับ ความตายทั่วไปจะให้ผลต่างกันอย่างไรครับ ในเมื่อการตายแล้วตายเลยเหมือนกัน คือนิพพานบอกว่าจิตดับไปด้วย แต่ความตายธรรมดาจิตไม่ดับ แต่ก็ไม่ต้องไปเกิดแล้ว? งง ---------------------------------------- ผมตั้งกระทู้ใหม่เกี่ยวกับเรื่อง จุติ ปฏิสนธิ ที่ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/K3177260/K3177260.html#2 จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 15 ธ.ค. 47 06:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 41 บุคคลผู้ใดไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด บุคคลนั้นมิใช่พุทธศาสนิกชนที่แท้จริง เพราะแม้ในเส้นทางแห่งการดำเนินสู่การตรัสรู้ เพื่อการบรรลุอมตธรรมนั้น ขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะ พระมหาบุรุษ ประทับนั่งบนบัลลังก์แก้ว ก่อนที่จะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ได้ทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตให้แน่วแน่ จนบรรลุปฐมฌาน จากนั้นทรงเจริญญาณอันเป็นองค์ปัญญาชั้นสูงสุด ยังพระโพธิญาณให้บังเกิดขึ้นตามลำดับตามระยะกาลแห่งยามสามในราตรีนั้น ซึ่งในปฐมยามนั่นเองพระองค์ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อันหมายถึง ญาณที่ทรงสามารถระลึกถึงอดีตชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดมาแล้วทั้งสิ้นได้ ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ หมายถึง ญาณที่สามารถหยั่งรู้การเกิด การตาย ตลอดจนการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์อื่นทั้งหลายได้หมด และแล้วในปัจฉิมยาม ได้ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ อันเป็นญาณที่ทรงปรีชาสามารถทำลายอาสวกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไปด้วยพระปัญญาพิจารณาในปัจจยาการแห่งปฏิจจสมุปบาท โดยอนุโลมและปฏิโลม ก็ทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทโธ ในเวลาปัจจุสมัยแห่งรุ่งอรุโณทัยในวันวิสาขปุณณมีนั่นเอง พุทธศาสนิกชนที่แท้จริง หรือผู้ที่กำลังดำเนินตามรอยธรรมแห่งพระพุทธชินสีห์ จึงต้องเป็นผู้ที่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นผู้ที่จะเป็นพุทธศาสนิกชนที่สมบูรณ์ จึงต้องเรียนรู้ให้เข้าใจว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเราต้องเวียนว่ายตายเกิด ----------------------------------------------------- ภิกษุคือผู้เห็นภัยในวัฏฏะ คือเห็นทุกข์โทษภัยในการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อไม่เชื่อการเวียนว่ายตายเกิดเสียแล้ว ความเป็นภิกษุก็หมดไป สาบานต่อหน้าอุปัชฌาย์อาจารย์แล้วว่าเห็นทุกข์โทษภัยในการเวียนว่ายตายเกิดอาจารย์จึงได้บวชให้ แล้วเหตุไฉน ทำไมจึงไม่ทำตามคำสาบานเล่า กลับทำความเสียหายให้เพื่อนร่วมทุกข์เป็นการใหญ่ ----------------------------------------------- จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 15 ธ.ค. 47 06:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 42           ตอบ คุณเด็กน้อยผู้ไม่รู้ 068073 ความคิดเห็นที่ 12 และ 37 ความคิดเห็นที่ 37           ไม่มีใครสนใจผมบ้างเลย           ขอโพสใหม่อีกที ไม่อยากให้ตัวเองเกิดมิจฉาทิฐิไปก่อน ความคิดเห็นที่ 12           งง สรุปแล้ว           ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า           ในการจุติของจิตดวงเดิม ในกายอื่นๆ มีจริงหรือไม่           หากไม่มี คือ เกิดและตายหนเดียว           แล้วนิพพาน กับ ความตายทั่วไปจะให้ผลต่างกันอย่างไรครับ           ในเมื่อการตายแล้วตายเลยเหมือนกัน คือนิพพานบอกว่าจิตดับไปด้วย แต่ความตายธรรมดาจิตไม่ดับ แต่ก็ไม่ต้องไปเกิดแล้ว? งง จากคุณ : ช่วยชี้แจงด้วย - [ 13 ธ.ค. 47 23:02:03 A:203.107.159.163 X: TicketID:068073 ]                 ช่วยบอกผมด้วยนะครับ จากคุณ : เด็กน้อยผู้ไม่รู้ - [ 15 ธ.ค. 47 00:57:34 A:203.107.159.18 X: TicketID:068073 ]           ตอบ คุณเด็กน้อยผู้ไม่รู้ 068073 ความคิดเห็นที่ 12 และ 37           ที่จริงแล้ว เข้าใจผิดไปว่า คุณเองถามเพื่อเตือนสติผู้อื่น จึงไม่ได้ตอบ           แต่ความจริง คุณถามเพื่อต้องการทราบคำตอบ จึงจะตอบคำถามของคุณ           ชาติก่อน ชาตินี้                     มีจริง แก่สัตว์ทั้งปวง           ชาติหน้า                     มี แก่ผู้ยังมีกิเลส ไม่มีแก่ผู้ที่ไม่มีกิเลสแล้ว (พระอรหันต์)           แต่ไม่ใช่ จิตดวงเดิม ทั้งนี้เพราะจิตเกิดและดับไปอย่างรวดเร็ว           เหมือนการดูหนังและฟังเพลงนั้น           การเห็น เป็นจิตดวงหนึ่ง เกิดแล้วดับแล้ว           การได้ยิน ก็เป็นจิตดวงหนึ่ง เกิดแล้วดับแล้ว           แต่ว่า เป็นปัจจัยต่อกัน           เรื่องนี้ได้ อธิบายไว้ ในกระทู้                     ช่วยอธิบายง่าย ๆ เรื่องจิตที่เกิดดับ ๆๆ           ความคิดเห็นที่ 4 : ฐานาฐานะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/K3173719/K3173719.html?#4           แต่บัญญัติคำว่า สัตว์ นี้ ควรทราบว่า ที่จริงแล้วคือ ขันธ์ ๕           คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์           ข้อความว่า                 ขอโพสใหม่อีกที ไม่อยากให้ตัวเองเกิดมิจฉาทิฐิไปก่อน           ขอให้ ศึกษาพระสูตรที่จะยกมาต่อไปนี้           เพื่อป้องกันก็ตาม หรือปลดเปลื้องตน จากมิจฉาทิฏฐิก็ตาม           การอ่านและพิจารณาที่ที่มาและแนะนำนี้ คุ้มค่า มีประโยชน์ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง           ขอให้มีวิริยะ ในการศึกษา นะครับ ที่มา และแนะนำ :-           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘           สังยุตตนิกาย นิทานวรรค           มหาวรรคที่ ๗           อัสสุตวตาสูตรที่ ๑ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=16&A=2519&w=วานร         พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖         มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์         มหาปุณณมสูตร         [๑๒๙] ลำดับนั้นแล มีภิกษุรูปหนึ่ง เกิดความปริวิตกแห่งใจขึ้นอย่างนี้ว่า                 จำเริญละ เท่าที่ว่ามานี้ เป็นอันว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเป็นอนัตตา กรรมที่อนัตตาทำแล้ว จักถูกตนได้อย่างไร         ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกแห่งใจของภิกษุรูปนั้นด้วยพระหฤทัย จึงรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=14&A=1980&Z=2186         พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙         สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค         ยมกสูตร         ว่าด้วยพระขีณาสพตายแล้วสูญหรือไม่ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=17&A=2447&Z=2585         พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔         มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์         มหาตัณหาสังขยสูตร         ว่าด้วยสาติภิกษุมีทิฏฐิลามก         [๔๔๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-         สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี         สมัยนั้น ภิกษุชื่อสาติ ผู้เกวัฏฏบุตร (บุตรชาวประมง) มีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้ เกิดขึ้นว่า         เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไปไม่ใช่อื่น. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=8041&Z=8506            พระไตรปิฎก เล่มที่ 12 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔         มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์         จูฬสัจจกสูตร http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=12&A=7323&Z=7551                 ทรงแสดงธรรมเรื่องอนัตตา แก่สัจจกนิครนถ์           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑           สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค           อาหารสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=3082&Z=3189 จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 15 ธ.ค. 47 11:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ความเห็นที่ 37 นิพพานไม่ได้แปลว่าตายนะครับ แต่นิพพานเป็นสภาวะหนึ่งที่จิตนั้นว่างจากตัวตน คือคลายจากการยึดมั่นยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าสรรพสิ่งนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวเราของเรา ทีนี้เรามาดูธรรม 2 ระดับ ระดับหนึ่ง ชาตินี้ชาติหน้ามี บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี กับธรรมอีกระดับหนึ่ง คือหากจิตคลายความยึดมั่นว่าเป็นตัวเราของเราเสียแล้ว ตัวเราผู้ไปเกิด ผู้ไปตายนั้นจะมีหรือไม่? ซึ่งธรรมทั้ง 2 ระดับนี้ก็ถูกต้องด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งทำอันแรกนั้นทำให้ชาวบ้านนั้นเชื่อบาปบุญมีความเกรงกลัวต่อบาป และยังผลให้ตอนเขาตายแล้วได้ไปเกิดในที่ดีๆ ชาวบ้านพวกนี้ได้ประโยชน์ของพระพุทธศาสนา แต่เป็นประโยชน์ที่น้อยมาก เพราะยังทำให้มีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ส่วนธรรมในระดับที่ 2 นั้น เป็นการชี้ว่าที่เราเห็นว่าอาการนี้คือการตาย อาการนี้คือการเกิด มีตัวเราผู้เกิดผู้ตายนี้ เราเห็นว่าตัวเราเกิดตาย เพราะเรายังมีความยึดมั่นถือมั่นในตัวเราของเราอยู่ คือจิตยังเห็นว่าตัวจิตเองเป็นอัตตาอยู่ เมื่อใดที่จิตคลายความเห็นผิดว่าตัวจิตเองนี้เป็นตัวตนเสียแล้ว อะไรละคือตัวเราผู้ไปเกิดผู้ไปตาย สำหรับพวกเราที่เป็นปุถุชน ชาตินี้ชาติหน้าการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีครับ แต่สำหรับพระอรหันต์ ท่านพบกับอีกภาวะหนึ่งแล้ว คือภาวะนิพพานอันปราศจากการยึดมั่นว่าเป็นตัวเราของเรา และภาวะนี้ไม่ต้องให้ตายแล้วจึงเจอหรอกครับ พระอรหันต์เมื่องว่างจากการยึดว่าเป็นตัวเราของเราแล้ว แต่ท่านก็ยังมีร่างกาย คือจิตท่านหลุดพ้นจากการยึดมั่นแล้ว ว่ากายนี้ก็ไม่ใช่ของท่าน จิตนี้ก็ไม่ใช่ของท่าน ท่านก็ดำเนินชีวิตของท่านต่อไป นี่นิพพานก่อนตาย ต่อมาเมื่อท่านตาย (ในความเข้าใจของชาวบ้านคือพระรูปนี้ตาย สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมนิยมเรียกว่าละสังขาร ทิ้งขันธ์ฯลฯ) ก็จะมีนิพพานอีกแบบหนึ่ง เป็นภาวะหนึ่งของจิตที่ไม่จำเป็นต้องไปเกิดหรือเวียนว่ายในสังสารวัฏอีก ดังนี้ขอให้เข้าใจว่านิพพานไม่ได้หมายถึงการตายนะครับ สภาวะนิพพานนี้เป็นสภาวะที่ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยตัวหนังสือครับ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายมักนิยมอธิบายว่าเมื่อถึงนิพพานก็จะเข้าใจเอง ขอให้ตั้งใจปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน 4 ไปเถิด ก็ไม่หนีห่างจากทางไปนิพพานแน่ๆ ผมเคยถามพระท่านหนึ่งว่า พระอรหันต์ยังมีโกรธ ยังมีความคิดไม่ดีแทรกเข้ามาหรือไม่ พระท่านนั้นตอบว่า "ในตอนนั้นไม่มีพระอรหันต์..." อนึ่ง ความเชื่อที่ว่าในกายเรามีวิญญาณอมตะ เมื่อตายแล้ววิญญาณดวงเดิมก็ไปเกิดนี่ เป็นความเชื่อที่เจืออัตตา เป็นความเชื่อของพราหมณ์ พระพุทธเจ้าจัดความเชื่อนี้ว่าเป็นมิจฉาทิฏฐินะครับ คือมันจะมีสัมมาทิฏฐิ 2 ระดับ คือระดับโลกียะกับโลกุตตระ พูดง่ายๆคือความเชื่อถูกระดับที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด กับความเชื่อถูกระดับที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ถ้าคิดว่าชาตินี้ชาติหน้ามีก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่นะครับ แต่ไปเกิดในภพภูมิที่ดีๆเช่นสวรรค์ อีกความเชื่อหนึ่ง คือเมื่อเชื่อแล้วรู้แจ้งตลอดจนคลายความยึดมั่นถือมั่นว่า ตัวเราผู้ไปเกิดไปตายไม่มี (ไม่ได้บอกว่าชาตินี้ชาติหน้าไม่มี) ก็ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดครับ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ เพราะไม่หวังว่าจะเข้าใจในระยะเวลาอันสั้นอยู่แล้ว จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 15 ธ.ค. 47 11:27:50 A:61.90.93.120 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ กำลังฟุ้ง คุณ ฐานะฐานะ คุณ เฉลิมศักดิ์ คุณ เด็กน้อยผู้ไม่รู้ ย้ายหัวข้อสนทนาเหล่านี้ไปกระทู้อื่นไม่ดีกว่าหรือครับ แล้วลบออกจากตรงนี้ เพื่อให้กระทู้นี้เป็นของ น้อง Super Rabbit ดีกว่า เพราะไม่งั้นน้องเขามาอ่านแล้ว จะงง กลัว สับสน และยากมากไปสำหรับเธอ เล่นเอาความยากระดับมัธยมหรือมหาวิทยาลัย มาคุยในกระทู้ของเด็กอนุบาลแบบนี้ สงสารเด็กครับ ใครทำเป็นทำให้ทีสิครับ ย้ายออกไปหนะครับ เป็นห่วงเด็กครับ จากคุณ : เง็กเซียน - [ 15 ธ.ค. 47 12:00:52 A:192.168.3.2 X:61.91.152.36 TicketID:031844 ]

ความคิดเห็นที่ 45 _/\_ สาธุครับ คุณฐานาฐานะ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 15 ธ.ค. 47 12:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อือ คุณกำลังฟุ้งเริ่มมีสติดีขึ้นครับ ตั้งสติดีๆ ผู้ปฎิบัติต้องอาจหาญในการแสดงธรรม ไม่ใช่หลบๆเลี่ยงๆ ถูกผิดเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้ เป็นพระอริยเจ้า เหติที่แสดงเพราะใจเมตตา มิใช้ เพราะเห็นข้อความที่ไม่ตรงทิฏฐิตน จากคุณ : ชะยาสะนาคะตา - [ 15 ธ.ค. 47 12:24:25 A:203.145.23.75 X: TicketID:078114 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ปกติไม่ได้เล่นห้องนี้ค่ะ...ตามลิ้งค์มา ขอโทษนะค่ะ ..ไม่ได้อ่าน ความคิดเห็นข้างบนเลย .. ยาวมาก = =" ดิฉันเคยอ่านหนังสือ "ธรรมะรอบกองไฟ" รู้สีกว่าเป็นหนังสือที่อ่านง่าย ... ดิฉันเองก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องศาสนาเท่าไหร่ พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ก็ได้เปลี่ยนความคิดไปบ้าง เลยอยากจะแนะนำ จขกท. ลองหามาอ่านดูนะค่ะ ... จากคุณ : เสือดาว - [ 15 ธ.ค. 47 12:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่าจะกระทู้ไหนก็ไม่รอดหรอกครับ มันเป็นธรรมชาติของเวบบอร์ดเปิดที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อศาสนาพุทธเข้ามาวนเวียนจ้องทำลายอยู่ กระทู้นี้เสียตั้งแต่นายเฉลิมศักดิ์ตอบความคิดเห็นที่ 1 แล้วครับ ซึ่งตอนนี้พอมีคนเริ่มเผยถึงสัมมาทิฏฐิ 2 ระดับ อันพระพุืทธเจ้าได้แสดง เริ่มเผยว่าธรรมที่เขาโจมตีเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า (พิสูจน์ง่ายครับเพียงแค่เปิดพระไตรปิฏกศึกษาเท่านั้น) เขาก็หนีไปตั้งกระทู้อื่นแล้วเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นและให้การให้ร้ายทำลายแก่นพระศาสนาต่อไป ซึ่งพฤติกรรมของเขาก็เป็นเช่นนี้ตลอด เมื่อมีผู้นำพยานหลักฐานในพระไตรปิฏกมาแสดง ก็จะรีบทำลายรูปกระทู้แล้วหนีไปตั้งกระทู้ใหม่ เช่นนี้ซ้ำๆซากๆน่าเบื่อ ผมว่าผู้ตั้งกระทู้นั้นสามารถค้นหาได้ไม่ยากครับว่าท่านพุทธทาสเป็นใคร ส่วนการเริ่มศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ตรงนี้อันตรายครับ เพราะมีหลายความเชื่อ หลายสำนักเหลือเกินในปัจจุบัน ถ้าจะให้แนะนำ ผมขอแนะนำหนังสือของหลวงพ่อชา และผลงานของท่านพุทธทาสตอนหลังๆ ที่ดีที่สุดคงเป็นคู่มือมนุษย์ เป็นการสร้างศรัทธาและให้ข้อคิดเห็นในการแยกเปลือกกับแก่นพระศาสนาได้ดีเหลือเกินครับ แต่หากอยากปฏิบัติธรรมเพื่อคลายทุกข์ ไม่ใช่ศึกษาธรรมเพื่อประดับความรู้ ก็ลองศึกษาแนวการปฏิบัติของหลวงพ่อชา หลวงปู่ดูลย์ ตลอดจนครูบาอาจารย์วัดป่าท่านอื่นๆดูก็ได้ครับ จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 15 ธ.ค. 47 12:59:24 A:202.59.255.238 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คุณเจ้าของกระทู้ ถ้าสนใจงานของท่านพุทธทาส แนะนำให้อ่านเรื่อง คู่มือมนุษย์ และ แก่นพุทธศาสนาครับ หาได้ตามห้องสมุดโรงเรียน และร้านหนังสือทั่วไป ส่วนที่กลัวว่าอันไหนถูกอันไหนผิด ไม่ต้องกลัวครับ ค่อยๆศึกษาไป เปิดใจรับหลายๆทาง คุยกับท่านที่รู้ หรือ ท่านที่มีประสพการณ์ตรงภายหลังก็ยังไหวครับ หลายท่านในห้องนี้ก็แนะนำได้ดีครับ ทางมีหลายทางไม่ต้องกลัว จากคุณ : วีอาวี (วีอาวี) - [ 15 ธ.ค. 47 13:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ว่าจะไม่พูดอะไรอีกก็พูดมา 2-3 รอบ จนได้ - -' ผมรู้สึกแปลกใจเหลือเกินที่พวกเรามีคำถามที่เหมือนผู้ถามจะไม่มีพื้นความรู้ทางพุทธศาสนาเสียเลยเช่นนี้ และโดยความตั้งใจของผมก็ไม่อยากมาสนทนาในเวบบอร์ดห้่องสมุดนัก เพราะเป็นที่อโคจรไม่เหมาะกับการเสวนาธรรม และผู้มีสติปัญญาก็ล้วนแต่ถอนตัวไปจากสถานที่แห่งนี้เกือบหมดแล้ว ที่มาตอบก็เพราะมีการยกกระทู้ที่ผมตั้งที่ลานธรรมเสวนามาโจมตีท่านพุทธทาสอย่างไร้เหตุผลและไร้ยางอายที่สุด ต้องการชี้ให้ชัดเท่านั้นครับว่า ธรรมที่นายเฉลิมศักดิ์กล่าวโจมตีอยู่ เป็นธรรมของพระพุทธเจ้า...ผู้ใดจะแสดงความเห็นอะไรก็พึงระลึกไว้ว่าอันนี้พระพุทธเจ้าท่านพูด ท่านพุทธทาสนำมาแสดง หวังว่าคงไม่มีประเด็นเกี่ยวเนื่องอะไรจนผมต้องมาตอบอีกนะครับ ฝากไว้แค่นี้ครับ จากคุณ : กำลังฟุ้ง - [ 15 ธ.ค. 47 13:09:07 A:202.59.255.238 X: TicketID:082022 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ้า ไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้นะครับ มาตอบคำถามประเด็นเล็กๆ ใน คหที่ 37 และ ต่อด้วย 39 จริงๆ แล้วผมกะจะตอบว่า ให้ไปอ่านพระสูตรที่ตรัสกับ มาลุงกยบุตร เรื่อง ทิฏฐิ 10 แล้ว แต่เห็นว่าตอบดีๆ น่าจะเข้าใจได้ ก็เลยอธิบายสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ถ้ามาถามอีก ในคห ที่ 39 นั้น ผมว่าผมคิดผิดจริงๆ น่าจะให้ไปอ่านพระสูตร ตั้งแต่แรกนะครับ มีข้อคิดฝากไว้ดังนี้นะครับ เราจะทำความดีหรือปฏิบัตินี่ต้อง รอผลหลังจากความตายใช่ไหมครับ ถ้าตายแล้วไม่ได้ไปดี ก็ไม่ปฏิบัติ ถ้าดีถึงจะปฏิบัติใช่ไหมครับ แล้วปัจจุบันหล่ะไม่มองเลยหรือ อย่างนั้นถ้าไม่ดี ก็จะไม่ปฏิบัติ แล้วเราจะไปทำไม่ดีหรือ ถ้าคิดได้แค่นี้ คิดว่าศาสนาพุทธ จะคู่ควรกับเราหรือไม่ครับ จากคุณ : มัชฌิม - [ 15 ธ.ค. 47 14:33:06 A:203.159.23.45 X:203.159.0.14 TicketID:037950 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้านับถือศาสนาแล้วเป็นกันอย่างนี้ เอาความคิดของแต่และคน เอาตนเป็นที่ตั้ง จะขอเป็นคนนอกรีด นอกศาสนาดีกว่า เชื่อในตัวเอง ปฏิบัติในสิ่งที่ดีและถูกต้องไม่สร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่นเป็นดีที่สุด แค่ความเป็นกลางวางเฉยยังทำไม่ได้มันอะไรกันนักหนานะ จากคุณ : คนนอกรีต (noona) - [ 15 ธ.ค. 47 16:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ความคิดเห็นที่ 36 เชื่อใครดีคะ ระหว่าง ท่านเฉลิมศักดิ์ CD กับ ท่าน F.......555 ----------------------------------------------------------- พระพุทธองค์ ตรัส กาลามสูตรไว้ นะครับ ดังนั้น ไม่ต้อง เชื่อใคร ทันที แต่ จง พิจารณา ฯ ด้วย เสรีภาพแห่งสติปัญญานั่นๆ แล้ว พิจารณาว่า ทำไม ท่านพุทธทาส จึง สามารถ เป็น "ไม้ซีก งัก ไม้ซุง" กรณี ธรรมะ ที่ชื่อ ปฏิจจสมุปบาท ศึกษา สังคีติสูตร ตาม ที่พระสารีบุตรท่านกล่าวไว้ว่า ธรรม ๒ ประการ อันพระพุทธองค์ ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้เอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว มีอยู่ อันพุทธบริททั้งหลาย พึง(สังคีติ คือ)สอบสวนจนเป็นที่เข้าใจตรงกันทุกคน แล้วช่วยกัน สาธยาย ในธรรม สองอย่างนั้น ไม่พึงวิวาทกันในธรรมสองอย่างนั้น โดยประการที่พรหมจารรย์ที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ดีแล้วนี้ จะพึงมั่นคง ตั้งอยู่นาน ข้อนั้น(ก็) เพื่อ เป็นไป เพื่อหิตสุข แก่ มหาชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะหืโลก เพื่อประโยชน์หิตสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรม ๒ คือ (๑) ความเป็นผู้ฉลาดใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย มนะ ( หรือได้แก่อายตนะใน ๖ / หรือ ทวาร ๖ ฯ) (๒) ความเป็นผู้ฉลาด ใน ปฏิจจสมุปบาท ข้อนี้ฉลาด แบบไหน ก็ตาม ขั้นตอนแห่ง ปัญญาวิวัฒน์ ของผู้นั้นเอง จากคุณ : ไม่ใช่ศิษย์ท่านพุทธทาส (F=9b) - [ 15 ธ.ค. 47 18:26:35 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เชื่อทุกท่านครับ เอาแต่ส่วนที่ดี ที่ถูก มาปฎิบัติ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 15 ธ.ค. 47 18:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตาลายครับ แต่ผมเชื่อหลักคำสอนที่ว่า อย่ายึดติด น่ะครับ จากคุณ : ประมุขพรรคมาร - [ 15 ธ.ค. 47 21:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สวัสดีค่ะ ตู้พระไตรปิฏกเคลื่อนที่ทั้งหลาย มีความสุขกันดีอยู่หรือเจ้าคะ จากคุณ : กินข้าว (กินข้าว) - [ 15 ธ.ค. 47 22:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มีกล่องมาฝากหนึ่งใบใครจะมองมุมใหนเอ่ย จากคุณ : my studio - [ 16 ธ.ค. 47 00:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไม่เห็นว่า ท่านพุทธทาส จะปฏิเสธ นรกสวรรค์ ตรงไหน.... อ่านมาเยอะเหมือนกัน มีแต่คนตายเท่านั้นแหละ ที่จะรู้ว่า ตายแล้วไปไหน ใครอยากรู้ ก็ทดลองตายก่อนได้ นรก-สวรรค์ นี่ คนเป็นๆ นี่แหละรู้ได้เช่นกัน ถ้าได้ฝึก จิต ให้ถึงที่สุด อย่าต้องให้ใครมาบอกเรื่องนี้กับเรา ไม่มีใครรู้เรื่องนรก-สวรรค์ ได้ดีเท่าตัวของเราเอง จากคุณ : นายแอ๊ด เมืองนนท์ - [ 16 ธ.ค. 47 15:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณเจ้าของกระทู้ ผมแนะนำ หนังสือ สูตรของเว่ยหลาง นะครับ...เยี่ยมมาก ท่านพุทธทาสท่านแปล สูตรของเว่ยหลาง ได้เฉียบขาดเคยเอาเรื่อง สูตรของเว่ยหลาง ไปถามพระป่าหลายท่าน ไม่เห็นท่านปฏิเสธ มีแต่ว่า เป็นเรื่องปริศนาธรรม... จากคุณ : เทียนชัยยะ - [ 16 ธ.ค. 47 19:50:22 A:203.170.153.235 X: TicketID:004392 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ที่นี่ พุทธทาสศึกษา http://www.buddhadasa.org/ จากคุณ : )))) - [ 16 ธ.ค. 47 23:33:17 A:221.128.111.84 X: TicketID:008738 ]