ล้อเลียนกระทู้ข้างล่างของจุ๊บซะงั้น อิอิ
ศุกร์ที่แล้ว มีภารกิจเดินทางไปต่างเมืองเพื่อประชุม
ค่ำวันพฤหัส โทรไปสั่งจองรถยนต์รับจ้างสาธารณะล่วงหน้าจากศูนย์วิทยุเจ้านึง ให้รถมารับตอนตีห้า
ตีสี่ครึ่งวันศุกร์ ศูนย์วิทยุก็โทรมาแจ้งเลขทะเบียนรถที่จะมารับ เป็นการปลุกผมให้ตื่นไปในตัว ผมก็อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยในไม่ถึง 20 นาที พอตีห้าเป๊ะ ก็ได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย ยัดกระเป๋าเข้าท้ายรถไม่ได้ เพราะติดถังแก๊ส ก็เลยเอากระเป๋าวางไว้ข้างตัวที่เบาะหลัง ไม่เป็นไร ยังไงก็นั่งคนเดียวอยู่แล้ว
รถออกจากหน้าหมู่บ้าน ก็วิ่งเลียบถนนพระราม 3 ไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วปานกลาง ซัก 100 กม./ชม. เพราะเป็นเช้ามืดวันหยุด รถว่างมาก
พอถึงแยกที่จะเลี้ยวซ้ายไปสาธุประดิษฐ์ หรือถ้าตรงไปก็จะลอดใต้สะพานพระราม 9 ก็มีทางเลือกสองทาง ให้เลี้ยวซ้ายไปสาธุประดิษฐ์ หรือขึ้นสะพานข้ามแยกตรงไป ซึ่งถ้าจะไปแบบไม่อ้อม ก็ต้องเลี้ยวซ้ายไปขึ้นทางด่วน
พี่คนขับแกคงเกิดสับสนในชีวิต ประมาณจะซ้ายดี หรือตรงดี ... คิดอยู่จนใกล้จะถึงสะพานยกระดับอยู่แล้ว ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ สุดท้าย พี่เค้าเลยแทงกั๊ก คือไม่เลี้ยว และไม่ตรง
รถก็พุ่งปีนราวสะพานแบบผ่ากลาง กวาดป้ายต่างๆ ที่บอกให้ชิดซ้ายชิดขวาซะทางนึง และป้ายห้ามรถเล็กพวกมอเตอร์ไซค์ขึ้นสะพานลอยกระจายข้ามรถไป ...
จนตัวรถคร่อมราวสะพานแล้ว ก็โชคดีกระมัง ที่ฝั่งขวาของรถหนักกว่า คือมีทั้งคนขับร่างท้วม และกระเป๋าผมอีกราว 15 กก. รถเลยเอียงขวาเอาด้านข้างถูกับพื้นถนนบนสะพานไถลไปราวๆ 50 เมตร ก่อนที่จะเริ่มขวางลำและพลิกกลับมาเอาล้อลงใหม่ด้วยแรงเหวี่ยงของความเร็วที่รถวิ่งมา และไปหยุดหมดฤทธิ์ที่ราวสะพานด้านขวา
ผมเปิดประตูแบบต้องใช้แรงถีบช่วย ก่อนออกมาสำรวจว่ารถที่นั่งมาเป็นยังไงบ้าง ก็พบว่ากระจกแตกหมดทุกบาน สีข้างด้านขวายุบไปทั้งแถบ หน้ารถยุบเข้ามาครึ่งนึงได้ ส่วนล้อทั้งสี่แบะออกแบบทางใครทางมัน
ผมเดินอ้อมไปดูคนขับ ช่วยกระชากประตูเปิด เท่าที่ดูภายนอก พี่เค้าก็ไม่เป็นอะไรมาก มองไปในรถก็เห็นว่าวิทยุรับส่งในรถยังทำงาน ผมก็เลยบอกให้พี่เค้าวิทยุแจ้งศูนย์ซะ ส่วนผมต้องรีบไปสนามบิน คงต้องเรียกรถใหม่ แล้วก็ลาเค้ามาเรียกรถใหม่เพื่อไปสนามบินต่อ
******************************
วินาทีที่เห็นว่าพี่คนขับแทงกั๊กแน่ๆ ผมทำตัวเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบเข้ามุม เอาตัวแนบเข้ามุมห้องโดยสารรถไว้ มือซ้ายโหนราวจับเหนือประตู ส่วนมือขวาก็ยันกระเป๋าเดินทางไว้แน่น พอในจังหวะที่รถพลิกเอาข้างขวาลงฟาดพื้น ผมก็เสียววาบ มองผ่านกระจกหลักว่ามีรถตามมาทิ่มซ้ำหรือไม่ ... โชคดีที่ไม่มี ไม่งั้นก็คงสวดมนต์ยังไม่ทันจบบทก็คงไปซะก่อนแล้วละ
- โชคดีที่ยังเช้ามาก และเป็นวันหยุด ไม่มีรถตามมาเสียบด้านหลัง
- โชคดีที่มีกระเป๋าเดินทางวางข้าง ทำให้ผมมีที่ยึด และไม่มีที่ว่างให้ตัวผมเหวี่ยงไปมาที่เบาะหลังตอนรถตะแคงอยู่
- โชคดีที่พลิกขวา ไม่ใช่ซ้าย เพราะถ้าพลิกซ้าย ฝั่งที่ผมนั่งจะร่วงลงมาจากสะพานที่ความสูงประมาณเกือบสองเมตร
และที่โชคดีกว่านั้น ผมมีเพียงรอยฟกช้ำเขียวนิดหน่อยที่ข้อมือขวาขนาดซักเท่าหัวแม่โป้ง กับที่สะโพกอีกขนาดเท่ากัน ซึ่งคงเกิดจากการกระแทกกับกระเป๋านั่นแหละ
****************************
ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน ก็นั่งคำนวณคร่าวๆ รวมทุกกรมธรรม์ ทั้งที่บริษัททำให้ ทั้งแบบปกติและแบบที่ประกันเดินทางที่ซื้อเพิ่มคุ้มครอง ประกันส่วนตัว ... เจ้าปัน-ปันจะมีทุนอยู่ประมาณ 5 ล้านกว่า ... อดไป หุหุ
ก็เกือบจะต้องบอกลากันซะแล้วนะเพื่อนชาวหลังห้อง แต่ถ้าไปจริง ผมคงไม่สามารถมาบอกลาที่กระทู้ได้หรอกนะ คงต้องอาศัยไปบอกด้วยตัวเองแทน อุอุ 
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 49 12:40:35
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 49 12:39:10
จากคุณ :
(แมลงสาบ)
- [
13 พ.ค. 49 12:37:57
]