ความคิดเห็นที่ 1 มันตัดสินอะไรกันที่ตัวหนังสืออย่างนี้ไม่ได้หรอกครับ.. กับการที่คุณจะมาวัด หรือทดสอบใครๆ ด้วยการตอบกระทู้เพียงแค่ สองสาม หรือ สิบความเห็น แล้วจะตัดสินบรรทัดฐานของคน.. ขึ้นอยู่กับระดับความเข้าใจ บาปบุญของแต่ละบุคคลมากกว่าครับ.. คนที่เข้าใจตรงกัน จะเข้าใจกันได้เองโดยไม่ต้องว่ากันให้มากความครับ.. จากคุณ : บุรุษไปรษณีย์ในชุดไปรษณีย์ - [ 3 พ.ค. 48 18:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วก็ตัดสินผมแล้วเนี่ย อย่าด่วนตัดสินว่าผมต้องการวัดอะไร หรือทดสอบอะไร ไม่ได้หาบรรทัดฐานผมอยากรู้ ผมขอรู้ ขอความเห็น สัจจะวาจาเพียงเล็กน้อย ก็ยังทำให้คนถึงธรรมได้ ผมเชื่อว่าเป็นได้ ผมขอรู้ความเห็น จากคุณ : TheAcT - [ 3 พ.ค. 48 19:04:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กรรมคงล้างไม่ได้ แปลกจังทำไมถึงคิดจะล้างกรรมกันนะ แล้วกรรมดีๆคิดจะล้างกันบ้างมั้ยหนอ จากคุณ : firstini chemistani - [ 3 พ.ค. 48 19:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนที่จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค จะมีพิธีโปรดศีลล้างบาปก่อนทุกคนครับ เป็นความเชื่อทางศาสนา โปรดอย่าไปก้าวก่ายเขาเลยครับ เพราะยังมีพิธีโปรดศีลอภัยบาปอีกครับ แบบว่าเป็นแนวทางเพื่อให้คนที่นับถือศาสนาได้หมั่นทบทวนความผิดต่าง ๆ บ่อย ๆ เพื่อจะได้ไม่ทำผิดซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนแบบไม่รู้จักจบสิ้นครับ เพราะบางครั้งคนเราอาจจะต้องใช้เวลาคิดหลายครั้งจึงจะเข้าใจเรื่อง ๆ หนึ่ง แต่ก็ต้องได้เริ่มคิดครั้งแรกก่อนนะครับ เพราะถ้าไม่ยอมคิดทบทวนกันเลยก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพบว่าตนได้ทำอะไรผิดไปบ้าง บางคนใช้เวลากว่าค่อนชีวิตหรือเกือบใกล้ตายจึงจะสำนึกและยอมรับว่าตนได้ทำผิดไปแล้ว และเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่คงไม่มีอายุขัยในโลกนี้เหลือพอที่จะได้ชดใช้ความผิดต่าง ๆ ได้ ส่วนเครื่องมือที่จะตรวจวัดว่าบาปลดลงหรือไม่ ก็คือสภาพจิตใจของคน ๆ นั้นที่แสดงออกผ่านทางพฤติกรรมดี ๆ และวาจาดี ๆ สุภาพ ๆ ต่อคนรอบข้างและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันครับ แสดงความสุภาพถ่อมตน ถอดรูปแบบเก่า ๆ เดิม ๆ ของชีวิตที่ไม่ดีออกไป แล้วคนรอบข้างก็จะประหลาดใจกับการเกิดใหม่ในตัวตนของคุณด้วยความชื่นชมครับ ดังนั้นการคิดดี พูดดี ทำดี ก็เ็ป็นกระจกสะท้อนถึงความสำนึกผิดในบาปได้อีกรูปแบบหนึ่งครับ แต่บาปไม่มีวันหมดไปจากมนุษย์ครับ เพราะอย่างน้อยมนุษย์ทุกคนก็ยังมีบาปกำเนิด และอาจจะยังมีพวกบาปต้น 7 ประการ ( เคยดูหนังของแบรดพริทท์ เรื่อง seven หรือเปล่าครับ ) แบบว่าเป็นบาปที่กำจัดออกจากจิตใจเรายากมากครับ แต่ถ้าเราตั้งใจจริงที่จะเอาชนะมัน เราก็สามารถทำกันได้ทุกคนครับ ลองเริ่มทบทวนความผิดในชีวิตประจำวันดูนะครับ หรือสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี จะได้ไม่ช้าหรือสายเกินไป จากคุณ : ใบไม้ร่วง - [ 3 พ.ค. 48 20:46:41 A:203.145.13.119 X: TicketID:094725 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าเอาความเชื่อ..มาถามว่าใครเชื่อไม่เชื่อเลยครับ...มันพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ม่ายด้าย....เพราะมันคือความเชื่อ.. เหมือน เราแขวนพระแล้วคิดว่าจะป้องกันผีหลอกได้คุ้มครองเราได้มั่นใจขึ้นเวลาไปไหนมาไหน......นั่นละครับ จากคุณ : แม่เจ้าโว้ย - [ 3 พ.ค. 48 22:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มันเป็นจิตวิทยาของศาสนาสินะ โดยแท้จริงเราต่างรู้ว่าล้างไม่ได้ ไม่ใช่ล้างไม่เกลี้ยง แต่มันล้างไม่ได้ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ฆ่ากบเขียดตาย ล้างบาป คอร์รับชั่น ไปล้างบาป เพื่อที่จะคิดใหม่ จะทำใหม่ ไม่ทำอีก ก็เลวไปแล้ว สำนึกได้ พระเจ้าให้อภัย แต่ตำรวจไม่ให้อภัย ติดคุกกันไป ไปสารภาพบาปที่สน. ไม่ต้องไปโบส แล้วรับกรรม นี่หละของแท้ จะเริ่มต้นใหม่ ก็ใช้กรรมซะก่อนเธอ จะเข็ดหลาบ ก็ติดคุกซะก่อนถึงจะเข็ด นี่มันเป็นจิตวิทยา ของศาสนาที่แหม ใคร ๆก็อยากสะอาดว่างั้น ฟังแล้วข้อง เข้าใจแล้วเลี่ยน เป็นจุดขายหรือเปล่าตรองดูเถิด บางทีนะ ไม่ยึดศาสนาใดตรงเลย แต่เอาทุกศาสนาต่างหาก เอาแต่ส่วนที่ดี เลือกใช้ ไม่ใช่ศรัทธาในความเชื่อบางเรื่อง แล้วยึด ก็ไม่สนใจอะ จะยึดไว้ เดี๋ยวตกสวรรค์ แบบนี้คิดเอาว่าเอาไง ทุกวันนี้มันก็เลยมีช่องโหว่มากมายให้เป็นปัญหา เรื่องภาคใต้ก็มี เรื่องตายสนองพระเจ้าเนี่ยก็เยอะ มันเป็นปัญหา  พอความรู้มันมากขึ้น (ไม่ใช่แค่จากวิวัฒนาการ) บางศาสนา ก็จะร้อนเป็นพิเศษ และบางศาสนาที่ก๊อปอีกศาสนามา ก็ร้อนกันมั่ง ผมเชื่อว่าบางศาสนาต่อต้านความรู้จริงเหล่านี้เยอะเลย เพราะกลัวสูญพันธุ์ กลัวสำนักตนไปไม่รอด อายเค้าที่เราเชื่อ ก็หลายอย่างมันผิดหนิ ไม่ใช่ว่าอันอื่นไม่ดีหมด แต่ทางพุทธ ก็มีหลายประเด็นที่เป็นข่าวให้เห็น แต่เรื่องสำคัญคือคำสอน ซึ่งทำให้เป็นหัวข้อกระทู้ที่เห็น คำสอนผิดทำให้ปฏิบัติผิด เป็นช่องให้ทำเลว เป็นสงคราม ระหว่างศาสนาก็มีมาโดยตลอด ไม่มีใคร นำพาตัวเรา ไปได้ นอกจากตัวเราเอง สิ่งที่พระเจ้า บันดาล แท้แล้วไม่ แท้แล้วคือตัวเรานั่น บันดาลเอง เพียงแค่ ยึดว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ เพราะพระเจ้า ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง เราคิดไปว่าพระเจ้าทำโน่นนี่ ประทานซึนามิบ้าง ประทานความฉลาดบ้าง อะไรต่อมิอะไรประดามี จะนับเอาส่วนที่เป็นเรื่องดี นั้นก็ดีหลายอยู่ เป็นกุศล เป็นที่ยึดเหนี่ยวใจ แต่จงระวัง เพราะอาจทำให้เห็นผิด เป็นช่องให้ผิดได้ ตรองดู อย่าโกรธหรือไม่พอใจ พระเจ้าไม่ต้องการให้ท่านโกรธ คุณก็รู้ว่าท่านไม่พึงให้โกรธ ให้หัวเสีย เคารพรักกันไปถ้าดีทำให้สบายใจดี ก็รักพระเจ้าไป หรือบางเผ่าคนป่า ก็อาจมีพระเจ้าในรูปอื่น ก็มีกันไป ทำให้สบายใจ จะกำหิน จะเอาชายผ้าถุงแม่มายึดใจ ก็ทำไป ก็เป็นสิ่งที่เห็นจริงเหมือนกัน ชัดเจนกว่าพระเจ้าก็มีให้เห็น ไปทานข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวได้ทานยาแล้วนอน จากคุณ : TheAcT - [ 4 พ.ค. 48 19:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องของความบาป http://webinspirer.com/godwithus/bible/bible_detail.php?no=000004a การล้างบาป http://webinspirer.com/godwithus/bible/bible_detail.php?no=000005a บาปที่ล้างไปได้จริง http://webinspirer.com/godwithus/bible/bible_detail.php?no=000007a จากคุณ : อานัส - [ 4 พ.ค. 48 23:23:40 A:61.90.37.245 X: TicketID:097312 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เท่าที่รู้มา "ล้างบาป" เป็นการขอให้ "พระเจ้า" อภัยโทษ ต่อความผิดที่ทำมา ไม่ได้เกี่ยวกับทำชั่วแล้วล้างได้หรอก...เป็นเรื่องของ "คน" กับ "พระเจ้า" ไม่ใช่ "คน" กับ "คน" ขอให้ผู้รู้จริงมาตอบดีกว่า จากคุณ : Jaffa - [ วันฉัตรมงคล 00:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คำว่า "ล้างบาป" มันเป็นคำภาษาไทยชัดเจน "บาป"ของคริสต์ กับ"บาป" ของพุทธ ความหมายก็ต่างกัน  ถ้าบาปตามความหมายของพุทธคือ อกุศลกรรม ทั้งหลาย แม้แต่ชาวคาทอลิกเองก็เชื่อว่า เอาน้ำลาดหัว บาปเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ ไม่ได้ละลายหายไปกับสายน้ำ บาปจะหายไปได้ต้องล้างที่ใจ ต้องชำระใจให้สะอาด การกระทำทุกอย่างต้องชดใช้ถึงจะหายกันไป  ส่วนบาปตามความหมายของคริสต์ คือการปฏิเสธความรักและความดีงามของพระเจ้า พิธีล้างบาปหรือบัปติสมา เป็นพิธีซึ่งทำให้มนุษย์ซึ่งยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป ได้กลับมายอมรับความรักความเมตตาและความดีงามอันหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า หากเขาเคยทำผิดใด ๆ ความผิดนั้นจะได้รับการอภัยด้วยจากพระเจ้า แต่ผลของสิ่งเหล่านั้นเขายังต้องรับอยู่ เพื่อเป็นการแสดงความเชื่อที่เขามีต่อพระเจ้า ผลของบาปนั้นถือว่าเป็นกางเขนที่เขาต้องแบกเพื่อชดเชยความผิดที่ตนเองได้ก่อขึ้น แต่เขาก็ยังอุ่นใจได้ว่า เขาจะได้รับความรอดอย่างแน่นอน อาศัยการไถ่บาปของพระเยซูคริสตเจ้า แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 48 10:04:47 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 48 09:38:57 จากคุณ : Bro.Andreas - [ 6 พ.ค. 48 09:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดิฉันว่า คุณเจ้าของกระทู้นั่นแหละที่มั่วเอง เฮ้อ จากคุณ : aiwen^mei - [ 6 พ.ค. 48 10:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมพูดถึงการสารภาพบาป แบบที่เข้าไปในห้องเล็ก ๆ แล้วก็สารภาพกับหลวงพ่อ ว่าฉันทำโน่นนี่มา ผิดกี่ข้อ พอสารภาพแล้วก็ถือว่าหายบาปงั้นเหรอ  พวกคริสว่าไง เข้าใจคำที่ผมเขียนมั๊ยครับ คุณ aiwen^mei เข้าใจที่พูดมั๊ย คุณเป็นคริสหรือไม่ ตอบให้หายข้องใจได้มั๊ย จากคุณ : TheAcT - [ 6 พ.ค. 48 11:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นคริสตชนค่ะ อ่านความเห็นคุณแล้ว ถึงได้ว่าคุณมั่วไงคะ มั่วตั้งแต่ตั้งกระทู้แล้ว จากคุณ : aiwen^mei - [ 6 พ.ค. 48 11:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีใครถามไปหรือยัง เรื่องทำชั่วแล้วล้างบาปได้ เพราะผมว่านั่นมั่ว เริ่มต้นมาก็สรุปเอาเองว่าเป็นเช่นนี้เช่นนั้น ต่อมาในความคิดเห็นที่ 6 ก็เชื่อมั่นเสียเหลือเกินว่าที่ตัวเองคิดนั้น ถูกต้อง มีแต่อัตตาที่แสดงออกมาให้เห็น ถ้าคุณคิดแบบนี้ คุณไม่ต้องมาตั้งกระทู้ให้เสียเวลาหรอกเพราะไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความใฝ่รู้สักนิด แถมดิฉันอ่านแล้ว ยังรู้สึกว่า คุณน่าสงสารเสียอีก แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 48 13:06:13 จากคุณ : aiwen^mei - [ 6 พ.ค. 48 12:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถึงผมจะเป็นชาวพุทธ แต่ก็ขอบอกว่า เจ้าของกระทู้"มั่ว" ถ้าตัดเอาคำพูดออกไป เอาจิตเจตนาที่กระทำมาวัด เราจะพบว่า บาป (อกุศลกรรม) นั้น ล้างไม่ได้ แต่ทำให้เจือจางได้  ถ้าคุณทำบาป แล้วเข้าสารภาพบาปที่ทำนั้น (โดยมีบาดหลวง เป็นผู้รับฟัง) ... คุณก็หยุดบาปไว้เพียงนั้น  ถ้าคุณไม่สร้างบาปนั้นต่อ .. คุณจะทำอะไร  อยู่เฉยๆ? ... non-sense น่า  เมื่อไม่ทำบาป เมื่อหยุดสร้างบาป คุณก็สร้างบุญ สร้างกุศล เชื่อมั่นศรัทธาในพระเจ้า ในวิถีแห่งการสร้างบุญ หรือเพียรพยายามแก้ไขบาปที่ได้กระทำลงไป  บาปนั้นถึงไม่หาย ก็ถูกบุญเจือจางลงไป หรือ ขัดขวางไม่ให้ตามทัน    มันเห็นชัดเจนขนาดนี้ คุณเป็นชาวพุทธแท้ๆ ทำไมไม่มอง?  .. แต่ถ้าไปสารภาพบาปแล้ว ยังทำบาปนั้นซ้ำเดิมอีก .. ทางคริสต์ยกไว้ ยังไม่ต้องพูดถึง เอาทางพุทธมาพิจารณา  บุญไม่สร้าง บาปกระทำเป็นอาจิณ ยามดับจิต อกุศลอาจิณกรรมนั้น ย่อมให้ผลแน่นอน    และในทางคริสต์ การทำบาปที่สารภาพไปแล้ว เพิ่มพูนบาปนั้นขึ้นหลายเท่านะ    ตั้งกระทู้เอามันส์อย่างนี้ ระวังบาปกรรมมันตามทันครับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 48 12:57:22 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 7 พ.ค. 48 11:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ๋อ เรื่องราวมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้วหละ มันเป็นเพียง การหยุดบาปเอาไว้ แล้วมันจะเจือจางหรือไม่ก็อยู่ที่ต่อไป จะทำบาปต่อไหม ซึ่งก็ต้องใช้บาปนั้น บาปไม่ได้จาง แต่บาปในอนาคตจะจาง เพราะสำนึกแล้ว กลัวแล้ว มีความละอายแล้ว  เพราะผมเข้าใจว่ามันเป็นช่องให้คนบางคนไม่กลัวบาปเพราะล้างได้ ผมจะมั่วก็จุดนี้ แต่กับคริสดี ๆ แต่ถ้าคริสไม่ดี ผมจะไม่ได้มั่วเลย แต่เอ๊ะ ผมไม่ได้ถามเอามันส์นะคุณแมวเหมียวพุงป่อง แล้วก็ คิดไปคิดมา ผมไม่ได้มั่วหนิ ในเมื่อจริง ๆแล้วมันล้างไม่ได้ คำพูดของคุณก็ยืนยันข้อนี้ "เราจะพบว่า บาป (อกุศลกรรม) นั้น ล้างไม่ได้" กลับมาที่จุดที่เป็นชาวพุทธ เรื่องนี้ผมเรียนรู้มาแต่ยังเยาว์ คุณพ่อเคยสอนไว้ตลอด มีครั้งหนึ่ง บาทหลวงและพระซึ่งเป็นเพื่อนเก่า ของคุณพ่อ เคยถกกันเรื่องนี้ ท่านเล่ายกตัวอย่างว่า ถ้าไปฆ่าใครตาย แล้วล้างบาป บาทหลวงนั้นตอบว่าล้างได้ พระเจ้าให้อภัย ส่วนพระสงฆ์ถามต่อว่า ท่านยังจำเรื่องราวนั้นได้อยู่หรือไม่ หลังจากล้างบาปแล้ว ยังคงจำภาพทุกข์ทรมารนั้นติดตาหรือไม่ ยังรับรู้และเจ็บปวดต่อความผิดนั้นหรือไม่ บาทหลวงตอบว่าใช่จำได้ พระท่านว่า แล้วบาปนั้นก็สนองต่อท่านอยู่ จะเรียกล้างบาปได้หรือ ในเมื่อท่านก็ทรมาร เป็นทุกข์ต่อสิ่งที่ทำไป ขอท่านแมวเหมียวพุ่งป่องอธิบายเรื่องนี้ พร้อมทั้งขอความเห็น ของชาวคริสด้วยครับ จากคุณ : TheAcT - [ 7 พ.ค. 48 11:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขออีกนิดหนึ่งเถิด ชาวคริสผู้เจริญทั้งหลาย นี่เป็นเหตุอันสมควรแล้ว ที่ชาวคริสจะไขข้อข้องใจนี้ ผมรบกวนคุณ aiwen^mei คนนี้เป็นพิเศษด้วยนะครับ เพราะเหตุที่ว่า คุณ aiwen^mei ไม่ได้ตอบคำถามผม กลับให้คำน้อยกลับมา โดยปล่อยให้ชาวพุทธอีกท่าน เป็นผู้พยายามชี้แนะ และผมก็ถือโอกาสให้ผู้รู้แจ้งท่านอื่น ซึ่งไม่ใช่คริส หรือคริส ช่วยไขข้อข้องใจนี้ อันเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านด้วย จากคุณ : TheAcT - [ 7 พ.ค. 48 12:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ต้อวขออภัยคุณ TheAct ด้วย ... กระทู้มันแสดงแต่ความคิดเห็น ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาด้วย  ผมกลับไปแก้กระทู้เดิมนิดนึง .. แค่เติม เข้าไป ความหมายจะเปลี่ยนไปเยอะ .. เห็นไหมครับ ...    การทำอะไรพลาดโดยไม่ตั้งใจ บางทีที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องนิดเดียว ผลเสียมันออกมาเยอะ .... เพิ่มเติม หลัง Edit  เห็นไหมครับ การกระทำของผมนั้น ... ทำผิดนิดเดียว และเจาะจงกับบุคคลคนเดียว มันยังสร้างความเดือดร้อนทั้งต่อตัวผม และตัวคุณ TheAct  ผมถึงเตือนว่า ทั้งตัวหัวข้อกระทู้ และเนื้อหาในกระทู้ มันกระทบบุคคลหลายคน ที่มีศีลมีสัตย์ .. ให้ระวังผลย้อนกลับมา มันรุนแรงพอสมควร แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 48 13:00:05 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 8 พ.ค. 48 12:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าไปฆ่าใครตายแล้วล้างบาป บาทหลวงนั้นตอบว่าล้างได้ พระเจ้าให้อภัย ส่วนพระสงฆ์ถามต่อว่า ท่านยังจำเรื่องราวนั้นได้อยู่หรือไม่ หลังจากล้างบาปแล้ว ยังคงจำภาพทุกข์ทรมารนั้นติดตาหรือไม่ ยังรับรู้และเจ็บปวดต่อความผิดนั้นหรือไม่ บาทหลวงตอบว่าใช่จำได้ พระท่านว่า แล้วบาปนั้นก็สนองต่อท่านอยู่ จะเรียกล้างบาปได้หรือ ในเมื่อท่านก็ทรมาร เป็นทุกข์ต่อสิ่งที่ทำไป ขอท่านแมวเหมียวพุ่งป่องอธิบายเรื่องนี้ พร้อมทั้งขอความเห็น ของชาวคริสด้วยครับ  ถ้าตอบตามความเป็นคริสต์ ในตัวอย่างที่ยกมานั้น ... ถูกต้องครับ  แต่ที่ภิกษุท่านนั้นอาจไม่ทราบ และบาดหลวงท่านไม่ทราบแน่ๆคือ  บาปนั้นล้างได้ พระเจ้าให้อภัย  แต่เมื่อไหร่? เมื่อไหร่หละที่พระองค์จะทรงรับรู้ว่า บาปนั้นได้สารภาพแล้ว ผู้ทำบาปรู้ซึ้่งในบาปนั้นแล้ว และจะไม่ทำผิดอีก  พระองค์มีลูกๆที่ต้องดูแล้ว นับเป็นร้อยล้านพันล้านคน  แต่ละคนขอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  แต่ละคนเอ่ยพระนาม ขอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  แต่ละคนต้องการให้พระองค์ตอบนู่น ตอบนั่น ตอบนี่ ช่วยทำนู่น ทำนั่น ทำนี่ เปลี่ยนนั่น แก้ไขนี่ ฯลฯ  ถึงคำสารภาพนั้น ส่งถึงพระองค์โดยตรง ลัดคิดคำขอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สี่หมื่นล้านคำขอที่สำคัญอื่นๆ พระองค์รู้  แต่พระองค์จะให้อภัยหรือไม่ ยังเป็นปัญหา  แน่ใจอย่างไรว่า พระองค์จะทรงอภัย?  ในเมื่อผู้ที่ทำบาป ยังลังเลสงสัยในพระองค์ ยังปราศจากศรัทธา ยังละเลยคำสอน ไม่ใส่ใจพระคัมภีร์ ยังละเมิดทำบาปผิดอื่นๆ    แน่ใจหรือ?  หรือผู้ที่สารภาพบาปนั้น คิดว่า พระเจ้าเป็นอะไรที่เขาสามารถบังคับได้  หรือผู้ที่สารภาพบาปนั้น สามารถเข้าใจในน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์?  หรือผู้ที่สารภาพบาปนั้น มั่นใจว่า เขายิ่งใหญ่กว่าพระองค์ จนพระองค์ต้องทำตามความประสงค์ทุกอย่าง????  ผมไม่ใช่ชาวคริสต์ แต่กล้าฟันธงว่า ... ไม่เลย  พระองค์ ไม่ทำตามประสงค์ของผู้ที่มาสารภาพบาปนั้นหรอก  ยกเว้นผู้นั้น สารภาพจากใจ และตั้งใจว่า จะไม่สร้างบาปผิดใดๆอีก จะทำแต่ความดี จะเชื่อฟังและศรัทธา  อืมม์ ถ้าอย่างนั้น บาปผิดที่ทำ ก็สามารถถูกลบล้างได้  คำถามคือ  ถ้าสมมุติ ไม่มีพระเจ้า หรือ พระเจ้าล้างบาปให้ท่านไม่ได้  สมมุติ มีแต่กฏแห่งกรรม กฏแห่งบาปบุญคุณโทษ ซึ่งเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และประกาศให้ชาวโลกรู้  อะไรจะเกิดขึ้นกับผู้ที่สารภาพบาป? บาปเขาไม่ได้ลดลงหรือ?? ไม่มีใครยกโทษบาปผิดนี้ให้เขาหรือ??  ไม่ใช่  ถ้าสารภาพบาปผิดนั้นจากใจ และตั้งใจว่า จะไม่สร้างบาปผิดใดๆอีก จะทำแต่ความดี จะเชื่อฟังและศรัทธา ในพระคัมภีร์  เขาจะสร้างแต่ความดี  ความดีล้วนๆ  ไม่สร้างบาปผิดใดๆอีกต่อไป  กฏแห่งกรรม (ตามศาสนาพุทธ) ชี้ว่า  ใครก็ตาม ที่กระทำอย่างนั้น .. กุศลกรรมที่สร้างต่อไป จะมากจนอกุศลกรรมอาจตามไม่ทัน หรือ ถึงตามทัน กุศลกรรมที่ทำเป็นอาจิน จะผ่อนหนักเป็นเบา หรือกางกั้นไว้ ไม่ให้อกุศลกรรมนั้นส่งผล  ไม่ว่าชาวคริสต์หรือพุทธ  ถ้าคุณทำบาปผิดใดๆ  แล้วรู้ชัดว่า นี่คือบาปผิด  แล้วตั้งใจมั่นว่า จะไม่ทำอีก ทั้งบาปผิดนี้ และบาปผิดอื่นๆ  ตั้งใจมั่น ว่าจะทำแต่บุญกุศล  จะสารภาพบาป(เพราะเป็นคริสต์) หรือไม่สารภาพบาป(เพราะเป็นพุทธ)  ก็ยากนัก ที่อกุศลกรรมจะตามทัน  ยากนัก ที่พระองค์ จะปล่อยให้ลูกแกะของท่านตกอยู่ในอันตราย  ขอให้เจริญในธรรม จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 8 พ.ค. 48 13:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นกุศโลบาย ให้รำลึกในสิ่งผิดที่ตนได้ทำไปแล้ว (ถ้าไม่รู้ตัวว่าทำผิด จะต้องมาสารภาพบาปทำไม) ส่วนเรื่องหลังจากสารภาพบาปแล้วจะไปทำความดีต่อหรือเปล่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ขึ้นอยู่กับสำนึกของแต่ละคน จากคุณ : หมูชิก - [ 8 พ.ค. 48 15:41:31 ]