ความคิดเห็นที่ 1 ยน 18:37         (37) พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”     สำหรับนิยายเรื่องนี้ ที่หลายๆคนเอามาพูดในทำนองว่าเป็นประเด็นประวัติศาสตร์ เดี๋ยวเราลองมาดูด้านที่นักประวัติศาสตร์จริงๆเรียนรู้ดีกว่ามั๊ยว่าคนแต่งนิยายที่บอกชัดๆว่านิยายคือเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ดังนั้น ถ้าคนไปคิดว่าเป็นจริงแล้วเขาเท็จ เขาก็ลอยตัวเพราะคนดันเชื่อ"นิยาย"เอง แต่กับนักประวัติศาสตร์ที่ "ความจริง" คือความน่าเชื่อถือด้านวิชาชีพ ที่พวกเขาศึกษาด้านนี้เพื่อหาความจริง ไม่ใช่ศึกษาเพื่อเอามาแต่งนิยายขาย ความจริง 2ขั้วนี้ มันต่างระดับกันแค่ไหนอย่างไร     กรณีที่บอกว่าคนๆนี้เก่ง ไม่เถียงว่าเก่ง แต่เขาไม่ได้เอาความคลุมเครือทางประวัติศาสตร์มาแต่ง แต่มีข้อมูลมากมายที่เขาบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เลยทีเดียว     เดี๋ยวเรามาดูกันว่า แดน บาวน์ ใช้ความคลุมเครือ หรือเอาเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้มาบิดเบือนหน้าตาเฉย และการจัดองค์ประกอบที่แท้จริงของภาพทุกภาพของดาวินชี่ ที่นิยาย พาดพิงอย่างฉาบฉวย ไม่กี่บรรทัด นอกจากหนังสือนี้จะไม่ได้ช่วยให้รู้สึกเลยว่าดาวินชี่อัจฉริยะ แต่เขากลับมัวหมอง เพราะความอัจฉริยะที่แท้จริงของเขา ถูกบดบังด้วยการพยายามบิดเบือนให้เข้ามุขตัวเองโดยนักแต่งนิยายที่ไม่ใช่คนที่มีความรู้ด้านศิลปะ     ก่อนจะเล่าอะไรก็ขอเกริ่นกันก่อน ความเป็นจริงผมไม่เดือดร้อนอะไรนักเมื่อตอนทราบข่าวหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ในต่างประเทศนั้น ไม่ใช่เขาจะอ่านกันแต่นิยาย แต่อะไรที่เป็นความรู้เขาก็จะอ่าน ซึ่งต่างจากคนไทยที่หนังสือขายดีมีแต่นิยายเท่านั้น ดังนั้น หนังสือที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง10กว่าเล่ม โดยเหล่านักประวัติศาสตร์ ก็ขายคู่กันไปได้ ซึ่งต่างจากเมืองไทย ที่ไม่มีหนังสือทำนองนี้สักเล่ม แต่ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ     ผมพบปรากฎการณ์ประหลาดในเมืองไทยที่แตกต่างกันกับท่าทีในต่างประเทศ นั่นคือ การแยกไม่ออก ระหว่างนิยายกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่นิยายอ้างมาเล่น ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่แสดงท่าทีตื่นเต้นราวกับว่า แดน บาวร์น เป็นฮีโร่ เป็นผู้ท้าทายความจริง ตามคำโฆษณาชวนเชื่อ และสำนวนชวนคล้อย เช่น การสั่นคลอนศาสนาที่มีมากว่า2000ปี" บ้าง "ความจริงที่จะทำให้ต้องตกตะลึงพรึงเพริด" บ้าง ทั้งๆที่จริง ในวงการวรรณกรรม และนักวิจารณ์ จัดนิยายของแดน บาวร์นเป็นแนว conspiracy theory เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เขาเขียนแนวนี้ แต่เขาเขียนแนวนี้มาหลายเล่มแล้ว     แล้ว conspiracy theory มันคืออะไรล่ะ     ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าแปลเป็นไทยว่าอะไร เอาเป็นว่า เป็นทำนองว่า เป็นทฤษฏีที่คาดเดาว่าคนอื่นมีการสมรู้ร่วมคิดกันทำอะไรแบบลับๆ อะไรอย่างนี้ครับ อย่างเช่น ผมอาจจะมี conspiracy theory (ยกตัวอย่างว่า สมมติว่าผมมี theory ของผม)ว่า ปากกาที่แจกฟรีตามงานแสดงสินค้า จริงๆแล้วเป็นเครื่องดักฟัง และบริษัทที่แจกปากกาฟรี ก็เพื่อจะแอบดักฟังว่าผมชอบสินค้าอะไร จะได้ขายของให้ผมได้ อะไรอย่างนี้     จากนั้นผมก็หาข้อมูลนั่นนี่ ตัดนั่นนิดเติมนี่หน่อย เช่นเอาเรื่องที่เจ้าของสินค้ามีเพื่อนเป็นอดีตซีไอเอ มาขยาย หรือพูดอะไรก็ตามให้ดูว่าเป็นไปได้     คือส่วนใหญ่ conspiracy theory จะเป็นอะไรที่ rediculous แบบนี้แหละครับ ประเภทที่ฟังแล้วเรารู้สึกว่า "คิดมากไปรึเปล่าเพื่อน" อะไรทำนองนี้ แต่นักเขียนที่ดีจะเขียนแล้วดูสมจริงสมจัง     ถ้าลอง search เล่นๆใน internet จะเห็นว่าหลายๆแห่งจะนึกถึงนิยายของแดนบราวน์ว่าเป็นประเภท conspiracy theory ครับ ยกตัวอย่างเช่นที่ http://www.danbrown.com/novels/davinci_code/reviews.html Dan Brown's conspiracy-theory thriller is the pulp must-read of the season...an ingenious mixture of paranoid thriller, art history lesson, chase story, religious symbology lecture and anti-clerical screed, and it's the most fun you can have between the sort of covers that aren't 300-count Egyptian cotton. --SALON.COM     แดน บราวน์ เป็นนักเขียนนิยายประเภท conspiracy theory อยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่เขาเขียน ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงประวัติศาสตร์ก็ได้ แต่เป็นการเอาประวัติศาสตร์มาบางส่วน ดัดแปลงโดยจงใจบางส่วน เพื่อให้เรื่องราวน่าสนใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะเขาต้องการ"ขาย"นิยาย conspiracy theory ของเขา     คือ จะบอกว่า เขาไม่ได้ตั้งใจเขียนหนังสือประวัติศาสตร์อยู่แล้วครับ ดังนั้น ผิดเพี้ยนบิดเบือนไปก็เป็นเพราะการจงใจ มากกว่าการที่"ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างถ่องแท้"     ---> ดังนั้น การให้ค่ากับนิยายเล่มนี้ราวกับเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ผมอดที่จะเขียนอะไรบ้างไม่ได้ เพราะ     1.คนที่อ่านแล้วเชื่อ แดน บาวร์น ส่วนใหญ่ไม่ใช่คริสต์ โดยเฉพาะการเขียนที่ขนาดคริสต์ที่ความรู้ไม่แน่นยังงงว่าอะไรจริงอะไรเท็จ การที่คนไม่ใช่คริสต์เชื่อนิยายนี้ มันเท่ากับเป็นจุดอ่อนของคนไทย ที่นอกจากจะมีความรู้ทางศาสนาคริสต์น้อยอยู่แล้ว ยังขาดหนังสือประกอบที่ฝรั่งเขามีร่วมสิบเล่ม ยังไม่นับข้อมูลดิบที่เขามีกันนับไม่ถ้วน     2.ประเด็นทางศิลปะ เพราะความที่ผมเองก็ชอบดาวินชี่ และเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์กับทฤษฎีทางการจัดองค์ประกอบต่างๆ แม้ไม่ใช่ด๊อกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญ แต่สงสารดาวินชี่จับใจ ยิ่งพอผมกลับไปรื้อฟื้นวิชาที่เรียนก็ยิ่งอยากจะให้คนได้เห็นว่า อัจฉริยะแท้จริงของเขามันระดับไหน ไม่ใช่ปาหี่หลอกคนแบบที่นิยายนำเสนอ     3.การที่ แดน บราว์น เขียนศาสนาเป็นผู้ร้าย คอยแอบด่าตลอดเวลาในสำนวนของหนังสือ แทบจะเรียกได้ว่า ถ้าคุณอ่านนิยายและคล้อยตาม คุณคงเห็นใครก็ตามที่พูดต่างหรือค้านกับ แดน บราว์น เป็นคนโง่ ถูกหลอก งมงาย ไม่มีเหตุผล เรียกง่ายๆว่า ใครเชื่อ แดน บราว์น ดูฉลาด ใครเชื่อพระคัมภีร์ ดูโง่ไปทันที เขาได้วางกับดักไว้ในนิยายเขาอย่างแยบยล อย่างในบอร์ดนี้ก็พอจะมองเห็นกันอยู่บ้างว่า คนที่พูดว่านิยายเป็นเรื่องโกหก และพูดว่าหนังสือของนักวิชาการเป็นจริง กลับกลายเป็นมองโลกแคบด้านเดียวไปโดยอัตโนมัติ และคนที่มองนิยายว่ามีสิทธิ์เป็นความจริง กลับกลายเป็นฉลาด ใจกว้างไป นั่นเพราะเขาแอบกำหนดตัวผู้ร้ายไว้ชัดเจนแล้วตั้งแต่ในหนังสือ อย่างที่เรียกว่า ตั้งตัวเองอยู่ในสถานการณ์ Win-Win Situation ตลอด ซึ่งไม่เถียงเลยว่าเก่งและฉลาด ที่ทำได้แบบนี้ แต่ช่างร้ายกาจกับชาวบ้านตาดำๆและต่อบรรดาบุคคลที่ถูกอ้างถึงอย่างเสียๆหายๆจริงๆ     ดังนั้น ขอให้ทราบถูกต้องตรงกันตรงนี้ก่อนว่า ผมไม่สน ว่าคุณจะเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าหรือไม่ และไม่โน้มน้าวให้เชื่อด้วย ผมไม่ได้ลงมือพิมพ์ยืดยาวเพราะจะคุยประเด็นนั้น แต่ผมต้องการจะให้แต่ "ข้อเท็จจริง" ที่นักวิชาการในโลกจริงๆยอมรับ ไม่ใช่การอ้างลอยๆถึงนักประวัติศาสตร์ที่ไม่มีตัวตนแบบในนิยาย จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอาล่ะครับ เรามาดูข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่เรื่องตีความกันดีกว่าผมขอยกตัวอย่างเรื่องนึงก่อน          หนึ่งในประเด็นฉาวโฉ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในดาวินซีโค้ด คือ เรื่องความสัมพันธ์ของมารีย์ มักดาลีน กับ พระเยซูคริสต์ ในดาวินซีโค้ดได้อ้างอิง จากบทพระวรสารนักบุญฟิลิปป์ภาษาอารมิคบันทึกว่า พระองค์รักเธอมากกว่าสานุศิษย์คนใดๆของพระองค์ พระองค์จูบเธอบ่อยหลายต่อหลายครั้ง และพระองค์สมรสกับเธอ ตามความหมายของคำว่า “สหาย” (companion) สมัยนั้นมีความหมายว่า “คู่สมรส” (spouse) โดยท้าในหนังสือว่า ถ้าไปถามคนรู้ภาษาอาราเมอิกจะทราบ          แต่เรามีข้อเท็จจริงจริงที่มีหลักฐานชัดเจน เหมือนกับพูดว่า น้ำนมวัวมีสีขาว คือ..........        1. บทพระวรสารของนักบุญฟิลิปป์ไม่ได้เขียนในภาษาอารมิค!!! แต่เป็นภาษาทางคอปติค (Coptic) จากอียิปต์ และเป็นการแปลจากของภาษากรีกอีกที        2.ทีนี้เราไปถามคนรู้อาราเมอิกแบบที่เขาท้า จากคำกล่าวของศาสตราจารย์ เครก บลอมเบิร์ก (Craig Blomberg) จากการสัมนาที่เดนเวอร์ กล่าวไว้ว่า “ไม่มีคำทั้งจากภาษาฮีบรู และ อารมิค สำหรับคำว่า สหาย ที่สื่อแปลว่า คู่สมรส” ซึ่ง ศาสตราจารย์ มากาเร็ต มิตเชล (Margaret Mitchell) แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ศาสนจักรตอนต้น แห่ง มหาวิทยาลัย ชิคาโก้ ดิวินิตี้ สคูล ก็เห็นด้วย ศาสตราจารย์ มิตเชลยังกล่าวอีกว่า ดาวินซีโค้ดได้ถอดความแปลคำออกมาผิด ซึ่งคำต้นฉบับดังกล่าวมักถูกแปลว่า เพื่อน หรือ สหาย อยู่แล้ว      ---อ้างอิง Linda Kulman และ Jay Tolson (ร่วมกับ Katy Kelly) , “Jesus in America,” U.S. News และ World Report , December 22 , 2003 ( www.usnews.com [archives])    --->นี่เป็นจุดง่ายๆของการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะถ้าอ้างภาษากรีก จะมีคนอเมริกาที่รู้ภาษากรีกมากมายที่จะรู้ว่า ไม่มีคำว่าเพื่อนที่แปลว่าแฟน ได้ เขาเลยบิดเบือนความจริงนิดหน่อยว่าพระคัมภีร์นี้เป็นภาษาอาราเมอิก ซึ่งแทบไม่มีคนรู้ภาษานี้ ดังนั้น ข้อมูลแบบนี้ ผู้อ่านสามารถเชื่อทันทีเพราะไม่รู้จะไปศึกษาเพิ่มที่ไหน จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองมาดูอีกเรื่องนึง       ดาวินซีโค้ดว่าการค้นพบเนื้อหาบันทึกเก่าๆหลายต่อหลายงานที่ขัดแย้งกับคำสอนถูกคอนสแตนตินเผาทำลายหมด แต่ส่วนหนึ่งหลุดมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ม้วนบันทึกแห่งทะเลตาย (Dead Sea Scrolls) ที่พบในปี 1950 ทางวาติกันที่ไม่ต้องการให้คำสอนถูกบิดเบือนพยายามอย่างมากในการจัดการกับบันทึกพวกนี้     ---ความจริงคือ---     เนื้อหาบันทึกในม้วนกระดาษทะเลตายนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาตรงนี้เลย เพราะเนื้อหาในนั้น มีเนื้อหาเกี่ยวบรรยายกับเรื่องราวที่ปรากฏในพันธสัญญาเดิม (old testament) ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องราวก่อนการประสูติของพระเยซู!!! ซึ่งเนื้อหาที่เป็นประวัติของพระเยซูจะมีเขียนในพันธสัญาใหม่(New Testament) หมายความว่าเนื้อหาในม้วนบันทึกทะเลตายไม่มีอะไรเกี่ยวกับพระเยซู เลย และที่สำคัญ ม้วนหนังสือนี้ถูกเขียนเป็นศตวรรษก่อนพระเยซูจะประสูติ!!!     จาก Florentio Garcia Martinez , The Dead Sea Scrolls Translated (Grand Rapids : Eerdmans ,1992; 1994 Engl.ed) หน้า 36-37     --->นี่เป็นอีกข้อที่ไม่ใช่การตีความเข้าข้างความเชื่อใคร แต่นี่คือระดับที่เรียกว่าบิดเบือนข้อเท็จจริงขนานแท้ ดังนั้น แท้ที่จริงคนที่บิดเบือนความจริงคือคอนแสตนติน ที่คุณไม่มีวันหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์มายืนยันได้ หรือเป็นแดน บราว์น ที่หลักฐานการบิดเบือนความจริงอยู่ตรงหน้าคุณนี้แล้ว จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ว่าด้วยเรื่องการมีเมีย.............        คนอ่านคงจำได้ว่า หนังสือบอกว่า มีการตัดเรื่องภรรยาของพระเยซูออกเพราะต้องการให้พระองค์ดูเป็นเทพเพราะคอนสแตนตินเป็นเพแกน(คนต่างศาสนา)       เรามาลองคิดตามหลักเหตุผลดูบ้างดีไม๊ครับ        เราคงทราบว่าศาสนาที่คอนแสตนตินนับถือก่อนเปลี่ยนเป็นคริสต์คือศาสนากรีก-โรมัน คือเทพซุส และเทพอพอลโล่        ดังนั้นถามว่า ซุสมีเมียทั้งหมดกี่คน และ..............        มีกี่นางที่เป็นเทพ และ..............        กี่นางที่เป็นคนครับ      แต่สรุปว่า............ ซุสยังเป็นเทพหรือเปล่าครับ      ดังนั้นมุขนี้มันกลับมารัดคอตัวเองมากๆ ถ้าคอนแสตนติน เปลี่ยนพระเยซูเป็นเทพเพราะอิทธิพลของศาสนาเดิมของตัวจริง การมีเมียมันเป็นปัญหาตรงไหนครับ???        ยิ่งเมียมากยิ่งดูเป็นเทพด้วยซ้ำ แต่นี่กลับตัดเมียออกเป็นโสดบริสุทธิ์ อย่าว่าแต่พวกยิวที่รู้สึกผิดปรกติกับการไม่มีเมีย พวกโรมันเองก็ยังเห็นประหลาดด้วยซ้ำที่เทพเจ้าองค์ใหม่ทำไมไม่มีเมียเลย      แล้วถามว่า มีเทพในศาสนาอื่นๆใครบ้างที่ไม่มีเมีย ฮินดูหรือ มีชายาทุกองค์ อียิปต์หรือ โอซิริสมี2ด้วยซ้ำ แล้วถ้าพระเยซูมีเมียมันจะติดปัญหาไม่สมเป็นเทพตรงไหนไม่ทราบครับ    ดังนั้นสำหรับคนสมัยนั้น การตัดเมียออกไม่ใช่จะดูเป็นเทพมากขึ้น แต่มันกลับทำให้ดูไม่เป็นเทพเอาซะเลยต่างหาก      ดังนั้นในประเด็นนี้ หนังสือไม่ได้เล่นกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ แต่เล่นกับความรู้สึกของคนสมัยปัจจุบันที่คิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องผิดต่างหาก คนอ่านจึงยอมรับเชื่อโดยง่ายดาย จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาล่ะมาลองดูเรื่องฮ๊อต       พระศาสนจักรพยายามทำลายมารีย์ มักดาลีน โดยใส่ความว่าเธอเป็นโสเภณี เพื่อตัดเธอออกไป     อันนี้คริสตชน โดยเฉพาะคาทอลิคที่ถูกยัดเยียดเป็นผู้ร้ายในเรื่องหัวร่อเลยครับ     เพราะพระศาสนจักร แต่งตั้งมารีย์ มักดาลีนเป็น นักบุญ ครับ!!!!     การเป็นนักบุญคือการได้รับการยกย่องจากพระศาสนจักร และจากคริสตชนทุกคนทั่วโลก รวมทั้งผมเอง ก็ต้องให้เกียรติยกย่องเธอดุจวีรสตรีของพระศาสนาด้วย ดังนั้น นี่คือการกลับดำเป็นขาวเลยทีเดียวของนิยาย เพราะนิยายเรียกเธอห้วนๆโดยตัดศักดิ์นักบุญที่นำหน้าออก ตกลง ใครกันแน่ที่พยายามลดเกียรติของ นักบุญ มารีย์ ชาวมักดาลา นิยาย หรือพระศาสนจักรครับ    เรามาดูประวัติท่านนักบุญที่พระศาสนจักรใช้สอนกัน    วันระลึกถึงท่านคือ 22 กรกฏาคม    นักบุญ มารีย์ มักดาลา          มารีย์ เป็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่ที่เมืองมักดาลา ในแคว้นกาลิลีได้เข้ามารับใช้พระเยซูคริสตเจ้าหลังจากที่พระองค์ได้ทรงรักษาเธอให้หายจากโรคปีศาจสิงแล้ว ( ลก 8:2 ) เธอได้มีส่วนในการปลงพระศพของพระเยซูเจ้า และเป็นคนแรกที่ได้พบพระคริสตเจ้าหลังจากเสด็จกลับคืนชีพ        ( ยน 20:11-18 ) ไม่มีเหตุผลและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวว่ามาเรีย ชาวมักดาลาเป็นหญิงคนเดียวกันกับหญิงคนบาปคนนั้น ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงประทานอภัยโทษให้ในบ้านของซีมอนฟาริสี ( ลก 7. 36-50 ) หรือกับ “มารีย์” น้องสาวของลาซารัสและมาร์ธาเลย พระศาสนจักรตะวันออกได้เคารพให้เกียรติหญิงทั้งสามนี้โดยแยกกันต่างหาก     พิธีกรรมใหม่ของพระศาสนจักรได้พยายามชี้แสดงให้เห็นว่า “นักบุญ มารีย์ ชาวมักดาลา” เป็นผู้โชคดีคนแรกที่ได้เป็นประจักษ์พยานถึงการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าแก่บรรดาพี่น้องและเป็นพระเยซูเจ้าเองที่ได้ส่งเธอไปบอกเรื่องนี้แก่บรรดาพี่น้องของพระองค์ด้วย ( บรรดาอัครธรรมทูต )     http://www.catholic.or.th/historyxa/saints/july/jul11.html --->นอกจากนี้ จากบทความที่ผมลิงค์ พระศาสนจักรเอง ยังพยายามสอนว่า มารีย์คนนี้ ไม่ใช่โสเภณีคนบาป เพราะมีความเชื่อท้องถิ่นบางแห่งจริงที่เชื่อว่าเธอเป็นคนเดียวกับหญิงโสเภณี แต่ในพระคัมภีร์ไม่เคยระบุชื่อหญิงโสเภณีคนนั้นเลย ว่าชื่ออะไร แต่กระนั้น ทั้งที่เธอถูกเข้าใจในบางแห่งว่าเป็นคนเดียวกับโสเภณีที่กลับใจ พระศาสนจักร ก็แต่งตั้งเธอเป็นนักบุญอยู่ดี ดังนั้น พระศาสนจักรเอง ที่เป็นผู้พยายามสอนความเข้าใจที่ถูกต้องแก่คริสตชน และยกย่องให้เกียรติมารีย์ มักดาลีน แต่กลับถูกยัดบทบาทตรงข้ามให้ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพ นักบุญ มารีย์ มักดาลีนภาพนี้ ไม่ใช่ฝีมือของดาวินชี่ แต่เป็นฝีมือของศิลปินในยุคเรนาซองเช่นกัน และแน่นอนว่า ภาพหัวกระโหลกนั้นมีความหมาย คือการที่เธอเคยถูกระบุในพระคัมภีร์ว่าถูกผีสิง และพระเยซูช่วยไล่ผีให้เธอ กางเขนบนหัวกระโหลก จึงเปรียบเสมือนการตายแล้วเกิดใหม่ของท่านนักบุญ ดังนั้นในความเป็นจริง พระคัมภีร์ที่แดน บราว์นอ้างว่าถูกบิดเบือนให้เธอเป็นโสเภณีเพื่อทำลายเธอ แท้จริง ไบเบิ้ลเขียนชัดเจนว่าเธอเกี่ยวข้องกับพระเยซูเพราะเหตุทีพระองค์เคยช่วยเธอไล่ผี ไม่เคยระบุว่าเธอเป็นโสเภณี และแม้แต่รูปวาดทางศาสนาของท่าน ก็เล่าเรื่องราวนั้น มก 16:9 พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงสำแดงพระองค์ (9)หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพตอนเช้าตรู่วันต้นสัปดาห์แล้ว พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรก นางคือผู้ที่พระองค์เคยทรงไล่ปีศาจเจ็ดตนออกไป (10)นางจึงไปบอกผู้ที่กำลังร้องไห้เป็นทุกข์ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 48 17:57:03 จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทีนี้มาดูภาพสำคัญกันบ้าง ความจริงภาพนี้ ก็วาดพระเยซูกับศิษย์นั่นแหละ แต่ว่า ใครเป็นใครบ้างล่ะ        เห็นแล้วนะครับว่า รูปสาวกทั้ง12ถูกระบุชัดเจนว่ามีใครบ้าง เพราะถ้าสาวกไม่ครบ กลายเป็นหญิงมาแทนที่ต้องเกิดคำถามมาตั้งแต่500ปีก่อนแน่ว่าใครหายไปคนนึง แต่ดาวินชี่วาดสาวกครบทุกคนโดยเราสามารถรู้ได้ด้วยว่าใครเป็นใคร โดยเราได้ข้อมูลจากบันทึกของดาวินชี่เอง         ดังนั้น เมื่อหนังสือระบุว่าคนที่นั่งกับพระเยซูเป็นผู้หญิง ก็เกิดช่องโหว่ขึ้นคือ    1. ถ้าดาวินชี่ต้องการวาดผู้หญิง แต่นานถึง500กว่าปี เพิ่งมีมีแดน บราว์นดูออกคนแรก ถ้างั้นนี่ดาวินชี่ฝีมือห่วยน่ะสิ    2. ถ้านี่เป็นหญิง สาวก12คนของพระเยซูก็ไม่ครบ แล้วใครหายไปล่ะ         ทีนี้ทราบไม๊ครับว่าดาวินชี่ ซื่อสัตยืต่อไบเบิ้ลมาก ไม่ใช่เหยียดหยามไบเบิ้ลอย่างที่ถูกกล่าวหา เพราะเขาเลือกให้นักบุญยอห์น(John) และยากอบ(James)นั่งข้างพระเยซู ทำไมล่ะครับ..... เพราะพระคัมภีร์ไบเบิ้ลระบุอย่างนั้นน่ะสิ มธ 20:20      มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” ---จากบทนี้ เราพบว่านักบุญยอห์นและยากอบเป็นพี่น้องกัน พ่อชื่อเศเบดี และแม่ของเขาเคยขอให้ลูกได้นั่งข้างพระเยซู     มธ 4:21 เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชาย กำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป --->ดังนั้น ดาวินชี่ เป็นศิลปินที่ไม่ใช่วาดงานส่งเดช เขาศึกษาข้อมูลอย่างดีก่อนจะวาดภาพทุกภาพ และข้อมูลที่เขาใช้คือไบเบิ้ลเล่มปัจจุบัน ไม่ใช่หนังสือประหลาดลับอะไรที่ไหน       ทีนี้เมื่อเราทราบว่านี่คือยอห์น ก็คงเกิดคำถามว่า ทำไมดูเหมือนผู้หญิง ไม่มีหนวดเลย แต่ความจริงคริสตชนทุกคนทราบทันทีว่านี่คือยอห์น เพราะคนที่ดูภาพเหล่านี้บ่อยหน่อย จะทราบทันทีว่า ดาวินชี่ไม่ได้วาดผู้หญิง แต่วาดเด็กหนุ่ม!!!        เพราะนักบุญยอห์นคืออัครสาวกที่อายุน้อยที่สุดของพระเยซูคริสต์        ถามว่าทำไมเราจึงทราบ นั่นเพราะเอกสารที่เก่าแก่ที่สุดชิ้นหนึ่งคือ พระคัมภีร์ ฉบับสุดท้ายที่จัดรวมในไบเบิ้ล เขียนโดยสาวกท่านนี้ และที่ได้ค้นพบต้นฉบับ ต้นฉบับนั้นมีอายุราวค.ศ.100 รวมถึงเนื้อหาบางส่วนในนั้นสอดคล้องกับสมัยดังกล่าว ดังนั้น รูปนักบุญชายในคริสตศาสนาที่เรามักเห็นหนวดเครายาว แต่จะมีท่านนี้เท่านั้น ที่ถูกวาดเป็นเด็กหนุ่มแทบทุกรูป และนี่คือสิ่งที่แดน บราว์นใช้บิดเบือนว่าท่านเป็นหญิง จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราลองมาดูภาพนี้ครับ ในภาพนี้ต่างกับภาพลาสซับฯนะครับ เพราะไม่ได้วาดเหตุการณ์ แต่วาดคน เพราะพระแม่มารีย์อุ้มพระกุมารเยซู คือตอนพระเยซูเด็ก แต่ท่านยอห์นที่เป็นศิษย์ตอนพระเยซูเป็นหนุ่มแล้ว ส่วนอีกท่านที่ศีรษะล้านคือนักบุญฟรังซิส ท่านนี้เกิดหลังพระเยซูเป็นร้อยๆปี แต่ทราบไม๊ครับว่าทำไมเราถึงดูรูปแล้วรู้ว่านี่คือยอห์น แน่นอนนอกจากศิลปินบอกไว้แล้ว ศิลปินยังสื่อด้วย3อย่างคือ 1.หนังสือพระคัมภีร์-เพราะท่านเป็นคนหนึ่งที่บันทึกพระคัมภีร์ 2.เสื้อผ้าที่มีสีแดงและ... 3.ความเยาว์วัยของท่าน ที่แสดงว่าท่านคือสาวกที่อายุน้อยที่สุดของพระเยซู ดังนั้น แม้ท่านจะเขียนพระคัมภีร์ฉบับสุดท้ายตอนอายุราว80ปี แต่ศิลปินทุกคนยึดขนบนี้ ในการวาดรูปท่าน เพื่อบอกเราถึงสาวกที่อายุน้อยที่สุดของพระเยซูคริสต์ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 17:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ลองดูอีกรูปครับรูปท่านเหมือนกัน เราได้เห็นชายหนุ่มที่นั่งข้างพระเยซู ผมยาว ไม่มีหนวดเครา ดูเด็กที่สุดในกลุ่ม แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 48 18:01:09 ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 และภาพด้านล่างนี้ท่านนั่งทางซ้ายของพระเยซูแทน แต่ยังคงขนบเดิมๆ คือไม่มีหนวดเคราและเด็กสุดในกลุ่มครับ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทีนี้ เราสงสัยมั๊ยว่าทำไมคนในภาพภาพถึงออกมาทำท่าทางเป็นแบบที่เราเห็น อย่างที่บอกไปที่ว่าดาวินชี่ เขาอ้างอิงไบเบิ้ลในการวาด ช่วงที่เขาวาดคือช่วงนี้ครับ ยน 13:21    เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกหวั่นไหวพระทัย จึงตรัสยืนยันว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านคนหนึ่งจะทรยศเรา” บรรดาศิษย์ต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าพระองค์ทรงหมายถึงใคร ศิษย์คนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรักนั่งโต๊ะติดกับพระองค์ ซีโมน เปโตรจึงทำสัญญาณให้เขาทูลถามว่า “ผู้ที่พระองค์กำลังตรัสถึงนี้เป็นใคร” เขาจึงเอนกายชิดพระอุระของพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “พระเจ้าข้า เป็นใครหรือ” พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “เป็นผู้ที่เราจะจุ่มขนมปังส่งให้” แล้วทรงจุ่มขนมปังชิ้นหนึ่ง ส่งให้ยูดาส บุตรของซีโมน อิสคาริโอท     เราได้เห็นภาพศิษย์กลุ่มทางซ้ายพระเยซู ทำท่าผงะและศิษย์ก็หันมองกันเลิ่กลัก เพราะพวกเขาได้ยินพระอาจารย์พูดว่าจะมีคนทรยศ         ทีนี้เข้าใจรึยังครับ ว่าปีเตอร์ หรือที่เรียกว่า นักบุญเปโตร นั้น ทำท่าแบบนั้นทำไม ใช่แล้วครับ ท่านทำสัญญาณให้ยอห์นผู้นั่งใกล้พระเยซูทูลถามว่า “ผู้ที่พระองค์กำลังตรัสถึงนี้เป็นใคร ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หรือพูดง่ายๆคือ ท่าน"สะกิด" พร้อมชี้ นั่นเอง แถมถ้าเทียบกับมือของศิษย์อีกคนที่เอื้อมข้ามมาทางท่าน มือของท่านยังดูท่าทีอ่อนกว่าด้วยซ้ำ เพราะนิ้วชี้ ชี้ๆไป แต่นิ้วกลาง นาง ก้อย งอเพื่อสะกิดไหล่ และนักบุญยอห์นก็เอียงตัวมาฟังว่าท่านสะกิดทำไม ไม่ใช่ท่าปาดคอมุ่งร้ายวิปริตตามจิตนาการผู้แต่งนิยายแต่อย่างใดเลย........... แต่ดูเหมือนการพยายามบิดเบือนจะไม่หมดแค่นั้น เมื่อ แดน น้ำตาล มั่วต่อเรื่องมือลึกลับ โดยเขียนเว่อร์ว่า “ใช่ครับ และที่แปลกกว่านั้นคือ ถ้าคุณนับแขน คุณก็จะเห็นว่ามือนี้ไม่ได้เป็น...ของใครเลย ไม่ได้ติดกับร่างใด ไม่มีตัวตน” แต่เมื่อเราได้เห็นภาพขยายชัดเจนขึ้น เราได้พบว่า ความจริงมือนั้นคือมือของท่านนักบุญเปโตรนั่นเอง เพราะถ้ามือนี้ไม่ใช่ของท่าน แขนเสื้อท่านก็เป็นแขนเสื้อกุดๆ ที่ไม่มีมือ!!!! แต่ท่าจับมีดท้าวสะเอวแบบนี้มันทำให้คนมั่วนิ่มได้จริงๆ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราต้องทราบข้อมูลอันนึงก่อนที่ว่า ภาพนี้นั้น เริ่มเสียหายตั้งแต่ดาวินชี่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะเขาดันใช้สีน้ำมัน วาดผนังแทนสีน้ำ นั่นเพราะ 1.เขาถนัดสีน้ำมันมากว่า 2.เขาอยากทดลองว่าสีน้ำมันจะใช้แทนได้หรือไม่ ดังนั้นกว่าจะถึงสมัยเรานี้ ภาพนี้จึงมีสภาพเสียหายบนพื้นผิวหน้ากว่า50% และซีดจางเหมือนอยู่ในม่านหมอก ต่างกับภาพLast Judgement ของ ไมเคิ้ล แองเจโล่ ที่วาดบนผนังโบสถ์ซิสตินในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ภาพยังสวยสดคมชัดจนทุกวันนี้ ดังนั้น เราจึงต้องดูภาพงานของคนที่เขาวาดก๊อปปี้งานของดาวินชี่ภาพนี้ไว้ตั้งแต่ตอนมันยังไม่หมอง จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพที่เลียนแบบภาพของดาวินชี่นี้ อยู่ในผนังโบสถ์แห่งหนึ่ง แต่เราเห้นชัดใช่ไครับว่ามือนนั้นคือมือใครที่ถือมีด ทีนี้ถามว่าทำไม คำตอบก็เพราะว่าอีกประเดี๋ยวท่านนักบุญเปโตร จะปกป้องอาจารย์ ในสวนมะกอก โดยการใช้มีดตัดหูพวกทหาร ซึ่งเราจะได้เห็นฉากนี้ชัดเจนในหนัง เดอะแพสชั่นครับ ดังนั้น การสื่อว่าคนนี้คือปีเตอร์ หรือนักบุญเปโตรโดยให้ท่านถือมีดนี้ ไม่ใช่ ดาวินชี่คนเดียวนะครับ แต่ Albrecht D'RER ที่วาดภาพอาหารค่ำนี้เช่นกัน แต่หลังดาวินชี่ไม่กี่ปีคือในปี ค.ศ.1497-1500 ก็ใช้ขนบเดียวกันครับ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาดูความบิดเบือนไม่เลิกที่หนังสือบอกว่า “และถ้าลองเสี่ยงเข้าไปดูแง่ที่แปลกเข้าไปอีก” ทีบบิงกล่าว “ลองสังเกตดูสิว่าองค์เยซูกับเจ้าสาวของพระองค์ดูเหมือนจะนั่งเอาสะโพกชิดกัน และเอนกายห่างออกจากกัน ราวกับกำลังสร้างให้เกิดพื้นที่ว่างระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน” ผมก็ทำให้ดูเลยครับว่าสะโพกติดกันหรือเปล่า ยังห่างอยู่เป็นศอกนะครับ นี่เป็นข้อความที่วิปริตเอามากๆข้อความหนึ่งในหนังสือนี้ ขนาดผมให้ท่านนั่งแบบยื่นก้นสุดๆแล้วนะ แบบนั่งท่านี้จริงๆก็นั่งไม่ได้นะ แต่ลองทำดูสนองนี๊ดคนแต่งหน่อย ก็ช่วยอะไรแกไม่ได้นอกจากจะเป็นการยืนยันว่า แก 'แหลได้โล่จริงๆ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เอาล่ะครับทีนี้ ลืมความมั่วของแดน น้ำตาล แล้วเรามาดูความอัจฉริยะจริงๆของดาวินชี่กันดีกว่าครับ ก่อนอื่นเลยคงต้องบอกกล่าวให้ทราบว่า ดาวินชี่ วาดรูปแม่พระ และพระบุตรอีก3รูปนอกจากเวอร์จิ้นออฟเดอะร๊อค ครับ จะโพสให้ดูพัฒนาการของเขา The Dreyfus Madonna (The Madonna with a Pomegranate) c. 1469 Oil on panel 6 1/8 x 5 in (15.7 x 12.8 cm) National Gallery of Art, Washington จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Benois Madonna c. 1478 Oil on canvas, transferred from panel 19 1/2 x 12 1/2 in (49.5 x 31.5 cm) Hermitage, St Petersburg จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 และอีกรูปครับ รูปนี้หน้าพระแม่คล้ายพระแม่ในรูปเวอร์จิ้น ออฟเดอะร๊อคมากเลย Madonna Litta c. 1490-91 Tempera on canvas, transferred from panel 16 1/2 x 13 in. (42 x 33 cm) Hermitage, St. Petersburg จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมมีเรื่องจะทักอยู่อันนึ่ง สังเกตุไม๊ครับว่า ในรูปพระมารดามารีย์ และพระบุตรนั้น คือรูปของผู้ศักดิ์สิทธิ์2คน นั่นคือแม่พระ และพระเยซูเจ้า เอ๊ะ... ถึงตรงนี้ฟังดูขัดๆไม๊ครับ ไหนว่าพระศาสนจักรกดผู้หญิงไง นั่นสิครับ แดน น้ำตาล จงใจหลีกเลี่ยงที่สุดที่จะพูดถึงพระแม่มารีย์ เพราะมันขัดกับสิ่งที่เขายัดเยียดว่าพระศาสนจักรกดผู้หญิง เพราะสตรีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพระศาสนจักร มีอยู่แล้ว เด่นชัด โดยไม่ต้องไปกลัวเรื่องมารีย์ มักดาลา นั่นคือ มารีย์พระมารดาของพระเยซูคริสต์เอง คนเชื่อแดน น้ำตาลน่าจะนึกแปลกที่พระศาสนจักรยกย่องแม่พระสูงเด่นเคียงข้างพระบุตร เพราะว่าเรามีสตรีที่เป็นเชื้อพระวงศ์อยู่แล้ว นั่นคือพระนางมารีย์เอง ทรงมีเชื้อพระวงศ์กษัตริย์ดาวิดเช่นกัน เพราะที่จริง ราชวงศ์เบนจามินที่หนังสือเมคขึ้นนั้นมันไม่มีในโลก แต่พระศาสนจักร มีราชินีสวรรค์ และมารดาของพระศาสนจักรคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ ที่หนังสือนิยายนี้ลบหลู่เธอในตอนอ้างถึงรูปเวอร์จิ้นออฟเดอะร๊อค.......... อีกครั้งกับคำถามเดิม......ใครกันแน่ที่ทำลายสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร ไบเบิ้ล หรือ ดาวินชี่โค้ด จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เอาล่ะครับทีนี่เรากลับมาที่เดอะลาสซัปเปอร์ มาสเตอร์พีชสำคัญของ ดาวินชี่ ทราบไม๊ครับว่าดาวินชี่ ไม่ได้เก่งแต่ด้านศิลป์ แต่ด้านวิทย์และคณิต เขาก็ยอดเยี่ยม และเราได้เห็นดาวินชี่ใส่ รหัสสำคัญที่สุด Code ในรูปนี้คือ เลข3 ครับ ทีนี้เราต้องทราบพื้นฐานความเชื่อทางคริสตศาสนาข้อนี้ก่อน นั่นคือหลักความเชื่อเรื่อง ตรีเอกภาพ (Holy Trinity) นั่นคือความเชื่อที่ว่า พระบิดา(พระเจ้า) พระบุตร(พระเยซู) และ พระจิต 3พระบุคคล เป็น1เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทราบในรายละเอียดก็ได้ครับ แค่ทราบว่า พระเจ้าในคริสต์ศาสนาคือ ตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต เป็นหนึ่งเดียว และมีสัญลักษณ์ คือ เลข3 และ สามเหลี่ยม!!! จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ดาวินชี่นั้น มีความเก่งมากในเรื่องการสร้างมิติภาพ และการจัดองค์ประกอบที่ กลมกลืน แต่ไม่นิ่ง กล่าวคือ จะมีความเคลื่อนไหวในภาพของเขา โดยการนำสายตาของผู้มองภาพเสมอ ดาวินชี่นั้น จัดการทำให้รูปเป็นแบบสมมาตร2ด้านเท่ากัน แต่ไม่ใช่เท่ากันสัมบูรณ์แบบเอากระจกมาส่อง แต่กลับทำให้ภาพนั้นไม่หนักข้างใดข้างหนึ่ง โดยที่สาวกทุกคนไม่ได้ทำท่าเหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว ด้วยเส้นที่ลื่นไหลเหมือนคลื่นช่วยให้กลุ่มคนตรงกลาง โดดเด่นและเป็นกลุ่ม(Mass) โดยมีพระเยซูอยู่ตรงกลาง โดยเส้นนำสายตานั้น พุ่งมาจากตรงกลางพระเศียรของพระองค์ราวกับรัศมีดวงอาทิตย์ และไม่เพียงเท่านั้น ดาวินชี่ จงใจแบ่งอัครสาวก ออกเป็นกลุ่มย่อยๆกลุ่มละ3คนอย่างชัดเจน และทุกคนแม้จะหันคนละทิศละทาง แต่ได้ชี้นำสายตามาที่กึ่งกลางอย่างแนบเนียนทุกกลุ่ม และที่สำคัญ ดาวินชี่จงใจให้พระเยซูกางพระหัตถ์เล็กน้อย ซึ่ง แดน บราว์นคงมองไม่เห็นว่า มันเป็นรูป3เหลี่ยมด้านเท่าพอดี!!! ดังนั้น เราได้เห็น3เหลี่ยม ที่ส่งรัศมีจากยอดอยู่กึ่งกลางภาพ ที่คือองค์ประกอบที่ชัดเจนที่สุดของพระเยซูเจ้า และดาวินชี่ จงใจใช้สีเสื้อพระเยซูโดดเด่น มีความเข้มของสีมากที่สุด ไม่ใช่สีเดียวกับคนข้างๆ แม้แต่นักบุญยอห์นที่แดน บราว์นมั่วนิ่มว่าเป้นเหมือนแฝดนั้น ยังถูกดรอบสีเสื้อให้อ่อนกว่าพระเยซู แม้จะโทนเดียวกัน แต่ไม่มีใครที่มีสีเสื้อเข้มเท่าพระองค์ นี่เป็นทฤษฎีศิลปะพื้นฐานที่สุด ที่จะทำให้ประธานของภาพเด่นคือใช้ความเข้มของสี แต่คุมโทนให้กลมกลืน แต่ให้สีของประธาน กระจายไปทั่วภาพ โดยเบรคสีในส่วนอื่นๆแม้จะใช้โทนเดียวกัน แต่เบรค ให้อ่อนบ้าง หม่นบ้าง และตัดจังหวะด้วยคู่สีอื่นๆ คือโทนเหลืองหม่นในภาพ ดังนั้น ภาพนี้ เราได้เห็น รหัสลับที่ดาวินชี่ใช้ คือระหัสเลข3 ที่ใช้3สาวก ในแต่ละกลุ่ม ชี้นำความโดเด่น มาที่3เหลี่ยมด้านเท่าที่เข้ามที่สุด ราวกับจะบอกเป็นนัยว่า คนตรงกลางก็คือ3เช่นกัน คือเป็นพระเจ้า ที่รวม พระบิดา พระบุตร และพระจิตไว้ในคนๆเดียว ดังนั้นใครจะเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น แต่จากองค์ประกอบของภาพนี้ แน่ใจได้เลยว่าดาวินชี่เชื่อ และได้ใส่รหัสเลข3นี้ ลงในทุกส่วนสำคัญของภาพ เพื่อประกาศว่า พระเยซูคือพระเจ้า ลงในภาพของเขาอย่างชัดเจน รหัสเลข3ยังไม่หมดแค่นั้น เห็นไม๊ครับว่าภาพนี้มีหน้าต่าง3บาน ทั้ง3บาน สว่าง ใช่ครับ 3ความสว่างที่ส่องเข้ามาในห้องที่มืดทึบ เหมือแสงสว่างจากพระเจ้าที่เข้ามาสู่โลก ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลองกลับไปดู รูปพระแม่มารีย์และพระกุมารที่ดาวินชี่วาดอีก3รูปสิครับ ดูสิครับ เขาใส่รหัสอะไร เขาใช้รหัส2ครับ 1คือแม่พระ อีก1คือพระบุตร แม้แต่รูป Benois Madonna ที่ดูเหมือนมีหน้าต่างบานเดียว ยังทำซุ้ม2ซุ้ม ทำให้เราเห็นว่า ความสว่างทั้ง2เป็น1เดียวกัน แม่และลูก ดังนั้น ดาวินชี่ มีความเชื่อของเขาครับว่าพระเยซูคือใคร และสตรีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพระศาสนจักรที่เขาเชื่อและยกย่องคือใคร สตรีคนเดียวที่ไม่ใช่เป็นหยินหยาง แต่เป็น1เดียว เพราะร่างกายของพระบุตรและเลือดของพระบุตรก็มาจากพระแม่คนเดียว เพราะพระวิญญาณมาจากพระบิดาพระเจ้า ตามความเชื่อที่ว่า พระแม่มารีย์ปฏิสนธินิรมล(ตั้งครรภ์โดยปราศจากมลทิน) ด้วยพระอำนาจของพระเจ้าไม่ใช่ด้วยการมีความสัมพันธ์กับชายใดในโลก ดังนั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์คนนี้ ไม่ใช่แค่มาใส่เสือสีกลับกัน แล้วสีจืดๆกว่า(แล้วมามั่วว่าสีเดียวกัน) แต่ศิลปินทุกคน วาดให้แม่พระใช้เสื้อชุดเดียวแลสีเดียวกับพระบุตรของพระนางครับ รวมถึงดาวินชี่เอง ในรูปแม่พระรับสารนี้ที่เขาวาดก่อนภาพลาสซัปเปอร์ ดูสิครับว่าใครกันแน่ที่ใส่เสื้อสีเดียวกับพระเยซุแบบไม่ต้องกลับตัวนอกตัวใน ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากหนังสือดาวินชี่โค้ดหน้า160 ผู้ว่าจ้างให้ดาวินชีเขียนภาพ มาดอนนาออฟเดอะร็อคส์ ภาพดั้งเดิมคือองค์กรซึ่งเป็นที่รู้จักในนามภราดรแห่งแนวคิดบริสุทธิ์ ซึ่งต้องการภาพเขียนไปติดตรงกลางแท่นบูชาระหว่างภาพเขียนอีกสองภาพในวิหารแห่งซานฟรานเซสโกในมิลาน กลุ่มแม่ชีแห่งองค์กรดังกล่าวกำหนดขนาดและประเด็นที่ต้องการในภาพเขียนนี้ให้เลโอนาร์โด ซึ่งก็คือภาพของพระแม่มารี ทารกจอห์นเดอะแบ๊ปติสท์เทพยูเรียล และทารกเยซูขณะอาศัยอยู่ในถ้ำ แม้ว่าดาวินชีจะวาดภาพให้ตามต้องการ แต่พอส่งผลงานไป ทางองค์กรกลับแสดงความหวาดกลัว เพราะเขาใส่รายละเอียดที่ผิดเพี้ยนและร้ายกาจลงไปในภาพ นักศึกษาของแลงดอนมักสนุกที่ได้รู้ว่าในที่สุดดาวินชีก็ต้องยอมถนอมน้ำใจองค์กรนั้น ด้วยการวาดภาพ มาดอนนาออฟเดอะร็อคส์ซ้ำอีกภาพเป็นภาค “สีน้ำ” ซึ่งท่าทางของบุคคลทั้งสี่ในภาพสอดคล้องกับธรรมเนียมทางศาสนามากขึ้นปัจุบันภาพที่สองนี้แขวนอยู่ในหอศิลป์แห่งชาติที่ลอนดอนในชื่อภาพว่า เวอร์จินออฟเดอะร็อคส์ แต่แลงดอนก็ยังคงชอบภาพต้นแบบในลูฟร์ซึ่งน่าสนใจมากกว่า --------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากข้อความนี้เราพบเรื่องบิดเบือนประวัติศาสตร์อย่างสาหัส เพราะหนังสืออ้างว่าองค์กรแม่ชีจ้างให้ดาวินชี่วาดรูป มาดอนนาออฟเดอะร็อคส์ และภาพที่2 ดาวินชี่จึงต้องเขียนแก้ให้เพราะองค์กรแม่ชีไม่พอใจ แต่ความลวงนี้ จะถูกแฉด้วยข้อมูลประวัติศาสตร์ที่ว่า ภาพทั้ง2นั้นวาดห่างกันยาวนานถึง20ปี!!! รอให้แก้รูปนาน2ทศวรรษแบบนี้ แม่ชีแก่ตายก่อนแล้วล่ะครับ ความจริงแล้ว ประวัติของรูปทั้งสอง ถูกจ้างโดยผู้จ้างคนละคน และดาวินชี่วาดแตกต่างกันเล็กน้อยตามบริบทของสถานที่และผู้จ้างครับ มาดูรูปแรกก่อนครับ ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผลงานจิตรกรรมของเลโอนาร์โดที่มีลักษณะการจัดองค์ประกอบเหมือนกันมากทั้ง ๒ ชิ้นนี้ ยังมีรูปร่างของชิ้นงานเหมือนกันมากด้วย กล่าวคือ เป็นภาพแนวตั้งโดยด้านบนเป็นรูปโค้ง ส่วนขนาดของภาพก็ใกล้เคียงกันมาก กล่าวคือ ภาพที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานลูฟร์มีขนาด ๑๙๕x๑๒๐ ซม. ส่วนภาพที่อยู่ในศิลปแห่งชาติมีขนาด ๑๘๗x๑๑๗ ซม. ถือว่ามีขนาดต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่ต่างกันมากก็คือกาลเวลาที่เขียนกับวัยของศิลปินผู้เขียน กล่าวคือ ภาพที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานลูฟร์นั้นศิลปินเลโอนาร์โดเขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๒๖ (ค.ศ.๑๔๘๓) ขณะยังเป็นหนุ่มแน่นอายุราว ๓๑ ปี และอาจเขียนขึ้นก่อนเดินทางออกจากนครฟลอเรนซ์ไม่นานนัก หรืออาจเขียนขึ้นในทันทีที่ไปถึงนครมิลานก็เป็นได้ ส่วนภาพที่อยู่ในหอศิลปแห่งชาตินั้น เลโอนาร์โดเขียนขึ้นในนครมิลานและเขียนขึ้นหลังจากนั้นมานานถึง ๒๓ ปี นั่นคือเขียนเมื่อปี พ.ศ.๒๐๔๙ (ค.ศ.๑๕๐๖) ขณะเป็นศิลปินหนุ่มใหญ่วัย ๕๔ ปี และมีชีวิตอยู่เป็นสุขดีในนครมิลาน อ้างอิง:-ศิลปะและอารยธรรม-ร.ศ.อัศนีย์ ชูอรุณ คณบดีคณะศิลปกรรม สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล อนุกรรมการบัญญัติศัพท์ศิลปะ ราชบัณฑิตยสถาน แต่สิ่งที่น่าหัวร่อที่สุดของหนังสือเล่มนี้คงไม่ใช่จุดนี้ครับแต่เป็นเรื่องนี้ที่หนังสือโกหกไว้ในหน้าเดียวกัน "ในภาพเขียนนั้นเป็นรูปพระแม่มารีในชุดสีฟ้า นั่งอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขนซึ่งคงเป็นองค์เยซู เทพยูเรียลประทับอยู่ตรงข้าม อุ้มเด็กไว้อีกคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นทารกจอห์นเดอะแบ๊ปติสท์ แต่แปลกตรงที่แทนที่จะเป็นภาพเหตุการณ์องค์เยซูประทานพรแด่จอห์น กลับกลายเป็นทารก จอห์น กำลังให้พรแด่องค์เยซู...และองค์เยซูทรงมีท่าทียอมจำนนต่ออำนาจแห่งจอห์น! " ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความมั่วอันนี้ทำเอาขำตกเก้าอี้ครับ เพราะคนแต่งกล้าทำถึงขนาดโกหกคนอ่าน สลับตำแหน่ง ของทารกจอห์น และพระกุมารเยซูครับ!!! เพราะความเป็นจริง ทันทีที่ดูคริสตชนที่ดูงานศิลปะมากหน่อย จะทราบทันทีว่า เด็กที่แม่พระโอบอยู่คือยอห์น ผู้ทำบัตติส ไม่ใช่พระกุมารเยซู ถามว่าทราบได้อย่างไร เรื่องนี้นอกจากฟ้องอยู่ในภาพทั้ง2รูปแล้ว ยังเป็นบริบทที่มาจากสถานที่ๆวาดด้วย นั่นคือ ทารกยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ศิลปินทั่วโลกวาดให้เขานุ่งหนังสัตว์ครับ และรวมทั้งดาวินชี่เองก็วาดแบบนั้น จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:15:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ทีนี้คนอาจเกิดคำถามว่าทำไมต้องหนังสัตว์ แล้วทำไมเขาถึงสำคัญ จอห์นคนนี้ เป็นคนละคนกับอัครสาวกที่ถูกพาดพิงไปในลาสซัปนะครับ ยอห์นคนนี้ เป็นนักบุญเช่นกัน และถูกเรียกว่า ยอห์นผู้ทำบัสติส(พิธีล้าง) เพราะเขานอกจากจะเป็นญาติของพระเยซูแล้ว ยังทำพิธีล้างให้พระเยซูด้วย มธ 3:1 ในครั้งนั้น ยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง มาประกาศสอนในถิ่นทุรกันดารแห่งยูเดีย ยอห์นกล่าวว่า “จงกลับใจเถิดอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้คือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวถึงว่า คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด” ยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐ มีสายหนังรัดเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ประชาชนจากกรุงเยรูซาเล็ม จากทั่วแคว้นยูเดีย และจากทั่วเขตแม่น้ำจอร์แดนพากันไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดน โดยสารภาพบาปของตน ----ไบเบิ้ลเขียนบุคลิคของท่านชัดเจนครับว่าท่านนุ่งห่มหนังอูฐ ดังนั้นท่านจะถูกวาดให้นุ่งหนังสัตว์ทุกภาพ และเพราะท่านคือผู้เตรียมทางให้พระเยซู หลายๆครั้ง ท่านจะถูกวาดให้ถือไม้เท้าเดินทางที่มีหัวเป็นกางเขนด้วย จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เราลองมาดูภาพทารกจอห์นของศิลปินคนอื่นกันบ้าง คนนี้ครับ ศิลปินคนโปรดของผม William Bouguereau ท่านวาดเด็กน้อยจอห์นในชุดหนังสัตว์เปิดไหล่ข้างนึงเหมือนที่ดาวินชี่วาด ชัดเจน จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มันมีอีกเยอะมากเลยงับ ยังไงใครสนใจไปต่อที่ http://www.newmana.com/important/DaVinciCode01.htm จากคุณ : MichaeLPauL - [ 12 ก.ค. 48 18:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เปิดเองเลยเหรอเนี่ย...ไม่รอคุณนังอัปสร.. จากคุณ : Olivier - [ 12 ก.ค. 48 19:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เซพกระทู้ไว้ด้วยนะครับ   รอใช้งานตอนหนังเข้าโรงฉาย   :-) จากคุณ : เหรียญ - [ 12 ก.ค. 48 20:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 . จากคุณ : PUFF - [ 12 ก.ค. 48 22:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คริสตชนทุกนิกาย ประมาณ 35% ของประชากรโลก ก็ประมาณ 2,100 ล้านคน หนังสือเล่มนี้มีคริสตชนอ่านกี่คน  กี่เปอร์เซ็นต์เชื่อตาม เมื่อสร้างเป็นหนังจะมีคริสตชนดูกี่คน  กี่เปอร์เซ็นต์เชื่อตาม ไม่ระคายผิวเลยแม้แต่น้อย นับแต่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ พระศาสนจักรผ่านร้อนผ่านหนาวมาหนักหนาสาหัสกว่านี้เยอะ โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในศตวรรษที่ 1 (ซึ่งเป็นที่มาของพระวรสารฉบับที่ 4 โดยนักบุญยอห์น) แต่ก็ยืนยงมานับพันปี --- ประตูนรกจะไม่มีวันเอาชนะพระศาสนจักรได้เลย --- อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณคุณ MichaeLPauL แต่เชื่อผมเถอะครับ  ... ไม่ระคายผิวเลยแม้แต่น้อย ... จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 13 ก.ค. 48 10:10:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ครับ ผมเห็นด้วยแต่ ก็คงต้องมีการระบายบ้างครับ อย่างที่คุณไมเคิล ทำแหละครับ เผมเชื่อว่าคุณไมเคิลคงทำเพื่อปกป้องศาสนาของเขาน่ะครับ มันไม่ผิดหรอกครับ น่าชื่นชมออก .. จากคุณ : สุธี - [ 13 ก.ค. 48 11:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คนคริสต์เค้าไม่มีใครเชื่อหรอกครับ ^^ แต่ที่เอามาลงเพราะมีบางคนเอามาเป็นประเด็นในการโจมตีน่ะครับ เลยเอาหลักฐานมาให้ดูจะจะ เลย น่ะถ้าเค้ายังจะโจมตีด้วยนิยายนี้อีกก็..... จากคุณ : MichaeLPauL - [ 13 ก.ค. 48 11:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อย่าว่ากระนั้นเลยครับคุณไมเคิล ที่บอกว่าไม่มีคนคริสต์คนไหนเชื่อ  คุณไม่อาจเก็บสถิติทั่วโลกได้หรอกครับ  แต่อาจจะบอกได้ว่า คนคริสต์ส่วนใหญ่ไม่เชื่อ (ซึ่งก็เดาเอาอีกเช่นกัน) แต่ผมก็เห็นด้วยกับคุณนะครับเรื่องที่นำมาลง .. จากคุณ : สุธี - [ 13 ก.ค. 48 14:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 36 -*- สำหรับคนคริสต์ที่ศึกษาพระคัมภีร์น่ะครับ มะนับพวกที่บอกว่าเป็นคริสต์แต่เข้าโบสถ์เพราะจำเป็นน่ะครับเอิ๊ก คนเหล่านี้ความเชื่อเค้าน้อยครับโดนบั่นทอนได้ง่าย จากคุณ : MichaeLPauL - [ 13 ก.ค. 48 15:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าเป็นคริสต์แท้เขาอ่านบรรทัดแรกก็รู้แล้วว่าไอ้เนี่ยนิยายมั่วนิ่ม แต่ถ้าคริสต์แต่ปากก็ประมาณโดนหมัดขวาเข้าปลายค้าง ตามด้วยก้านคอก็เซเอาง่าย ๆ ไม่ต่างจากพุทธแถว ๆ นี้ที่เป็นพุทธตามทะเบียนบ้าน เลยเห็นแต่พุทธ + พราหมณ์ ผสมจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร ไปไหว้หมู 5 ขา หมา 6 หัว อะไรทำนองนั้น แต่หากเป็นพุทธแท้ ๆ เจอเรื่องแบบนี้เขาก็จะมองเป็นเรื่องไรสาระไม่ไปกราบไหว้ขอหวยกัน จากคุณ : ผู้อารักขา - [ 13 ก.ค. 48 16:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อืมม อย่างนี้ก็พอได้ล่ะครับ เพราะผมเองเรื่องบางเรื่อง ยังไม่มองเลยที่เรียกว่า ชาวพุทธทุกคนต้อง ...  เพราะคำว่าชาวพุทธก็คือสมมติ จริง ๆ แล้วชาวพุทธนั้นมีคุณสมบัติข้อหนึ่งคือ นับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ นอกจากนั้นจะทำอะไร หรือยังไง ก็ต้องแล้วแต่เขา และจะได้ผลกรรมในสิ่งที่เขาก่อ ครับ เพราะงั้นถึงมีคนพูดคำว่า พุทธแท้ไงครับ อย่างที่คุณไมเคิลบอกมาผมเชื่อครับ .. จากคุณ : สุธี - [ 13 ก.ค. 48 16:12:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับ จากคุณ : ใหม่รักหมู่ - [ 13 ก.ค. 48 16:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 40 http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_date=17/Mar/2548&news_id=104105&cat_id=200300 คริสต์โต้'รหัสลับดาวินซี' 17 มีนาคม 2548    กองบรรณาธิการ The Da Vinci Code 'รหัสลับดาวินซี' หนังสือขายดิบขายดี ของแดน บราวน์ นักเขียนอเมริกัน กำลังจะสร้างเป็นหนัง โดยมีดาราใหญ่อย่างทอม แฮงค์ เป็นพระเอก ร่วมด้วยฌอง รีโน และออเดรย์ ตาตู ดาราฝรั่งเศส แก่นสำคัญของเรื่องที่หลายคนคงได้อ่านแล้ว  คือการที่ตัวเอกสืบพบความจริงว่า  "จอกศักดิ์สิทธิ์"  Holy  Grail  ที่แท้ก็สืบสายเลือดมาจากพระเยซูกับแมรี แมกดาลีน นั่นเอง เป็นความลับสำคัญที่คริสตจักรปิดบังเอาไว้ แน่นอน   นี่เป็นจินตนาการของผู้เขียน  ซึ่งปรุงแต่งได้อย่างมีรสชาติ  ดำเนินเรื่องอย่างตื่นเต้น  ยอกย้อน  แต่ก็ชวนให้ผู้อ่านจำนวนไม่น้อยคล้อยตามว่าสมมติฐานนี้มีเค้าความจริง  อาจเป็นไปได้ที่พระเยซูมีลูกกับแมรี แมกดาลีน คริสตจักรที่เห็นหนังสือกำลังจะสร้างเป็นหนังฟอร์มใหญ่  จึงชักอดรนทนไม่ได้ จนพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง คือคาร์ดินัล  ทาร์ซิสิโอ เบอร์โตเน อาร์ชบิชอปแห่งเจนัว ต้องออกมาประณามหนังสือเรื่องนี้ "หนังสือเล่มนี้มีคนอ่านทุกหนทุกแห่ง  มันเป็นความจริงที่น่าวิตก ว่าคนจำนวนมากที่ได้อ่าน อาจจะเชื่อว่าเรื่องแต่งมีส่วนจริง" พระคาร์ดินัลให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ อิล จิออร์เนล ของอิตาลี ไม่ใช่แต่พูดเฉยๆ  หลวงพ่อเบอร์โตเนยังจะจัดสัมมนาเรื่อง  Story Without History เพื่อโต้แย้งข้ออ้างในหนังสือ  ซึ่งท่านบอกว่าต้องการ  "เปิดโปงการโกหก"  เพื่อให้ผู้อ่านเห็นว่าหนังสือเขียนขึ้นโดยไม่มีเค้าความจริงอย่างน่าละอาย โฆษกของคาร์ดินัลปฏิเสธว่า นี่ไม่ใช่การออกมาโจมตีหนังสือโดยวาติกันอยู่เบื้องหลัง ท่านตัดสินใจของท่านเอง เพราะกังวลว่ามีคนจำนวนมากเชื่อตามหนังสือ อย่างไรก็ดี  พระคาร์ดินัลเบอร์โตเนเคยเป็นผู้ช่วยของพระคาร์ดินัลโจเซฟ  แรทซิงเกอร์ ผู้มีฉายาว่า "the Pope's enforcer" คือเป็นผู้จัดแจงทุกอย่างแทนองค์สันตปาปาผู้ชรา และมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้สืบทอดในอนาคต ความกังวลของคริสตจักรไม่เกินเลยนัก  เพราะหลังจาก  "รหัสลับดาวินซี"  โด่งดังขึ้นมาในปี 2003  ก็มีหนังสือเล่มอื่นๆ อีก 10 กว่าเล่ม เขียนขึ้นโดยใช้ข้ออ้างเดียวกันว่าพระเยซูมีลูกกับแมรี แมกดาลีน ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวสถานที่ตามหนังสือก็บูมขึ้นทันตาเห็น. จากคุณ : talok - [ 13 ก.ค. 48 21:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ มาอ่านเอาเกร็ดความรู้ อยากให้กระทู้ห้องนี้เป็นแบบนี้เยอะๆจัง จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 13 ก.ค. 48 23:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คงยากครับเพราะพอมีกระทุ้ดีๆก็จะมีคนเข้ามากัดครับ แบบคุณ talok นั่นน่ะแหละ เห็นคนอื่นเด่นไม่ได้มั้ง จากคุณ : MichaeLPauL - [ 14 ก.ค. 48 18:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ้าว....เอาดีให้ตัว  โยนชั่วให้คนอื่นอีกแล้ว   ข่าวก็มาจากปากบาทหลวงคริสต์เองแต๊ๆ... จากคุณ : talok - [ 14 ก.ค. 48 19:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แล้วใครไปว่าข่าวหล่ะ อ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง ภาษาไทยก็ไม่เข้าใจ กรรม จากคุณ : ผู้อารักขา - [ 14 ก.ค. 48 19:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เอาดีเข้าตัวยังไงเหรอ ทุกครั้งที่มีกระทู้คริสต์ ก็มีแต่หน้าเดิมๆอ่ะ ที่มาโจมตี กระทู้พุทธไม่เห็นมีอิสลามกะคริสต์เข้าไปป่วนสักที จากคุณ : MichaeLPauL - [ 15 ก.ค. 48 09:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 46 (ยกมือ ขอพูดบ้างคับคุณครู) มีสิครับคุณไมเคิล คุณเล่นมานานไม่เคยเห็นเหรอครับ แต่ไม่ได้ออกมาด่ากราดอะไรนักเท่านั้นเอง เพียงแค่กัดลึก ๆ เจ็บเล็ก ๆ เท่านั้น เพราะพื้นที่ประเทศไทยเป็นพุทธซะส่วนใหญ่ โดนโจมตีในทางปฏิบัติก็เห็นกันอยู่เยอะแยะ (คุณไมเคิลคงเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง) อย่าไปฟันธงว่าไม่มีใครมาป่วนพุทธเลยครับ มันจะเสียฟอร์มเปล่า ๆ น่า .. จากคุณ : สุธี - [ 15 ก.ค. 48 10:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 47 แแบบนี้เรียกว่าอะไรดีครับคุณไมเคิล   ป่วนพุทธรึเปล่า หรือ ลอกพุทธ แฮ็คพุทธดี ????? อริยสัจ ๔ และ มรรค ๘ โดยนักวิชาการชาวคริสต์ชื่อดัง จากหนังสือ คริสตศาสนาเชิงวิชาการ โดย กีรติ บุญเจือ จากคุณ : Anotsu Kagehisa แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 48 11:11:58 จากคุณ : talok - [ 15 ก.ค. 48 11:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ต่อครับ จากคุณ : talok - [ 15 ก.ค. 48 11:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ต่อใหม่ จากคุณ : talok - [ 15 ก.ค. 48 11:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มีอีก จากคุณ : talok - [ 15 ก.ค. 48 11:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 51 นี่ด้วย จากคุณ : talok - [ 15 ก.ค. 48 11:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สาวคริสต์นางใดหนอ   พูดมาได้ว่าเราชาวคริสต์  ไม่เคยไปก้าวก่ายความเชื่อพุทธ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........................... จากคุณ : talok - [ 15 ก.ค. 48 11:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 53 พวกนี้แหละครับ พวกที่คุณตลกยกตัวอย่างมานี่แหละ ที่ผมด่าที่ผมประนาม ตามที่ผมเคยบอกเอาไว้ หวังว่าคุณไมเคิลคงจะร่วมกันประนามด้วยนะครับ .. จากคุณ : สุธี - [ 15 ก.ค. 48 12:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 54 5555.........นายตลกปลาไหลตัวดำดำ เดี๋ยวนี้หน้ามืดถึงกับ "ใช้ข้อมูล" ของคุณ อาโนฯ.....ซึ่งตอนนี้ ยังไปไหนไม่รู้ กู่ไม่กลับ.....ไม่ยอมกลับมาให้คำตอบกับผมว่า ทำไมอาจารย์ของแกได้ทำการตัดต่อ แต่งเติม บิดเบือน ให้ร้ายคริสต์ จริงหรรือไม่??? อาจารย์ของคุณอาโนฯ ก็เป็นคนเดียวกับ ดร.ผู้ชาย ที่ผมยกมาให้ดูวิธีการ ตัดต่อ แต่งเติม บิดเบือน ข้อมูลประวัติศาสตร์เพื่อให้ร้ายศาสนาอื่น ผมเคยชี้ให้เห็นการตัดต่อ แต่งเติม บิดเบือน ของผู้เขียนระดับดอกเตอร์เพื่อให้ร้ายคริสต์ ว่างๆ ก็ไปอ่านที่คลังกระทู้เก่า.... http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y2538915/Y2538915.html... ความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา อุทาหรณ์จากสมัยกรุงศรีอยุธยา ภาค3 {แตกประเด็นจาก K2529117} และที่กระทู้ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y2548987/Y2548987.html....ความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา อุทาหรณ์จากสมัยกรุงศรีอยุธยา//ภาค5 จะเห็นตัวอย่างการตัดต่อ แต่งเติม บิดเบือน ของคอกเตอร์นักวิชาการตามที่บอกไว้ข้างบน จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 19:56:02 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ อาโนฯ เจ้าของเอกสารที่นายตลกปลาไหลตัวดำดำ เอามาให้ดูน่ะ ..... แกชอบเห็นคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นเป็น "โจรกลืนชาติ" ไปหมด นี่แหละ .... ผลิตผลจากการ "ปลุกระดม" ......เสพยาพิษ จากข้อมูลที่บิดเบือน ให้ร้ายคนร่วมชาติที่นับถือศาสนาอื่น มากเกินไป.....จนมีหลายคนสงสัยว่า คุณอาโนฯ คงจะธาตุไฟแตกเข้าสักวัน พฤติกรรมอันนี้ ก็คล้ายๆ กับคนแถวนี้บางคนนั่นแหละ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:01:09 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ที่กระทู้pantip.com/cafe/library/topic/K2314789/K2314789.html........ ความคิดเห็นที่ 15 .........ท่านเป็นคนดีครับ ผลิตลูกศิษย์ลูกหามารับใช้บ้านเมืองหลายคน ข้อมูลต่างๆในหนังสือการเผยแพร่ศาสนคริสต์ในประเทศไทยล้วนเป็นความจริงเชื่อถือได้ สามารถตรวจสอบได้ รู้สึกเสียใจมากครับที่คนดีๆอย่าง......... ถูกพวกโจรกลืนชาติกล่าวร้ายป้ายสี อยากจะบอกอะไรให้รู้ไว้บ้างว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีชาวคริสต์ตายทำพิธีศพที่ต่างจังหวัด ถ้าจำไม่ผิดจังหวัดจันทบุรี ....... ก็สละเวลาอันมีค่าไปร่วมพิธีศพด้วย จะเห็นได้ว่า...........ท่านมีน้ำใจประเสริฐยิ่งนัก จากคุณ : Anotsu Kagehisa - [ 12 มิ.ย. 46 11:38:32 ] .............................. จากกระทู้นี้ ความคิดเห็นที่ 19 คุณ Anotsu Kagehisa ..... ทายาทของคุณชายลึกลับ คำว่า "กลืนชาติ" ผมดูคุ้นๆ กับในข่าว " ไม่ใช่กิจแต่ขอค้าน สงฆ์ต้านชักธงชาติ" ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กรอบเช้า วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2546 หน้า 9 จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้สถานที่ราชการ สถาบันการศึกษา รัฐวิสาหกิจและองค์กรอื่นๆของรัฐประดับธงชาติ หรือให้ชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาตลอด 24 ชั่วโมง โดยอ้างว่าเป็นการสร้างความรู้สึกภูมิใจในความเป็นชาตินั้น ปรากฏว่ามีแรงต้านในหมู่พระภิกษุหลายรูป โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พระ......... เลขา............เปิดเผยว่า คณะสงฆ์ไม่เห็นด้วยกับการให้ประดับธงชาติตลอด 24 ชั่วโมง เพราะจะทำให้ประชาชนลืมเลือนความเป็นชาติ และที่ลึกลงไปไม่อยากจะคิดว่านี่คือ "นโยบายกลืนชาติ" ทำให้ประชาชนและเยาวชนไม่ตระหนักถึงความรักชาติ มีชีวิตถูกมอมเมาจากวัฒนธรรมต่างชาติ มีปัญหายาเสพติด มีเพศสัมพันธ์เสรี ปัญหาการทำแท้ง เพราะขาดสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ..................... .................................. คณะรัฐมนตรียังถูกเข้าใจว่า"มีนโยบายกลืนชาติ" เลย เพียงเพราะมีมติไปในทางที่ท่านไม่เห็นด้วย ผมก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ดันไปมีความเห็นไปในทางที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ประวัติศาสตร์โจมตีผู้อื่น ก็เลยโดนข้อหา "โจรกลืนชาติ".................ขอถามหน่อยว่ากลืนชาติไหนครับ แต่ผมก็ยังว่าดูดีกว่าข้อหา "ฆาตกรมือเปื้อนเลือด" ในกรณีที่อาจเกิดเหตุการณ์ไปในทำนองเดียวกับ 6 ตุลา 19 หรือแบบเดียวกับที่เกิดในกัมพูชากับคนไทยเมื่อไม่นานมานี้ก็ไม่เพราะคนกัมพูชาถูกปลุกระดมให้เข้าใจผิดว่ากำลังถูก"กลืนชาติ"โดยวัฒนธรรมไทยหรอกหรือ เอาเวลาไปเรียนหนังสือ ทำรายงาน เป็นเด็กดีของพ่อแม่ดีกว่า ที่จะมา " in" กับกระทู้ทั้งหลายในนี้ .........จะเป็นประโยชน์กับชาติและตัวคุณเองมากกว่าที่ทำอยู่ในขณะนี้ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 12 มิ.ย. 46 21:44:41 A:202.28.179.1 X:unknown ] ความคิดเห็นที่ 24 กรณี"โจรกลืนชาติ"ที่คุณ ฝากให้คิด ยกมานั้น พิจารณาจากเหตุผลข้างบนว่าการยืมโดยไม่คืนเป็นขโมยไหม กับเรื่องแผนการ"กลมกลืน"ที่ทางวาติกันออกอุบายมาให้(เรื่องนี้เคยนำหลักฐานมาพิสูจน์แล้วครับว่าเป็นแผนของวาติกันจริง มิใช่เป็นข้อมูลปลอมมาใส่ร้ายวาติกัน) พิจารณาเอานะครับว่าอย่างนี้สมควรเรียกว่า "โจรกลืนชาติ"รึเปล่า ........................................ จากคุณ : Anotsu Kagehisa - [ 3 ก.ค. 46 04:09:09 ] ............................................................. ทายาทคุณชายฯ แกอ่านหนังสือไม่แตกเหมือนกันเปี๊ยบเลย.....ที่แปลกก็คือแกทำเป็นไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเขียนเอาไว้ กระทู้เก่าแกตั้งข้อหา" โจรกลืนชาติ" เกิดจากการที่ไปวิจารณ์หนังสือการเผยแพร่ศาสนคริสต์ในประเทศไทยว่ามีการตัดต่อ แต่งเติม จาก"อคติ" และผมก็ได้พบจุดตัดต่อหลายแห่ง ก็เลยเอามาเล่าให้ฟัง...ก็แค่นั้น ก็พอดี ผมได้เจอข่าวที่คณะรัฐมนตรียังโดนข้อหา "กลืนชาติ" เพียงแค่มีมติออกมาไม่ถูกใจองค์กรหนึ่ง.....ผมก็เลยดีใจว่าโดนข้อหาเดียวกับ ครม.เลยนะเนี่ย ..ทันสมัยจริงๆ มาวันนี้ คุณ AK กลับบอกว่า ข้อหา" โจรกลืนชาติ" นั้น ตั้งให้เพราะเรื่องแผนการ"กลมกลืน"ที่ทางวาติกันออกอุบายมาให้ มันคนละเรื่องกันเลย คุณ AK ชอบตั้งข้อหารุนแรงใส่ฝ่ายตรงข้ามจน "ติดเป็นนิสัย"........เหมือนใครก็ไม่รู้ กลับไปเรียนหนังสือ ทำรายงานส่งอาจารย์ให้เรียบร้อยจะดีกว่าการ "คลั่งศาสนา" จนหวาดระแวงคนที่มีความเห็นไม่ตรงกับพวกตน แล้วตั้งข้อหามั่วไปหมด.........มันเสียเวลามาก แถมยังเสียสมาธิกับการเรียนด้วย .....เชื่อผมเถอะ ..เดี๋ยวสอบตกแล้วจะมาตั้งข้อหา "ทำลายอนาคตของชาติ"ให้ผมอีก จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 3 ก.ค. 46 21:35:30 A:202.28.179.1 X:unknown ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:02:37 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ผมฝากคุณอาโนให้ตามหา "หลักการ" ที่กระทู้ K2918690 เหตุการณ์หยดเลือดบนจีวรคุณจำเนียนจำผิด........แต่ถึงตอนนี้คุณอาโนฯ ก็ยังตามหาหลักการไม่เจอเลย จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:10:06 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ความคิดเห็นที่ 36 ไหนๆ ก็มาแล้ว....ขอฝากไปอีกทีนะ คุณ อาโน ฯ จากกระทู้ ......คริสต์ป้ายเหลือง เย้ยกฎหมายไทย http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K2567089/K2567089.html ความคิดเห็นที่ 24 ชีวิตคนเรานั้นจะเป็นชีวิตที่มีคุณค่าหรือไม่ สำคัญประการหนึ่ง คือ ถือหลักการเป็นหลักชีวิตหรือไม่ ผมเชื่อมั่นในหลักการครับ จากคุณ : Anotsu Kagehisa - [ 11 ธ.ค. 46 02:18:59 ] +++++++++++ ผมหวังว่า คุณอาโนฯ คงยังยึดมั่นในหลักการนะ ที่เคยฝากไปถาม ดร. ผู้ชาย..อาจารย์ของคุณ ที่กรทู้ "K2534716 ...."วิธีปราบผู้ก่อการร้าย " ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร.....กระทู้นั้นเลยถูกแจ้งลบ ผมเลยต้องยกมาฝากให้คุณ อาโนฯ ไปถามอาจารย์ของคุณอีกครั้ง หวังว่า "เพื่อหลักการ" ที่ผู้เข้ามาอ่านจะได้ "เข้าใจ" ความจริง.....จึงอยากให้ ดร. อาจารย์ของคุณอาโน ฯ ชี้แจง.....บางข้อความในหนังสือ "การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทย " ที่ได้เป็นประเด็นในกระทู้ ความอยู่รอด ฯ ทั้ง 5 ภาค ถ้าได้คำตอบ.....ทั้งผมและผู้อ่านจะได้เข้าใจมากขึ้น จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:00:45 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:10:57 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ความคิดเห็นที่ 38 ต่อด้วย.... >>> ความคิดเห็นที่ 17 5555...... >>>" ชาวบ้านช่วยเหลือนำไปพักแรมที่วัดแห่งหนึ่งที่หมู่บ้านสาวไห้ แทนที่จะขอบคุณชาวบ้านที่ให้ความช่วยเหลือ บาทหลวงและคณะเมื่อเข้าไปในศาลาการเปรียญได้พบพระพุทธรูปและเทียนที่พระและชาวบ้านใช้บูชาวางอยู่รู้สึกไม่พอใจว่าถูกนำมาที่อยู่ของปีศาจ จึงล้มเทียนกับพระพุทธรูปเพื่อเป็นการขอบคุณพระเจ้า " <<<< ผู้เขียน version นี้ ได้เพิ่มข้อความจากของ ดร. กิ่งแก้ว ......จาก "ศาลา"ไป เป็น "ศาลาการเปรียญ" เลย.......จะได้ "แต่งเติม" เรื่องบาดหลวงล้ม "พระพุทธรูปและเทียน" ได้สมเหตุสมผลหน่อย.... จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 14 พ.ย. 46 21:40:16 A:203.145.12.205 X: ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:06:47 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:12:24 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ความคิดเห็นที่ 39 สุดท้าย.... ความคิดเห็นที่ 18 ลองอ่านดูช้า ๆ อีกทีนะ..... >>> เราไปถึงหมู่บ้านชื่อ สามไห้ ( Samhay) ตอนบ่ายโมง และเขานำเราไปยังสถานที่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นวัดร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งอย่างน้อยก็พอที่จะหลบฝนได้อยู่ >>> ดูคล้ายกับว่าที่นั่น เขาทำพิธีเซ่นภูตผีปีศาจกัน อันเห็นได้จากเทียนเล่มเล็กๆ ที่ไหม้ไปแล้วครึ่งๆ เล่มหลายเล่ม และมีรูปปั้นเป็นช้าง เสือ แรด และปลาทะเลชนิดหนึ่งซึ่งเรียกกันตามภาษาพื้นบ้านว่า ปลาดาบ (espadon) >>>โดยที่คนสยามเชื่อว่าภูตผีปีศาจเท่านั้นที่เป็นผู้ให้โทษแก่มนุษย์ในส่วนที่เกี่ยวกับร่างกายคือการเจ็บไข้ได้ป่วย หาได้เกี่ยวไปถึงจิตใจด้วยไม่ ฉะนั้นเขาจึงเซ่นสรวงเพื่อแสดงความขอบคุณ เมื่อรอดพ้นอันตรายมาจากทางน้ำหรือทางบกก็ตาม >>> ด้วยสำคัญว่าภูตผีปีศาจยกโทษให้สำหรับคราวนั้นๆ แล้ว และเขาพ้นอันตรายมาได้ก็เพราะภูตผีปีศาจบันดาลแท้ ๆ >>>เราได้ล้มเทียนและรูปปั้นเหล่านั้นเสียหมด เพื่อขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าผู้เที่ยงแท้ ซึ่งด้วยพระเมตตาคุณของพระองค์ท่านพระองค์เดียวเท่านั้นที่บันดาลให้เรารอดพ้นจากเรืออับปางมาได้ : misericordiac Domini quia non fumus consumpti . +++++++++++ แตกต่างจาก "ต้นฉบับ" ไปคนละความหมายเลย จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:09:56 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:13:05 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ความคิดเห็นที่ 40 เพื่อหลักการ....ที่ "ความจริง" จะได้ปรากฏ ขอให้คุณ อาโน ฯ ช่วยไปถาม ดร. อาจารย์ ของคุณมาชี้แจงให้ผู้อ่าน และผมได้หายสงสัยด้วย ขอร้อง....อย่าทำเป็นมองไม่เห็นนะครับ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:10:46 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:13:38 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ความคิดเห็นที่ 41 แล้วขอแถม ....เพิ่มคำถามไปอีกข้อความหนึ่ง ในหนังสือ หนังสือ การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทย หน้า 36 - 37)....ของ ดร. อาจารย์ของคุณอาโน ฯ... >>>> ในรัชกาลนี้ (สมเด็จพระเพทราชา) กิจการเผยแพร่ศาสนาคริสต์โดยวิธีการเข้าแทรกแซงทางการเมืองต้องเปลี่ยนไป เพราะเหตุการณ์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า คนต่างชาติต่างศาสนาเข้าไปมีอิทธิพลในราชสำนักจนเกินไป ก่อให้เกิดความวิตกและสับสนในอนาคตของบ้านเมือง ซึ่งป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระเพทราชากับขุนหลวงสรศักดิ์ต้องทำการรัฐประหารดังกล่าว เมื่อคณะบาทหลวงถูกมองว่าเป็นผู้เข้ามาสู่ราชอาณาจักรไทยโดยเจตนารมณ์ที่จะเปลี่ยนแปลง สังคมไทย และอนาคตของบ้านเมืองอย่างคนแปลกหน้า จึงถูกทางราชการกำหนดเขตการทำงานให้อยู่ในวงจำกัดมากขึ้น แต่คณะบาดหลวงก็หันไปใช้ชีวิตใหม่เพื่อนำคนเข้ารีต โดยวิธีการกลมกลืนและปลอมแปลง เช่น บาทหลวงคณะเยซูอิตได้ใช้วิธีการเลียนแบบการใช้ชีวิตแบบพระภิกษุในพุทธศาสนา โดยให้บาทหลวงคนใดคนหนึ่งเข้าไปคลุกคลีทำความสนิทสนมกับพระภิกษุในศาสนา แล้วถือบวชโดยการแต่งกายนุ่งห่มจีวร ทำตนเคร่งครัดสันโดษแบบพระภิกษุ ทำการเยี่ยมเยือนไปมาหาสู่เสมอ แต่พยายามหาทางชักชวนให้พระภิกษุที่ทำการคุ้นเคยนั้นเข้ารีตเปลี่ยนศาสนาโดยคิดว่า เมื่อทำได้สำเร็จ คนอื่นๆก็จะคล้อยตามได้โดยง่าย วิธีการแบบนี้ บาทหลวงตาชารด์อธิบายไว้ว่า “ยังจะต้องมีบาดหลวงเยซูอิตอีกสักคณะหนึ่ง มาดำเนินการใช้ชีวิตเท่าที่สามารถทำได้อย่างเคร่งครัด และถือวิเวกแบบอย่างพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีอิทธิพลเหนือชาวบ้านเป็นอันมาก ให้ห่มครองแบบพระภิกษุ ไปมาหาสู่กับพวกภิกษุอยู่เสมอ แล้วให้พยายามชักจูงรูปใดรูปหนึ่งให้หันมานับถือพระคริสตศาสนา วิธีนี้บาทหลวงคณะเยซูอิตชาวโปรตุเกส ดำเนินการได้ผลมาแล้วที่ มาดูเร แถวประเทศเบงกอล” จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:11:32 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:14:17 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ความคิดเห็นที่ 42 จะเห็นได้ว่า ดร. อาจารย์คุณอาโน ฯ ได้เขียนว่าบาดหลวงที่อยู่ในสมัยพระเพทราชาได้เปลี่ยนนโยบายมาใช้ "การกลมกลืนและปลอมแปลง" แต่ทั้งผมและคุณเลดี้ฯ ที่อ้างบทความของ ดร. กิ่งแก้วมีความคิดเห็นตรงกันว่าเหตุการณ์นี้เกิดในสมัยพระนารายณ์ ......."มันคนละเรื่อง คนละเวลาเลย..... และ บาดหลวงตาชาด็ได้เข้ามาครั้งสุดท้ายในสมัยพระเพทราชา ก็มาในรูป "ทูต" ที่เอา "พระราชสาส์นของพระเจ้าหลุยส์" มายังพระนารายณ์ ที่ยังอยู่ในมือของบาด หลวงตาชาด์เอาถวายพระเพทราชา.....ซึ่งก็ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติเหมือนสมัยพระนารายณ์ จะเห็นได้ว่า ในสมัยพระเพทราชานั้น......บาดหลวงตาชาด์ก็ไม่ได้เข้ามาในบทบาททาง "ศาสนา" สักหน่อย จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:12:23 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:14:51 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ความคิดเห็นที่ 43 และใน กระทู้ ...ความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา อุทาหรณ์จากสมัยกรุงศรีอยุธยา ภาค3 http://www.pantip.com/cafe/library/topicstock/K2538915/K2538915.html ผมได้นำข้อความในหนังสือ จดหมายเหตุการเดินทาง ครั้งที่ ๒ ของบาทหลวงตาชารด์ ค.ศ. ๑๖๘๗ – ๑๖๘๘ นาย สันต์ ท. โกมลบุตร แปล กรมศิลปากร พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๙.....มาแสดงให้ไว้ที่ ความคิดเห็นที่ 5 - 10 ตามที่บาดหลวงไดบันทึกเอาไว้(ตามตัวอักษร)...ได้ความโดยสรุปว่า.... >>> ในตอนนี้ ได้กล่าวถึงการที่ ม.กองสตังซ์ ได้ไปร่วมมิซซา ในการฉลองโบสถ์ใหม่ที่เมืองละโว้ และได้ฟังเทศน์ที่บาดหลวงเทศน์เป็นภาษาฝรั่งเศส....ทำให้พระนารายณ์อยากฟังบ้าง จึงอยากให้บาดหลวงพูดภาษาสยามได้ >>> "เราตกลงเลือกเอา เข้าไปเริ่มรับการทดสอบอันทารุณนี้" >>> จึงได้ส่งบาทหลวง เลอ บลังก์ , เดอ ลา เบรยย์และ ดูบูเชต์" เข้ามาเรียนภาษาในวัด.......แต่ไม่มีการบันทึกว่ามีการแต่งตัว นุ่งห่มดองแบบพระภิกษุ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:13:12 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:15:25 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ความคิดเห็นที่ 44 แล้วท่อนจบของบความในหนังสือ การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทย.....ของ ดร.อาจารย์คุณอาโน ฯ....ได้บอกไว้ว่า >>>>แต่บาทหลวงตาชาร์ตอธิบายต่อมาว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการทดสอบอันทรมานมาก เพราะนอกจากจะเป็นการทารุณตนเอง เพราะไม่คุ้นเคยกับข้อวัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์แล้ว ยังถูกประชาชนต่อต้านอย่างรุนแรง <<< แต่ในหนังสือที่ถูกอ้างอิง....ไม่ได้มีบันทึกไว้ตอนไหนเลยว่าบาทหลวง "ถูกประชาชนต่อต้านอย่างรุนแรง" จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:14:05 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:16:04 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าคุณอาโน ฯ ....ยังยึดในหลักการอยู่...ผมอยากให้คุณช่วยไปสอบถาม "ข้อมูล" ที่แท้จริงจาก ดร.อาจารคุณอาโนฯ ย์ผู้เขียนหนังสือการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทย....มาให้ผมและผู้อ่านได้รู้ "ข้อเท็จจริง" ด้วยครับ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:14:50 A:unknown X:202.28.181.7 ] ความคิดเห็นที่ 46 ที่ .pantip.com/cafe/library/topic/K2314789/K2314789.html........ไม่รู้ว่าใครแจ้งลบไปแล้วครับ แต่ผมมีที่บันทึกเอาไว้ .................. ความคิดเห็นที่ 15 ..........ท่านเป็นคนดีครับ ผลิตลูกศิษย์ลูกหามารับใช้บ้านเมืองหลายคน ข้อมูลต่างๆในหนังสือการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยล้วนเป็นความจริงเชื่อถือได้ สามารถตรวจสอบได้ รู้สึกเสียใจมากครับที่คนดีๆอย่าง......... ถูกพวกโจรกลืนชาติกล่าวร้ายป้ายสี อยากจะบอกอะไรให้รู้ไว้บ้างว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีชาวคริสต์ตายทำพิธีศพที่ต่างจังหวัด ถ้าจำไม่ผิดจังหวัดจันทบุรี ........ก็สละเวลาอันมีค่าไปร่วมพิธีศพด้วย จะเห็นได้ว่า...........ท่านมีน้ำใจประเสริฐยิ่งนัก จากคุณ : Anotsu Kagehisa - [ 12 มิ.ย. 46 11:38:32 ] ++++++++++++++++++++ >>> ข้อมูลต่างๆในหนังสือการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยล้วนเป็นความจริงเชื่อถือได้ สามารถตรวจสอบได้ <<< ผมจึงขอให้คุณ อาโนฯ ช่วยไปสอบถาม ดร. อาจารย์ของคุณ ก็เพื่อยืนยัน "ข้อความข้างบนนี้" ที่คุณเคย post เอาไว้ >>> รู้สึกเสียใจมากครับที่คนดีๆอย่าง......... ถูกพวกโจรกลืนชาติกล่าวร้ายป้ายสี <<< การตรวจสอบโดยอาศัยหลักฐานอ้างอิงอย่างที่ผมได้ทำในกระทู้ ความอยู่รอดฯ ทั้ง 5 ภาค และ ภัยแห่งพระพุทธศาสนา....คือ "การใส่ร้ายป้ายสี ????"....เป็นโจรกลืนชาติ???? .....ผมถึงอยากให้เอา "หลักฐานอ้างอิง" มายืนยัน "ความถูกต้อง" ให้ผู้อ่านได้รับรู้ทั่วกัน ....ยึดหลักการ ตามที่เคยบอกหน่อยนะ... จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:15:46 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:17:15 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ความคิดเห็นที่ 47 จากกระทู้ K2351134 ...."สรุปว่าคนที่เกิดบนแผ่นดินไทย แต่นับถือศาสนาอื่นไม่ใช่เจ้าของประเทศนี้? จากกระทู้คุณ Anotsu " >>> ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณ คุณ Artiste ครับที่ช่วยตักเตือนคุณโฮซันนา ผมขออนุญาตเสริมนิดนึงนะครับ หากต้องการเตือนให้ถูกๆคนกว่านี้อีกนิด ต้องเตือนคุณเม่ยด้วยครับ คุณเม่ยคนที่เคยรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะตรวจสอบเรื่องที่ชาวคริสต์ปลอมแปลงมรรค๘ ซึ่งเป็นคำสอนในศาสนาพุทธไปใช้ แต่สุดท้ายคุณเม่ยไม่สามารถรักษาคำพูดได้ จากนั้นคุณเม่ยก็หายจากห้องนี้ไป ต่อมาก็มีชื่อคุณโฮซันนาปรากฏ หากจะว่าตามวิธีของคุณ ฝากให้คิด แล้วล่ะก้อ คุณโฮซันนากับคุณเม่ยคงเป็นฝาแฝดกันแน่ล่ะครับ จากคุณ : Anotsu Kagehisa - [ 4 ก.ค. 46 20:08:10 ] ++++++++++++++++++++++ ......คราวนี้ ผมก็ขอให้คุณอาโนฯ ตรวจสอบ "ข้อมูลข้างบน" ให้บ้าง วิธีการของผม ที่คุณอาโนฯ กล่าวถึงนั้น....ก็คือ "วิธีการ" ที่ผมตรวจสอบจนรู้ว่า "ชายลึกลับ กับ ชาวบ้านตาดำดำ...เป็นคู่แฝดกัน" น่ะแหละ ขอย้ำอีกที.....หลักการครับ.... หลักกการ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:16:48 A:unknown X:202.28.181.7 ] ความคิดเห็นที่ 48 ถูกปลุกระดมให้ "เกลียดชังคนต่างศาสนา" โดยข้อมูลที่ถูก ตัดต่อ แต่งเติม..... ทำให้เห็นคนร่วมชาติ แต่ต่างศาสนา เป็นศัตรูไปหมด ไม่ลองไปตรวจสอบ "ข้อมูล" ที่แท้จริงบ้างหรือ ??? จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:24:13 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:18:29 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 49 อ่านข้อความนี้แล้ว... >>> อย่างเช่นกรณีกลุ่มกบฎภายใต้ชื่อขบวนการว่า"บุญราศีทั้ง 7" ทางการไทยได้ตรวจสอบ จนมีหลักฐานเป็นที่ชัดเจนว่าขบวนการนี้เป็นกบฏจริง จึงได้ดำเนินการต่อกลุ่มกบฏ ด้วยวิธีการอันสมควร >>>....."จึงได้ดำเนินการต่อกลุ่มกบฏด้วยวิธีการอันสมควร" กบฏที่ประกอบด้วย ครูผู้ชาย 1 คน กับผู้หญิงและเด็ก อีก 6 คน เนี่ยนะ..... จึงได้ดำเนินการต่อกลุ่มกบฏด้วยวิธีการอันสมควร" ........เฮ้อ !!!! จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:48:08 A:unknown X:202.28.181.7 ] ความคิดเห็นที่ 50 ขอยืม "ข้อความ" จาก ความคิดเห็นที่ 32 ของเจ้าของกระทู้..มาใช้หน่อย >>> ....ที่สำคัญข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุการณ์สำคัญซึ่งคนไทยควรรับทราบ อันตรายมากครับ หากเรายั'ปล่อยให้มีการบิดเบือนประวัติสำคัญกันต่อไป ขืนปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไแล้วอนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรครับ ....... ชัดเจนในตัวมันเองแล้วละ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 26 ก.ค. 47 22:52:29 A:unknown X:202.28.181.7 ] จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:19:36 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ปัจจุบัน เราได้รับรู้ความเลวร้ายของการตัดต่อ แต่งเติม บิดเบือน คำสอนของมุสลิมที่ทำให้เยาวชนไทยใน 3 จังหวัดภาคใต้ถูกปลุกระดม ล้างสมอง โดยผู้ใหญ่ที่ "คลั่งศาสนา" ........ทำให้เยาวชนไทยที่ถูกล้างสมองหันมาทำร้ายคนไทยที่บริสุทธิ์ ในส่วนของคุณ อาโนฯ นี่เอง ก็เป็น "ผลผลิต" ของการปลุกระดม โดยใช้ข้อมูลที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ มาให้ร้าย ....และปลุกปั่นให้หันมาเกลียดชังเพื่อนร่วมชาติแต่ต่างศาสนา ซึ่งในที่นี้ก็มีหลายคนที่ถูกปั่นหัวเป็นจิ้งหรีดอยู่ให้เห็นกัน จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:25:46 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เก็บกระทู้เก่าๆไว้เป็นกระสุนเยอะเลย..แต่ละคน.. จากคุณ : Olivier - [ 15 ก.ค. 48 20:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เหอ เหอ..... แล้วนายตลกปลาไหลตัวดำดำ อย่า "หลีกเลี่ยง" แสดงหลักฐานที่ขอให้แสดงไว้ที่ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3600296/Y3600296.html...ศาสนาพุทธ คริสต์ สอนให้ช่วยเหลือคนยากจน ความคิดเห็นที่ 54 นายปลาไหลตัวดำดำ ... ไหนๆ เข้ามาแล้ว ก็ลองแสดงหลักฐานหนังสือของท่านเสรี พงศ์พิศ ที่นายปลาไหลอ้างอิงสัหน่อยซิ เอาแบบเต็มๆ ไม่เอาแบบตัดต่อนะ อย่าเลี่ยงแบบ "สับดานเดิมๆ" ล่ะ 555555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 14 ก.ค. 48 22:51:26 A:10.90.5.3 X:202.28.179.1 TicketID:000903 ] อย่าใช้มุกเดิมๆ แบบที่ทำให้ถูกตั้งสมญาว่า "ปลาไหลตัวดำดำ" มุดรูหนีไปดื้อๆ ......ตามสับดานเดิมนะ 55555555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 20:52:41 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 72 55555.....คุณวิเย่ร์ จะบอกให้ก็ได้นะ....ผมน่ะเก็บข้อมูลกระทู้ที่ปลาไหลตัวดำดำ ถูกรูดเมือกจนไหลไม่ออกเกือบทุกกระทู้นั่นแหละ แทบทุกข้อความที่นายตลกปลาไหลตัวดำดำ ยกมาตัดแปะ ให้ดูน่ะ.....เกือบทุกอัน ผมได้หา "คำตอบ" เอาไป "รูดเมือกพิษ" ไปแล้ว.....แต่นายปลาไหลตัวดำดำก็ยังเอาข้อมูลเก่าๆ มา post หลอกผู้อ่านอีก.....ไว้ว่างๆ จะเอากลับมาให้อ่านกัน รับรองว่า แต่ละกระทู้น่ะมันหยด.....เอ๊ยไม่ใช่..."เมือกพิษ" หยดเป็นทางเลยละ 55555555555555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 15 ก.ค. 48 21:03:24 A:10.90.5.20 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อ๋อ...มันเป็นยังงี้นี่เอง :-) จากคุณ : KaLeutWasser - [ 15 ก.ค. 48 21:37:45 A:61.90.72.148 X: TicketID:088471 ]

ความคิดเห็นที่ 74 แล้วประเด็นลัทธิอะไรนี่พอมีหลักฐานอะไรมาหักล้างไหมครับ ชอบอ่านหนุกดี ฟังความสองข้าง อ่านแดน บราวน์ โม้แล้ว ก็อยากฟังคำอธิบายจากทางคริสต์ศาศนิกชนบ้าง เพิ่มพูนความเข้าใจ จากคุณ : Jason_Bourne - [ 16 ก.ค. 48 12:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อืม เอามาหักล้างให้เห็นก็ดีครับ แต่เท่าที่ผมเห็นคนแต่งหนังสือ ไม่ได้มีเจตนาจะทำลายหรอกครับ เพราะงานวิชาการมากมาย ที่ปรากฎอยู่ก่อนหน้านี้ก็มีการวิจารณ์แบบแรงๆ แบบที่ แดน บราวน์ เขียนไว้ แต่ก็ได้รับการหักล้างกันไปมา แบบที่คุณ จขกท. อ้างมา ถามว่าเชื่อใครมากกว่า โดยส่วนตัวบอกกันตรงๆว่านักวิชาการที่ถูกอ้าง ถึงนั้นผมค่อนข้างจะเชื่อไปในทางของแดน บราวน์ มากกว่า เอกสาร เช่น ลิขิตเดดซี นั้น คนที่อ้างว่าบิดเบือนรวมถึงประเด็นอายุตามที่ จขกท.อ้างมานั้นเป็นักวิชาการทางฝ่ายศาสนจักร ที่บอกไม่น่าสนใจ แต่ว่าเป็นข้อถกเถียงอย่างมาก ฯลฯ แต่ผมยังเชื่อว่าศาสนาจะไม่ถูกทำลายเพราะแค่หนังสือเล่มเดียวหรอกครับ เป็นเหมือนบททดสอบความเชื่อด้วยซ้ำไป ว่าคุณควรจะเชื่อในหลักธรรมหรือว่าพิธีมากกว่ากัน จากคุณ : Tt009 - [ 16 ก.ค. 48 15:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 76 แป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ ขอเคารพ คุณ ฝากให้คิด ค่ะ ขออนุญาติ save ได้ม๊ะค่ะ ขอมูลแน่น และรู้จริงค่ะ เนื้อในของคนดี  เห็นแล้ว มีความสุขจัง ขอบพระคุณค่ะ ที่ทำให้เพื่อนมีความสุขค่ะ จากคุณ : สาวสวนพลู - [ 16 ก.ค. 48 17:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 79 นาย ตลกปลาไหลตัวดำดำ.... เข้ามาแล้ว ก็อย่าทำเป็น "คนใจตุ๊ด" หัดรับผิดชอบกับข้อมูลที่เอามาหลอกลวงผู้อ่านบ้างซิ พิสูจน์สักหน่อยว่า ข้อมูลที่เอามาจากบางตอนของหนังสือที่ท่านเสรี พงศ์พิศ ร่วมแปล น่ะ.....ของจริงเป็นอย่างไร !!! ไม่ใช่เอาแต่ เลื้อยมุดรูหนี....อย่างที่เห็นกันอยู่ ถ้าไม่อยากพิสูจน์ก็.....สมัครสมาชิกใหม่แล้วเปลี่ยนชื่อไปซะดีกว่า....ทำอยู่หลายครั้งแล้วนี่ ถูกจับโกหกได้ขนาดนี้แล้ว.......ถ้ายังทนใช้ชื่อนี้อยู่....ก็อายแมวมันจริงๆ 555555555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 17 ก.ค. 48 22:43:15 A:10.90.5.9 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เหอ เหอ..... นาย เกือบหลุด ความคิดเห็นที่ 145 -146 "บ่าง" ช่างยุ จากแดนไกล....ออสเตรเลีย....ที่จะเข้ามาตอดอยู่บ่อยครั้ง จนผมต้องเช็ค IP จากแนวทางการ post ในกระทู้ก่อนๆ ..... ก็คาดเดาว่าเป็นสาวกทำมาโกยจากแดนไกล....555555 เที่ยวนี้ดันแปลงร่างเป็น "มุสลิม" เข้ามา "เสี้ยม" ให้ชนกันเรอะ ไปส่องกระจกดูซะว่า....หน้าที่เห็นในกระจกน่ะ มันเรียกว่า.....หน้าโง่ ทำเป็น "มุสลิม".....แต่ไม่ไปแจมที่กระทู้ที่กำลังเอ่ยถึงมุสลิมสักกระทู้ เช่นที่...http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3603987/Y3603987.html...อิสลามในสายตาของท่านเป็นยังไงบ้าง ที่....http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3602060/Y3602060.html..ผมว่าพระเจ้าของศาสนาอิสลาม(ถ้ามีจริง)น่าจะศักสิทธิมากนะครับ ที่....http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3593010/Y3593010.html....มุสลิมกับความเชื่อเรื่องพระศรีอารยเมตไตรย ที่...http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3596521/Y3596521.html....พี่ๆรู้มั้ยคะว่าวันไหนบ้างที่ศาสนาคริสต์กับอิสลามห้ามมีเพศสัมพันธ์..... มันชั่วได้สมใจจริงๆ.......คนประเภทมือถือสากปากถือศีล เนี่ย ลองดูสิ่งที่มันพยายาม "เสี้ยม" สักหน่อยซิ... >>> สติปัญญาของคริสต์เป็นได้แค่ชนชั้นกลางหรือล่างเท่านั้น เขาเขียนบัญญัติกันไว้นานแล้ว ฉะนั้นอย่าเอาของไม่ดีมาเผยแพร่ <<< ส่วนของเอ็งน่ะ.....ระดับที่ต้องโบกปูนแล้วสร้างส้วมทับเลยละ สมองโสโครก ที่เที่ยวคิดเสี้ยมให้คนต่างศาสนาทะเลาะกัน มิคสัญญีที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่พออีกเรอะ.....นายกร๊วกกกก จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 17 ก.ค. 48 22:46:06 A:10.90.5.9 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 81 แล้ว....."เวรกรรมมันก็มีจริง" "บ่างช่ายุ" ....ไปโผล่ที่กระทู้...http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3611143/Y3611143.html....อยากได้ข้อมูลระเบิดพระในอัฟกัน >>>ความคิดเห็นที่ 6 และบัดนี้ ผลกรรมนั้นได้คืนสนองกับ ตาลีบันไปเรียบร้อยแล้ว โดนอเมริกัน อัดซะยับ จากคุณ : เวรกรรมมีจริง - [ 17 ก.ค. 48 22:18:32 A:58.64.123.200 X: TicketID:100607 ] <<< คราวนี้ด่ากลับข้าง...55555 IP....58.136.73.5 OrgName: Asia Pacific Network Information Centre OrgID: APNIC Address: PO Box 2131 City: Milton StateProv: QLD PostalCode: 4064 Country: AU ส่วน IP 58.64.123.200 OrgName: Asia Pacific Network Information Centre OrgID: APNIC Address: PO Box 2131 City: Milton StateProv: QLD PostalCode: 4064 Country: AU เนี่ยละ "เวรกรรมมีจริง" แบบติดจรวดเลยละ 55555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 17 ก.ค. 48 22:58:59 A:10.90.5.9 X:202.28.181.8 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตามมาจากกระทู้ข้างบน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3611143/Y3611143.html ทำไมคิดว่าเป็นคนเดียวกัน? ip 58.136.**.* = Cslox ip 58.64.***.*** = BuddyBB ทั้ง  2 ip ข้างบนน่ะ Hi Speed ประเทศไทยทั้งคู่ Country: AU <<< ที่อยู่ของ host ที่คุณเข้าไปเช็ค IP ชาวบ้านเค้า http://www.apnic.net มันก็ออสเตเรียน่ะสิ ---------------------------------------------------- เพี้ยน!! คนอื่นเค้าอยู่ดีๆ ไปหาเรื่องเค้าทำไม จากคุณ : analog modem - [ 18 ก.ค. 48 02:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 83 โห!! เพิ่งเห็น กระทู้นี้รุ่นกรุแตกรึไง? แต่ละความเห็นยาวจัด ขี้เกียจอ่าน หึหึ.... จากคุณ : analog modem - [ 18 ก.ค. 48 02:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มาขำคนที่โพสท์หยาบคาย  ไร้ความรู้   เป็นจอมมั่วประจำบอร์ด   แต่สาวน้อยบ้านสวนนางหนึ่ง  หลงยกย่อง เทอดทูน เคารพ บูชา  ว่าเป็นคนดีมีความรู้ โอ....สาวน้อย   ความหลงทำให้เธอตาบอด   หัวปักหัวปำ จากคุณ : talok - [ 18 ก.ค. 48 05:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อาการเดิมครับ ถูกรูดเมือกเสร็จเลยแว้งกัดดะแทน จากคุณ : ผู้อารักขา - [ 18 ก.ค. 48 08:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เฮ้....นายตลกปลาไหลตัวดำดำ อย่าทำเป็นหลบเลี่ยงไม่พิสูจน์ ที่นายไปทำการตัดต่อบทความในหนังสือของท่านเสรี พงศ์พิศ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้....ก็ยอมรับเถอะว่า นายทำการตัดต่อเอง เที่ยวนี้ปลาไหลเลื้อยไม่ไปจริงๆ 55555555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 18 ก.ค. 48 22:12:30 A:10.90.5.42 X:202.28.179.1 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ดีแล้วครับ ที่มีผู้แจ้งลบ ความคิดเห็นของ "บ่างช่างยุ" นายเกือบหลุด บอกตรงๆ ว่าเวลาเห็นพวกที่ชอบทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างศาสนาทีไร......ของมันขึ้น จนหน้ามืดเลยละ พอเช็ค IP ขึ้นมาแบบเดียวกันเป๊ะ.....ก็เลยเหมาว่านายเกือบหลุด เป็นคนเดียวกับคุณเวรกรรมมีจริง ก็ไปขอโทษคุณเวรกรรมมีจริงที่กระทู้นั้นแล้ว ก็ต้องยอมรับครับว่า....ผมรับไม่ได้กับพฤติกรรมของนายเกือบหลุด.....เลยไม่ดูให้ถี่ถ้วนก่อน บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวายขนาดนี้แล้ว....ยังมีคนที่พยายามสร้างความแตกแยกระหว่างศาสนาอีก สิ้นคิดจริงๆ ครับ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 18 ก.ค. 48 22:36:05 A:10.90.5.42 X:202.28.179.1 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 88 นาย ตลกปลาไหลตัวดำดำ...มนุษย์หลายชื่อ เอามาให้อ่านเล่นๆ...เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น ที่กระทู้...http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y3594563/Y3594563.html........การใช้ชื่อ login ถือว่ายังเป็นอัตตาหรือไม่ ความคิดเห็นที่ 13 ไอ้คนที่ตัวสูงๆตูดดำๆอ่ะ เอ็งหันมาทางนี้หน่อย บุรุษผู้เป็นอนัตตาหันมาตอบว่า มรึงเรียกใคร (ก็มันไม่มีชื่อซักกะคนในโลกนี้) จากคุณ : ไม่อยากมีชื่อ..เค้าบังคับ (พุงโตจัง) [ 12 ก.ค. 48 17:50:46 ] """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" บอกตรงๆ อ่านแล้วนึกถึงนายตลกปลาไหลตัวดำดำ เลย 55555555555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 18 ก.ค. 48 22:42:47 A:10.90.5.42 X:202.28.179.1 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 89 555555........ขำว่ะ >>> ความคิดเห็นที่ 84 มาขำคนที่โพสท์หยาบคาย ไร้ความรู้ เป็นจอมมั่วประจำบอร์ด แต่สาวน้อยบ้านสวนนางหนึ่ง หลงยกย่อง เทอดทูน เคารพ บูชา ว่าเป็นคนดีมีความรู้ โอ....สาวน้อย ความหลงทำให้เธอตาบอด หัวปักหัวปำ จากคุณ : talok - [ 18 ก.ค. 48 05:05:08 ] <<<< ใครกันหว่า....ที่โพสท์หยาบคาย จาบจ้วง จนถูกยึดอมยิ้ม ในชื่อ "ชายลึกลับ"...."ชาวบ้านตัวดำดำ" ใครกันหว่า.....ที่ไร้ความรู้......ทำตัวเป็น "นักประวัติศาสตร์ตัดแปะ"......ชอบแนะนำให้ผู้คนไปอ่านประชุมพงศาวดาร....โดยที่ตัวเองก็ยังไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าปก....เลยถูกจับโกหกได้ในที่สุด ใครกันหว่า....ที่เป็นจอมมั่วประจำบอร์ด....ที่เที่ยวไปตีความไบเบิลตามใจตนเอง.... ใครกันหว่า.....ที่อ้างข้อความจากเว็บต่างประเทศ.... พอถูกจับได้ว่าไม่เป็นไปอย่างที่สรุปมา....ก็สารภาพดื้อๆว่า....ไม่นึกว่าจะมีคนกดเข้าไปอ่าน ใครกันหว่า....ที่ตัดต่อบทความในหนังสือของท่านเสรี พงศ์พิศ .......แล้วยังเลี่ยงไปเลี่ยงมา ไม่รับผิดชอบในการพิสูจน์ อยากรู้ใช่ไหม....ลองไปส่องกระจกซิ คนที่อยู่ในกระจกน่ะแหละ คนอะไรก็ไม่รู้.....post ทีไรเข้าตัวทุกที 555555555 จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 18 ก.ค. 48 23:23:09 A:10.90.5.42 X:202.28.179.1 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คุณ analog modem ลองเสียเวลาอ่านแค่ ความคิดเห็นที่ 59 -65 ก็พอ จะได้เห็นตัวอย่างการตัดต่อ แต่งเติม บิดเบือน ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้ร้ายบาทหลวงฝรั่งเศสที่เข้ามาในสมัยพระนารายณ์ จะได้เข้าใจว่าที่มีการกล่าวหาว่า...."บาทหลวงนุ่งห่มดองเลียนแบบพระภิกษุ" นั้นน่ะ.......บิดเบือน เพราะไม่มีการบันทึกไว้อย่างนั้นในเอกสารของบาทหลวงตาชาร์ด จะได้เข้าใจว่าที่มีการกล่าวหาว่า.....".บาทหลวงที่ประสบเหตุเรือแตกไปพักที่วัด แล้วล้มพระพุทธรูปและเทียน".......อันนี้ก็ไม่จริง เพราะบาทหลวงได้แต่ล้มรูปสัตว์ที่ชาวบ้านนำมาขอบคุณภูตผีปีศาจที่ช่วยบาทหลวงจากเรือแตก เวลาได้ยินเรื่องนี้จากใคร จะได้บอกข้อมูลที่แท้จริงให้เขาเหล่านั้นได้ไงล่ะ รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในคลังกระทู้เก่า....ตามไปอ่านได้ จากคุณ : ฝากให้คิด - [ 18 ก.ค. 48 23:53:50 A:10.90.5.42 X:202.28.179.1 TicketID:000903 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ทำมะ ??? ลุงตลกอยากเจอข้อหา "บ่อนทำลายและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วยการสมรู้ร่วมคิดสร้างความแตกแยก ยุแยงตะแคงรั่วระหว่างพุทธและคริสตศาสนิกชน" งั้นสินะ แค่ภาคใต้ร้อนระอุเป็นไฟยังไม่พอหรือ อดีตจะเป็นเช่นไรมีไว้ศึกษาและเรียนรู้เพื่อเตือนสติและชนรุ่นหลังควรเลือกหนทางที่ดีกว่า พฤติกรรมถ่อยสถุลอย่างลุงตลกน่ะ จงยุติได้แล้ว อย่าแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน ลุงตลกจงรู้จักถ่อมใจว่าแก่แล้ว เดี๋ยวก็โดนถอนหงอกหมดหัวหรอก จากคุณ : aiwen^mei - [ 20 ก.ค. 48 15:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 92 อ่ะเจ้ย คุณเม่ย มาแรง จากคุณ : MichaeLPauL - [ 20 ก.ค. 48 21:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ลุงตลกอยากเจอข้อหา "บ่อนทำลายและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วยการสมรู้ร่วมคิดสร้างความแตกแยก ยุแยงตะแคงรั่วระหว่างพุทธและคริสตศาสนิกชน" น่าจะขู่ว่า "ตกนรก" นะจ๊ะ เขาจะได้กลัวกันไงหล่ะ 555555555 ฮา จากคุณ : 69 - [ วันอาสาฬหบูชา 22:50:29 A:203.170.133.161 X: TicketID:104740 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีครับ จริงไม่จริง ก้อแล้วแต่ปัญญา และหลักฐาน แค่นิยายอ่าน สนุกๆๆ อย่าขึ้นมาก โกรธ คือ "โง่" โมโห คือ "บ้า" จากคุณ : davinci (pokpak_w) - [ วันเข้าพรรษา 05:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 95 คุณ69 ไอ้เรื่องเอากฏหมายมาขู่เขาทำกันมาเป็นปีแล้วครับ  แต่ขู่ได้เฉพาะคนไม่ค่อยรู้ คนรู้ไม่มีใครเขากลัวหรอก  นักกฏหมายฝ่ายพุทธที่ศูนย์พิทักษ์ ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ องค์กรพุทธต่างๆมากมาย  บางทีเขามาอ่านเจอรำคาญก็อัดกลับไปครั้งสองครั้ง   อัดกลับไปแต่ละทีคนที่ซีดก็คือพวกเขา   เพราะคนที่หมิ่นเหม่ต่อกฏหมายหลายข้อคือพวกเขา   และเรื่องส่วนตัวไอ้พวกที่ด่าทอคนอื่น ดูหมิ่นคนอื่น เช่น จะจับเขาถลกก้น จับเขารูดเมือก  หรือประนามคนอื่นว่ามีพฤติกรรมถ่อย สถุล หรือหมิ่นประมาทบุคคลอื่นว่าสร้างความแตกแยกทำผิดกฎหมายบ้านเมือง  มีเรื่องแจ้งความกันเมื่อไหร่ ไอ้พวกนี้ไม่รอดแน่ครับ    บางทีผมไม่ตอบโต้เพื่อรักษาสถานะบุคคลที่3 ทางกฎหมายไว้ จากคุณ : talok - [ วันเข้าพรรษา 08:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 96 จริงแล้วอ่ะนะกฏหมายที่เอามาน่ะ ใช้กะคุณได้นะครับ ตลก แต่ไม่มีใครเค้าทำเพราะมันไม่มีสาระน่ะครับเสียเวลา จากคุณ : MichaeLPauL - [ 23 ก.ค. 48 15:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 97 นักประวัติศาสตร์ตัดแปะกะโหลกกะลาพวกนี้ ไม่มีค่าควรแก่การเอามาเป็นสาระคับ เพราะสมองบรรจุไปด้วยขี้เปียกที่มีเศษซากฟอสซิลครั้งยุคจูราสสิคบรรจุอยู่ กระทู้ถามของตาตัดแปะเนี่ย ก็วน ๆ เวียน ๆ ถามแต่คำถามเดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่มีผู้มีปัญญาตอบไปก็หลายครั้ง แต่ก็ยังวน ๆ เวียน ๆ อยู่กับคำถามเดิม ๆ ทำตัวเหมือนสัตว์ชั้นต่ำที่มีพฤติกรรมทำซ้ำ โดยไม่ได้ใช้สมองไตร่และตรอง เป็นได้ก็แค่สัตว์ชั้นต่ำในคราบมนุษย์ จากคุณ : Pete Chakky - [ 24 ก.ค. 48 21:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 98 สนุกดีค่ะ แต่ลิขิตเดธซี หรือ พระคัมภีร์ในตุ่มนั้น จำได้ว่า เป็นเรื่องของศาสนาคริตส์ยุคแรกๆหลังยุคพระเยซูไม่ใช่เหรอค่ะ ศาสนายิวและคริตส์ได้ชื่อว่าต้นกำเนิดเดียวกัน แล้วปัจจุบันศาสนายิวเคารพพระเยซูไหมคะ ? แล้วจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบ ก็พิสูจน์จะแจ้งแล้วว่า ยุคต้นของศาสนายิว ... พระยะโฮวาห์มีชายา ! .... จากคุณ : Pride - [ 25 ก.ค. 48 16:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 99 -*- Pride เอามาจากไหนเหรอครับ ว่าพระยะโฮวามีชายา จากคุณ : MichaeLPauL - [ 10 ส.ค. 48 12:06:49 ]