ความคิดเห็นที่ 17
บทที่ 6 อดีตมิตรคือศัตรู
ในสายลมที่พัดแรงจนใบไม้ร่วงหล่น รถสีดำก็ขับมาจอดหน้าประตูวัด... ชายในสูทสีฟ้า ถอดเสื้อนอกออก...ก่อนพับแขนเสื้อขึ้น เผยผิวราวกับทรายละเอียด เขาเดินลงจากรถ... ก่อนจะเดินก้าวข้ามธรณีประตูวัด "เจ้าผ่านไม่ได้..." มีสุรเสียงแววมาจากสายลม...และผืนดิน...ใบไม้ ปลิ้วกระจายด้วยแรงลม พริบตา สายลมกรรโชกแรงอย่างประหลาดทั้งๆที่เมื่อครู่แทบไม่มีลมเลย "ข้าจะผ่าน...หน้าไหนก็มาขวางไม่ได้" ลัสพรายยิ้ม ก่อนร่ายคาถา "ข้า อวตารแห่ง แอสโมดิวส์ผู้แข็งแกร่ง แม่ทัพแห่งนรก ขุนพลปีศาจ ขอออกคำสั่ง...จงเปิดทาง" สิ้นคำ ที่ออกเสียงราวบทกลอน เขาก็หยิบหลอดทดลอง เปิดจุกไม้ เพื่อ เทสารเคมีสีเงินลงไปบนพื้น "สลายไป...ซะ" พริบตา สายลมก็หวีดร้อง... ลัสผิวปากช้าๆ... เดินตัวปลิวเข้าไปในบริเวณวัด ก่อนจะถูกกำแพงลมอันใหม่ ฟาดเข้าอย่างจัง... คราวนี้เขาหัวเราะเบาๆ อย่างเหยียดๆ "Nice to meet you.พรหมศร" ลัสเอ่ยขึ้น...ขณะเอามือฟาดกำแพงที่มองไม่เห็น "หนุมาน บุตรแห่งวายุเทพเอ๋ย ลูกพระพายผู้ทรงฤทธิ์ ขอเบิกทางให้ข้า" ลัสเทสารสีเงินอีกครั้ง... แต่กำแพงลมก็ยังไม่หายไป กำแพงลมนี้ราวกับกำแพงแก้วที่กางกันอสูรร้ายตาสีฟ้ากับเขตขันธสีมาอันศักดิ์สิทธิ์ แกทำได้ไง...Craven ออกมาสู้กันสิ ลัส เริ่มอารมณ์เสีย...ในสถาบันวิจัย ลัสเคยทำลายกำแพงลมของคนอื่นๆ มามากแล้ว ยกเว้นของพรหมศร ที่นี่เป็นเขตอภัยทาน...เราไม่อยากทำร้ายใคร พรหมศรก้าวออกมา พร้อมลูกกลมๆ ขนาดเล็กที่มือ... มันคือเครื่องสร้างกำแพงลมซึ่งใช้หลักการของ วัตถุลวงตาผสมกับศาสตร์ของนักเล่นแร่แปรธาตุโบราณ แค่ผู้หญิงคนเดียวทำแกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ...จริงสิ หรือเป็นเพราะการตายของนังนั่น ลัสทำท่าจะเอ่ยชื่อ...แม้วาจาจะฟังดูเหมือนการทักทายแต่น้ำเสียงก็แฝงถึงความบ้าคลั่ง อย่า ได้ เอ่ย ชื่อ เธอ! พรหมศรโกรธจัด... เขาหยิบปลอกแขนสีเงินดูแปลกตาขึ้นมาสวม... ลมกรรโชกอย่างรุนแรง ปลอกแขนนั้นล๊อคเข้ากับแขนเขาทันที... พริบตามันก็ซึมเข้าไปในเนื้อราวกับเป็นของเหลว...คงไว้แต่แผงควบคุม เรืองแสงบนข้อมือ... ลัสก็เช่นกัน เขายิ้มและหยิบสิ่งเดียวกันมาติดแขนตน... พรหมศรดึงกระดาษออกมาปึกหนึ่ง มีลักษณะเป็นยันต์ตัดเป็นรูปตัวคนแบบญี่ปุ่น พรหมศรแววตาคลุ้มคลั่งแทบคุมสติไม่อยู่...เขาฉีกกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง ก่อน เขียนตัว อักษรภาษาญี่ปุ่นคิทซึโนะ อินนาริ จงออกมาแล้วเชื่อฟังข้าผู้เป็นนาย...สัตว์อสูร....จิ้งจอกเพลิง สิ้นเสียงพรหมศรก็เอากระดาษเข้าสแกนกับเครื่องมือที่แขนตนก่อนโยนกระดาษลงพื้น... ละอองฝุ่นลมกระจายไปทั่ว เผยให้เห็นภาพจิ้งจอก เก้าห้าง ตัวใหญ่เท่าสุนัขสีขาวดูจางๆ ก็ปรากฏออกมา ก่อนเพลิงจะลุกท่วมตัวจิ้งจอกดังกล่าว... โฮ่ ชิกิงามิ ของนังนั่น ลัสรู้ดีว่าพรหมศรรู้จุดอ่อน ตัวเอง คือเกลียดไฟและกำมะถัน... ได้ ในเมื่ออยากดวล ออกมา...จงออกมาแล้วเชื่อฟังข้าผู้เป็นนาย...สัตว์อสูร....บาซิลิสก์ พลัน งูขนาดไล่เลี่ยกันสีเขียวมรกต ปนฟ้าดวงตาสีแดงเหมือนเพชรพลอย ก็ออกมา อ้าปากเผยเขี้ยวคมยาว...มีหงอนเหมือนเกล็ดของไดโนเสาร์บนหัว บาซิลิสก์คำราม
จิ้งจอกเพลิง เหวี่ยงไฟใส่ลัสทันที... เขาหลบโดยการกระโดดครั้งเดียวขึ้นไปยืนบนกำแพงวัด...เพลิงที่ภาพเสมือนสร้างกลับเผาพื้นจริงๆ จนเป็นรอย... ฟู่ เกือบไป เกือบไป MY turn ลัสโบกมือชี้ไปที่จิ้งจอกเพลิง งูใหญ่พุ่งใส่จิ้งจอกเพลิงและงับเข้าเต็มเขี้ยว ทว่าจิ้งจอกเพลิงกลับกลายเป็นเถ้า... พลันเกิดเงาจิ้งจอกเพลิงอีกสามเงาเข้าล้อมกรอบพญางูใหญ่อย่างไม่มีช่องหนี... Ashes to ashes, dust to dust. เถ้า ธุลี อัคคีวินาศ พรหมศรกล่าวด้วยเสียงเหยียบเย็น...ก่อนเพลิงไฟจะโหมใส่งูใหญ่จนไหม้ เป็นจุล ลัสไอเป็นเลือดทันที... กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวด งูที่ไฟลุกท่วมเลือนหายไป... จิ้งจอกเพลิงจึงรวมเป็นร่างเดียวและกระโจนใส่ลัสที่กำลังทรุดลงเล็กน้อย ปกป้องข้า จักรแก้ว พริบตา ลัสตะโกนขึ้น เกิดใบจักรที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีสมัยใหม่บินเข้ามาขวางจิ้งจอกเพลิงไว้ทำให้ไฟถูกลมหมุนจากใบจักร พัดไป... จิ้งจอกเพลิงร่วงลงพื้น... ก่อนยิงลูกไฟใส่อีกแตะก็โดนเบี่ยงลงพื้นวัดเสียหมด... ลัสเลียริมฝีปาก...เขาหยิบกล่องแช่เย็นขนาดเล็ก ภายในบรรจุดีนกยูง เปิดมันช้าๆ ก่อนหยิบขนเสือแทงเข้าที่ดีนกยูง... ขนที่อ่อนของขนเสือเริ่มแข็งขึ้นราวกับเป็นเข็มเย็บกระสอบ ลัสกระโจนเข้าไปที่จิ้งจอกเพลิงโดยใช้จักรเป็นโล่... ก่อนเสียบขนเสือเข้าที่กลางศีรษะของจิ้งจอกเพลิง... จิ้งจอกเพลิงร้องด้วยความเจ็บปวด...ก่อนไฟลุกท่วมตัวมัน...และเลือนหายไป... พิษเสือไฟ... พรหมศรพูดก่อนไอเป็นเลือด...เลือดพรหมศรหยดลงพื้นช้าๆ...เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาเช็ด... การเรียก ชิกิงามิ ต้องใช้พลังมาก หรือจะฝืนเรียก หุ่นพยนต์ ระดับต่ำกว่านี้ออกมาสู้ล่ะ ลัสยิ้มกลบเกลื่อน... พลังที่เสียไปของทั้งสองตอนนี้ทำให้ทั้งสองเดินแทบจะไม่ไหว... จักรแก้วก็แบตหมดหล่นลงพื้นเรียบร้อยแล้ว... จะเอาไง...เรียกทูตนรกออกมาหรือจะใช้ครีเจอร์แบบในห้องซ้อมล่ะ... ลัสเว้นช่วง...ก่อนเรียกพรหมศรเหมือนคำที่เคยเรียก Partner พรหมศรโกรธทันที... แต่ก่อนเขาเป็นคนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อเขาอยู่ที่นี่ เขาไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธต่อหน้าใคร เขาเก็บเศษบาตรแตกบริเวณพื้นวัด...ก่อนเดินเข้าหาลัสช้าๆ... ร่ายมนตร์ภาษาโบราณที่น้อยคนนักจะเคยได้ยิน ไม่นานเศษบาตรแตกนั้นก็ขยายขนาดออก แม้รูปทรงจะเปลี่ยนแต่สีและริ้วรอยก็ดูเหมือนจะขยายขนาดตาม จนกลายเป็นดาบสีดำ... แกเก่งดาบไม่ใช่เหรอ...Defend yourself แอสโมดิวส์ พรหมศรพูดก่อนชี้ดาบไปที่ลัส... ลัสหัวเราะ...ก่อนหยิบเศษไม้มากวัดแกว่ง...ทว่ายิ่งแกว่งมันก็ยิ่งดูเหมือนโลหะและคมขึ้นเรื่อยๆ ดาบไม้ของลัส ฟาดเข้าที่ร่างของพรหมศรก่อน... เขาเบี่ยงตัวหลบแล้วฟาดกลับ...แววตาของพรหมศรตอนนี้เริ่มใกล้เคียงอสูรเข้าไปทุกที... เขาหมุดตัวฟาดดาบกลับอย่างไม่ยั้ง... ตอนนี้ผู้รุกกลับต้องตั้งรับอย่างเดียวเสียแล้ว... เสียงดาบไม้กระทบกับเสียงดาบจำแลงดูเหมือนเหล็กปะทะกันก็ไม่ปาน... ลัสถูกต้อนจนเกือบออกนอกวัด ดาบของพรหมศรฟาดเข้าเฉียดเสื้อเชิ้ตของลัสเพียงนิดเดียวมันก็ขาดร่วง... บ่งบอกความคมได้ดี... แต่ก็หวิดไปสำหรับการสร้างบาดแผล เสื้อนี่ราคา 300 เหรียญเชียวนะ ลัสพูดก่อนผละตัวถอยร่นไปตั้งหลัก...ในขณะที่พรหมศรเริ่มหอบเหนื่อย... เศษบาตรแตกมีฤทธิ์ทำอันตรายสาหัสให้ผู้ใช้เวทย์มนตร์ได้เพราะเคยใส่ของที่ผู้คนร่วมกันทำบุญ ขอแผลเดียวเท่านั้น พรหมศรคิด... ลัสซึ่งรู้ดีถึงดาบอันตรายนั่น อยากได้สงครามใช่ไหม ก็ได้...จะทำตามประสงค์ ลัสหรี่ตาลงในขณะพูดช้าๆ
จากคุณ :
มิ๊วๆ แมวพันปี
- [
26 ธ.ค. 50 17:50:23
]
|
|
|