ความคิดเห็นที่ 1 ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ "ทำไมมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันระหว่างยิว คริส อิสลาม ครับเรียนถามหน่อย" >>> คำตอบคือ ทั้ง 3 ศาสนามีที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกันครับ ทั้ง 3 ศาสนา เป็นศาสนาที่เชื่อในหลักเอกภาพแห่งพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน  และศาสดาทั้งหลายก็มาจากสายธารศรัทธาเดียวกันครับ อิสลาม เรียกชาวยิว และคริสเตียนว่า บรรดาชาวคัมภีร์ เพราะพวกเขา คือกลุ่มคนที่ได้รับคัมภีร์มาเช่นเดียวกับอิสลามครับ ในเมื่อคุณกำลังศึกษาศาสนาอิสลามอยู่  ถ้าคุณศึกษาดี ๆ คุณจะพบคำตอบทั้งหมดเองครับ ด้วยจิตคารวะ จากคุณ : kheedes - [ 28 มิ.ย. 48 22:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่ครับเราเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกันจะว่าไปก็เหมือนพี่น้องกัน แต่ที่ดูเหมือนบาดหมางกันเพราะเป็นเรื่องของคนโบราณที่ฝักใฝ่ในอำนาจครับ ^^ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 29 มิ.ย. 48 00:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีพระเจ้าองค์เดียวกันครับ แต่เดิมทีโบราณกาลยิว ไม่เชื่อในพระเยซูว่าเป็นพระผู้ไถ่ และยิวที่แท้จริงคือประชาชนของพระเจ้าอยู่แล้วไม่ต้องกลัว่าจะ "ไม่รอด" ส่วนคริสต์ถือว่าทุกคนบนโลกรวมทั้งยิวต้องเข้าเป็นคริสต์พระเจ้าจึงจะช่วยให้ "รอด" ส่วนอิสลามนั้นก็เชื่อว่า นบีอีซา(เยซู)ไม่ใช่พระบุตรแต่เป็นบริวารของพระผู้เป็นเจ้า ที่เกิดมาอย่างบริสุทธิ์โดยพระประสงค์ของพระองค์เท่านั้น แต่จะ "รอด" ได้ต้องปฏิบัติตามหลักอิสลามและแน่วแน่ภักดีต่อพระเจ้าโดยตรงครับ แต่จริงๆข้อแตกต่างไม่ได้มีไว้เพื่อความบาดหมางอะไร เป็นความเชื่อมากกว่า แต่ผู้คนนี่แหละครับที่เอามาตีความหมายเข้าข้างพวกตัวเองกันจนเกิดเป็นการเหยียดศาสนาขึ้นเท่านั้นเอง ว่ากันถึงพระบิดาแล้ว คำว่าพระเจ้าในทางวิทยาศาสตร์ผู้รู้บางท่านได้ นิยามไว้ว่าคือ ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่สักอย่างที่ควบคุมระบบ ของสิ่งต่างๆในเอกภพให้เกิดระบบ และเป็นวัฏจักร แต่คำตอบของวิทยาศาสตร์เองก็ไม่เชื่อในพระเจ้าครับ (อ่านแล้วงงไหมนี่) คือถ้าพูดแบบธรรมะแล้วในครั้งแรกพระเจ้าที่เริ่มชัดเจนขึ้นของพ่อโมเศส พระเจ้าไม่มีตัวตนร่างกายแขนขา ไม่มีอารมณ์แบบมนุษย์ แต่พระเจ้าคือนามธรรมและเป็นธรรม เป็นสัจจะอันยิ่งใหญ่ เหนือกว่าเทพเจ้าทั้งมวลและเหนือกว่าอัตตาใดๆ ไม่ต้องมีรูปเคารพ ไม่ต้องสังเวยใดๆ พระเจ้าคือธรรมที่มีอยู่ในทุกที่ จะว่าไปหลักการคล้ายกับพุทธแหละครับ เพียงแต่พระเจ้าเป็นนามธรรมที่มีอัตตา และนิมิตแห่งพระวิญญาณ และพระเจ้าไม่มีตัวตน แต่แบ่งร่างลงมาเป็นพระบุตรได้ แนวคิดนี้คล้ายกับพระพรหมณ์ของ ศาสนาฮินดู แต่พระพรหมณ์ อวตารลงมาเป็นตัวเอง กลายเป็นเทพเจ้าอีกองค์ ซึ่งไม่ต่างจากมนุษย์แต่ยกไว้สูงส่งกว่า เกี่ยวกับคำเรียก พระเจ้า นั้น ไม่ใช่ชื่อ แต่เชื่อว่าคำว่า Yahowah มาจากภาษามีเดียน ที่พ่อโมเศสเคยไปลี้ภัยการเมืองจากองค์ราโมซาแห่งไอยคุปต์(ราเมเศส) ในคำว่า Yahweh หรือภาษาไอยคุปต์ว่า Nuk Pu Nuk(จากศาสนาเปรียบเทียบ, ศ.เสฐียร พันธรังษี) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า I am the I am หรือพระเจ้าทรงบอก มนุษย์ว่า ชื่อของพระเจ้าคือ "ข้าพเจ้าก็คือข้าพเจ้านี่แหละ" ในมุมมองนี้สำหรับคนที่ไม่ได้ถือคริสต์ หรือยิว คิดว่าพระเจ้าในความหมาย ของพ่อโมเศสคือการนับถืออัตตา นับถือตัวของตัวเอง และธรรมชาติ ก่อนจะแปรเป็นอมตธรรม อันยิ่งใหญ่ตามสภาพสังคมสมัยนั้น ซึ่ง Yahowah มีคำนับถือมานานแล้ว ในเซมิติคหลายเผ่าทั้งมีเดียนและฮิบรูว (ขณะเดียวกันในสมัยนั้นก็มีเทพเจ้ามากมายทั้งเทพเจ้าของกรีก และอียิปต์ เยอะจนประชาชนไม่ต้องทำอะไรแล้ว เอาแต่จัดงานบูชา บวงสรวง) ส่วนคำเรียกว่า Allah (อัลเลาะห์) น่าจะมาจากคำว่า Elohim หรือ Eloha ในหมู่พวกฮิบรูว ซึ่งแปลว่าผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่ เป็นคำหนึ่งที่ใช้เรียกพระเจ้าเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 48 02:11:06 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 48 02:02:32 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 48 01:58:58 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 48 01:57:54 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 48 01:56:47 จากคุณ : Jinx D Wednesday - [ 29 มิ.ย. 48 01:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยิว คริสต์ อิสลาม เกี่ยวพันกันอย่างแน่นแฟ้นเชียวล่ะ http://en.wikipedia.org/wiki/Prophets_of_Islam จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 29 มิ.ย. 48 04:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมคิดเอาเองว่า ทางอิสลามท่านคงหมายความว่า ศาสนายิว ศาสนาคริสต์ ก็คือสาขาย่อยของ อิสลามนั่นเอง เพราะศาสดาของทั้งสองศาสนาก็เป็นปกาศก หรือศาสดาพยากรณ์ ของอิสลามนั่นเอง และศาสดามุหะหมัดก็คือศาสดาที่ใหญ่ที่สุด ยอดที่สุด และไฟนัล แล้วไม่มีใครมาแหยมกว่านี้แล้ว ไม่ทราบถูกป่าวครับ ผมจำมาจากในกระทู้แถวนี้แหละครับ .. จากคุณ : สุธี - [ 29 มิ.ย. 48 07:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตรงนี้ผมก็สงสัยเหมือนคุณสุธีครับ คือที่บอกว่าท่านมุหะหมัดคือไฟนัลแล้ว แต่ทำไมในพระคัมภีร์กุรอ่านจึงบอกว่านะบีอีซาหรือพระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกเป็นครั้งที่สองล่ะครับ รบกวนผู้รู้ทางอิสลามช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ  ขอบคุณครับ และที่คุณ MichaeLPauL ว่าความขัดแย้งในสมัยโบราณจนนำไปสู่การรบราฆ่าฟันนั้น เป็นเรื่องของอาณาจักร ไม่ใช่ศาสนจักร คุณสุธีก็ให้ความเห็นทำนองนี้อยู่บ่อยๆ ผมเห็นด้วยครับ ไม่มีศาสดาองค์ไหนสอนให้รบราฆ่าฟันกันหรอกครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 29 มิ.ย. 48 09:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในโลกปัจจุบันนั้น ทางศาสนามิอาจจะไปยุ่งได้เพราะกฏระเบียบที่เจริญแล้วของโลกเราตกลงร่วมกัน ทั้งลายลักษณ์อักษร และไม่ใช่ แต่อดีตนั้นไม่แน่ เพราะได้ยินบ่อย ๆ ที่ว่า ศาสนจักรไปมีส่วนร่วมในการชี้นำ ในการรบราฆ่าฟัน (ปัจจุบันก็คงมีเพียงแต่แอบ ๆ)  อันนี้น่าคิดนะครับ จะปกจะปิดกันก็ไม่มิดเสียด้วยสิ จากคุณ : สุธี - [ 29 มิ.ย. 48 11:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องความแตกต่างของยิว คริสต์ อิสลาม ทำไมถึงแตกต่าง หากพูดผ่านเว็บบอร์ดต้องโดนกระหน่ำยาวแน่ ๆ ***คือที่บอกว่าท่านมุหะหมัดคือไฟนัลแล้ว แต่ทำไมในพระคัมภีร์กุรอ่านจึงบอกว่านะบีอีซาหรือพระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกเป็นครั้งที่สองล่ะครับ รบกวนผู้รู้ทางอิสลามช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ ขอบคุณครับ*** ขอกล่าวเรื่องนี้ทางทัศนะอิสลามแล้วกัน ขอย้ำว่าทางทัศนะอิสลาม มุสลิมเห็นว่า ท่านศาสนทูตอีซา ยังไม่ตาย หลักฐานจากอัล-กุรอ่าน อัล-กุรอ่าน 3.55 จงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์ตรัสว่า โอัอีซา ! ข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วย "ชีวิตและร่างกาย" ของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้าและจะเป็นผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์ พ้นจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และจะเป็นผู้ให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเจ้าเหนือผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย จนกระทั่งถึงวันกิยามะฮ์ แล้วยังข้านั้นคือการกลับไปของพวกเจ้า แล้วข้าจะตัดสินระหว่างพวกเจ้า ในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน Behold! Allah said: "O Jesus! I will take thee and raise thee to Myself and clear thee (of the falsehoods) of those who blaspheme; I will make those who follow thee superior to those who reject faith, to the Day of Resurrection: Then shall ye all return unto me, and I will judge between you of the matters wherein ye dispute. 4.157 และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห์ อีซา บุตรของมัรยัม ร่อซูลของอัลลอฮฺ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก่พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้นแน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขาพวกเขาหามีความรู้ใด ๆ ต่อเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้นและพวกเขามิได้ฆ่าเขาด้วยความแน่ใจ (อีซา) That they said (in boast), "We killed Christ Jesus the son of Mary, the Messenger of Allah.;- but they killed him not, nor crucified him, but so it was made to appear to them, and those who differ therein are full of doubts, with no (certain) knowledge, but only conjecture to follow, for of a surety they killed him not:- 4.158 หามิได้ อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา (อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ Nay, Allah raised him up unto Himself; and Allah is Exalted in Power, Wise;- 4.159 และไม่มีอะฮ์ลิลกิตาบคนใด นอกจากแน่นอนเขาจะต้องศรัทธา ต่อท่านนะบีอีซา ก่อนที่เขาจะตาย และวันกิยามะฮ์ เขาจะเป็นพยานยืนยันพวกเขาเหล่านั้น And there is none of the People of the Book but must believe in him before his death; and on the Day of Judgment he will be a witness against them;- *** หากอ้างอิงประวัติพระเยซูฉบับอิสลาม ผู้ที่ถูกตรึงกางเขน ไม่ใช่พระเยซู พระองค์ยังไม่ตาย และไม่เคยตาย พระเยซูถูกยกขึ้นไปสู่ผู้เป็นเจ้า และจะถูกนำกลับมาอีกครั้ง เพื่อยืนยันความจริงของท่านศานทูตมูฮัมมัด จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 29 มิ.ย. 48 14:24:29 A:58.10.183.29 X: TicketID:075585 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โอ! คุณดาบจันทร์เสี้ยว ไม่เคยมีใครให้ความกระจ่างอย่างนี้มาก่อนเลย ขอบคุณมากนะครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 29 มิ.ย. 48 14:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ยูดาย์ คริสต์ อิสลาม ต้นคือเส้นตรงเส้นเดียว เส้นตรงในแนวทางเดียวกัน ก็ต้องมีเส้นเดียวอยู่แล้ว แต่ไฉนปลายกลายเป็นสาม แน่นอนอีกสองเส้นก็ต้องเฉไป แล้วเส้นไหนล่ะคือแนวเส้นเริ่มแรก ซึ่งเป็นแนวเดียวจริง ๆ ที่ไม่ได้หันเหโดยมนุษย์ ยิว ก็คงบอกว่ายูดาย คริสต์ก็ต้องบอกคริสต์ มุสลิมก็ต้องบอกอิสลาม ของอย่างนี้ก็ต้องอยู่ที่หลักฐานที่ปรากฏ สำหรับอิสลาม อัล-กุรอ่าน คือหลักนั้น 42.13 พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูหฺ และที่เราได้วะฮียฺแก่เจ้า ก็เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮิม และมูซา และอีซาว่า พวกเจ้าจงดำรงศาสนาไว้ให้คงมั่น และอย่าแตกแยกกันในเรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องใหญ่แก่พวกตั้งภาคีที่เจ้าเรียกร้อง เชิญชวนพวกเขาไปสู่ศาสนานั้น อัลลอฮฺทรงเลือกสำหรับพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงชี้แนะทางสู่พระองค์ผู้ที่ผินหน้าสู่พระองค์ The same religion has He established for you as that which He enjoined on Noah - the which We have sent by inspiration to thee - and that which We enjoined on Abraham, Moses, and Jesus: Namely, that ye should remain steadfast in religion, and make no divisions therein: to those who worship other things than Allah, hard is the (way) to which thou callest them. Allah chooses to Himself those whom He pleases, and guides to Himself those who turn (to Him). 42.14 และพวกเขามิได้แตกแยกกันเว้นแต่หลังจากได้มีความรู้มายังพวกเขาแล้ว ทั้งนี้เพราะความริษยาระหว่างพวกเขากันเอง และหากมิใช่ลิขิตได้บันทึกไว้ที่พระเจ้าของเจ้าจนถึงวาระที่กำหนดไว้แล้ว แน่นอนก็จะในระหว่างพวกเขาถูกตัดสิน และแท้จริงบรรดาผู้ได้รับมรดก คัมภีร์นี้หลังจากพวกเขานั้น อยู่ในการสงสัยวุ่นวายเกี่ยวกับคัมภีร์นั้น And they became divided only after Knowledge reached them,- through selfish envy as between themselves. Had it not been for a Word that went forth before from thy Lord, (tending) to a Term appointed, the matter would have been settled between them: But truly those who have inherited the Book after them are in suspicious (disquieting) doubt concerning it. ***** 2.136 พวกท่านจงกล่าวเถิด เราได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เรา และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่อิบรอฮีม และอิสมาอีล และอิสฮาก และยะอ์กูบ และบรรดาวงศ์วานเหล่านั้นและสิ่งที่มูซา และอีซาได้รับ และสิ่งที่บรรดานะบีได้รับจากพระเจ้าของพวกเขา พวกเรามิได้แบ่งแยกระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากเขาเหล่านั้น และพวกเราจะเป็นผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์เท่านั้น Say ye: "We believe in Allah, and the revelation given to us, and to Abraham, Isma'il, Isaac, Jacob, and the Tribes, and that given to Moses and Jesus, and that given to (all) prophets from their Lord: We make no difference between one and another of them: And we bow to Allah (in Islam)." ***** 4.163 แท้จริงเราได้มีโองการแก่เจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้มีโองการแก่นูฮ์ และบรรดานะบีหลังจากเขา และเราได้มีโองการแก่อิบรอฮีมและอิสมาอีล และอิสฮาก และยะอ์กูบ และอัล-อัสบาฏ และอีซา และอัยยูบ และยูนุส และฮารูน และ สุลัยมาน และเราได้ให้ ซุบูร์แก่ดาวูด We have sent thee inspiration, as We sent it to Noah and the Messengers after him: we sent inspiration to Abraham, Isma'il, Isaac, Jacob and the Tribes, to Jesus, Job, Jonah, Aaron, and Solomon, and to David We gave the Psalms. ***** 6.83 และนั่นคือ หลักฐานของเราที่ได้ให้มันแก่อิบรอฮีม โดยมีฐานะเหนือกลุ่มชนของเขา เราจะยกขึ้นหลายขั้น ผู้ที่เราประสงค์ แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น เป็นผู้ทรงปรีชาญาณผู้ทรงรอบรู้ That was the reasoning about Us, which We gave to Abraham (to use) against his people: We raise whom We will, degree after degree: for thy Lord is full of wisdom and knowledge. 6.84 และเราได้ให้เขา ซึ่งอิสฮาก และยะอ์กูบ ทั้งหมดนั้นเราได้แนะนำแล้ว และนูฮเราก็ได้แนะนำแล้วแต่ก่อนโน้น และจากลูกหลานของเขานั้น คือดาวูด และสุลัยมาน และอัยยูบและยูซุฟและมูซา และฮารูน และในทำนองนั้นแหละ เราจะตอบแทนแก่ผู้กระทำดีทั้งหลาย We gave him Isaac and Jacob: all (three) guided: and before him, We guided Noah, and among his progeny, David, Solomon, Job, Joseph, Moses, and Aaron: thus do We reward those who do good: 6.85 และซะกะรียา และยะฮ์ยา และอีซา และอิลยาส ทุกคนนั้นอยู่ในหมู่คนดี And Zakariya and John, and Jesus and Elias: all in the ranks of the righteous 6.86 และอิสรออีล และอัล-ญ่าสะอ์ และยูนุสและลูฏ แต่ละคนนั้นเราได้ให้ดีเด่นเหนือกว่าประชาชาติทั้งหลาย And Isma'il and Elisha, and Jonas, and Lot: and to all We gave favour above the nations: 6.87 และ (เราได้ให้ดีเด่นอีก) ซึ่งส่วนหนึ่งจากบรรดาบิดาของพวกเขา และเราได้เลือกพวกเขา และได้แนะนำพวกเขาไปสู่ทางอันเที่ยงตรง (To them) and to their fathers, and progeny and brethren: We chose them, and we guided them to a straight way. ปล. ชอบ chart ความคิดเห็นที่ 4 จัง จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 29 มิ.ย. 48 14:51:57 A:58.10.183.29 X: TicketID:075585 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ได้ความรู้ดีๆอีกแล้ว :-) จากคุณ : KaLeutWasser - [ 29 มิ.ย. 48 18:21:11 A:61.90.69.119 X:194.117.134.72 TicketID:088471 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พูดให้ชัด ๆ (นี่ไม่ได้หาเรื่องนะ แต่ต้องการความจริงให้กระจ่าง) ความหมายของดาบ หมายความว่า ปลายเส้นที่ดาบว่า อิสลามคือเส้นที่ตรงสุดมาตั้งแต่ต้น แต่อีกสองศาสนาคือ ยิว และคริสต์ แน้นเฉ ออกไปจากเส้นเดิม ใช่ป่าว เพราะอะไรกันหรือดาบ ดาบพอจะทราบป่าว เล่าให้ฟังหน่อยสิ อ้อ ขอความเห็นจากคริสต์ และยิวด้วยนะครับ อยากทราบเหตุการณ์ตอนนั้นน่ะครับ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ แล้วทำไมเส้นเดียวกัน ทำไมรบราฆ่าฟันกันไม่เลิก จองล้างจองผลาญกันไม่หยุดหย่อนจนถึงวินาทีนี้กันล่ะครับ มันอะไรกันนักหนาครับ มาจากเส้นเดียวกันแท้ ๆ ครับ มีพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน คือ อะเลาะห์แท้ ๆ ทำไมคริสต์และยิว ถึงตีกันกับอิสลามล่ะครับ ในเมื่อพระเจ้าของท่านทั้งสองศาสนาก็คืออะเลาะห์เหมือนกันครับ น่าจะเกรง ๆ พระอะเลาะห์บ้างนะครับ ชาวคริสต์และชาวยิว .. จากคุณ : สุธี - [ 30 มิ.ย. 48 06:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ ขอพูดแบบคนที่อ่านพระคำภีร์มาหลายศาสนานะครับ แต่นี่ไม่ใช่เหตุเดียว เป็นเพียงเหตุผลนึงเท่านั้นครับคือ ถ้าอ่านแบบมีอคติ หรือเป็นคนศาสนาอื่น ไปอ่านคำภีร์ของอีกศาสนาหนึ่งจะพบเหตุดังนี้ครับ หนังสือ ตาลมุด ของยิวนั้น จะมีบางบทตีความให้เป็นเหตุ ดูแคลน อิสลาม(และคริสต์)ได้ แต่คริสต์ถึงจะไปพอใจแต่ยังยอมให้ เพราะหากคริสต์ไม่ยอมรับยิว ก็หมายถึงไม่ยอมรับพระเยซูซึ่งเป็นยิวครับ ส่วนคำภีร์อัลกุรอาน ของอิสลามก็มีหลายบท ที่ตีความได้ว่าดูกถูก คริสต์ และยิวเป็นผู้หลงผิด อะไรอย่างนั้นเป็นต้นครับ อีกเหตุหนึ่งคือ ดินแดนศักสิทธิ์ บนประเทศ อิสราเอล นี่แหละครับ เท่าที่ผมมีความรู้อยู่ เดิมที คริสต์ชนเป็นคนเริ่ม(แต่ไม่รู้ยิวเป็นคนยุหรือเปล่าเพราะผลภายหลัง...) นั่นก็คือ การเริ่มต้นทำสงครามครูเสด เพื่อชิงเอาแดนศํกดิ์สิทธิ์คืนมาเป็นของคริสต์ โดยรบกันระหว่าง คริสต์ กับ อิสลาม (แต่ไปๆมาๆหลังๆก็เริ่มมั่ว กลายเป็นนักโทษจากคุกที่ออกมาเป็นครูเซเดอร์ไปปล้นสะดมประชาชน แทนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด แถมยังมีการรบกันเองระหว่างนิกาย โรมันคาทอลิค กับ อีสเทิร์นออโธด็อกซ์ บ่อยมากซะจนป้อมปราการ ของมุสลิมรอคนมารบด้วยจนเหงาไปเลย) แต่สุดท้ายในปัจจุบันดินแดน ศักสิทธิ์ก็กลับมาเป็นของยิวด้วยวิธีการฉลาดแกมโกงของยิวแหละครับ ตอนนี้ก็เลยยังไม่จบเรื่อง ตีกันต่อไป ทางคริสต์นั้น นับเอาจากประวัติศาสตร์แล้ว ให้ยิวยึดครองได้ ก็ยังดีกว่าอิสลาม แถมอเมริกามาเป็นพี่เลี้ยงใหญ่ ที่เดี๋ยวนี้ชาวโลกก็ประนามกันว่าเป็นประเทศที่มียิวชักใยอยู่เบื้องหลังด้วยแล้ว ...เรื่องมันก็เลยสบ๊ายยย ครับ มีประเด็นอื่นอีกเยอะมาก เช่นบางประเทศศาสนาอิสลามได้เผยแพร่ออกไปกว้างขวาง มุสลิมประเทศนั้นก็พยายามสู้รบเพื่อแยกเป็นรัฐอิสระปกครองตนเอง จากคุณ : Jinx D Wednesday - [ 30 มิ.ย. 48 09:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่ทราบว่าผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะครับ ถ้าผิดก็ขออภัยนะครับ เพราะข้อความนั้นผมยกมาจากที่คุณดาบ กล่าวถึง (และอีกหลาย ๆ ท่านที่เป็นมุสลิม ก็เคยเอ่ยอ้างถึง ถ้าได้อ่านผ่านตามาในหลายกระทู้) เพียงแต่ผมแปลกใจเท่านั้นเองครับ มันเป็นงง ไปหมดครับ .. จากคุณ : สุธี - [ 1 ก.ค. 48 06:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ที่เก่าแก่กว่าเพื่อนคือศาสนายิว  ลองดูในคัมภีร์ที่โมเสสเขียน หรือผู้เผยพระวจนะคนอื่น ๆ  ว่า มีการทำนายถึง พระเมสสิยาห์  หรือพระผู้ช่วยให้รอด  ผู้ไถ่บาป   ว่าจะมาปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล  นำการคืนดีกันระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าที่เหมือนมีเหวแห่งความบาปที่มนุษย์ทำขวางกั้นไว้    แล้วเราก็ลองพิจารณาดูว่า  ใครเหมาะสมที่จะเป็นผู้นั้น  ระหว่างพระเยซู  หรือ นบีมูฮัมหมัด   ถ้าพระเยซู เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว  คำถามก็คือ มีความจำเป็นอะไรที่พระเจ้าต้องส่ง ศาสดามูฮัมหมัดมาอีกครับ แล้วทำไมศาสนาอิสลามถึงต้องเรียกนามพระเจ้าใหม่ ว่า  พระอัลเลาะห์  แทนที่จะยึดตามพระนามเดิมของศาสนายิว  ว่า พระเยโฮวาห์  ในเมื่อคือพระเจ้าองค์เดียวกัน หรือเพราะมีการรวบรวมเขียนพระคัมภีร์ขึ้นมาใหม่ ( COPY ) หรือเปล่า  เลยต้องมีอะไรใหม่ ๆ  ต้องไม่นำมาทั้งหมด แต่ต้องมีการสร้างสรรค์บางอย่างใหม่ ๆ     แต่ผมว่า อะไรที่เหมือน ๆ กัน คุณต้องให้เกียรติแก่ต้นฉบับ  คือให้เครดิตที่ต้นฉบับ จะถูกต้องกว่านะครับ  เหมือนกับ การสงวนลิขสิทธิ์  ไม่ใช่แต่งเพลงแบบไปลอก ๆ กันมา แล้วก็ภูมิใจว่าตนเองถูกต้อง จากคุณ : sunwo - [ 1 ก.ค. 48 22:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องความแตกต่างของยิว คริสต์ อิสลาม ทำไมถึงแตกต่าง หากพูดผ่านเว็บบอร์ดต้องโดนกระหน่ำยาวแน่ ๆ เพราะ แน่นอนเส้นนึงถูกต้อง แต่เส้นไหนล่ะ ยิว ก็คงบอกว่ายูดาย คริสต์ ก็ต้องบอกคริสต์ มุสลิม ก็ต้องบอกอิสลาม สุธีมาอย่ามาล่อเป้าให้ตีกันเลยนะ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 2 ก.ค. 48 08:32:04 A:58.10.183.38 X: TicketID:075585 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โอ คุณ "สันดาบ"  ถ้าคุณว่าผมล่อเป้า แล้วคุณล่ะครับ คุณสำแดงออกมาชัดเจนเลยเชียวว่า พระเยซู โมเสส นั้นเป็นแค่ "หนึ่ง" ในสมาชิกของคุณไปกวาดต้อนเขามาหน้าตาเฉยแบบนั้นอย่างโจ่งแจ้ง และไม่ใช่ครั้งเดียว มาบอกทีหลังว่า โอ้ ทุกท่านที่เอ่ยมานั้นใหญ่จริงครับ แต่นี่คับทั่น มูหะหมัด ใหญ๊ หย่าย กว่าใคร มาทีหลังไม่มีใครใหญ่หรือมาสำแดงว่าเป็นศาสดาพยากรณ์กว่าของฉันอีกแย้วจ้ะที่รัก อย่ามาแหยมน๊ะจ๊ะ แม๊ พับเผื่อย เล่นปิดฝาโลง กันท่า คนอื่นเสียแบบนี้ สันดาบ คิดว่าไม่ใช่ล่อเป้าหรือ ไม่ใช่แค่ล่อเป้าเลยนะ ทั้งล่อทั้งชน เลยเชียว ขอให้ผู้มีมันขะหมอง (ไม่ใช่แค่อิสลามนะครับ ให้ทุกท่านดีกว่านะครับ) นำไปคิดดูก็แล้วกัน สันดาบ น่าจะดูตัวเองตรงนี้ด้วยนะครับ ผมไม่เห็นมุสลิมท่านอื่นเอาตรงนี้มา อวดอ้างแบบที่สันดาน เอ้ย สันดาบ กำลังทำอยู่นี่เล้ย .. จากคุณ : สุธี - [ 4 ก.ค. 48 06:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วอดไม่ได้ โอ คุณ "สันดาบ" ถ้าคุณว่าผมล่อเป้า แล้วคุณล่ะครับ คุณสำแดงออกมาชัดเจนเลยเชียวว่า พระเยซู โมเสส นั้นเป็นแค่ "หนึ่ง" ในสมาชิกของคุณไปกวาดต้อนเขามาหน้าตาเฉยแบบนั้นอย่างโจ่งแจ้ง และไม่ใช่ครั้งเดียว >> แล้วไง ฉันพิมพ์ออกมาอย่างภาคภูมิ และจะพิมพ์อีกหลาย ๆ ครั้งอย่างโจ่งแจ้งก็ได้ ถ้ามีผู้ถามมาว่า คริสต์ ยิว อิสลาม เหมือนหรือต่างกันอย่างไร แล้วคริสต์กับยิวจะมาทำอะไรฉันได้ เพราะพวกเขาก็รู้ว่าศาสนาอิสลามโดยทั่วไปเป็นอย่างไร แต่เค้าไม่เชื่อในหลักศาสนาอิสลามเองก็เท่านั้น ทำไมเหรอ ของอย่างนี้ต้องแอบอ้างบอกเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวกเดียวกันด้วยเหรอ ล่อเป้าตรงไหน ถ้าฉันเจอชาวคริสต์กล่าวถึงพระเยซูกับฉัน ถ้าฉันไม่เฉยซะ ก็จะบอกว่าฉันไม่เชื่อ พระเยซู คือ นบีอีซา เป็นเพียงศาสนทูต แล้วไงอ่ะ ชาวคริสต์จะโกรธอะไรฉันล่ะ ชาวคริสต์บอกว่า ไม่ใช่! ผิดแล้ว พระเยซู คือ บุตรพระเจ้าต่างหาก ไม่ใช่ศาสนทูตนะ แล้วไง ฉันต้องโกรธชาวคริสต์ด้วยเหรอ นี่แหละคือความไม่เหมือน โดยแบ่งเป็นสองเส้นแล้ว ถ้าไปถามชาวยิว ซึ่งไม่เชื่อในนบีอีซาและพระเยซูบุตรพระเจ้า ก็จะแบ่งแยกเป็นอีกเส้นนึง ฉันกล่าวผิดตรงไหนว่าต้องมีเส้นนึงถูกต้อง มาบอกทีหลังว่า โอ้ ทุกท่านที่เอ่ยมานั้นใหญ่จริงครับ แต่นี่คับทั่น มูหะหมัด ใหญ๊ หย่าย กว่าใคร มาทีหลังไม่มีใครใหญ่หรือมาสำแดงว่าเป็นศาสดาพยากรณ์กว่าของฉันอีกแย้วจ้ะที่รัก อย่ามาแหยมน๊ะจ๊ะ แม๊ พับเผื่อย เล่นปิดฝาโลง กันท่า คนอื่นเสียแบบนี้ >> พล่ามไรอ่ะ "กันท่าคนอื่น?" -_-' ฉันก็พูดส่วนของฉันในมุมมองอิสลาม ว่าศาสนทูตคนอื่น ๆ ก็เหมือนศาสนทูตมูฮัมมัด มีคนไหนบ้างไปอ่านที่ความเห็น 4 แต่มูฮัมมัดเป็นคนสุดท้าย สารที่ได้รับมาจะ update ที่สุดไม่ถูกปรับปรุงแก้ไขโดยมนุษย์ผ่านกาลเวลา ฉันอุตส่าห์ย้ำนักหนาแล้วนะในความคิดเห็นที่ 9 ย่อหน้าที่ 3 ว่า "ในทัศนะอิสลาม" ซึ่งไม่ใช่ทัศนะคริสต์ หรือทัศนะยิว ยังมีกระบือตัวนึงพล่านหาเรื่องล่อเป้าอยู่อีก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมันด้วยเล้ย!! แล้วความเห็นที่ 16 เค้าก็พูดส่วนของเค้าในมุมมองคริสต์ จากข้อความในความเห็นที่ 16 คุณ sunwo เขาไม่ได้เชื่อถือศาสนทูตมูฮัมมัดซะด้วยซ้ำว่าเป็นเมสสิยาห์ เขาก็อธิบายในส่วนของเขาว่าทำไมไม่เชื่อ แล้วไง ฉันไปขวางทางเขาได้เหรอ แล้วฉันต้องโกรธเขาด้วยเหรอ เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าชาวคริสต์เชื่ออย่างไร แต่ที่รู้ ๆทั้งอิสลามและคริสต์รอพระเยซู หรือนบีอีซากลับมาเหมือนกัน สันดาบ น่าจะดูตัวเองตรงนี้ด้วยนะครับ ผมไม่เห็นมุสลิมท่านอื่นเอาตรงนี้มา อวดอ้างแบบที่สันดาน เอ้ย สันดาบ กำลังทำอยู่นี่เล้ย .. >> โอย สุธีเอ้ยยย นายนี่มันกระบือในกะลาจริง ๆ ที่ไม่รู้นั่นแหละนายตัวจริง คริสต์เค้าก็รู้มุสลิม มุสลิมก็รู้คริสต์ ทิ้งยิว คริสต์ อิสลาม กำเนิดเกิดใกล้กันขนาดนั้น และไม่ใช่เพิ่งเกิดเมื่อปีที่แล้ว ทั้งสามศาสนาจะไม่เคยรู้กันเลยเหรอว่า อะไรที่แตกต่างกันบ้าง ไม่เคยเปรียบเทียบกันเลยเหรอ เค้ารู้กันอยู่ก่อนตั้งนาน ๆๆ แล้ว ที่ฉันยกมาไม่ใช่การอวดอ้าง แต่อธิบายให้เจ้าของกระทู้ฟังในแง่มุมว่า อิสลามต่างจากคริสต์และยิวยังไง แล้วทำไมมุสลิมไม่คิดว่านบีอีซาเป็นบุตรพระเจ้า ก็ยกอัล-กุรอ่านมาให้ "หนุ่มไทยไร้นาม" อ่าน เพราะเขาถามมา ฉันก็ตอบตรง ๆ สุธีท่าจะบ้า มาล่อเป้าแท้ ๆ ล่อเป้า 1 ในความคิดเห็นที่ 7 - แต่อดีตนั้นไม่แน่ เพราะได้ยินบ่อย ๆ ที่ว่า ศาสนจักรไปมีส่วนร่วมในการชี้นำ ในการรบราฆ่าฟัน (ปัจจุบันก็คงมีเพียงแต่แอบ ๆ) อันนี้น่าคิดนะครับ จะปกจะปิดกันก็ไม่มิดเสียด้วยสิ ล่อเป้า 2 ในความคิดเห็นที่ 13 - แล้วทำไมเส้นเดียวกัน ทำไมรบราฆ่าฟันกันไม่เลิก จองล้างจองผลาญกันไม่หยุดหย่อนจนถึงวินาทีนี้กันล่ะครับ มันอะไรกันนักหนาครับ มาจากเส้นเดียวกันแท้ ๆ ครับ มีพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน คือ อะเลาะห์แท้ ๆ ทำไมคริสต์และยิว ถึงตีกันกับอิสลามล่ะครับ ในเมื่อพระเจ้าของท่านทั้งสองศาสนาก็คืออะเลาะห์เหมือนกันครับ น่าจะเกรง ๆ พระอะเลาะห์บ้างนะครับ ชาวคริสต์และชาวยิว .. คำตอบจากการล่อเป้า เค้าก็ตอบนำไปก่อนแล้วจากความคิดเห็นที่ 2 ยังจะมีผู้อยากให้ล่ออีก "ใช่ครับเราเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกันจะว่าไปก็เหมือนพี่น้องกัน แต่ที่ดูเหมือนบาดหมางกันเพราะเป็นเรื่องของคนโบราณที่ฝักใฝ่ในอำนาจครับ ^^ " จากคุณ : MichaeLPauL - [ 29 มิ.ย. 48 00:26:38 ] ฉันเห็นด้วยกับคุณ MichaeLPaul เห็นคำว่า "ฝักใฝ่ในอำนาจ" ที่เค้าพิมพ์ไหม สุธีอ่านออกป่ะ ถ้าอ่านภาษาไทยออก ก็อย่ามาล่อเป้าแถว ๆ นี้ ไปล่อเป้าที่กางเกงตัวเองเหอะ เอ๊ะ!! หรือกระโปรงหว่า เชิญเรียกหาความเป็นธรรมไปเหอะ ;p~~~~ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 4 ก.ค. 48 20:10:53 A:58.10.183.103 X: TicketID:075585 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ลองมาดูความเห็นของ คริสต์บ้างนะสันดาบ ในกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3583772/Y3583772.html อันนี้ คุณไมเคิลพูดเอาไว้ว่า ... ความคิดเห็นที่ 6   -*- ผมคนนึงครับที่ศึกษาอิสลาม(กฏหมายอิสลามได้ G ด้วยนะอิอิ ขอบพระคุณพระเจ้า) คือหากศึกษาอิสลามจากบุคคลเนี่ยมันจะดีกว่าศึกษาจากหนังสือที่มุสลิมเขียนครับ เช่นหนังสือ ที่ชื่อ "บทสนทนาระหว่างมุสลิมกับคริสตชน" เป็นหนังสือของมุสลิมเล่มแรกที่ผมอ่านและพบว่ามันทำลายความเชื่อสำหรับคนที่เพิ่งเชื่อได้แรงมากๆ หากผมไม่มีพ่อทูนหัวที่ดีผมคงสูญเสียความเชื่อไปแล้ว สาเหตุหลักๆที่คริสตชนไม่อยากศึกษาศาสนาอิสลามเพราะ การกล่าวว่า " พระเยซู(นบี อีซา) เป็นเพียงประกาศก เท่านั้น มันเป็นการทำร้ายความรู้สึกอย่างแรงครับเพราะ พระเยซู สำหรับคริสตชนนั้นไม่ใช่แค่ศาสดา แต่พระองค์คือพระเจ้าครับ " จากคุณ : MichaeLPauL  -  4 ก.ค. 48 23:04:41 ทำไมสันดาบไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรล่อเป้าหรือยกตนข่มท่าน ดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่นเขาบ้างล่ะ แล้วสันดาบ ก็ไม่ได้แสดงหนเดียวด้วย เราเห็นมาหลายครั้งแล้ว แล้วเราก็คิดว่าไม่น่าทำแบบนี้เลย เราไม่ได้พูดอะไรผิดจากความจริงเท่าไหร่นะ ชัดเจนแจ่มแจ๋วอยู่แล้ว ไม่ต้องตีความอะไรด้วย จริงไหมล่ะ วิญญูชนทั้งหลาย .. จากคุณ : สุธี - [ 5 ก.ค. 48 06:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมไปคุยกับคริสเตียนหลายคนถึงเรื่องราวของพระเจ้าแล้วเชิญชวนให้มาศึกษาอิสลาม เหมือนที่ผมเป็นอิสลามแต่กำลังศึกษาคริสต์ไปด้วย ทำไม่พวกเขาไม่เปิดใจครับต่างกับชาวคริสต์ที่เป็นฝรั่ง ผมถามว่าอะไรเขาก็รู้ และให้ความเห็นได้...ผมไม่เข้าใจด้วยว่าคริสต์เขาจำกัดการศึกษาศาสนาหรือ หรือว่าเป็นคริสต์แล้วไม่ต้องรับรู้พันธะสัญญาสุดท้ายครับ......ช่วยไขข้อข้องใจหน่อย***** ***ผมเห็นชาวคริสต์หลายคนบอกให้เปิดใจรับพระเจ้าซึ่งผมก็งงว่าทั้งๆที่รู้ว่าผมเป็นอิสลามมีพระเจ้าอยู่แล้ว ทำไมยังถามอยู่หรือพวกเขาไม่รู้นะ**โคตะระเง็ง*** จากคุณ : ดะวะฮ์ - [ 4 ก.ค. 48 11:31:21 A:168.120.43.46 X: TicketID:093656 ] ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่ามันก็แล้วแต่คนน่ะครับ อย่างที่บ้านผมมีกลุ่มดาวะห์คนในกลุ่มก็เข้าไปคุยกับผู้ดูแลโบสถ์คริสต์(โปรแตสแตนท์ไม่มีบาดหลางผมไม่รู้จะเรียกเค้าว่าอะไร) หลังมัสยิด ผู้ดูแลก็ต้อนรับอย่างดี คนที่ดาวะห์ก็ยังกลับมาเล่าให้ฟังเลยว่า ผู้ดูแลท่าทางดีใจมากที่พี่น้องต่างศาสนิกไปเยี่ยมเยียนเขา ถ้าจำไม่ผิดผู้ดูแลโบสถ์ยังถามถึงกุรอ่านบทที่มีเรื่องราวของพระเยซูด้วย นั่นแสดงว่าไม่ใช่ชาวคริสต์ทุกคนที่จะปิดกั้นตัวเองไม่ยอมศึกษาศาสนาอื่น บางทีผมว่าอาจจะเป็นส่วนน้อยด้วยซ้ำ ถามถึงหลักศาสนา ศาสนาคริสต์ก็ไม่น่าสอนให้ปิดกั้นเรื่องนี้ เพราะตัวผู้ดูแลโบสถ์เองยังคุยกับมุสลิมเป็นอย่างดี ลองหาคนอื่นๆคุยดูสิครับ หลักความเชื่อใกล้กัน รักพระเจ้าเหมือนๆกันบรรยากาศการคุยน่าจะสร้างสรรค์นะครับ จริงๆมีบางโองการในกุรอ่านที่กล่าวถึงความใกล้ชิดของมุสลิมกับคริสเตียน ถ้าหาได้ผมจะเอามาลงให้อ่านกัน จากคุณ : Carroth (Carroth) - [ 4 ก.ค. 48 14:31:47 ] จากกระทู้ที่ลิงก์มาให้ ก็อ่านซะ >>> ไม่ใช่ชาวคริสต์ทุกคนที่จะปิดกั้นตัวเองไม่ยอมศึกษาศาสนาอื่น บางทีผมว่าอาจจะเป็นส่วนน้อยด้วยซ้ำ อีกอย่างจุดประสงค์ในการถามกระทู้โน้นกับกระทู้นี้ก็คนละอย่าง จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 5 ก.ค. 48 13:09:01 A:210.1.4.129 X: TicketID:075585 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สุธีล่อเป้าเก่งจริง ๆ แถมชอบเรียกร้องหาพวกด้วย จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 5 ก.ค. 48 13:12:38 A:210.1.4.129 X: TicketID:075585 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วแต่จะคิดสิ ดาบ เราเองก็ไม่ได้เป็นคนตั้งกระทู้ด้วย และเราเองก็อ่านจากข้อความของดาบ ที่นำมาบรรยายเอาไว้เอง (คห.9 ,11) เราก็สงสัยในข้อความอันแปลกประหลาดของดาบฯ และตรงนั้นเราก็ไม่ได้ว่าดาบ เลยซักนิดว่าดาบน่ะ "ล่อเป้า" (ทั้ง ๆ ที่ถ้าจะเปรียบเทียบกับ คห.ของเราที่ดาบ ตัดสินว่าเป็น คห.ล่อเป้าแล้ว เราว่าของดาบนั้นล่อมากกว่าเราเยอะ) เราเพียงแค่สงสัย และเห็นว่า คห.ของดาบนั้นมันล่อเป้าอย่างแรงทีเดียว ไม่เพียงแค่ล่อ แต่ทั้งดูหมิ่นเหยียดเหยียม กดให้ศาสดาของเขาเป็นแค่หนึ่งในทีมงานเท่านั้น (แม้จะยกให้เป็นศาสดาพยากรณ์ก็เถอะนะ)  แต่เราก็ไม่รู้เพราะไม่เคยอ่านอ้ลกุรอ่าน และไม่ได้อ่านไบเบิล (ทั้งเก่าและใหม่) เท่าไหร่ จึงไม่ทราบ เราเห็นดาบ อ้างอย่างนั้น ให้ใคร ๆ ก็คิดว่า ศาสนายิว และศาสนาคริสต์ เป็น "สาขา" ของศาสนาอิสลาม นั่นแหละ อ่านยังไงก็เป็นยังไง ก็ขนาดคุณไมเคิล (ดังที่เรายก คห.ของเขามาให้ดู พร้อมบอกที่มาชัดเจน) เป็นคริสต์เองเขาก็ยังรู้สึกได้ชัดเจนขนาดนั้น แล้วจะหาว่าเราล่อเป้าได้อย่างไร ทำไมดาบไม่หัดมองดูตัวเองก่อนล่ะว่าดาบพูดอะไรสำแดงอะไรออกไป คนเราเชื่อไม่เหมือนกัน สิ่งสูงสุดของใครใครก็รัก ไม่อยากให้ใครมากดมาขี่ (แม้จะฟังดูหรูว่าใหญ่พอ ๆ กันก็ตามแต่ผู้มีสมองเขาดูออก) และเราฝากไปถึงคุณไมเคิลด้วยว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะลากคุณไมเคิลมาเป็นพวก แต่เราเห็นใจชาวคริสต์จริง ๆ เพราะเราชาวพุทธก็โดนพราหมณ์ทำแบบนี้อย่างไม่ละอายมาแล้วเหมือนกัน เราจึงเห็นใจ เราว่าดาบ หัดมองดูตัวเองก่อนจะดีกว่านะ อย่ามาว่าคนอื่นเค้าล่อเป้าเลย ดาบเองน่ะแหละ จอมลูบเป้า เอ้ย จอมล่อเป้าเลยแหละ ขอให้วิญญูชนและพระอะเลาะห์เป็นพยานด้วยแล้วกัน .. จากคุณ : สุธี - [ 5 ก.ค. 48 15:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เปงอย่างนี้เรอะเนี่ย เปงความจิงเรอะที่ว่า 1. พระเยซูที่ถูกตรึงกางเขนนั้น ไม่ใช่พระเยซูองค์จริง? 2. พระเยซู ไม่ใช่ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น -_- จากคุณ : ผัดเย็น - [ 24 ก.ค. 48 22:49:38 A:61.90.71.64 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดสุดฉลาดของยิว ปัจจุบันชาวยิวส่วนใหญ่ไม่ได้ยึดถือพันธสัญญาเก่าอีกต่อไปแล้ว แต่คนยิวสมัยใหม่เป็นผลผลิตของคัมภีร์ตัลมูด ลองไปดูนะครับว่าคัมภีร์ตัลมูดมองมนุษย์ที่ไม่ใช่ยิวในโลกนี้อย่างไร ยิวถือว่าตัวเองเท่านั้นที่เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก ส่วนคนที่มิใช่ยิวจะถูกพวกยิวเรียกว่า "โกยิม" ซึ่งมีความหมายว่าสัตว์เดรฉาน 1) ยิวถูกเรียกว่ามนุษย์ แต่คนที่มิใช่ยิวมิใช่มนุษย์ พวกเขาเป็นสัตว์เดรฉาน (Talmud: Baba mezia, 114b) นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกยิวถึงฆ่าชาวปาเลสไตน์และชาวอาหรับอย่างเลือดเย็น 2) "คนที่มิใช่ยิวนั้นเหมือนหมาตัวหนึ่ง คัมภีร์สอนว่าจงให้เกียรติหมามากกว่าคนที่มิใช่ยิว" (Eregret Raschi Erod.22 30) นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเศรษฐีฝรั่งจึงหลักรักหมาจนถึงกับทำพินัยกรรมยกมรดกให้แก่หมา 3) "ถึงแม้พระเจ้าจะสร้างคนที่มิใช่ยิวขึ้นมา พวกเขาก็ยังเป็นสัตว์ในร่างมนุษย์" (Midrasch Talpioth p.255) 4) "คนที่มิใช่ยิวที่มีครรภ์นั้นไม่มีอะไรดีไปกว่าสัตว์มีท้อง" (Coschen hamischpat 405) 5) "วิญญาณของคนที่มิใช่ยิวมาจากวิญญาณที่ไม่สะอาดและถูกเรียกว่าหมู" (Jalkut Rubeni gadol 12b) 6) "ถึงแม้คนที่มิใช่ยิวจะมีโครงสร้างร่างกายเหมือนกับยิว แต่เมื่อเปรียบกับยิวแล้วพวกเขาก็ฌหมือนกับลิงกับมนุษย์" (Schene luchoth haberith, p.250b) 7) "ถ้าคุณกินกับคนที่มิใช่ยิว มันก็เหมือนกับคุณกำลังกินกับหมา" (Tosapoth, Jebamoth 94b) 8) "การมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างคนที่มิใช่ยิวก็เหมือนกับการสมสู่กันระหว่างสัตว์" (Talmud Sanhedrin 74b) 9) "เป็นที่อนุญาตให้เอาร่างกายและชีวิตของคนที่มิใช่ยิว" (Sepher ikkarim III c 25) 10) "เป็นที่อนุญาตให้ฆ่าใครก็ตามที่ปฏิเสธคัมภีร์โตราห์ พวกคริสเตียนเป็นพวกที่ปฏิเสธคัมภีร์โตราห์" (Coschen hamischpat 425 Hagah 425.5) 11) "ยิวทุกคนที่หลั่งเลือดของผู้ไม่มีพระเจ้า(ผู้ที่มิใช่ยิว)คือผู้ที่กำลังทำสิ่งเดียวกับการเชือดสัตว์พลีถวายพระเจ้า" (Talmud: Bammidber raba c 21 & Jalkut 772) จากคุณ : Affan - [ 1 ส.ค. 48 11:19:23 A:203.148.158.94 X: ]