ความคิดเห็นที่ 1 เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นเช้ามากเลย คือ 7 โมง เพราะแม่เจ้าปัน-ปันมีอบรมตอน 8.30 น. ... 7 โมงเค้าบ้านเราก็ยัง 6 โมง ยังไม่สว่างดีเลยมั้ง สงสัยคงเช้าไปหน่อย เจ๊ยู้เดินง่วงๆ อีท่าไหนไม่รู้ ไปเตะ door stopper หรือที่กันกระแทกที่ติดอยู่กับด้านล่างของประตูด้านในนั่นแหละ เล็บเปิดซะเกือบทั้งอัน เท่าที่ดูอาการคงเดินมาราธอนกับผมไม่ไหวแน่ๆ บรรดาโปรแกรมที่วางเอาไว้เผื่อเค้านี่คงต้องยกเลิกหมด ... ก็เป็นข้อดีของการมาเที่ยวเองแหละครับ คือสามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้ตามใจเราตลอดเวลา ไม่เหมือนมากับทัวร์ ทำแผลเสร็จก็ขึ้นไปทานอาหารเช้า(ฟรี)ที่ Premier Club ของโรงแรม เป็นอาหารง่ายๆ เปิดด้วยคอร์นเฟลคกับนมสด แกล้มกับขนมปังก้อนกับเนย และพวกเดนิสสอดใส้ พายต่างๆ จากนั้นก็หนักขึ้นมานิดนึงด้วยเบคอนไส้กรอกกับขนมปังปิ้ง เร่งเครื่องต่อด้วยหมี่ผัดสไตล์กวางตุ้ง และตบท้ายด้วยโจ๊กฮ่องกง ซึ่งผมว่ารสชาติโจ๊กสู้ร้านข้างทางไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็กินฟรีละวะ อย่าเรื่องมาก ที่กินเยอะสักหน่อย เพราะวันนี้วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวหลายที่ด้วยกัน อุปกรณ์สำคัญของผมก็คือ แผนที่ได้ติดมือมาจากสนามบินแผ่นนี้แหละครับ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แยกกับเจ๊ยู้กลับมาที่ห้อง จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ รอเวลา 9 โมง เพราะช่วงก่อน 9 โมง เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ไม่ค่อยอยากออกไปเดินในหมู่คนมากๆ เพราะอึดอัดจะตายไป คนที่ฮ่องกงในชั่วโมงเร่งด่วนจะเร่งรีบกันมาก เดินชนกันเป็นเรื่องธรรมดา มีเกร็ดนิดนึง ว่าเวลาเดินขึ้นบันไดเลื่อนต่างๆ ในที่สาธารณะ เช่นทางลงรถไฟใต้ดิน ต้องยืนชิดขวาไว้นะ จะมากี่คนก็ต้องต่อแถวกันชิดขวา เพราะด้านซ้ายจะเผื่อไว้สำหรับคนที่เค้าเร่งรีบจริงๆ ถ้าคนที่รีบมาเจอใครขวางทางด้านซ้ายละก็ มันชนกระเด็นแบบไม่สนใจจริงๆ ด้วย ก็ถือว่าเป็นระเบียบดีนะ แต่ที่ตรงกันข้ามกันก็คือมารยาทการข้ามถนน ตอนรอสัญญาณไฟข้ามถนนก็เป็นระเบียบดีหรอก แต่พอข้ามได้เท่านั้นแหละ เดินกันเปะปะสุดๆ จะชนกันตายกลางถนนนี่แหละ ทั้งๆ ที่น่าจะ apply นิสัยการขึ้นบันไดเลื่อนชิดขวามาใช้ก็ได้ แต่ไม่ยักกะทำ อีกเรื่องคือการขับรถ พวกคนที่ขับรถเค้าถือว่าสัญญาณไฟเขียวไฟแดง และสัญญาณสำหรับคนข้ามถนนเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไฟเขียวอยู่ละก็ เอ็งอยากเสี่ยงข้ามก็เอา แต่ข้าไม่มีเบาเครื่องรอเอ็งเด็ดขาด ชนเป็นชน เพราะรถวิ่งตอนไฟเขียวจะเป็นฝ่ายถูก สะใจดีเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 15:45:13 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กลับมาที่แผนการออกเที่ยววันนี้ของผมก่อนนะ วันนี้ตั้งใจว่าจะไปเดินดู Stanley Market ซึ่งเป็นตลาดศูนย์รวมของหลายอย่าง มีอะไรบ้างเดี๋ยวเราไปดูกัน ผมออกจากโรงแรมประมาณ 9 โมงเศษ อ่านในคู่มือท่องเที่ยว เค้าบอกให้ไปขึ้นรถเมล์ที่ Central จากที่พักผมไปย่าน Central ก็ไกลพอควร เลยลองของในบรรยากาศใหม่ๆ เดินตัดมาที่ถนนใหญ่ คือถนน Yee Wo Street ซึ่งมันจะไปต่อกับถนน Hennessy Road แล้วขึ้นรถรางครับ เท่ห์ไหม อุอุ รถรางก็มีหลายสาย ไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่าสายไหนมั่ง เลือกขึ้นมั่วๆ เอาสาย Western Market ละกันวะ ขึ้นได้ก็ปีนไปชั้นสองเพื่อเก็บบรรยากาศใหม่ๆ ซะหน่อย ก็ชมเมืองเพลินจนลืมถ่ายรูปไปเลย แหะๆ จากนั้นก็ลงรถเดินเข้าไปแถวถนน Des Voeux Road Central เพื่อดักขึ้นรถเมล์ City Bus สาย 6 แถวนี้ เพราะคำนวณจากแผนที่แล้ว ถ้าไปลงตรง Central เลย จะเดินไกลกว่า เลยลงเดินตรงจุดที่มันใกล้หน่อย เดินผ่านย่านที่เป็นร้านขายของสด จำพวกอาหารทะเลสดๆ เครื่องยาจีน ฯลฯ ใกล้ๆ กับ Wanchai Fruit Market ที่เป็นตึกเล็กๆ ดูสะอาดสะอ้านดี แต่ขี้เกียจแวะ เพราะไม่ได้คิดจะซื้อผลไม้อะไร รู้ว่าราคามันไม่ถูกหรอก ระหว่างทางแวะซื้อบัตรเติมเงินเพื่อเติม SIM Card ที่ได้จากน้องชายเจ๊ยู้ จะได้ไว้โทรกลับบ้านได้ ร้อยเหรียญเชียวนะ แต่ต่อมาเพิ่งจะพบว่า มันโทรได้ไม่ถึง 15 นาทีเอง รถเมล์ไป Stanley Market จากตรงนี้ ขึ้นได้ 3 สาย คือ 6, 6A และ 6X สังเกตว่าที่ฮ่องกง รถเมล์บางทีมีเบอร์เดียวกันหลายสาย ซึ่งจะกำกับไว้ด้วยตัวอักษรต่างๆ ซึ่งทุกคันจะไปจุดหมายเดียวกัน เพียงแต่อาจจะวิ่งแยกเส้นทางกันไป ผมเลือกขึ้นสาย 6 เพราะมันมาก่อนไง แหะๆ พอรถวิ่งออกนอกตัวเมือง ก็เริ่มไต่ลัดเลาะขึ้นเขาสูง ได้ภาพวิวมุมสูงนี้มาฝากกัน จะเห็นหมอกลงหนาคลุมทั้งตัวเมืองเลยละ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ระหว่างทางที่ลัดเลาะไปตามสันเขา ก็จะมีคอนโดมิเนียมหรูอยู่ตามเชิงเขาตลอดเส้นทาง แถวนี้จะเป็นพวกคนมีตังค์เค้ามาอยู่กัน รู้สึกจะเรียกว่า Happy Valley นอกจากคอนโด ก็ยังมีพวกโรงเรียน กับสปอร์ตคลับแซมอยู่ด้วย จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คนขับรถเค้าฝีมือสุดยอดจริงๆ บางช่วงโค้งค่อนข้างหวาดเสียว พี่แกขับเบียดกับไหล่เขาและป้ายรถตามเส้นทางแบบเฉี่ยวชนิดห่างไม่เกินคืบตลอดทาง มือแน่มากๆ ... ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็มาถึงที่หมาย คือ Stanley Market แล้วละครับ เวลาก็ร่วม 10 โมงแล้ว แต่ยังถือว่าค่อนข้างเช้าสำหรับที่นี่ ร้านรวงเพิ่งจะเริ่มเปิดกัน ผมเลยเดินเลยไปดูสปอร์ตคลับใกล้ๆ กันก่อน เนื่องจากย่าน Stanley เป็นอ่าวที่มีหาดเล็กๆ และรอบๆ ก็เต็มไปด้วยที่อยู่อาศัยของผู้มีอันจะกิน (สังเกตุว่ามีชาวต่างชาติเยอะมาก) ปกติสปอร์ตคลับกีฬาทางน้ำที่นี่ ก็จะมีผู้คนมาเล่นวินด์เซิร์ฟ หรือเรือใบกันเต็มไปหมด แต่วันนี้เป็นวันธรรมดา (วันอังคาร) และอากาศไม่ค่อยเปิด คือครึ้มทั้งวัน แถมดูข่าวเมื่อเช้าเค้าบอกว่าจะมีฝนด้วย คนเลยมาเล่นกีฬากันไม่มากนัก ถ่ายรูปไว้ซะหน่อย จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ซูมหน่อยๆ Stanley Beach แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 16:43:30 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกรูปอีกมุมนะ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ย้อนกลับมาที่ Stanley Market ก็เกือบ 11 โมงละ ระหว่างนั้นก็มีฝนตกมาตลอดเลย แต่ฝนที่ฮ่องกง ถ้าไม่ใช่ในฤดูฝนละก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรหรอก เพราะมันจะมาเป็นละอองน้ำเหมือนฉีดด้วย Foggy อย่างนั้นเลย ไอ้ผมน่ะไม่เป็นไร แต่กล้องมันคงไม่ถูกกับน้ำนักหรอก เลยต้องเก็บไว้ก่อน ไม่ได้ถ่ายรูปที่นั่นมาฝากกันเลย ถัดจากนี้ก็เอาเป็นรูปประกอบระหว่างทางขากลับก็แล้วกันนะ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 15:49:54 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ลองเดินดูของหน่อยซิ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ... ย่านที่เรียกว่า Stanley Market ที่จริงก็มีความยาวรวมกันอยู่แค่ไม่เกิน 300 เมตร ร้านรวงก็มีหลายแบบปะปนกันไป เริ่มจากร้านที่ขายของแบบพื้นเมือง จะมีธูป เทียน โซ่แส้กุญแจมือ ... เอ๊ย ... ไม่มีๆ สบู่แกะสลักเป็นชื่อคนสั่งทำ ไว้สำหรับเป็นตราประทับลายเซ็นต์ที่เป็นตัวอ่านภาษาจีน อะไรทำนองนั้น และก็พวกเสื้อผ้าแบบชุดกี่เพ้าหมวยตี๋ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ภาพเขียนพู่กันจีน รูปถ่ายยุคเก่าที่เอามา re-print สัญลักษณ์อักษรนำโชค ฯลฯ ซึ่งผมไม่ค่อยสนเท่าไหร่ ถัดมาจะเป็นร้านขายเสื้อผ้ารองเท้า ซึ่งเป็นของมียี่ห้อที่มาตั้งโรงงานผลิตในจีน พวกนี้จะมีสองแบบ คือแบบที่มาขายแบบโต้งๆ ติดยี่ห้อกันให้เห็นๆ เลยแหละ ร้านพวกนี้คงไปรับมาขายจากโรงงานโดยตรง ราคาก็จะถูกกว่าในห้าง แถมต่อรองได้นิดหน่อย แต่มาคิดๆ ดูแล้วถ้าไปซื้อห้างตอนมันลดราคา จะถูกกว่าเสียอีก จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หมอกจัดจริงๆ เลย คงบวกฝนเข้าไปด้วยมั้ง จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แบบที่สอง เป็นของมียี่ห้อที่มาตั้งโรงงานผลิตในจีน หรือจ้างโรงงานในจีนทำ แต่ไม่ผ่าน QC ก็จะโละมาขาย โดยเฉือนป้ายยี่ห้อที่คอเสื้อหรือขอบในกางเกงออก ถ้าทำใจกับป้ายแหว่งๆ ด้านในได้ก็ซื้อไปเถอะ เพราะมันถูกแบบโคตรๆ จริงๆ เล็งด้านนอกให้มันงามๆ ไม่มีตำหนิก่อนก็แล้วกัน ... ข้อสังเกตุคือของแบรนด์เนมที่มา outlet ที่นี่ จะเป็นของราคาสูงทีเดียว เช่นเสื้อยืดยี่ห้อดังของชาว surf อย่าง Billabong ราคาเต็มตัวนึงร่วมสองพันบาท ถ้ามาที่ Stanley Market ก็จะเหลือซักพันสองถึงพันสี่ และถ้าโดนเฉือนป้ายทิ้งละก็ เหลือแค่ 6-700 บาทเท่านั้น แต่รวมๆ แล้วผมว่าก็ยังเป็นของแพงอยู่ดี เพราะนักท่องเที่ยวแนวประหยัดแบบผม ไม่ซื้อของเกินชิ้นละ 100 เหรียญเด็ดขาด แฮ่ๆ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นอกจากนั้นก็มีพวกของไม่มียี่ห้อ หรือมีแต่ผมไม่รู้จักก็ไม่รู้ พวกนี้ราคาย่อมเยาดีทีเดียว แต่ไม่รู้จะซื้อมาทำไม เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแจคเกตตัวหนาๆ กันหนาวได้อย่างดี ใส่มาบ้านเราคงเหมือนคนบ้า เว้นแต่จะขึ้นดอยตอนหน้าหนาว เกือบจะยอมแหกกฎซื้อเสื้อแจ๊คเกตกันฝนของ Timberland มาตัวนึงละ ราคา 190 เหรียญเอง สีสันสดใสดีทีเดียว แต่ติตรงมันหนาไปหน่อยนี่แหละ ชั่งใจแล้วก็ไม่เอาดีกว่า เอามาคงไม่ค่อยได้ใช้ ซื้อเพราะถูกนี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีซักเท่าไหร่หรอก จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เดินดูย่าน Stanley Market จนทั่ว ผิดหวังเล็กน้อย ไม่มีอะไรที่อยากได้ซักเท่าไหร่ ที่จริงเห็นเค้าว่าที่ย่าน Stanley จะมีพิพิธภัณฑ์เก่าอยู่แห่งหนึ่ง แต่คำนวณในใจว่านี่ก็เที่ยงวันแล้ว กว่าจะเข้าไปถึงตัวเมืองก็อีกร่วมชั่วโมง เดี๋ยวจะผิดตารางเวลาที่ทำไว้ เย็นนี้มีธุระที่ต้องจัดการตามสั่งจากเมืองไทยด้วย ก็เลยตัดสินใจว่ากลับดีกว่า เดินหาห้องน้ำเข้าซักหน่อย ห้องน้ำที่ฮ่องกงก็สะดวกดีครับ เค้าจะมีเสาพร้อมป้ายสีชมพูๆ บอกทางนักท่องเที่ยวทั่วเมืองเลยแหละ ทางไปห้องน้ำก็ดูจากป้ายนี้ได้เลย สังเกตุว่าห้องน้ำเค้ามีคนดูแลรักษาอย่างดีตลอดวัน ค่อนข้างจะสะอาดสะอ้านดีทีเดียว และเข้าฟรี ไม่เก็บตังค์กวนใจแบบห้องน้ำสาธารณะบ้านเรา จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:30:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนแรกกะจะกลับรถเมล์เส้นอื่นบ้าง ขามามาสาย 6 ขากลับกลับสาย 6A หรือ 6X ท่าจะดี แต่รอนานมันไม่มาซักที เลยขึ้นสาย 6 กลับทางเดิมนี่แหละวะ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กลับเข้ามาถึงเขตเมือง ก็เกือบบ่ายโมงแล้วละ ตอนแรกขอสารภาพว่าหลงทางนิดหน่อย นึกมุขไม่ออกก็เดินหาป้าย MRT แล้วขึ้นรถใต้ดินซะเลย ที่ๆ ผมจะไป คือ Time Square ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกงครับ ก่อนเข้าห้าง ก็เติมท้องซะก่อน ผมเดินแยกออกจากห้างมาจนเจอห้างอีกแห่งหนึ่ง คือ Mitsukoshi เลี้ยวขวาทีนึงตรงแยกถนนเล็กๆ ก็จะเป็นย่านร้านเสื้อผ้าแฟชั่นมากมาย ที่นี่จะมีร้านขายข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวหน้าเป็ด สไตล์ฮ่องกงอยู่ ซึ่งผมเคยมาทานแล้วติดใจ วันนี้เลยขอซ้ำรอยซะเลย เข้าไปก็สั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบจานนึง ก็คล้ายๆ กับของบ้านเรา บ้านเราจะพัฒนาน้ำราดจนรสชาติดีกว่า แต่รสของหมูแดงและหมูกรอบ ผมว่าที่นี่แหละ สุดยอดจริงๆ จานนี้ 22 เหรียญ อิ่มจนแทบจุก จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มีอาหารรองท้องแล้ว ก็เดินย้อนกลับมาที่ Time Square อีกที ... ระหว่างทางย้อนกลับ ด้านซ้ายมือจะมีร้านน่าสนใจอยู่ 2 ร้าน ร้านแรกเค้าขายหมวกแก๊ปครับ ทั้งร้านมีแต่หมวกเลยแหละ สารพัดสีและลาย รวมทั้งรับปักหน้าหมวกตามสั่ง และขายหมวกแบรนด์เนมด้วย เช่นพวก Stussy Billabong ฯลฯ คนเยอะมากจนเข้าไม่ได้เลยแหละ ผมผ่านที่นี่อีกหลายครั้งก็ยังคนเยอะอยู่ ราคาก็ไม่ได้ถูกมากนะ ระดับร้อยเหรียญขึ้นไป แต่คนก็ยังเยอะ แปลกดีเหมือนกัน ... ส่วนอีกร้าน สาวๆ คงชอบ เป็นร้านขายสินค้าไฮโซมือสอง จำพวกกระเป๋าหลุยส์ แอร์เมส ซีลีน ฯลฯ เป็นของแท้สภาพดีมากพร้อมใบรับประกันที่ไฮโซเริ่มเบื่อ เลยมาขายทิ้งถูกๆ หลุยส์ใบที่วางโชว์หน้าร้าน ที่เค้าเรียกว่าทรงขนมจีบละมั้ง ผมก็ไม่สันทัดกับสปีซีส์ของยี่ห้อนี้หรอก ติดราคาไว้สองพันกว่าเหรียญเอง แถมมีปากกาเมจิคขีดฆ่าป้ายราคาไว้ทำนองว่าลดลงไปอีกนะ สาวแบรนด์เนมได้ยินคงตาลุกเลยละ อ้ะ มาถึง Time Square จนได้ ... 3 ชั้นแรก จะเป็นห้างหรู ชื่อ Lane Crawford ซึ่งมีสาขาอยู่อีก 2-3 ที่มั้ง ที่ Lane Crawford จะขายสินค้าแบรนด์ไฮโซ เทียบกับบ้านเราก็คงเป็นเกษรพลาซ่า จำพวกไม้จิ้มฟันก็ยังแพงเป็นพัน เช่นพวก Burberry, Hermes, Luis Vuitton อะไรทำนองนั้น ผมเคยมาแล้วและไม่ได้พิศวาสกับของพวกนี้ (จริงๆ ไม่มีปัญญาซื้อน่ะ) ก็เลยไม่แวะ เดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้น Time Square ไปเลยดีกว่า แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 15:54:22 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 SALE อีกแล้วครับท่าน ... ร้านไหนไม่มีป้าย Sale คนไม่เข้าแหงๆ นะผมว่า ไอ้ผมก็ลืมนับนะ แต่รู้สีกว่าจะมีทั้งหมด 6 ชั้นไม่รวม Lane Crawford ข้างล่าง ก็สารพัดสินค้ามียี่ห้อแหละครับ กระหน่ำลดราคากันใหญ่ คงเป็นเพราะเดี๋ยวเค้าจะเปลี่ยนจาก Winter/Spring Collection กันแล้ว ไปดูร้าน G2000 ลดราคาเสื้อเชิร์ททำงานเหลือตัวละ 120 เหรียญเอง บางรุ่น 99 เหรียญก็มี แต่ไอ้เรื่องมากอย่างผมมานั่งคิดว่า ยี่ห้อนี้มันแทบดูไม่ออกเลยว่าคุณใส่ยี่ห้อผมอยู่นะ ลดแล้วก็ยัง 5-600 บาท ผมกลับมาซื้อเสื้อตอนห้างบ้านเราลดราคาปลายเดือนดีกว่า ราคาพอๆ กันหรือถูกกว่าอีก มียี่ห้อจะอะไรก็ว่าไป ใส่แล้วดูมีราคาไม่แพ้กันด้วย จะแบกกลับจากฮ่องกงทำไมให้เสียเวลา จากที่ลองแล้ว เลยไม่ได้ซื้อซะงั้น เหอะๆ เดินอยู่ที่นี่ร่วมสองชั่วโมงจนเกือบทั่ว (ไอ้จะให้ทั่วคงต้องครึ่งวันน่ะแหละ) ก็ได้รองเท้าลำลองจากร้านเครื่องกีฬายี่ห้อดังมาคู่นึง 300 เหรียญ ... เอาน่า รุ่นนี้บ้านเรายังไม่มี(มั้ง) ลองแล้วเบาสบายเท้าใช้ได้ ซื้อซะหน่อยละกัน จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จาก Time Square ตอนแรกว่าจะแวะ Mitsukoshi แต่มองเข้าไปแล้วไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับผมเท่าไหร่ เลยเดินข้ามฝั่งมาที่ SOGO ห้างนี้ผมเคยเข้าแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษอีกนั่นแหละ แต่สาวๆ อาจจะสนใจ เพราะมีพวกเครื่องสำอางค์ชั้นดีจากญี่ปุ่นเยอะ ราคาถูกกว่าบ้านเราหลายสิบเปอร์เซนต์เหมือนกัน เดินเลยมาอีกหน่อยเดียว ก็ถึงที่พักแล้ว รวมจาก Time Square มาถึงที่พัก ประมาณ 400 เมตรเองมั้ง แต่ที่เล่ามานี่ยังกะเดินข้ามจังหวัดแน่ะ อิอิ ถึงห้องพักได้ ก็ถอดรองเท้าถุงเท้า แล้วเอาถังน้ำแช่น้ำอุ่นมาแช่เท้าซะหน่อย ใช้งานซะเริ่มรู้สึกระบมเหมือนกันวุ้ย พักนึงก็เอาเจลสำหรับนวดมานวดเท้าคลายความเมื่อยล้า แล้วก็หลับเอาแรงซักพักละกัน แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 15:56:41 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:33:10 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นอนได้ซักชั่วโมงเศษ ตื่นมาอีกที นักเรียนของผมก็กลับมาแล้ว จริงๆ เธอยังกะจะข้ามไปเกาลูน ไปกินบะหมี่เจ้าเดิมอีกนะเนี่ย แต่ยังเจ็บเท้าที่เล็บเปิดอยู่ เลยตกลงกันว่าหาอะไรกินใกล้ๆ นี่แหละ ก็ข้ามถนนหน้าโรงแรมไปกินร้านแมคโดนัลด์นี่แหละครับ มีโปรโมชั่นเบอร์เกอร์ไก่พริกไทยดำราดซอสบาร์บีคิวเข้าชุดกับเฟรนช์ฟรายด์แบบเกลียวรสแบบ spicy และเป๊บซี่แก้ว 12oz ก็เลยสั่งมาลองซะหน่อย ชุดนี้ 24 เหรียญ ส่วนคนป่วยของผมสั่งปีกไก่ทอดชุด 4 ชิ้น 10 เหรียญ ... สังเกตุว่าราคาเบอร์เกอร์จะมีสองราคา คือแบบเดี่ยวๆ กับแบบเข้าชุด แบบเดี่ยวๆ ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ Big Mac ราคาชิ้นละ 12 เหรียญเท่านั้น ถูกกว่าบ้านเราอีก เบอร์เกอร์อื่นๆ ก็ราคาระหว่าง 10-15 เหรียญ แต่ก็แปลกอย่างนะครับ ที่นี่แมคโดนัลด์คนไม่ค่อยนิยมนัก ร้านค่อนข้างว่างทุกสาขาเลย เทียบกับ KFC ที่คนต่อแถวกันยาวเหยียด ทั้งที่ราคาก็ค่อนข้างสูงกว่า แต่แมคโดนัลด์บางสาขาเค้ามี Mc Cafe' ซึ่งขายพวกอาหารเช้า กาแฟ แซนด์วิช ครัวท์ซองต์ กลิ่นกาแฟหอมเย้ายวนใจใช่เล่น ราคาก็ไม่แพงด้วย แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 15:33:59 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จบเรื่องปากเรื่องท้อง ก็ข้ามกลับมาที่โรงแรม ลงชั้นใต้ดินไป เพื่อไปซื้อของที่ IKEA ครับ เพราะที่บ้านแม่ยายเค้าซื้อบ้านใหม่และกำลังจะเสร็จแล้ว เหลือแค่ตกแต่งเท่านั้น น้องชายเจ๊ยู้เค้าได้แคตตาลอคของ IKEA มาและรู้ว่าที่ฮ่องกงมี IKEA มาเปิดใหม่ ก็เลยสั่งซื้อของไปใช้ที่บ้านใหม่ เดินซื้อของให้เค้าเกือบครบ เสียวจะไม่ได้ขึ้นเครื่องกลับจริงๆ เพราะมีตั้งแต่ช้อนส้อม หม้อ กะทะ ไปจนถึงมีดทำครัวรูปแบบต่างๆ หมดที่ร้าน IKEA ไปกว่าพันห้าร้อยเหรียญเชียวนะ คูณห้าเข้าไปสิ ... เหมือนแพงใช่มะ แต่มาดูปริมาณของที่ซื้อซะก่อน ถ้าเป็นบ้านเรา เอาว่าซักยี่ห้อตรานกนางนวลละกัน ของจำนวนเท่านี้ เผลอๆ จะแพงกว่า แถมดีไซน์เทียบกันไม่ได้เลย ส่วนของนอกรายการสั่งซื้อ เจ๊ยู้ได้ผ้าม่านพลาสติคดีไซน์สีสวยเก๋ราคาผืนละ 49 เหรียญมา 5-6 ผืน ผมว่าถูกมากเลยนะ ซื้อสำเพ็งไม่มียี่ห้อก็ราคาประมาณนี้ ส่วนผมได้โคมไฟอ่านหนังสือมาอันนึง ดีไซน์เก๋ดี น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากเสาอากาศทีวีแบบชักเป็นท่อนๆ น่ะ ราคาสามร้อยบาทเอง กลับมาค่อยเปลี่ยนหัวปลั๊กราคาสิบบาทเอา เพราะบ้านเรากับฮ่องกงใช้ไฟ 220V เหมือนกัน ถ้าไม่ห่วงเรื่องน้ำหนักของตอนขากลับละก็ ผมอาจจะละลายเงินที่นี่แบบไม่รู้ตัวเลยแหละ เพราะมันน่าซื้อไปหมด ดีไซน์น่ารักๆ ทั้งนั้น ราคาก็ถูกเอามากๆ อีกต่างหาก ไม่แปลกใจเลยครับ ที่ทำไม IKEA ถึงครองใจชาวอเมริกาและยุโรปได้อย่างเหนียวแน่น ... เผื่อใครได้ไปฮ่องกง อยากซื้อของแต่งบ้าน ก็ขึ้น MRT ไปโผล่ทางออก E ของสถานี Causeway Bay เดินออกมาเลี้ยวซ้ายไปซัก 20 เมตร ก็จะเห็นทางเข้า IKEA เป็นทางลงใต้ดินแล้วละครับ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หมดเรื่องซื้อของที่ IKEA ก็เอาของไปเก็บที่ห้องก่อน แล้วข้ามไปดู Toy 'R' Us ร้านของเล่นที่ห้ามพาเด็กๆ เข้าไปเชียว ไม่งั้นมีโชว์นอนดิ้นกลางร้านขอของเล่นแน่ๆ เล็งๆ ของเล่นจำพวกพัฒนาการเคลื่อนไหว การเดิน การคลานให้เจ้าปัน-ปัน แต่ไว้ก่อนกลับค่อยซื้อ จากนั้นขึ้นไปทานของว่างที่ชั้น Premier Club อีกเช่นเคย มีของว่างบริการฟรีเกือบทุกอย่าง ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ต้องจ่ายเงิน สบายท้องแล้วก็กลับห้อง แช่เท้า จิบเบียร์ เหมือนวันก่อน แหะๆ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 15:37:33 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ข้างๆ เตียง เค้าเอาเจ้านี่มาวางไว้ด้วยละ นัยว่าทานของหวานก่อนนอน จะทำให้หลับฝันดี อิอิ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:37:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จบวันที่สองแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ รูปวันที่ 3 ยังไม่ได้ย่อเลยอ้ะ วันรุ่งขึ้น ผมจะพาข้ามไปเที่ยวฝั่งเกาลูนกันมั่ง ฮี่ๆๆ จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 15:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โอยย อยากไป จากคุณ : นรกขุมสุดท้ายของชายเจ้าชู้ - [ 26 ม.ค. 49 16:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 บัว จะบอกว่าไปเที่ยวฮ่องกงเนี่ย จะให้สบายๆ ก็เอาซัก 4 วัน 3 คืน เอาแบบใช้ตังค์สบายๆ นี่มีซักคนละหมื่นห้าไม่รวมช็อปปิ้งก็อยู่แล้วละ เตรียมตัวแค่ ... 1. มีตังค์ ... อันนี้ชัวร์ ซักคนละสองหมื่นกำลังดี 2. มีพาสปอร์ต 3. พูดอังกฤษได้นิดหน่อย และอ่านพวกป้ายภาษาอังกฤษตามที่ต่างๆ ได้ แค่นี้เอง เราก็ไม่ต้องซื้อทัวร์ให้เปลืองแล้ว แต่บางอย่างซื้อกับทัวร์จะถูก หรือได้แถม เช่นรถรับส่ง เช่นซื้อตั๋วเครื่องบินกับจองที่พัก แต่พวกทัวร์ชมเมืองอะไรพวกนั้นไม่ต้องก็ได้ จากที่พี่ไปนะ ลองคำนวณเล่นๆ ละกัน - ค่าตั๋วเครื่องบิน ... เดี๋ยวนี้มีให้เลือกเยอะ ของ Dragon Air นี่ใช้ได้ ไปกลับราคาหกพันกลางๆ บวกค่าภาษีสนามบินบ้านเราก็น่าจะ 7,000 บาท - ค่าที่พัก ... แล้วแต่เราจะเลือก ถ้าคิดจากราคาแชร์ห้องสองคน ซักคนละพันถึงพันห้าต่อคืน ก็ได้อย่างหรูบนย่านนาธานแล้วละ ตรงนี้เผื่อไว้ซัก 1,500 บาทต่อคนต่อคืน 3 คืนก็ 4,500 บาท แต่จริงๆ อาจจะไม่ถึง แล้วแต่เราเลือกแหละ และก็แล้วแต่ช่วงด้วย ช่วง Hi-season ก็แพงหน่อย - ไปถึงฮ่องกง ถ้าซื้อตั๋วผ่านทัวร์ก็สบายไป มีรถรับส่งถึงโรงแรมฟรี แต่ถ้าไม่ได้ซื้อผ่านทัวร์ ก็ซื้อ Airport Express ไปกลับ 150-180 เหรียญแล้วแต่ปลายทาง คิดเอาจากขั้นสูงสุดก็ 900 บาท แต่ก็จะมีโปรโมชั่นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้องลองดูที่สนามบินตอนไปถึงน่ะแหละ - ซื้อ Octopus Card ไว้ใช้ในฮ่องกง เอาซัก 150 เหรียญก็เหลือๆ แล้ว หรือถ้ารู้จักใครมียืมไปใช้ก่อนก็ได้ เติมเงินซัก 100 เหรียญ สบายๆ จะได้ไม่ต้องเสียค่ามัดจำให้มัน - ค่าอาหาร สมมติกินแบบเบาๆ มื้อละ 30 เหรียญละกัน แต่ราคาอาหารก็ปกติ 16-25 เหรียญ จานเดียวอยู่ ใครเบิ้ลได้นี่ต้องหิวแบบสุดๆ จริงๆ แหละ ... วันแรกไปถึงเย็นแล้วมีมื้อเดียว วันที่ 2 กับ 3 กิน 3 มื้อ วันสุดท้ายกินมื้อเช้ามื้อเดียว รวม 8 มื้อ ก็ 240-250 เหรียญ จากงบยังเหลือให้ซื้อน้ำซื้อขนมได้สบายๆ - ตอนกลับ คอนเฟิร์มตั๋วแล้วต้องเสียภาษีสนามบินที่นั่นอีก 120 เหรียญต่อคน รวมแล้วหมื่นห้าพอดี แต่ก็อาจจะถูกกว่านี้ได้อีกเป็นพันบาทเหมือนกัน อยู่ที่ว่าเลือกที่พักราคายังไง หรือซื้อผ่านทัวร์เค้ามีรถรับส่งสนามบินกับโรงแรมให้หรือเปล่า ... 4 วัน 3 คืนก็ประมาณ 12,000 - 15,000 (หรือ 3 วัน 2 คืนก็ถูกลงไปอีกประมาณ 2 พัน) เกินจากนี้ก็เผื่อเงินสำหรับช้อปปิ้งเอาเองละกัน แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 49 17:15:27 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 26 ม.ค. 49 17:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านแล้วอยากไป IKEA บ้าง คนไม่มีบ้านแบบหนูนี่ชอบจังเลยไอ้พวกของแต่งบ้านเนี่ย >_< จากคุณ : jengly - [ 26 ม.ค. 49 17:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไป "ใจ" ที่ฮ่องกันมะ !! หมื่นห้าเอ๊งงงงงงงงงงงงง จากคุณ : สวยสะพรึง - [ 26 ม.ค. 49 17:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 หนูน่ะเคยหลงที่สิงคโปร์มาแล้วล่ะพี่ไว ก๊ากกกกกกกกกกก เกือบฉิบหายเลยนะนั่น ทำเปรี้ยวไปกะเพื่อนสองคน ดีนะไม่สวยไม่งั้นได้ผัวที่นั่นแล้ว ฮือๆ ตอนนี้เงินไม่สำคัญเลยพี่ ต้องการเวลาอย่างเดียวเลย ฮ่าๆๆ ประมาณว่าไปกะทัวร์แพงหน่อยก็ได้ไม่เป็นไร แต่หนูบ่มีเวลา 4วัน3คืนนี่แบบฝันไปเลยอะพี่ ตอนนี้แค่นอนติดกันห้า ชม ยังไม่เค๊ยยไม่เคยมาเดือนนึงแย้วววว ฮือๆๆๆ เมื่อไรจะพ้นเวลาแห่งความเพลียไปได้เนี่ยพี่ น้องละเหนื่อยจิงๆ ปล ได้ของเล่นน้องปันปันมาเยอะมะคะพี่ เนี่ยได้บัตรลด50% เซนทรัลมาล่ะ ฮี่ๆๆๆๆ จะชวนพี่กะพี่ยู้ไปช้อปของเด็กอยู่เนี่ย ได้รวมบิลกัน ไปป่าวพี่ๆๆ จากคุณ : บัว (นรกขุมสุดท้ายของชายเจ้าชู้) - [ 26 ม.ค. 49 21:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ชอบของ Ikea มากๆเหมือนกันค่ะ เคยชิปกลับมาเมืองไทยนิดหน่อย แต่ชิ้นที่ชอบมากๆก็เป็นโคมไฟแต่หนัก เลยได้แต่ทิ้งไว้ให้เพื่อนใช้ต่อ รวมถึงจานชามแก้วน้ำยกให้เพื่อนหมดเลย จากคุณ : Brownie point - [ 27 ม.ค. 49 10:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ภาค 3 มาให้ว่อง จากคุณ : กลัวที่หนาย - [ 27 ม.ค. 49 10:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อยากได้ตู้ใส่ DVD ของ Ikea มาก ๆๆ เลยคะ T T เคยมีของมาขายที่ Index พวกเวป thai dvd ไปแห่ซื้อกันมาคนละเป็น 10 อัน ตอนนั้นเราก็ชะล่าใจ ไม่ซื้อ ตอนนี้อยากได้ ใครจะไปฮ่องกงมั่งเนี่ยะ ปล. หมูแดงน่ากินมาก ๆๆ เลยเฮียไว จากคุณ : chip-a-hoy - [ 27 ม.ค. 49 14:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ต๊ายยย ทำไมชั้นโง่วะ ไปเสม็ดคืนเดียว หมดเกือบหมื่น ไปฮ่องกงสามคืน หมื่นห้าเองเหรอฟระ!! จากคุณ : -=.Gay-E-Cha.=- - [ 28 ม.ค. 49 09:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เฮียไวถ้าเจอทองม้วนไส้หมูหยองของ AJIBAN ฝากดูราคามาโพสต์หน่อยครับ   อยากรู้เหมือนกันว่าเค้าขายปลีกที่โน่นอยู่กี่บาท แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 49 18:57:14 จากคุณ : hystiria - [ 28 ม.ค. 49 18:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เขาน่าจะจอดรถให้ถ่ายรูปเป้นจุดชมวิว เนาะ สวย ๆ จากคุณ : hookman13 - [ 31 ม.ค. 49 02:02:54 ]