ความคิดเห็นที่ 1 ตอบเท่าที่จะตอบได้ละกันนะครับ ^^' แบ่งปันความคิด 1.  ท่านเป็นเทวดาใน  สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี   ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นสูงแล้ว  ถ้าสูงกว่านี้จะเป็นระดับพรหมครับ  ท่านย่อมมีฤทธิ์เดชตามสมควร 2.  จริง ๆ แล้วท่านเป็นเทวดานะครับ   ผลบุญยังไม่หมดอายุขัยบนสวรรค์   เปรียบเสมือน  คนที่ไปคอยทำบาปกลั่นแกล้งคนอื่น  แต่ก็ยังไม่ตกนรกทันทีไงครับ  ต้องรอให้หมดอายุขัยก่อน  วิบากกรรมในอนาคต ผมไม่รู้ครับ 3.   4.  สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี  เป็นสวรรค์ครับ   ดังนั้นจึงเป็นที่อยู่ของเทวดา   เปรียบเป็น ถ้าคนไทยทำผิดซะ 1 คน  ถ้าจะบอกว่า คนไทยเลวหมดทุกคนคงไม่ใช่นะครับ 5.  มาร คือ ผู้กีดกันบุญกุศลไงครับ  ฉะนั้น ถ้าใครขัดขวางคนต่อกุศลธรรมก็จัดว่าเป็นมาร แต่ เทว = เทวดา  ฉะนั้น พวกเปรตอสุรกาย ตลอดจนคนธรรมดา ไม่เรียกว่า  เทวปุตตมารครับ   6.   แต่จริง ๆ มาร คือ 1. สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากความดีหรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ, ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี มี ๕ คือ         ๑. กิเลสมาร มารคือกิเลส         ๒. ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์         ๓. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขารที่ปรุงแต่งกรรม         ๔. เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร         ๕. มัจจุมาร มารคือความตาย 2.  พระยามารที่มีเรื่องราวปรากฏบ่อยๆ ในคัมภีร์ คอยมาแทรกแซงเหตุการณ์ต่างๆ ในพุทธประวัติ เช่น ยกพลเสนามาผจญพระมหาบุรุษในวันที่จะตรัสรู้ พระองค์ชนะพระยามารได้ด้วยทรงนึกถึงบารมี ๑๐ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฏฐาน เมตตา อุเบกขา มารในกรณีเช่นนี้ บางทีท่านอธิบายออกชื่อว่าเป็นวสวัตดีมาร ซึ่งครองแดนหนึ่งในสวรรค์ชั้นสูงสุด แห่งระดับกามาวจรคือปรนิมิตวสวัตดี เป็นผู้คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้ มิให้ล่วงพ้นจากแดนกามซึ่งอยู่ในอำนาจครอบงำของตน         อย่างไรก็ดี ผู้ศึกษาพึงพิจารณาเทียบจากมาร ๕ ในความหมายที่ 1. ด้วย ที่เราคุยกันนี่หมายถึงมารในข้อ 2 นะครับ  (ผมนำบางส่วนมาจากกระทู้ด้านล่าง ๆ นะครับ) ตอบตามความคิดเห็นครับ รอท่านอื่น ๆ ช่วยแบ่งปันดีกว่า แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 48 14:31:32 จากคุณ : goddance - [ วันวิสาขบูชา 14:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. มารเป็นเทวดาจำพวกนึงคับ อยู่สวรรค์ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดเพราะงั้นถ้าจะเปรียบเรื่องบุญกุศลกับฤทธิ์เดชก็ต้องมากกว่าเทวดาชั้นอื่น ๆ ส่วนถ้าเทียบกับพระพรหมแล้วถือว่าคนละรุ่นกันเลยคับ ฤทธิ์เดชของมารสู้พระพรหมไม่ได้คับ พระพรหมสูงส่งกว่ามาก ในบรรดาพวกเทพ พระพรหมถือว่าเป็นฤทธิ์สูงสุดคับ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังยืนยันคับ ดังจะเห็นจากช่วงเวลาที่เหล่าเทพทยอยกันมาเฝ้า รัศมีกายของพระพรหมสว่างมากกว้างไกลไปทุกทิศคับ 2. มารถือว่าเป็นเทวดาจำพวกนึง แต่เป็นเทวดาฝ่ายไม่ดี คล้ายกับอสูรไงคับ อสูรก็ถือเป็นเทวดาพวกนึงเหมือนกัน แต่จะอยู่ต่ำกว่ามาร ที่มาเกิดเป็นมาร เพราะบุญกุศลคับ แต่ที่เป็นฝ่ายไม่ดี เพราะมีมิจฉาทิฐิ ส่วนเรื่องหมดบุญแล้วไปไหน อันนี้ก็แล้วแต่กรรมที่มารกระทำไว้คับ เพราะมารก็ไม่ได้ก่อเรื่องร้ายไปซะทุกตนทุกองค์คับ 3. ในสวรรค์ชั้นที่ 6 คือ ปรนิมมิตวสวัสตี จะแบ่งเป็น 2 โซนคับ คือ ฝ่ายดี โดยมีผู้ครองสวรรค์คือ ท้าวปรนิมมิตวสวัสตีคับ อีกฝ่ายก็คือฝ่ายมาร ซึ่งผู้ครองสวรรค์ในเขตมาร ก็ชื่อ ท้าวปรนิมมิตวสวัสตี เหมือนกันคับ สรุปคือสวรรค์ชั้นนี้จะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย โดยมีผู้ดูแลทั้งฝ่ายดีและฝ่ายมาร มีชื่อเหมือนกันคือ ท้าวปรนิมมิตวสวัสตี ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ก้าวก่ายกัน จะต่างคนต่างอยู่ อีกอย่างพญามารที่ขัดขวางพระพุทธเจ้าไม่ให้ตรัสรู้นั้นก็เคยเกิดมาหลายชาติแล้วนะคับ ทำบุญมาก็เยอะ แต่ชาตินี้มีมิจฉาทิฐิ ที่สำคัญในอนาคตข้างหน้าพญามารตนนี้จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์นึงเหมือนกันคับ ซึ่งตัวพญามารเองก็รู้ จัดได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ แล้ว ถ้าสนใจอดีตชาติของพญามารลองไปค้นดูได้คับ จะกล่าวในที่นี้ก็ยาวไป 4. ตอบว่าไม่ได้เป็นมารกันทั้งหมดคับ สวรรค์ชั้นนี้มีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดีคือมารนั่นเอง 5. มารเป็นชื่อเรียกของเทวดาฝ่ายไม่ดีบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัสตีคับ ส่วนพระพรหมไม่มีมิจฉาทิฐิหรอกคับ โดยปกติแล้วพระพรหมจะเป็นพวกที่ไม่ยุ่งกะใคร ไม่สุงสิงกับทางโลกคับ มีแต่เทวดาที่ยุ่งกะทางโลกบ้าง พระพรหมเป็นพวกที่ได้ฌาณทำสมาธิคับ เรื่องฤทธิ์เป็นที่หนึ่ง ถ้าไม่นับพระพุทธเจ้านะคับ ระดับของพระพรหมก็แบ่งตามกำลังแห่งสมาธิ กับระดับของพระอริยะบุคคลด้วยคับ เพราะฉะนั้นพระพรหมจึงเสวยบุญกุศลไม่ออกมาวุ่นวายกับใครเท่าไหร่คับ 6. เรื่องกามนี่ ยังมีกันอยู่ตั้งแต่อบายภูมิ 4 จนไปถึงสวรรค์ชั้นที่ 6 คับ ส่วนพระพรหมเป็นพวกหลุดพ้นจากกามแล้ว ส่วนที่ว่ากามอยู่ในอำนาจความครอบงำของมารนี่ จริง ๆ กามไม่ได้เป็นของมารหรอกคับ มีกันทุกภูมิที่ได้บอกไว้จนถึงแค่สวรรค์ชั้นที่ 6 ตัวมารเองก็มีคับ เพราะฉะนั้นมารคงไม่อยากให้มีคนหลุดพ้นหรือได้ไปเกิดชั้นที่สูงกว่าสวรรค์ชั้นที่ 6 คับเช่น พรหมโลกเป็นต้นไป เพราะถือว่าหลุดพ้นจากเรื่องกามคับ จากคุณ : xxx - [ วันวิสาขบูชา 14:53:51 A:202.47.233.234 X: TicketID:037497 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณทั้ง 2 ท่านครับ __________________________ ขอเพิ่มเติมข้อมูลนิดนึง ดังนี้ครับ พรหมบางองค์ยังไม่พ้นเรื่องมิจฉาทิฏฐิ  และพรหมถูกมารเข้าสิง         ...ฯ...ก็สมัยนั้นแลพกพรหมมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานฉะนี้ เกิดขึ้นว่า     พรหมสถานนี้เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง แข็งแรง มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา     พรหมสถานนี้แล ไม่เกิดไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ     ก็แหละเหตุเป็นที่ออกไปจากทุกข์  อย่างยิ่งนอกจากพรหมสถานนี้ไม่มี...ฯ...        ...ฯ...ครั้งนั้นแล มารผู้ลามกเข้าสิงกายของพรหมปาริสัชชะผู้หนึ่ง...ฯ... http://84000.org/tipitaka/read/?12/552-554/590-596 มาร(อาจ)มีฤทธิ์ข่มพรหมได้         มารมีฤทธิ์มีอิทธิพลยิ่งใหญ่มาก แม้แต่พระอินทร์ พอมารมา ก็หนีไม่รอหน้า  ไปหลบอยู่สุดขอบจักรวาล พระพรหมก็หลีกเลี่ยง        บางคราวมารก็ขึ้นไปรังควานถึงพรหมโลกซึ่งเป็นชั้นรูปาวจรสูงกว่าระดับของตน พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ มารเป็นเลิศ"        แม้ มารจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ถึงอย่างนี้ แต่มนุษย์ผู้ฝึกอบรมดีแล้ว  ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ก็พิชิตมารได้ด้วยคุณธรรมของตน และมนุษย์ที่มีคุณธรรมสูงเช่นนี้ เทพเจ้าทั้งปวงตลอดถึงพรหมย่อมนบไหว้   ลอกจาก "พุทธธรรม" หน้า 471 พระพรหมคุณาภรณ์ ครับ พยายามหาลิงค์ แต่ไม่สำเร็จ แหะๆ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 48 20:02:02 จากคุณ : เหรียญ - [ วันวิสาขบูชา 19:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความสดวกสบายดั่งเนรมิตรรวยล้นฟ้า อยากได้อะไรก็ได้เหมือนเทวบุตร  ทําให้เสียเวลาเสพสุขหมกหมุนอยู่ในกาม ไม่มีเวลาสนใจศึกษาธรรมะ  เรียกว่าเทวบุตมาร จากคุณ : ตาโม (ตาโม) - [ 23 พ.ค. 48 00:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ เหรียญ สงสัยเหมือนผมเลย จากคุณ : จักรแก้ว - [ 23 พ.ค. 48 05:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะคุณจักรแก้ว ยกเรื่องนี้มาพูดแหละครับ  ผมเลยพลอยสงสัย  อิอิ จากคุณ : เหรียญ - [ 23 พ.ค. 48 13:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถามอาจารย์เราดีกว่านะ รอท่าน ฐานะเหอะ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 25 พ.ค. 48 00:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8           เรียน คุณเหรียญ เจ้าของกระทู้ และคุณจักร ความคิดเห็นที่ 7           อันที่จริงแล้ว ผมก็เห็น กระทู้เกี่ยวกับมาร ที่คุณทั้งสองตั้งขึ้นมา           คือ กระทู้นี้ว่า                     อยากรู้เรื่อง มาร(เทวปุตตมาร) หน่อยครับ           และกระทู้ก่อนว่า                     คุยกันเบาๆ เรื่อง มาร มารดลใจคุณหรือผมหรือเปล่า http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3487215/Y3487215.html           ก็นึกอนุโมทนาอยู่ว่า สนทนาในเรื่องที่น่าสนใจ ที่เรื่องที่ควรศึกษา           ทั้งอ่านคร่าวๆ แล้ว ก็เห็นว่า สนทนากัน แสดงความเห็นกันโดยรวม มาถูกทางแล้ว จึงอนุโมทนาเฉยๆ ไม่ได้มาแสดงความคิดเห็น           จนได้มาเห็น ความคิดเห็นที่ 7 ของคุณจักร ว่า                     รอท่าน ฐานะเหอะ           เลยได้พิจารณาดูแล้ว เห็นว่า เจ้าของกระทู้น่าจะยังไม่ได้คำตอบที่ตนพอใจ                 จึงจะมาแสดงความคิดเห็นในภายหลัง ครับ แนะนำ :-             อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                    หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 25 พ.ค. 48 04:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ...  สาธุครับ  จะรอครับ จากคุณ : เหรียญ - [ 25 พ.ค. 48 22:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สาธุครับ  รออยู่เหมือนกันครับ ท่าน จากคุณ : จักรแก้ว - [ 26 พ.ค. 48 21:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11           ตอบ เป็นข้อๆ ดังนี้ :-           3. วสวัตดีมาร หรือพญามาร เป็นคนเดียวกันกับท้าวปรนิมมิตวสวัตดี ที่เป็นเจ้าครองสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีหรือเปล่าครับ?           ในอรรถกถากล่าวเป็นนัยว่า           ถามว่า  พญามารนั้น  ย่อมอยู่  ณ  ที่ไหน?           ตอบว่า  ย่อมอยู่ในเทวโลกชั้นปริมมิตวสวัตตี.           จริงอยู่  พญามารวสวัตตี  ครองราชย์อยู่ในเทวโลกนั้น.           อาจารย์บางพวกกล่าวว่า  พญามารประทับครองความยิ่งใหญ่ในบริษัทของตน ณ  ส่วนหนึ่ง (ของเทวโลกนั้น) ดุจราชโอรสของพระราชาผู้เรืองนามประทับอยู่ ณ ปลายแดนราชอาณาจักร ฉะนั้น.           4. เทพในปรนิมมิตวสวัตดี เป็นมารกันหมดหรือเปล่า?           ตอบว่า เป็นบางส่วนเท่านั้น           เทพในชั้นนี้ เป็นพระอริยบุคคลก็มี           ในคราวที่ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ปฐมเทศนา แก่พระปัญจวัคคีย์นั้น           เมื่อทรงธรรมเทศนาจบลง เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดี ก็อนุโมทนาด้วย           [๑๗] ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว           เหล่าภุมมเทวดาได้บันลือเสียงว่า           นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ  ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.           เทวดาชั้นจาตุมหาราช ได้ยินเสียงของพวกภุมมเทวดาแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.           เทวดาชั้นดาวดึงส์ ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.           เทวดาชั้นยามา ...           เทวดาชั้นดุสิต ...           เทวดาชั้นนิมมานรดี ...           เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดี ...           เทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรหม ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดีแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไปว่า           นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ  ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.           ชั่วขณะการครู่หนึ่งนั้น เสียงกระฉ่อนขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ด้วยประการฉะนี้แล.           ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้ได้หวั่นไหวสะเทือนสะท้าน ทั้งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่หาประมาณมิได้                 ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย.           ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเปล่งพระอุทานว่า                     ท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ                     ท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ           เพราะเหตุนั้น คำว่า อัญญาโกณฑัญญะนี้ จึงได้เป็นชื่อของท่านพระโกณฑัญญะ ด้วยประการฉะนี้. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=355&Z=445#17           2. แล้วทำไมมารจึง ยังไม่ตกนรกล่ะครับ?           ...ผลบุญยังไม่หมดหรือ?           แล้วถ้าผลบุญหมด จะได้รับวิบากกรรมถึงปานไหนครับ           ตอบว่า ที่ยังไม่ตกนรก เพราะยังเสวย กุศลวิบากธรรมอยู่           แล้วถ้าผลบุญหมด จะได้รับวิบากกรรม ตามสมควรแก่กรรม และวาระของกรรมที่ทำไว้           5. เทพชั้นอื่นๆ ที่มีมิจฉาทิฏฐิ..และคอยขัดขวางคนต่อกุศลธรรม ถือว่าเป็นมารด้วยใช่ไหมครับ           (ดูเหมือน มิจฉาทิฏฐิมีในชั้นพรหมด้วยหนิ แต่ไม่เคยได้ยินว่า มีพรหมที่เป็นมาร)           แล้วเทพชั้นล่างๆ ตลอดจน ผี เปรต อสุรกาย ตลอดจนคนที่จงใจคอยขัดขวาง กุศลธรรมถือว่าเป็น เทวปุตตมาร ไหมครับ?           ตอบว่า ควรเข้าใจ ศัพท์ต่างๆ เหล่านี้ ก่อน คือ           มาร เทวปุตตมาร มารธิดา เทพดาผู้นับเนื่องในหมู่มาร           คำว่า มาร ในความหมายของ เทวปุตตมาร นั้น           เทวปุตตมาร คือ เทวดาที่คอยขัดขวางผู้อื่น ในการกระทำกุศล อันเป็นเหตุแห่งความเจริญ           ทำไม มารถึงอยากขัดขวางผู้อื่น           ตอบว่า เพราะกิเลสมารของ เทวปุตตมาร นั่นเอง           การเข้าถึงความเป็นมาร หรือหมู่มาร หรือสหายของมาร 3 ลักษณะ คือ ด้วยอำนาจตัณหา มานะ ทิฏฐิ อรรถกถา ความว่า           ปุถุชนได้เห็นก็ดี ได้ยินก็ดี  ซึ่งปชาบดีผู้มีผิวพรรณงาม มีอายุยืน มีความสุขมาก  ย่อมใฝ่ฝันราชสมบัติด้วยอำนาจแห่งตัณหา           ก็หรือว่า แม้ตั้งใจไว้เพื่อจะได้ในสิ่งที่ตนยังไม่ได้โดยนัยเป็นต้นว่า ทำไฉนหนอ  เราพึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งปชาบดี  ชื่อว่า ย่อมสำคัญปชาบดี ด้วยความสำคัญด้วยอำนาจแห่งตัณหา.           แต่เมื่อปุถุชนถึงความเป็นปชาบดีแล้ว           ยังมานะให้เกิดขึ้นว่า เราย่อมเป็นใหญ่ เป็นอธิบดีกว่าปชาทั้งหลาย พึงทราบว่า ชื่อว่า ย่อมสำคัญปชาบดีด้วยความสำคัญด้วยอำนาจแห่งมานะ.           แต่เมื่อปุถุชนสำคัญอยู่ว่า ปชาบดี  เที่ยง  ยั่งยืน หรือขาดสูญพินาศ หรือว่า ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลัง ไม่มีความเพียร น้อมไปสู่ความประสบโชคดี โชคร้าย ย่อมเสวยสุขทุกข์ในอภิชาติ  ๖  ชาตินั่นแล           พึงทราบว่า ชื่อว่า ย่อมสำคัญปชาบดีด้วยความสำคัญด้วยอำนาจแห่งทิฏฐิ. - - - - - -- - - --  -- - -- --- -           [ความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณด้วย]           เทพบุตรที่มีการกระทำแบบมาร เรียกว่า เทวปุตตมารก็ได้ หรือเทพดา ผู้นับเนื่องในหมู่มาร ก็ได้           เทพธิดาที่มีการกระทำแบบมาร เรียกว่า เทพดาผู้นับเนื่องในหมู่มาร           สำหรับ มนุษย์ที่มีการกระทำแบบมาร เรียกว่า ไม่ควรเรียกว่า เทวปุตตมาร เรียกว่า คนพาล หรือคนพาลยิ่งกว่าคนพาล           แต่จะเรียกอะไรนั้น เป็นไปเพื่อสื่อความหมายแก่กัน และกันในเข้าใจ ถึงเนื้อความ           แต่ลักษณะของมารที่ควรทราบ คือ เทวปุตตมารขัดขวางผู้อื่นนั้น เป็นเพราะกิเลสมารของเทวปุตตมาร นั่นเอง           6. จากข้อความที่ขีดเส้นใต้           --วสวัตดี, วสวัดดี ชื่อพระยามาร เป็นเทพในสวรรค์ชั้นสูงสุดแห่งระดับ กามาวจร เป็นผู้คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไม่ให้ล่วงพ้นจากแดนกาม ซึ่งอยู่ใน อำนาจครอบงำของตน--           ช่วยอธิบายหน่อยครับ           ตอบว่า แดนกาม คือ แดนหรือภูมิที่ยังยินดีในกามคุณ           มาร เมื่อจะขัดขวางใครๆ ย่อมใช้กามคุณ นั่นแหละเป็นเครื่องมือ           ศึกษาตัวอย่างการใช้กามคุณ เป็นเครื่องมือ จาก           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗           สังยุตตนิกาย สคาถวรรค           มารธีตุสูตรที่ ๕ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=4010&Z=4136                ผู้ใดพ้นจากกามแล้ว ย่อมพ้นจากอำนาจของมาร           เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พ้นจากกามแล้ว พ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวงด้วย มารครอบงำไม่ได้           มารกลัวว่า ผู้ที่พ้นแล้วอย่างนี้ จะแนะนำสั่งสอนผู้อื่นให้พ้นตาม จึงมักจะตามรังควาญบ้าง เย้ยหยันด้วย หวังว่า ให้คลายความเพียรบ้าง ห้ามปราบไม่ให้การแสดงธรรมบ้าง           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗           สังยุตตนิกาย สคาถวรรค           สัตตวัสสสูตรที่ ๔ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=3952&Z=4009           ทำทีเป็นว่าห่วงใยชีวิตของพระภิกษุที่ไม่อาลัยต่อชีวิตบ้าง           โคธิกสูตรที่ ๓ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=3885&Z=3951           แสดงเสียงที่น่ากลัว ให้ภิกษุเคลื่อนจากความเพียรบ้าง บังตาคนเพื่อไม่ให้ถวายบิณฑบาตบ้าง           ควรศึกษาจาก มารสังยุตต์           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๗           สังยุตตนิกาย สคาถวรรค           http://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎก15               คือ ถ้าสามารถทำให้ปรินิพพานได้ ด้วยอุบายใดๆ ก็จะทำด้วยอุบายนั้น           เช่น การทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคให้ทรงปรินิพพาน http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915#95               ตัวอย่าง การแกล้งพระปัจเจกพุทธเจ้าที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ เพื่อไม่ให้ได้ บิณฑบาต จาก           อรรถกถา ขทิรังคารชาดก           ว่าด้วย มีจิตมั่นคง http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270040           ตัวอย่าง การริษยาของเทวราชองค์หนึ่ง แทนที่จะอนุโมทนา จึงแกล้งดาบสตนหนึ่ง จาก           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙           ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑           อลัมพุสาชาดก           ว่าด้วย อิสิสิงคดาบสถูกทำลายตบะ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=10324&Z=10421           อรรถกถา อลัมพุสาชาดก http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=272478 จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 27 พ.ค. 48 17:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 12           1. ทำไมจึงมีฤทธิ์มากครับ?           (มากกว่าพรหมเลยหรือเปล่า พรหมอยู่ชั้นสูงกว่าไม่ใช่หรือครับ)           ทำกรรมอะไรมาขนาดไหน?           ตอบว่า เข้าใจว่า คำถามนี้ มาจาก พระสูตรชื่อว่า พรหมนิมันตนิกสูตร           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔           มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์           พรหมนิมันตนิกสูตร ว่าด้วย พกพรหมมีทิฏฐิอันลามก http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=10134&Z=10286                        ลองสังเกตุบุคคลทั่วไป อย่างนี้ว่า           บุคคลที่ต้องการความเจริญ ย่อมทำเหตุแห่งความเจริญ ตามความเห็นแห่งตน ในบุคคลเหล่านั้น บางคนต้องการมากกว่านั้น คือต้องการเป็นใหญ่ ครอบงำผู้อื่นด้วย           ดังนั้น บุคคลนี้ย่อมมีอุตสาหะ เพื่อความปรารถนาทั้งสอง           ส่วนว่า การที่บุคคลนั้นจะอุตสาหะในทางที่ถูกต้องหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง           เอาเป็นว่า ในขั้นนี้แสดงให้เห็นว่า ย่อมมีอุตสาหะมากกว่า           มารก็เช่นกัน ย่อมทำบุญด้วย อันเป็นเหตุแห่งความเจริญของตน ย่อมศึกษา มายา และอุบายต่างๆ เพื่อเข้าถึงความฉลาดในการครอบงำด้วย           ก็มารนี้ หมกหมุ่นอยู่ด้วยกามคุณ หมกหมุ่นในความอยากเป็นใหญ่ จึงทำเหตุ เพื่อถึงความปรารถนาทั้งสอง           เพราะฉะนั้น การที่มารมีอนุภาพมากนั้น จึงเกิดจาก           1.บุพพกรรม คือ บุญเก่าที่ทำมา ทำให้อุบัติในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวดี สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวดี ก็ครอบงำสวรรค์ชั้นอื่นๆ อยู่แล้วด้วย           2. การฝึนฝน มายาเครื่องครอบงำ ด้วย           สำหรับ พระสูตรชื่อว่า พรหมนิมันตนิกสูตร ควรพิจารณาอย่างนี้           [ข้อความนี้ มีความเห็นส่วนตัวประกอบด้วย โปรดใช้วิจารณญาณ]           1. พกพรหมเป็นพรหมชั้นปฐมฌาน อุบัติด้วยบุญจากปฐมฌาน พกพรหมนี้ ได้จุติมาจากภพที่ประณีตกว่า แต่การอยู่นานในภูมินี้ จึง ลืมภพภูมิเดิมไป           2. พรหมปาริสัชชะ เป็นบริษัทของพกพรหม เกิดเพราะบุญจาก ปฐมฌาน แต่ไม่ประณีตเท่าพกพรหม นัยว่า เพราะอินทรีย์ไม่แก่กล้า           เมื่อ พกพรหมมีความเห็นผิดอย่างนี้  พรหมปาริสัชชะซึ่งมีความนับถือ พกพรหม ในฐานะที่ตนเป็นบริวารอยู่นานแล้ว ทั้งตนก็ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรม จะมีความเห็นเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร           เมื่อเป็นอย่างนี้ การที่มารนี้ แม้จะเป็นเทพบุตรชั้นกามาวจรก็ตาม ทั้งตนก็มีมายาที่ได้ศึกษามามาก สถาณการณ์อย่างนี้ มารอาศัยสถานการณ์ ที่พรหมปาริสัชชะมีความเลื่อมใสพกพรหมผู้เป็นใหญ่ สามารถครอบงำได้ ไม่ยาก           หากจะถามว่า ครอบงำอย่างไร?           ตอบว่า ไม่ทราบครับ ทราบแต่ว่า สถานการณ์อำนวยให้มารทำได้เท่านั้น           จากการแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับมารนี้           ประกอบกับข้อความของคุณจักรแก้ว ความคิดเห็นที่ 10 ว่า                     สาธุครับ  รออยู่เหมือนกันครับ ท่าน           จึงขอสอบถามคุณจักรแก้ว ว่า           หากคุณจักรแก้ว หรือใครๆ ทั้งคุณมีธิดาที่เป็นที่ที่รัก อยู่ในวัยปฐมวัย ทั้งยังอ่อนต่อโลก ทั้งยังมีทักษะการป้องกันตนไม่ดีพอ           ครั้งหนึ่ง เมื่อคุณต้องการส่งธิดาของคุณไปศึกษาศิลปะในที่แห่งหนึ่ง และมีวิธีเดินทางไปศึกษานั้น ปกติแล้วด้วยความห่วงใย คุณอาจจะเดินทาง ร่วมไปด้วย แต่ถ้าไม่สามารถเดินทางไปด้วยเพราะติดธุระบางอย่าง ก็อาจ จะให้เดินทางไปโดยโดยสารไปกับ รถโดยสารที่น่าเชื่อถือได้ เช่น บขส           หากมีกลุ่มทรชนกลุ่มหนึ่ง นำรถยนต์อันเป็นพาหนะ ดูภูมิฐาน ดูเป็นยานพาหนะที่แข็งแกร่ง มาแสดงต่อคุณ แล้วกล่าวชักชวนว่า จะนำพาธิดาที่ยังของคุณไปถึงที่ที่ต้องการ ทั้งระหว่างทาง กลุ่มคนนี้ จะอำนวยความ เช่น อาหารรสชาติอร่อย น้ำดื่มที่ต้องการ ทั้งกล่าวคำที่ น่าชื่นใจ ยินดีต่างๆ นานา           ถ้ากลุ่มคนกลุ่มนี้นำกุลธิดาของคนในตระกูลอื่น มาแล้วด้วยอาการ อย่างนี้ พาไปตามทิศทางที่คนในตระกูลนั้นๆ ต้องการสักหน่อยหนึ่งแล้ว ก็ประทุษร้ายต่างๆ นานา เช่น พาไปเพื่อค้าบ้าง ให้รับใช้ต่อเองบ้าง สอนให้ร่วมขบวนการของตนบ้าง           ถามคุณจักรแก้วว่า           1. การที่กลุ่มคนกลุ่มนี้ เดินทางร่วมทิศที่คุณต้องการนี้ไปเพียงเล็กน้อย           การเดินทางนี้ คุณจักรแก้วเห็นว่า จะเป็นอุปการะคุณต่อธิดาของคน ในตระกูลอื่นๆ หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงเพื่อลวงให้เชื่อเท่านั้น                      2. อาหารรสชาติอร่อย น้ำดื่มที่ต้องการ ทั้งกล่าวคำที่น่าชื่นใจ น่ายินดี ต่างๆ นานา ของกลุ่มคนเหล่านี้ น่าปรารถนาหรือไม่ หรือว่าเป็นสิ่งที่ควรหลีกเว้น ให้ห่าง           3. คุณควรชื่นชมอนุโมทนาร่วมกับกลุ่มคนเหล่านี้ ในฐานะว่า เขาได้ร่วมทิศทางที่ต้องการ แม้หน่อยหนึ่ง และอามิสที่ให้ในพาหนะ เช่นอาหาร เป็นต้น เป็นสิ่งที่ดี แล้วละเลยสิ่งที่คนเหล่านี้ มุ่งประสงค์หรือไม่           4. การให้การสนับสนุนคนกลุ่มนี้ เช่น การให้ค่านำมันรถยนต์ หรือ แนะนำไปที่ ตระกูลที่มีธิดายังอ่อนทักษะอื่นๆ ต่อไป           เป็นไปเพื่อประโยชน์ หรือไม่           5. คำถามข้อนี้ ถามตรงๆ ว่า           การที่เจ้าชายอชาตสัตตุกุมาร ถวายทานในพระเทวทัต โดยการบำรุง ทั้งเวลาเย็นทั้งเวลาเช้า ด้วยรถ ๕๐๐ คัน และนำภัตตาหาร ๕๐๐ สำรับไปด้วย           น่าอนุโมทนา ไหม?           เป็นการส่งเสริมกำลังของภิกษุ เช่นพระเทวทัตด้วยลาภสักการะ ให้มีกำลังเพิ่มขึ้นแก่ภิกษุนี้ และเป็นตัวอย่างแก่ผู้ได้เห็นได้ทราบ?           ลาภสักการะของพระเทวทัตต มีประโยชน์ต่อพระเทวทัตเองหรือไม่           หรือเป็นแต่เพียง ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่ ?           ภิกษุเฉกเช่นพระเทวทัตนี้           เราควรที่จะริษยาในลาภ สักการะ หรือว่า ความสังเวชใจ แล้วหลีกให้ห่าง?           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗           สังยุตตนิกาย สคาถวรรค           เทวทัตตสูตรที่ ๒ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=4964&Z=4975           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘           สังยุตตนิกาย นิทานวรรค           ปักกันตสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6314&Z=6336               คำว่า เทพดาตนหนึ่งผู้นับเนื่องในหมู่มาร           ตติยปาราชิกสิกขาบท           นิทานปฐมบัญญัติ เรื่องภิกษุหลายรูป http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=1&A=7436&Z=7492           คำว่า ลูกสาวพระยามาร http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ลูกสาวพระยามาร&detail=on           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๗           สังยุตตนิกาย สคาถวรรค           มารสังยุตต์ http://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎก15           พระผู้มีพระภาตตรัสตอบท่านพระอานนท์ที่ทูลถามว่า           ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็จะควรเรียกว่า ภิกษุผู้ฉลาดในฐานะและอฐานะ ด้วยเหตุเท่าไร ฯ [บางส่วน]           (๑๔) ย่อมรู้ชัดว่า ข้อที่มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ สตรีพึงสำเร็จ เป็นท้าวสักกะ นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้           และรู้ชัดว่า ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือบุรุษพึงสำเร็จเป็นท้าวสักกะ นั่นเป็นฐานะที่มีได้ ฯ           (๑๕) ย่อมรู้ชัดว่า ข้อที่มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือสตรีพึงสำเร็จ เป็นมาร นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้           และรู้ชัดว่า ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ บุรุษพึงสำเร็จเป็นมาร นั่นเป็นฐานะที่มีได้ ฯ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=3432&Z=3646           พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒           วิภังคปกรณ์           [๑๑๐๗] ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดที่ไหน           ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นพรหมปาริสัชชา           อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร           มีประมาณเท่าส่วนที่ ๓ ที่ ๔ แห่งกัปป์ [คือ ๑ ใน ๓ หรือ ๑ ใน ๔แห่งกัปป์]           ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดที่ไหน           ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นพรหมปุโรหิตา           อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร           มีประมาณกึ่งกัปป์           ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดที่ไหน           ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นมหาพรหมา           อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร           มีประมาณ ๑ กัปป์ http://84000.org/tipitaka/read/?35/1107 แนะนำ :-             อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                    หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 10:52:05 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 10:49:59 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 17:56:37 จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 27 พ.ค. 48 17:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ สำหรับทุกเรื่อง ผมจะใคร่ครวญอีกครั้งอย่างละเอียด อาจใช้เวลานานหน่อย ปัญหาเฉพาะหน้ามีอยู่ว่า อาจารย์คิดว่าเขาเป็นถึงเทวทัต เชียวหรือ มีทิฏฐิที่ชั่วช้า หรือว่า เขาเจตนาดี และปราถนาพุทธภูมิจริงๆ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 20:26:49 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 27 พ.ค. 48 20:11:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 13               ขอบคุณครับ สำหรับทุกเรื่อง             ผมจะใคร่ครวญอีกครั้งอย่างละเอียด อาจใช้เวลานานหน่อย             ปัญหาเฉพาะหน้ามีอยู่ว่า อาจารย์คิดว่าเขาเป็นถึงเทวทัต เชียวหรือ             มีทิฏฐิที่ชั่วช้า หรือว่า เขาเจตนาดี และปราถนาพุทธภูมิจริงๆ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 20:26:49 จากคุณ : จักรแก้ว  - [ 27 พ.ค. 48 20:11:24 ]             ตอบ คุณ จักรแก้ว ความคิดเห็นที่ 13 ดังนี้             อุปมาเพิ่มเติม ให้ความเข้าใจ 2 ข้อ ดังนี้             1. สำหรับ ผู้เห็นภัยในวัฏฏะ             อุปมา เหมือนคนที่กำลังได้รับความทุกข์ เช่น             สมมติ คุณเอง หรือใครๆ ถูกรถชนเจ็บหนัก (แค่สมมตินะครับ)             ขณะนั้น มีพลเมืองดี หวังให้คุณพ้นจากความทุกข์อันตรายนั้น กำลังจะนำคุณคนเจ็บไปโรงพยาบาล เพื่อทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไป             ขณะที่กำลังนำคนเจ็บไปอยู่นั้น มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกล่าวอวด อ้างตนเองว่า เป็นนักศึกษาแพทย์ และทำการห้ามปรามพลเมืองดีเหล่า นั้นว่า             รอก่อนเถิด จงรอก่อน เรานี้เป็นนักศึกษาแพทย์ รอให้เราสำเร็จ วิชาแพทย์ก่อน ให้เราเป็นแพทย์ก่อนเถิด แล้วจึงทำการรักษา             ถามว่า คนกลุ่มนั้น ชื่อว่า ประพฤติเพื่อประโยชน์ หรือไม่             2. สำหรับ ผู้ศึกษาพระจริยาวัตรของพระโพธิสัตว์             พระโพธืสัตว์นั้น เมื่อได้ความเลื่อมใสในพระศาสนาแล้ว ก็ศึกษา พระธรรมวินัย สะสมปัญญาบารมี เพื่อการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ             ไม่ตั้งตน เป็นปฏิปักษ์ต่อ พระศาสนา หรอก ครับ             ศึกษา พระสูตรชื่อว่า ฆฏิการสูตร ประกอบด้วย             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕             มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์             ฆฏิการสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=6596&Z=6824             อีกเรื่องหนึ่ง คือเมื่อสุเมธดาบสได้รับพยากรณ์จากพระทศพลทีปังกร สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เนื้อความว่า :--             สุเมธดาบสได้บังเกิดโสมนัสว่า นัยว่า ความปรารถนาของเราจักสำเร็จ ดังนี้. มหาชนได้ฟังพระดำรัสของพระทศพลทีปังกร แล้วต่างได้พากันร่าเริงยินดีว่า นัยว่า             สุเมธดาบสเป็นพืชแห่งพระพุทธเจ้า เป็นหน่อแห่งพระพุทธเจ้า และพวกเขา เหล่านั้นก็ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ธรรมดาว่า บุรุษเมื่อจะข้ามแม่น้ำ ไม่สามารถข้าม โดยท่าโดยตรงได้ ย่อมข้ามโดยท่าข้างใต้ ฉันใด แม้พวกเราก็ฉันนั้นเหมือนกัน                            เมื่อไม่ได้มรรคและผลในศาสนาของพระทศพลทีปังกร ในกาลใดในอนาคต ท่านจักเป็นพระพุทธเจ้า. ในกาลนั้น พวกเราพึงสามารถกระทำให้แจ้ง ซึ่งมรรคและ ผลในที่ต่อหน้าของท่าน ดังนี้ ต่างพากันตั้งความปรารถนาไว้. http://84000.org/tipitaka/atita100/nitana3_02.php                                              มหาชนเพียงตั้งความหวัง เพียงเพื่อว่า หากไม่สามารถบรรลุมรรคผล ในพระศาสนานี้ แล้วก็ยังพอจะได้กระทำให้แจ้งในศาสนาหน้า             มหาชนไม่ประมาท ไม่ได้ละทิ้งพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคที่ปรากฎ ในขณะนั้น             ทั้งสุเมธดาบสโพธิสัตว์นั้น ไม่ปรากฎว่าชักชวนมหาชนว่า             ท่านอย่าได้ประพฤติพรหมจรรย์ในศาสนานี้เลย รอศาสนาของเราเถิด             ท่านไปรอเรา ที่ดุสิตเถิด อย่าเพิ่งประพฤติพรหมจรรย์ในศาสนานี้เลย             มหาชนเหล่านั้น ไม่ประมาท ตั้งความปรารถเผื่อไว้ เท่านั้นเอง             อุปมาทั้งสองนี้ น่าจะทำให้วิญญูชน เข้าใจได้ไม่ยาก แนะนำ :-             อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                    หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 21:53:45 จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 27 พ.ค. 48 21:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเอาตัวรอดได้แล้ว แต่ใคร่ครวญที่ตั้งตนอันชอบอยู่ เพราะจะมีผลมาก ผมขอถามเพิ่มนิดหนึ่งว่า ปฏิปักษ์ที่เห็นได้นั้นมีอะไรบ้างครับ เทศนาบทนี้กระผมจะนำไปเผยแพร่ได้หรือไม่ อ้างอิงท่านอาจารย์ด้วย จะเป็นปัญหาหรือไม่ครับ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 48 08:13:02 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 พ.ค. 48 08:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สาธุ สาธุ สาธุ...   คุณฐานาฐานะ จากคุณ : เหรียญ - [ 28 พ.ค. 48 14:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สาธุๆ.. คุณฐานาฐานะอุปมาอุปมัยได้ประเสริฐยิ่ง.._/l\_ จากคุณ : Olivier - [ 28 พ.ค. 48 18:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 15               ผมเอาตัวรอดได้แล้ว แต่ใคร่ครวญที่ตั้งตนอันชอบอยู่ เพราะจะมีผลมาก             ผมขอถามเพิ่มนิดหนึ่งว่า ปฏิปักษ์ที่เห็นได้นั้นมีอะไรบ้างครับ             เทศนาบทนี้กระผมจะนำไปเผยแพร่ได้หรือไม่ อ้างอิงท่านอาจารย์ด้วย             จะเป็นปัญหาหรือไม่ครับ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 48 08:13:02 จากคุณ : จักรแก้ว  - [ 28 พ.ค. 48 08:06:30 ]             ตอบ คุณ จักรแก้ว ความคิดเห็นที่ 15             เข้าใจว่า หมายถึง เพื่อการตักเตือนผู้อื่นต่อไป             เรื่อง ความเป็นปฏิปักษ์หรือไม่เป็นปฏิปักษ์นั้น ควรได้ศึกษาแนวทาง ดังนี้ :-             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕             อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต             สังขิตตสูตร http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=23&A=5908&Z=5933             อนุรุทธสูตร http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=23&A=5908&Z=5933             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘             สังยุตตนิกาย นิทานวรรค             อาณิสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=7046&Z=7066                  พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗             สังยุตตนิกาย สคาถวรรค             ทุติยวรรคที่ ๒             ชฏิลสูตรที่ ๑ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=2515&Z=2574             กระทู้ที่เคยตอบไว้             ความคิดเห็นที่ 5 และ 19 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3481193/Y3481193.html#5             อย่างไรก็ตาม การตักเตือนผู้อื่นนั้น ควรพิจารณาให้ดี ให้รอบคอบ เพื่อความ ปลอดภัยของตัวผู้ตักเตือนเอง             คงจำได้ ถึงคำตอบของคำถามก่อนนั้นที่ว่า             ข้อความว่า                  คนที่ผมเชื่อมั่นว่ามีศีลดี                  ได้รับรองอีกคนหนึ่งให้ผมว่าศีลดีกว่าอีก                  แต่ผมดูคนที่เขารับรองแล้วไม่มั่นใจเลย                  ผมจะทำอย่างไรดี ครับท่าน                  แต่ละท่านก็ใหญ่โตกันทั้งนั้นเลยครับ             ขอให้ทบทวนเรื่องการตักเตือนที่ได้ตอบไปอีกครั้งหนึ่งด้วย             เพราะว่า พระพุทธพจน์รับรองไว้ดังนี้ว่า :-                          ดูกรราหุล เรากล่าวว่าบุคคลผู้ไม่มีความละอายในการกล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่ ที่จะไม่ทำบาปกรรมแม้น้อยหนึ่งไม่มี ฉันนั้นเหมือนกัน. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=2383&Z=2540#127                  สำหรับ เรื่องการเผยแพร่ก็ตาม การตอบตามแนวที่ผมได้ตอบไว้ก็ตาม             ผมยินดี และขออนุโมทนาด้วย ไม่ขัดข้องใดๆ เลย             แต่ขอให้เป็นไปเพื่อการศึกษาพระธรรมวินัย ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่างแท้จริง ในพระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค แนะนำ :-             อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                    หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 28 พ.ค. 48 21:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กราบขอบพระคุณมากครับ ผมจะอ่านและไตร่ตรองอีกหลายเที่ยวว่าจะทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด  แต่ในเบื้องต้นนี้ ผมเข้าใจ และเห็นด้วยทุกอย่างครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 29 พ.ค. 48 07:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาสาธุ ท่าน ฐาฯ  ครับ ซาบซึ้งเหลือเกิน เอ  แล้วที่คุณจักรฯ กะคุณเหรียญ  เรียกอาจารย์เนี่ย หมายถึง ท่านฐาฯ เหรอครับ ถ้าใช่ จะได้ขอสมัครเป็นศิษย์ ด้วยคน จากคุณ : หมูชิก - [ 30 พ.ค. 48 11:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สาธุครับ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 30 พ.ค. 48 12:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบพระคุณ คุณ ฐานาฐานะ มากครับ ได้ ทั้งความรู้ และ แง่มุม ที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ครับ จากคุณ : เล่อเผิง - [ 30 พ.ค. 48 15:34:13 A:61.19.165.185 X: TicketID:077215 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ใช่แล้วครับ  คุณหมูชิก   ไหนๆก็ไหนๆ ขอก้อปคุณฐานาฐานะมาอีก 2 คห. ______________________________________ ความคิดเห็นที่ 5            พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔            อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต            กุหกสูตร            [๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของ เพื่อนพรหมจรรย์            ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ            ภิกษุผู้เถระเป็นผู้พูดหลอกลวง ๑                        เป็นผู้พูดหวังลาภ ๑                        เป็นผู้พูดเลียบเคียงหาลาภ ๑                        เป็นผู้พูดคาดคั้นให้บริจาค ๑                        เป็นผู้แสวงหาลาภด้วยลาภ ๑            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของ เพื่อนพรหมจรรย์ ฯ            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อม เป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์            ธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ            ภิกษุผู้เถระไม่เป็นผู้พูดหลอกลวง ๑                        ไม่เป็นผู้พูดหวังลาภ ๑                        ไม่เป็นผู้พูดเลียบเคียงหาลาภ ๑                        ไม่เป็นผู้พูดคาดคั้นให้บริจาค ๑                        ไม่เป็นผู้แสวงหาลาภด้วยลาภ ๑            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แลย่อม เป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์ ฯ            จบสูตรที่ ๓     เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  หน้าที่  ๑๑๐ - ๑๑๑. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=2543&Z=2558       แนะนำ            พระไตรปิฎก เล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙            ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑            กุหกชาดก http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=585&Z=589            อรรถกถา กุหกชาดก http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270089            หมวดหนังสือธรรมะ            เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html            อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม            พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์            พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/            พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม            สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                  หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 17 พ.ค. 48 12:19:51 ] จากคุณ : เหรียญ - [ 30 พ.ค. 48 20:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 19            ถึง คุณ คนพึ่งเข้าวัด ความคิดเห็นที่ 13            คุณควรเข้าใจ ที่ผมยกพระพุทธพจน์ขึ้นแสดงนั้น ในความคิดเห็นที่ 5 นั้น http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=2543&Z=2558                        ก็ด้วยเหตุผล ดังนี้ :-            1. เพื่อผู้ที่เลื่อมใส ซื่อตรงต่อพระรัตนตรัย จะได้ศึกษาพระพุทธพจน์            2. เพื่อผู้ที่เลื่อมใสอ่อนอยู่ ลังเลการกระทำของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่เข้าข่าย 5 ประการนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง หรือทั้งหมดนี้ ว่า จะถูกต้องหรือไม่ อย่างไร?            เมื่อได้ศึกษาพระพุทธพจน์นี้แล้ว ก็หมดความลังเล แล้วออกให้ ห่างกลุ่มคนกลุ่มนั้น            3. เพื่อผู้หลงผิดเต็มตัวไป จะด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม จะมีบทบาทใดๆ ก็ตาม เช่น เป็นผู้ถูกหลอกลวง                        ถูกพูดหวังลาภ                        ถูกพูดเลียบเคียงหาลาภ                        ถูกคาดคั้นให้บริจาค                        ถูกแสวงหาลาภด้วยลาภ            หรือ เป็นผู้มีส่วนในการกระทำนี้ คือมีส่วนใน                        พูดหลอกลวง                        พูดหวังลาภ                        พูดเลียบเคียงหาลาภ                        พูดคาดคั้นให้บริจาค                        แสวงหาลาภด้วยลาภ            บุคคลเหล่านี้ เมื่อได้ศึกษาพระพุทธพจน์แล้ว ได้เข้าใจแล้ว จะถึง การตัดสินใจ ด้วยธาตุแท้ของบุคคลเหล่านั้นเอง ว่า            1. จะถือเอาทางที่ถูกต้อง ตรงตามพระพุทธพจน์ ตรงตามพระธรรมวินัย แล้วดำรงไตรสรณคมน์ ต่อไป            ข้อนี้ ควรได้ศึกษาการตักเตือนของ ภิกษุสองรูปผู้เป็นสหายกัน ไว้เป็นแนวทาง http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270026            หรือว่า            2. จะละทิ้งพระพุทธพจน์ไป ถือตามกลุ่มคนหลุ่มนั้นต่อไป ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ทั้งนี้ เพราะว่า เมื่อครั้ง พระผู้มีพระภาคยังทรงดำรงพระชนม์อยู่นั้น            พระเทวทัตผู้ที่จิตอันอสัทธรรม 8 ประการ ครอบงำ ย่ำยีแล้ว ก็ยังมีบริวารอยู่ดี ทั้งนี้ เพราะว่า            พระพุทธพจน์ :-            [๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือ            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี            แม้ในอดีตกาล สัตว์ทั้งหลายก็ได้คบค้ากันแล้ว ได้สมาคมกันแล้ว โดยธาตุเทียว คือ            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลวได้คบค้ากันแล้ว ได้สมาคมกันแล้วกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ได้คบค้ากันแล้ว ได้สมาคมกันแล้วกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี            แม้ในอนาคตกาล สัตว์ทั้งหลายก็จักคบค้ากัน จักสมาคมกันโดยธาตุเทียว คือ            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว จักคบค้ากัน จักสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี จักคบค้ากัน จักสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี            แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือ            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว            สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ฯ         http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=4087&Z=4138     ที่มา และแนะนำ            พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘            สังยุตตนิกาย นิทานวรรค            จังกมสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=4087&Z=4138            พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗            จุลวรรค ภาค ๒            พระเทวทัตจักเกิดในอบาย http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=7&A=3987&Z=4061            พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙            ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑            มหิฬามุขชาดก            ว่าด้วย การเสี้ยมสอน http://84000.org/tipitaka/atita100/v.php?B=27&A=172&Z=177            อรรถกถา มหิฬามุขชาดก            ว่าด้วย การเสี้ยมสอน http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270026            พระไตรปิฎก เล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙            ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑            กุหกชาดก http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=585&Z=589            อรรถกถา กุหกชาดก http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270089            หมวดหนังสือธรรมะ            เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html            อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม            พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์            พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/            พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม            สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                  หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 18 พ.ค. 48 16:38:05 ] จากคุณ : เหรียญ - [ 30 พ.ค. 48 20:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถึงผมจะอ่านข้อความของคุณ ฐานาฐานะ ไม่มากเท่าไรนัก แต่เดาว่าคงไม่บ่อยครั้งนักที่คุณ ฐานาฐานะ ใส่ความคิดเห็นของท่านมามากเท่าครั้งนี้ เปรียบเทียบได้เห็นภาพเลยครับ ขอบพระคุณครับ จากคุณ : บุญกึ่ม บ้านกระโทก - [ 30 พ.ค. 48 22:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กราบขอบพระคุณ ท่านฐานาฐานะ _/l\_ ที่ได้กรุณาแนะนำได้ชัดเจนยิ่งนักครับ ขอบพระคุณ ท่านจักรแก้ว  _/l\_ ขอบพระคุณ คุณเหรียญ  _/l\_ จากคุณ : วงกลม - [ 31 พ.ค. 48 10:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อนุโมทนาสาธุ จากคุณ : จุ๊ - [ 31 พ.ค. 48 13:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 หลวงพ่อฐานะ เปิดตัวมากกว่าปกติจริงๆ แจ่มชัดดีครับ อนุโมทนาสาธุด้วย... จากคุณ : เทียนชัยยะ - [ 1 มิ.ย. 48 08:38:39 A:203.170.153.48 X: TicketID:004392 ]

ความคิดเห็นที่ 29           ความคิดเห็นที่ 12 ข้อความว่า แก้ไขจาก           1. พกพรหมเป็นพรหมชั้นปฐมญาณ อุบัติด้วยบุญจากปฐมญาณ พกพรหมนี้ ได้จุติมาจากภพที่ประณีตกว่า แต่การอยู่นานในภูมินี้ จึง ลืมภพภูมิเดิมไป           2. พรหมปาริสัชชะ เป็นบริษัทของพกพรหม เกิดเพราะบุญจาก ปฐมญาณ แต่ไม่ประณีตเท่าพกพรหม นัยว่า เพราะอินทรีย์ไม่แก่กล้า แก้ไขเป็น           1. พกพรหมเป็นพรหมชั้นปฐมฌาน อุบัติด้วยบุญจากปฐมฌาน                         พกพรหมนี้ ได้จุติมาจากภพที่ประณีตกว่า แต่การอยู่นานในภูมินี้ จึง ลืมภพภูมิเดิมไป           2. พรหมปาริสัชชะ เป็นบริษัทของพกพรหม เกิดเพราะบุญจาก ปฐมฌาน แต่ไม่ประณีตเท่าพกพรหม นัยว่า เพราะอินทรีย์ไม่แก่กล้า จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 1 มิ.ย. 48 10:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอาเป็นว่าจะสมัครเป็นลูกศิษย์ โดยจะพยายามศึกษาพระสูตร ที่ท่านฐาฯ นำมาสาธกให้อ่าน  ตามกาละ เทศะ และสถานการณ์ แต่...  เฮ้อ ....  (ถอนหายใจ  กลุ้ม  คิดหนัก)   ขอสักแก้วย้อมใจก่อน คือ  ตามคคห.คุณเทียนชัยยะ นั่นแหละครับ ผมกะลังคิดว่า ท่านฐาฯ  ต้องลงมาเกลือกกลั้วกับเรื่องสกปรกของพวกเดียรถีย์ ที่หากินกับผ้าเหลืองพวกนั้นมากไปหรือเปล่า ผมจำได้เลาๆ ว่า  ผมเคยบอกท่านฐาฯ  ว่า ธรรมะ ที่ท่านสาธกมา พวกนั้นไม่มีทางเข้าใจได้หรอก ปัญญามีไม่ถึง ผมเลยเข้าใจว่า เพราะคำพูดนั้นของผม ทำให้ท่าน ต้องเปลืองตัวมากกว่าปกติ กราบขออภัยท่านนะครับ ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้ว ไม่น่าต้องมาเกี่ยวพันกับเรื่องสกปรกพวกนี้ให้ต้องหมองไปด้วยเลย ตอนนั้นผมนึกในใจว่า ต่อไป ถ้าท่านฐาฯ สาธกธรรมใดมา ผมจะนำมาแปลเป็นภาษาง่าย  (สไตล์ วจีทุจริต ของผมเอง) พวกมันจะได้เข้าใจ  (ผมเชื่อมั่นว่า วจีทุจริต เท่านั้นที่เหมาะกับจริตพวกมัน) แต่ก็ดันปากหนักไป จนท่านต้องออกมาเองอย่างนี้ ...เฮ้อ... กราบขออภัยอีกครั้งครับ จากคุณ : หมูชิก - [ 1 มิ.ย. 48 10:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เรียน           คุณ เทียนชัยยะ ความคิดเห็นที่ 28 TicketID:004392                คุณ หมูชิก ความคิดเห็นที่ 30           ผมเป็นอุบาสกคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นพระภิกษุ ครับ           เห็นใช้คำว่า หลวงพ่อ เกรงว่า จะเข้าใจผิดไป แนะนำ :-             อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                    หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 1 มิ.ย. 48 13:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอโทษด้วยครับ ที่เรียกท่านว่าหลวงพ่อ เพราะผมรู้สึกว่าท่านมีคุณธรรมเหมือนพระภิกษุครับ จากคุณ : เทียนชัยยะ - [ 1 มิ.ย. 48 13:49:15 A:203.170.153.48 X: TicketID:004392 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณหมูชิกและคุณเทียนชัยยะ ตอนนี้ขอเพียงมีใครสักคนปัญญาถึงและหลุดพ้นออกมาได้ ย่อมคู่ควรกับที่คุณฐานาฐานะท่านอุตส่าห์เปลืองตัวแล้วครับ.. พวกเราก็พลอยได้เข้าใกล้พระไตรปิฎกอันเป็นพระธรรมคำสอนขององค์พระศาสดามากขึ้น ผ่านทางคุณฐานาฐานะที่ยกมาสาธก ตรงนี้ซะอีกที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม มากกว่าได้สมบัติจักรพรรดิอะไรนั่นเสียอีก ขอบพระคุณคุณฐานาฐานะอีกครั้งนะครับ_/l\_ จากคุณ : Olivier - [ 1 มิ.ย. 48 14:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบอกว่า สุดยอดครับ ขออนุโมทนาสาธุกับทุกๆความเห็นครับ คุณหมูชิกครับ ผมว่า "บางครั้ง เราก็ต้องทำใจกับการกระทำของพวกเดียรถีย์นะครับ" ผมเคยเจอมาเยอะแล้ว บอกได้คำเดียวว่า "เซ็งมากๆ" ขอยกย่องคุณ ฐานาฐานะอีกครั้งนะครับ... ผมบอกได้ว่า ผมรู้พระพุทธศาสนาเยอะมากขึ้นก็เพราะความเห็นของคุณในหลายๆครั้งนะครับ ขอบพระคุณมากจริงๆ จากคุณ : อรชุน (My EyeS ArE OpeNeD.) - [ 1 มิ.ย. 48 15:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อนุโมทนากับท่านฐานะ ฐานะครับ เป็นธรรมทานที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ชัดเจนและแจ่มแจ้งครับ จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 1 มิ.ย. 48 16:06:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอเข้ามาขอบคุณคุณฐานาฐานะด้วยคนครับ เห็นด้วยกับหลายๆท่านว่าคราวนี้คุณฐานาฐานะแสดงธรรมได้แจ่มแจ้งจริงๆ ขนาดไม่ได้ตีลงไปตรงๆนะเนี่ยะ ต้องขอเก็บธรรมะที่ท่านยกมาไว้ใช้คราวหน้าอีกครับ หนทางสู่การช่วยเหลือชาวธรรมกายยังอีกยาวไกลนัก จากคุณ : POP - [ 2 มิ.ย. 48 11:41:03 A:172.209.102.251 X: TicketID:093813 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมมีความเห็นเกี่ยวกับเทวปุตตมาร ต่างไปเล็กน้อย เทวปุตตมาร น่าจะเป็นเทวดา ที่ยึดมั่นอัตตา มุ่งมั่นปรารถนาสุขอันเป็นทิพย์ จนไม่ยอมรับนิพพาน คือเป็นมิจฉาทิฐิในลักษณเห็นว่าสวรรค์คือที่ๆมนุษย์ควรมุ่งมั่นไปให้ถึง เพื่อไปเสพสุข ดีกว่าการดับสูญ ลองนึกง่ายๆ ถ้ามีอำนาจเหนือสังสารวัฏอะไรซักอย่าง สามารถบันดาลให้คนเข้านิพพานได้ทันที และมาเสนอความดับสนิทให้ ผมพบว่ามีคนบางคนที่จะลังเล เพราะยังยึดมั่นในอัตตาอย่างมาก จนรู้สึกว่าการดับสูญไปนั้น เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก ความรู้สึกหวงแหนตัวตนนี้ คือแรงขับดันให้คนส่วนหนึ่ง เลือกศรัทธาลัทธิ อายตนะนิพพาน ที่บอกว่านิพพานยังมีตัวตนไม่ดับสูญ เพราะเคยเห็นชาวธรรมกายคนหนึ่งเขียนบทความว่า ถ้านิพพานดับสูญจริง ความดีที่สั่งสมมาก็สูญเปล่า แล้วก็จะเพียรไปทำไม เทวปุตตมาร อาจจะเป็นพวก สุขลิกานุโยค คือมุ่งทำตนให้ชุ่มด้วยสุข แต่มีปัญญาพอที่จะไม่วิ่งเข้าหาสุขในทางที่จะส่งไปอบาย และตั้งเป้าหมายไปที่สวรรค์ เพียรทำความดี จนได้เป็นเทวดาสมปรารถนา ที่เทวปุตตมาร ชอบมาขัดขวางพระพุทธศาสนา ก็อาจเป็นเพราะความคิดเห็นที่ขัดแย้ง   และเพราะความใจดี อยากให้มนุษย์ทุกคนได้มาเป็นสุขในสวรรค์เหมือนท่าน ก็เลยพยายามขัดขวาง ไม่ให้คนดับสูญ ด้วยเจตนาดี(ในมุมมองของพวกสุขลิกานุโยค) แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 48 09:18:07 จากคุณ : กาลามะชน - [ 3 มิ.ย. 48 08:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมนึกสงสัยทุกที ว่าพระเจ้า ก็คือ พระวสวัตตี เพราะด้วยนิยาม เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นสูงสุด เมื่อหย่าศึกกับพระพุทธศาสนา หลังจากการสังคายนาพระไตรปิฎกแล้ว ใช่เปลี่ยนวิธีไปตั้งศาสนาของท่านเองหรือเปล่า ศาสนาที่เน้นการทำดี เพื่อขึ้นไปเสวยสุขบนสวรรค์ จากคุณ : กาลามะชน - [ 3 มิ.ย. 48 09:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ความคิดเห็นที่ 13            พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔            มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์            มหาสาโรปมสูตร ว่าด้วย อุปมาพรหมจรรย์กับแก่นไม้ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=6309&Z=6504                    จูฬสาโรปมสูตร ว่าด้วย อุปมานักบวชกับผู้แสวงหาแก่นไม้             [๓๖๐] ดูกรพราหมณ์ ดังพรรณนามาฉะนี้            พรหมจรรย์จึงมิใช่มีลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์                        มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์                        มิใช่มีความถึงพร้อมสมาธิเป็นอานิสงส์                        มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์            พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุติอันไม่กำเริบ เป็นประโยชน์ เป็นแก่น เป็นที่สุด. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=6505&Z=6695                  พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖            อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต            อภัพพสูตร            [๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการนี้ ไม่พึงมีในโลก            พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่พึงบังเกิดในโลก            ธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศไว้แล้ว ไม่พึงรุ่งเรืองในโลก            ๓ ประการเป็นไฉน http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=3381&Z=3492 แนะนำ :-            อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม            พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์            พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/            พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม            สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                  หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/            หมวดหนังสือธรรมะ            เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html          เรื่อง                    ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก                    การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ                    มหาทาน                    ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑                    ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒                    กาลทาน ๕ อย่าง                    ให้ทานในที่ใดมีผลมาก                    ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท                    สังฆทาน ๗ ประเภท                    ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน                    ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน                    เรื่องเศรษฐีเท้าแมว                    ความบริสุทธิ์แห่งทักษณาทาน ๔                    อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง                    ทานที่มีผลมาก อานิสงส์มาก ๗ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 3 มิ.ย. 48 16:46:42 ] ______________________________ เก็บมารวบรวมครับ  จะเซพกระทู้ซะหน่อย ขอบคุณ คุณกาลามะชนครับ จากคุณ : เหรียญ - [ 3 มิ.ย. 48 20:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดีๆครับคุณเหรียญ รวมคคห.คุณฐานาฐานะ แล้วเก็บเข้าคลังกระทู้เก่า จากคุณ : Olivier - [ 4 มิ.ย. 48 16:44:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เยี่ยมมาก ๆ เลยนะครับ ขอบคุณจริง ๆ ครับ จากคุณ : goddance - [ 5 มิ.ย. 48 00:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เรื่องของมารเป็นเรื่องซับซ้อนครับ ที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเพราะมีเรื่องเกี่ยวข้องเป็นบางเหตุการณ์เท่านั้น เช่นตอนมารที่เป็นหลานพระโมคคัลลาน์(ท่านเคยเกิดเป็นมารชื่อทูสี มีน้องสาวชื่อกาลี ซึ่งเป็นมารดาของมารตนที่มาแกล้งท่าน) ที่ท่านไม่อธิบายไม่ละเอียดอาจจะเกรงว่ามีใครที่มีอุปนิสัยหรือจิตใจชอบจะใฝ่ใจนึกอยากเป็นมารบ้างก็จะเป็นเรื่องยืดยาวให้ทุกข์อยู่ในวัฏฏธไม่รู้จักจบสิ้น อีกประการหนึ่ง เทวบุตรมารเองก็คงมีหลายก๊กหลายกลุ่ม ที่ท่านกล่าวถึงพญาวสวัตเพราะว่าท่านเป็นใหญ่พระองค์หนึ่งในสวรรค์สุดท้ายของกามพจรเช่นเดียวกับท่านท้าวปรนิมฯ ชื่อของทั้งสองพระองค์จึงมาคู่กันอยู่ในสวรรค์ชั้นนี้ซึ่งเกิดด้วยอำนาจบุญญาบารมีที่บำเพ็ญมาเพื่อผู้อื่นอย่างมากมายมหาศาล จากคุณ : cororo - [ 6 มิ.ย. 48 12:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 43 http://larndham.net/index.php?showtopic=13232&st=0 กระทู้:มารประเภทไหนที่เข้าสิงกายพรหม ______________________________  ไปเจอมาครับ... จากคุณ : เหรียญ - [ 8 มิ.ย. 48 19:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เขาพูดเรื่องไรกันนิครับ เรื่อง สวรรค์ นรก เทวดา มาร ศาสนาพุทธเชื่อเรื่อง เทวดา ด้วยหรือครับ ผมเพิ่งรุ้นะเนี้ย แล้วมารนี้อยู่สวรรค์ชั้น 6 เลยหรือครับ รู้ได้ไงครับ หรือวาคิดไปเองครับ จากคุณ : เพิงหิน - [ 19 มิ.ย. 48 16:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สาธุ ท่านฐานะด้วยครับ อ่านแล้วเกิดปิติ น้ำตาไหลพรากเลยครับ :~) จากคุณ : StromRay - [ 24 มิ.ย. 48 20:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 46 กรุณา ตีความทุกย่าง ให้เป็นธรรมชาติ มิฉะนั้น จะเป็นเรื่องงมงาย จากคุณ : ต้อ - [ 25 มิ.ย. 48 10:53:55 A:161.246.27.107 X:161.246.1.33 TicketID:079703 ]

ความคิดเห็นที่ 47             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒             อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต             [๒๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่ตถาคต             ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ                         คนที่แสดงพระสุตตันตะที่มีอรรถจะพึงนำไปว่า พระสุตตันตะมีอรรถนำไปแล้ว ๑                         คนที่แสดงพระสุตตันตะที่มีอรรถอันนำไปแล้วว่า พระสุตตันตะมีอรรถที่จะพึงนำไป ๑             ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมกล่าวตู่ตถาคต             ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต             ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ                         คนที่แสดงพระสุตตันตะที่มีอรรถจะพึงนำไปว่า พระสุตตันตะมีอรรถที่จะพึงนำไป ๑                         คนที่แสดงพระสุตตันตะที่มีอรรถอันนำไปแล้วว่า พระสุตตันตะมีอรรถอันนำไปแล้ว ๑                   ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต ฯ             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐   หน้าที่  ๖๘ - ๖๙. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=1582&Z=1590             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)             [64] อัตถะ 2 (อรรถ, ความหมาย - meaning)             พระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัส ว่าโดยการแปลความหมาย มี 2 ประเภท คือ             1. เนยยัตถะ                         [พระสูตร]ซึ่งมีความหมายที่จะต้องไขความ, พุทธพจน์ที่ตรัสตามสมมติ อันจะต้องเข้าใจความจริงแท้ที่ซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง เช่นที่ตรัสเรื่องบุคคล ตัวตน เรา-เขา ว่า บุคคล 4 ประเภท, ตนเป็นที่พึ่งของตน เป็นต้น                         - with indirect meaning; with meaning to be defined, elucidated or interpreted             2. นีตัตถะ                         [พระสูตร]ซึ่งมีความหมายที่แสดงชัดโดยตรงแล้ว, พุทธพจน์ที่ตรัสโดยปรมัตถ์ ซึ่งมีความหมายตรงไปตรงมาตามสภาวะ เช่นที่ตรัสว่า รูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น                         - with direct or manifest meaning; with defined or elucidated meaning             ผู้ใดแสดงพระสูตรที่เป็นเนยยัตถะ ว่าเป็นนีตัตถะ             หรือแสดงพระสูตรที่เป็นนีตัตถะ ว่าเป็นเนยยัตถะ             ผู้นั้นชื่อว่ากล่าวตู่พระตถาคต อ้างอิง :             องฺ.ทุก 20/270/76 http://84000.org/tipitaka/read/?20/270/76 http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=อัตถะ แนะนำ :-             อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                    หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 25 มิ.ย. 48 16:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 48 บุคลาธิษฐาน? http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=30&A=2703&Z=3079&pagebreak=0 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส (นันทมาณวกปัญหานิทเทส ว่าด้วยปัญหาของท่านพระนันทะ) [๒๘๙] คำว่า เราย่อมกล่าวชนเหล่าใดกำจัดเสนาเสียแล้ว เป็นผู้ไม่มีความทุกข์ ไม่มี ความหวัง เที่ยวไป ชนเหล่านั้นเป็นมุนี ความว่า เสนามารตรัสว่า เสนา. กายทุจริตเป็น เสนามาร วจีทุจริตเป็นเสนามาร มโนทุจริตเป็นเสนามาร ราคะเป็นเสนามาร โทสะเป็นเสนา- *มาร โมหะเป็นเสนามาร ความโกรธ ความผูกโกรธ ความลบหลู่ ความตีเสมอ ความริษยา ความตระหนี่ ความลวง ความโอ้อวด ความกระด้าง ความแข่งดี ความถือตัว ความดูหมิ่น ท่าน ความเมา ความประมาท กิเลสทั้งปวง ทุจริตทั้งปวง ความกระวนกระวายทั้งปวง ความ เร่าร้อนทั้งปวง ความเดือดร้อนทั้งปวง อกุสลาภิสังขารทั้งปวง เป็นเสนามาร. สมจริงตามพระพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า กามท่านกล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๑ ของท่าน. ความไม่ยินดีท่าน กล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๒ ของท่าน. ความหิวและความกระหาย ท่านกล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๓ ของท่าน. ตัณหาท่านกล่าวว่าเป็น เสนาที่ ๔ ของท่าน. ถีนมิทธะท่านกล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๕ ของท่าน. ความขลาดท่านกล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๖ ของท่าน. วิจิฉิจฉาท่านกล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๗ ของท่าน. ความลบหลู่ ความกระด้างท่านกล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๘ ของท่าน. ลาภ ความ สรรเสริญ สักการะ ยศที่ได้มาผิด ก็เป็นเสนา. ความยก ตนและการข่มผู้อื่นก็เป็นเสนา. นี้เสนามารของท่าน (เป็น มารไม่ปล่อยท่านให้พ้นอำนาจไป) เป็นผู้ประหารท่านผู้มี ธรรมดำ. คนไม่กล้าย่อมไม่ชนะเสนานั้นได้. คนกล้าย่อม ชนะได้ ครั้นชนะแล้วย่อมได้ความสุข ดังนี้. เสนามารทั้งปวง กิเลสทั้งปวง ชนเหล่าใดชนะแล้ว ให้แพ้ ทำลาย กำจัดให้เบือนหน้า หนีแล้วด้วยอริยมรรค ๔ ในกาลใด ในกาลนั้น ชนเหล่านั้น เรากล่าวว่าผู้กำจัดเสนาเสียแล้ว. คำว่า อนิฆา ความว่า ราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธ ความผูกโกรธ ฯลฯ อกุสลา- *ภิสังขารทั้งปวง เป็นความทุกข์. ความทุกข์เหล่านั้น ชนเหล่าใดละขาด ตัดขาด สงบ ระงับแล้ว ทำไม่ให้อาจเกิดขึ้น เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ ชนเหล่านั้น ตรัสว่า ผู้ไม่มีความทุกข์. ตัณหา ราคะ สาราคะ ฯลฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูล ตรัสว่า ความหวัง ในคำว่า นิราสา ดังนี้. ความหวังคือ ตัณหานี้ ชนเหล่าใดละขาด ... เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ ชน เหล่านั้น ตรัสว่า ผู้ไม่มีความหวัง. คำว่า เรากล่าวว่า ชนเหล่าใดกำจัดเสนาเสียแล้ว ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง เที่ยวไป ชนเหล่านั้นเป็นมุนี ความว่า เราย่อมกล่าว ... ย่อมประกาศว่า ชนเหล่าใด คือ พระอรหันตขีณาสพ กำจัดเสนาเสียแล้ว ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง ย่อมเที่ยวไป คือ เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นไป รักษา บำรุง เยียวยา ชนเหล่านั้นเป็นมุนีในโลก เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า เราย่อมกล่าวว่า ชนเหล่าใดกำจัดเสนาเสียแล้ว เป็นผู้ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง เที่ยวไป ชนเหล่านั้นเป็นมุนี. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูกรนันทะ ท่านผู้ฉลาดย่อมไม่กล่าวบุคคลผู้ประกอบด้วย ทิฏฐิ ด้วยสุตะ ด้วยญาณว่า เป็นมุนี. เราย่อมกล่าวว่า ชนใดกำจัดเสนาเสียแล้ว เป็นผู้ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง เที่ยวไป ชนเหล่านั้นเป็นมุนี. จากคุณ : Melchizedek - [ 28 มิ.ย. 48 10:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 49             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)             [234] มาร 5             สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณความดีหรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ, สิ่งที่ล้างผลาญคุณความดี, ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางบุคคลมิให้บรรลุ ผลสำเร็จอันดีงาม                         — the Evil One; the Tempter; the Destroyer             1. กิเลสมาร มารคือกิเลส, กิเลสเป็นมารเพราะเป็นตัวกำจัดและขัดขวางความดี ทำให้สัตว์ประสบ ความพินาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต — the Mara of defilement             2. ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์, ขันธ์ 5 เป็นมาร เพราะเป็นสภาพอันปัจจัยปรุงแต่ง มีความขัดแย้ง กันเองอยู่ภายใน ไม่มั่นคงทนนาน เป็นภาระในการบริหาร ทั้งแปรปรวนเสื่อมโทรมไปเพราะชราพยาธิ เป็นต้น ล้วนรอนโอกาสมิให้บุคคลทำกิจหน้าที่ หรือบำเพ็ญคุณความดีได้เต็มปรารถนา อย่างแรง อาจถึง กับพรากโอกาสนั้นโดยสิ้นเชิง — the Mara of the aggregates             3. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขาร, อภิสังขารเป็นมาร เพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม นำให้เกิดชาติ ชราเป็นต้น ขัดขวางมิให้หลุดพ้นไปจากสังขารทุกข์ — the Mara of Karma-formations             4. เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร, เทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรตนหนึ่งชื่อว่ามาร เพราะ เป็นนิมิตแห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้ มิให้ล่วงพ้นจากแดนอำนาจครอบงำของตน โดย ชักให้ห่วงพะวงในกามสุขไม่หาญ เสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดียิ่งใหญ่ได้ — the Mara as deity             5. มัจจุมาร มารคือความตาย, ความตายเป็นมาร เพราะเป็นตัวการตัดโอกาส ที่จะก้าวหน้าต่อไปใน             คุณความดีทั้งหลาย — the Mara as death http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=มาร_5             ตัวอย่าง มาร 5             1. กิเลสมาร เช่น http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=30&A=2703&Z=3079#289             2. ขันธมาร เช่น มารสูตร ว่าด้วยขันธมาร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=17&A=4404&Z=4432             3. อภิสังขารมาร เช่น ปิตุฆาต อันเป็นกรรมที่พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำไว้ ได้กางกั้นการบรรลุธรรม             ท้าวเธอเสด็จไปไม่นาน พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า             ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาพระองค์นี้ถูกขุดเสียแล้ว พระราชาพระองค์นี้ถูกขจัดเสียแล้ว หากท้าวเธอจักไม่ปลงพระชนมชีพพระบิดาผู้ดำรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรมไซร้             ธรรมจักษุ ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน จักเกิดขึ้นแก่ท้าวเธอ ณ ที่ ประทับนี้ทีเดียว. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=1072&Z=1919             4. เทวปุตตมาร เช่น ทูสีมาร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=10287&Z=10458             5. มัจจุมาร เช่น ความตายของท่านอาฬารดาบส กาลามโคตร และอุทกดาบส รามบุตร ความตายของท่านนั้นขวางกั้นไว้ จึงเสื่อมจากการได้ฟังธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=7663&Z=8236#512 แนะนำ :-             อ่าน และค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม             สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                    หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 28 มิ.ย. 48 12:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อนุโมทนา คุณฐานะฐานะ ขอบคุณครับที่มาเล่าสู้กันฟัง เป็นประเด็นที่น่าสนใจ น่าศึกษามากเลยครับ จากคุณ : Ambient - [ 30 มิ.ย. 48 15:39:26 A:58.8.247.53 X: TicketID:024999 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอความกรุณาครับ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P3623898/P3623898.html จากคุณ : Hypoentropic - [ 25 ก.ค. 48 13:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขออนุโมทนาครับ ท่านฐานาฐานะ จากคุณ : Hypoentropic - [ 30 ก.ค. 48 19:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อนุโมทนา ท่านฐานาฐานะ สาธุ สาธุ สาธุ จากคุณ : พลัง - [ 14 ส.ค. 48 14:05:17 A:58.136.75.53 X: TicketID:105778 ]