CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    พระสูตรที่ถูกอ้างว่ามี "ธรรมกาย" แต่กลายเป็นการยืนยันว่าไม่มี "อายตนะนิพพาน"

    พระสูตร "มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗ ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี" ถูกนำมาอ้างเพื่อยืนยันของการมีอยู่ของวิชาธรรมกาย แต่ที่จริงแล้วกลับแสดงให้ถึงความไม่มีอยู่ของ "อายตนะนิพพาน"

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

    มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
    ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี

    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=4471&Z=4887

    ขอให้อ่านให้จบ จะพบว่า หากพระเถรีเมื่อปรินิพพาน จะถูกดูดไปอยู่ใน "อายตนะนิพพาน" ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ อยู่แยกกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มใครกลุ่มมัน ไม่ปะปนกัน ตามคำสอนของสำนักธรรมกาย แล้วทำไมพระเถรี จึงได้กล่าวเอาไว้ว่า "ขอพระองค์ทรงโปรดเป็นที่พึ่งของหม่อมฉันในกาลสุดท้ายเถิด หม่อมฉันจะไม่ได้เห็นพระองค์อีก" ก็ในเมื่อจะได้ไปพบกันในอายตนะนิพพานแล้ว

    ********************************

    ลำดับนั้น
    พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี ได้ซบพระเศียรลงแทบพื้นพระบาท
    อันเป็นลายจักรคล้ายกับดอกบัวบานมีพระรัศมีปานดังพระอาทิตย์
    แรกทอแสง แล้วพระนางได้กราบทูลว่า หม่อมฉันขอน้อมมัสการ
    พระนราทิจ ผู้เป็นธงขององค์พระอาทิตย์ ขอพระองค์ทรงโปรดเป็น
    ที่พึ่งของหม่อมฉันในกาลสุดท้ายเถิด หม่อมฉันจะไม่ได้เห็นพระองค์
    อีก ข้าแต่พระองค์ผู้เลิศโลก ธรรมดาสตรีทั้งหลายรู้กันว่ามีแต่จะก่อ
    โทษทุกประการ ถ้าโทษอย่างใดอย่างหนึ่งของหม่อมฉันมีอยู่ ก็ขอ
    พระองค์ได้โปรดกรุณาอดโทษแก่หม่อมฉันเถิด อนึ่ง หม่อมฉันได้
    ทูลขอบ่อยๆ ให้สตรีทั้งหลายได้บวช ข้าแต่พระนราสภ ถ้าโทษ
    ในข้อนั้นจะมีแก่หม่อมฉัน ขอได้ทรงโปรดอดโทษนั้นเถิด ข้าแต่
    พระวีรเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งการอดโทษ ภิกษุณีทั้งหลายอันหม่อมฉันสั่ง-
    สอนแล้ว ตามที่พระองค์ทรงอนุญาต ถ้าในข้อนั้นจะมีการแนะนำ
    ได้ยาก ขอได้โปรดทรงอดโทษข้อนั้นเถิด.

    ********************************

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่า คำว่า "ธรรมกาย" ที่ปรากฎในพระสูตร ไม่ใช่ธรรมกายที่สำนักธรรมกายใช้อ้างถึง หากแต่เป็นคนละเรื่องที่มีการยืมใช้ชื่อให้เหมือนกันเท่านั้น (เหมือนกับที่มีสมชาย อยู่หลายคน และบางคนก็มีนามสกุลเดียวกันอีก แต่ก็ไม่ใช่คนๆเดียวกัน)

    อีกทั้งยังมีคำกล่าวอันนี้เอาไว้อีกด้วย

    ***********************************
    ต่อแต่นั้น พระนางก็สละอุบาสิกาเหล่านั้นเสีย เข้าปฐม
    ฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน แล้วเข้าอากาสานัญ-
    จายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน และ
    เนวสัญญานาสัญญายตนฌานตามลำดับ แล้วพระโคตมีเถรีเจ้าก็เข้า
    ฌานทั้งหลายโดยปฏิโลม แล้วก็เข้าปฐมฌานไปตราบเท่าถึงจตุตถ-
    ฌาน ครั้นออกจากจตุตถฌานนั้นแล้วก็ดับไป เหมือนเปลวประทีป
    ที่หมดเชื้อดับไป

    ***********************************

    ไม่มีที่ใด ที่บอกว่า แล้วก็ดูดเข้าสู่อายตนะนิพพานเลย

    แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 48 12:13:49

    จากคุณ : พัลวัน - [ 11 มี.ค. 48 12:12:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป