ความคิดเห็นที่ 1 - มี lifestyle อย่างไร เรียน เที่ยว ชอปปิ้ง - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สวนสาธารณะ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) แอร์โฮสเตสคร่า - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) คนที่เรารักและคนที่รักเรา (นอกจากครอบครัวนะคะ) - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" เห็นด้วยค่ะ อิอิ ไม่โกรธ เพราะเป็นเรื่องจริง ^^ จากคุณ : ImMuNoLoGy - [ 13 ก.ค. 51 01:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 - มี lifestyle อย่างไร รักความสงบ มีโลกส่วนตัวสูง ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลง อยู่กับคอมวันนึงเกิน 80% ของเวลาที่ตื่นอยู่ ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ห้องสมุด สวนสาธารณะ ร้านอาหารที่เปิดเพลงเจ๋งๆ สถานที่ที่ไม่วุ่นวาย - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) ทำอยู่แล้วตอนนี้ งานสายไอที แต่จริงๆอยากทำงานด้านดีไซน์มากกว่า - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ไม่ใช่สิ่งของได้ป่าว อยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข คือ พ่อแม่สบาย น้องชายมีอนาคตที่ดี... - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" คิดตรงกันข้าม คนรุ่นก่อนทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากขนาดนั้นด้วย? เรื่องบางเรื่องไม่เห็นจะต้องซีเรียสก็เก็บเอามาจริงจังกันเกินไป แล้วความอดทนที่ว่าคืออะไร? ถ้าคือการมาทำงานแต่เช้ากลับดึกดื่นเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้โลกรู้ว่าฉันทุ่มเท เรารู้สึกว่าคุณกำลังเข้าใจนิยามชีวิตผิดไปแล้วล่ะ ชีวิตคนเราไม่ใช่มีแต่การทำงานอย่างเดียวนะ ต้องมีเวลาเล่น พักผ่อน หาความรู้เพิ่มเติม ในส่วนที่เท่าๆกัน บริษัทกำหนดเวลางานมาแปดชั่วโมงนั่นถูกต้องแล้ว ตลอดแปดชั่วโมงงานเราก็ทุ่มเททำเต็มที่ และเมื่อหมดเวลาแล้วเดินออก ทำไมต้องมองเหมือนว่าเราเป็นตัวประหลาดด้วยอะ หาว่าไม่ทุ่มเทบ้างล่ะ ไม่สู้งานบ้างล่ะ ไม่เข้าใจ GenerationX เลย ฮ่วย!! จากคุณ : ไม้ไต่คู้ - [ 13 ก.ค. 51 02:03:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 - มี lifestyle อย่างไร ส่วนมากจะชอบทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับศิลปะทุกแขนง ดูหนัง ฟังเพลง ไปชมงาน ศิลปะ ไป hangout ตาม event ดีๆน่าสนใจ และไปนอนเล่นตาม park ใกล้บ้าน - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สถานที่ที่มีงานอาร์ททุกแขนงให้เสพย์ค่ะ เช่น อาร์ทแกลอรี่ คลับที่มีเพลงเจ๋งๆ และสวนสาธารณะที่อากาศดีๆ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว ทำอะไรที่เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ (Branding) - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ เป็นเจ้าของบริษัทตัวเอง ในสายงายสร้างแบรนด์ และอยู่กับแฟนสองคนอย่าง มีความสุข แก่ตัวลงก็จะเดินทางเที่ยวแบ็คแพ็คทั่วโลก - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่ บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Y วอด" อืมม ไม่เคยได้ยินแฮะ เพิ่งจะมาได้ยินก็จากคนถามนี่แหละนะ ถ้าเอาความรู้สึก จริงๆก็แรงนะ .... แล้วเมิงอะ ดีนักหนารึไงวะ ดีแต่ว่าคนอื่น .... ประมาณนี้ จากคุณ : เทเลทับขี้ - [ 13 ก.ค. 51 05:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยตอบนะครับ และก็เข้าใจอย่างสุดซึ้งกับบางท่านที่มีอารมณ์กับคำถามสุดท้าย ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกันครับเพราะผมก็กำลังทำการเก็บข้อมูลดิบเกี่ยวกับ Gen Y อยู่ หากเป็นไปได้รบกวนทุกท่านช่วยอ่านบทความข้างล่างต่อไปนี้แล้วช่วยคอมเมนท์อีกทีนะครับ ขอบคุณจากใจจริง ^^/ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 06:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Generation Y !!! Positioning Magazine   มิถุนายน 2550 Gen Y หรือคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป กำลังเริ่มเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน แต่พวกเขาเป็นพนักงานที่แปลกแตกต่างไปจากพนักงานทั้งหมดเท่าที่โลกเคยมีมา Generation Y หรือคนที่เกิดระหว่างปี 1977-1995 ซึ่งบางส่วนเติบโตจนเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน กำลังรุกเข้าสู่บริษัททั่วสหรัฐฯ แต่พวกเขาเป็นพนักงานที่แตกต่างไปจากพนักงานรุ่นก่อนๆ ในหลายด้าน นับตั้งแต่การเลี้ยงดูไปจนถึงโลกทัศน์ พวกเขาเฉยเมย น่ารำคาญ ทะเยอทะยาน เรียกร้อง และตั้งคำถามกับทุกสิ่ง หากไม่มีเหตุผลดีพอ อย่าหวังว่า Gen Y จะยอมเสียเวลาเดินทางไปทำงานนอกเวลาหรือยอมทำงานดึก ความภักดีต่อบริษัทของ Gen Y จะอยู่ในอันดับท้ายสุด ในรายการสิ่งที่ให้พวกเขาให้ความสำคัญ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ครอบครัว เพื่อน สังคม เพื่อนร่วมงาน และตัวของพวกเขาเอง แต่โลกธุรกิจก็ไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องอ้าแขนต้อนรับพวกเขา เพราะคนรุ่นพ่อแม่ของ Gen Y คือรุ่น baby boom หรือคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังทยอยเกษียณอายุ โดยจะมี Baby Boom ราว 64 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่จะเกษียณอายุในปลายทศวรรษนี้ และถึงแม้โลกธุรกิจจะไม่ต้อนรับพวกเขา พวกเขาก็แค่กลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ ซึ่งดูเต็มใจจะต้อนรับพวกเขากลับบ้านโดยไม่คิดจะดุด่าว่ากล่าวแม้แต่คำเดียว Gen Y เป็นคนที่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ติดเพื่อน ชอบทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน เสียงดัง มองโลกในแง่ดี และมีรอยเจาะในร่างกายมากกว่า 1 แห่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ Baby Boom ของพวกเขา ผู้เชี่ยวชาญการวิจัยลักษณะของคนแต่ละรุ่นชี้ว่า Gen Y ซึ่งกำลังเข้าสู่วัยทำงาน นับเป็นคนวัยทำงานที่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่อย่างดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก และขณะเดียวกัน ก็กำลังจะเป็นคนวัยทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกเช่นกัน Gen Y ย่างก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน ด้วยข้อมูลความรู้ที่อัดแน่นอยู่ในหัว มากกว่าที่คนวัยยี่สิบรุ่นก่อนหน้าพวกเขาทุกรุ่นเคยมีมา และยังพร้อมมูลด้วยข้อมูลข่าวสารที่มากกว่าเพียงปลายนิ้วสัมผัสในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ พวกเขายังมีความคาดหวังที่สูงยิ่ง แต่สิ่งที่พวกเขาคาดหวังสูงสุดและเป็นสิ่งแรก คือตัวของพวกเขาเอง จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 06:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บุคลิกลักษณะและโลกทัศน์ของ Gen Y ข้อมูลจากสำนักสำมะโนประชากรสหรัฐระบุว่า Gen Y มีจำนวน 79.8 ล้านคน ซึ่งมากกว่าคนรุ่น Baby Boom รุ่นพ่อแม่ของพวกเขา ที่มีจำนวน 78.5 ล้านคน การจะให้คำจำกัดความ Gen Y เป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม Gen Y มีลักษณะผิดแผกแตกต่างจากคนรุ่นก่อนหน้าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนรุ่นก่อนหน้า Gen Y ต่างทุกข์ทรมานกับปัญหาความอ้วน แต่ Gen Y ชอบไปฟิตเนส Joshua Buttler นักบัญชีที่เป็นนักเพาะกายในขณะเดียวกัน เขาสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว หนัก 230 ปอนด์ ด้วยวัย 22 ปี และการศึกษาจาก Howard University เขาได้เข้าทำงานในบริษัทบัญชียักษ์ใหญ่อย่าง KPMG ซึ่งยอมให้เขาเปลี่ยนแปลงเวลาทำงาน เพื่อจัดตารางเวลาสำหรับฝึกเพาะกาย เพื่อจะเข้าร่วมแข่งขันเพาะกาย เขายังเป็นนักกีฬาเทนนิสของบริษัท และบริษัทยังยอมให้เขาย้ายไปยังนิวยอร์กตามที่เขาต้องการ ผลสำรวจคนรุ่น Gen Y ในสหรัฐฯ พบว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของคนอายุ 18-25 ปี ต่างนิยมมีรอยสัก และ 30% ของคนวัยดังกล่าว มีรอยเจาะในร่างกายมากกว่า 1 แห่ง แต่เครื่องประดับที่สำคัญที่สุดสำหรับ Gen Y ซึ่งเกิดมาในยุคที่โลกร่ำรวยเทคโนโลยี คือ ข้าวของเครื่องใช้ไฮเทคทั้งหลาย iPod, BlackBerry, Laptop ซึ่งเปรียบเสมือนแขนขาที่ Gen Y ขาดไม่ได้ ในการทำงาน Gen Y ดูเหมือนจะเรียกร้องสูงและรักษาสิทธิ์อย่างเต็มที่ แต่พวกเขาไม่ใช่คนหยิบโหย่ง แม้อาจจะดูเหมือนเป็นเช่นนั้น แต่ความจริง พวกเขาเพียงแต่ชอบเรียกร้องขอมีทีม ที่จะคอยช่วยเหลือเกื้อหนุนพวกเขาในการทำงาน รวมทั้งต้องการคนที่จะคอยให้กำลังใจอีกนิดหน่อย ในการจะลงมือทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้นเอง สำหรับ Gen Y บางคนแล้ว นิยามคำว่า “จริยธรรมการทำงาน” จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ และยังมีนิยามอีกหลายอย่างที่ Gen Y เปลี่ยนมันเสียใหม่ พวกเขาไม่แบ่งแยกเพศและเชื้อชาติ ผู้หญิงสามารถดูกีฬาและเล่นวิดีโอเกมเหมือนผู้ชาย Gen Y โตขึ้นมาพร้อมกับการบริโภคสื่ออย่างกว้างขวาง ทำให้พวกเขาคุ้นชินและยอมรับความหลากหลาย Gen Y เติบโตมาโดยถูกปลูกฝังว่า พวกเขาจะเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น อย่างไรก็ตาม โลกทัศน์ของ Gen Y สั่นสะเทือน หลังจากเกิดเหตุสะเทือนขวัญที่โรงเรียนมัธยม Columbine ซึ่งเด็กนักเรียนใช้ปืนยิงกราดสังหารเพื่อนนักเรียนด้วยกัน และเหตุวินาศกรรมช็อกโลกซึ่งผู้ก่อการร้ายถล่มตึกเวิลด์เทรด ที่เรียกว่าเหตุการณ์ 11 กันยายน เหตุสะเทือนขวัญทั้งสอง เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงและจริงจัง เกินกว่าภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ในสมัยพ่อแม่ของพวกเขา Gen Y รู้สึกว่า ภัยคุกคามในยุคของพวกเขานี้ สามารถจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ กับใครก็ได้ และไม่มีทางที่จะคาดการณ์ได้ เมื่อบวกกับข่าวร้ายด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะเป็นหลักประกันให้แก่ Gen Y ได้ว่า ชีวิตในวันพรุ่งนี้จะมีความสุขหรือปลอดภัย Gen Y จึงตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดและดีที่สุดเสียแต่วันนี้ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 06:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ติดพ่อแม่ Gen Y เติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของ Baby Boom พ่อแม่ของพวกเขา ซึ่งตั้งใจจะเลี้ยงดูพวกเขาอย่างตรงข้ามกับที่ตัวเองเคยได้รับมาในวัยเด็ก Gen Y จึงเป็นลูกที่ได้รับการพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจจากพ่อแม่มาตั้งแต่เกิด เมื่อบวกกับความร่ำรวยของพ่อแม่ในยุคทศวรรษ 1980-1990 และการที่พ่อแม่รู้สึกผิด ที่ต่างทำงานนอกบ้านทั้งคู่ จนมีเวลาอยู่ใกล้ชิดลูกน้อยลง จึงชดเชยความรู้สึกผิดนั้น ด้วยการให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูก Gen Y ไม่เพียงแต่ได้ทุกอย่างจากพ่อแม่อย่างที่ตัวเองต้องการ แต่พวกเขายังเป็นศูนย์กลางในชีวิตของพ่อแม่ Gen Y จึงมีความภาคภูมิใจในตัวเองสูง ไม่เคยถูกพ่อแม่ตีหรือดุด่าว่ากล่าว ไม่ว่าพวกเขาจะพูดหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ก็จะได้รับความชื่นชมยินดีเสมอ Gen Y เป็นเด็กที่เรียนหนัก และเติบโตเป็นวัยรุ่นที่ทะเยอทะยานสูง เป้าหมายคือ เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ซึ่งจะทำให้ได้งานดีๆ และมีชีวิตที่ดี แต่เมื่อ Gen Y รุ่นแรกเรียนจบมหาวิทยาลัยในช่วงปลายทศวรรษ 1990 Gen Y จำนวนมากกลับพบว่า พวกเขาหาได้เรียนรู้มากพอเกี่ยวกับความมานะบากบั่นหรือการเสียสละไม่ ทำให้ Gen Y จำนวนมากหวนกลับไปสู่สถานที่ที่พวกเขารู้ว่าปลอดภัยที่สุด นั่นคือบ้าน ผลสำรวจบัณฑิตในอเมริกาที่จบระหว่างปี 2000-2006 พบว่า 58% ย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่หลังจบมหาวิทยาลัย แต่มีถึง 32% ที่ยังอยู่กับพ่อแม่นานกว่า 1 ปี และแม้แต่บัณฑิตที่ย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ไปแล้ว แต่ผลสำรวจก็ยังพบว่า 73% ของคนอายุ 18-25 ปี ยังได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากพ่อแม่ และ 64% ยังต้องให้พ่อแม่เกื้อหนุนในเรื่องอื่นๆ แม้ Sheryl Walker วัย 24 ปี จะได้งานดีๆ ทำที่ PricewaterhouseCoopers แต่ก็ยังคงอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งเธอบอกว่า พ่อแม่มีความสุขที่เธอยังอาศัยอยู่กับพวกท่าน คนอายุ 20 ปีขึ้นไปยังคิดถึงตัวเองในวัย 20 แตกต่างไปจากคนวัยเดียวกันรุ่นก่อนๆ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ เปลี่ยนแปลงง่าย ไม่ชอบถูกผูกมัด และยังไม่เป็นหลักเป็นฐาน ข้อมูลหนึ่งที่ยืนยันความคิดว่าตัวเองยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอของ Gen Y คือ การที่อายุเฉลี่ยของหนุ่มสาวที่แต่งงานในปี 1960 ซึ่งผู้หญิงอยู่ที่อายุ 20 และผู้ชายอยู่ที่อายุ 23 เพิ่มขึ้นเป็นผู้หญิงอายุ 26 และผู้ชายอายุ 28 ในปัจจุบัน ซึ่งในแง่สังคมวิทยาแล้ว นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก การที่พ่อแม่ยังคงมีบทบาทอย่างสูงในชีวิตวัยเกิน 20 ของ Gen Y และการที่พวกเขาสามารถกลับไปอยู่บ้านได้ทุกเมื่อ โดยที่พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไร ทำให้ Gen Y มักมีปัญหาในการตัดสินใจ แม้ Gen Y จะมีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จ แต่วิธีการที่พวกเขาถูกเลี้ยงดูมา ซึ่งปลูกฝังความรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนสุดพิเศษ เป็นสิ่งที่ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดของบริษัท จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 06:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วิธีดึงดูดใจ Gen Y Katie Connolly นักกฎหมายสาววัย 28 ปี ผู้มีดีกรีจากมหาวิทยาลัย Minnesota Law School ยอมเปลี่ยนงานใหม่ที่ได้เงินเดือนน้อยกว่า ยอมออกจากบริษัทกฎหมายเก่าแก่อายุ 150 ปี ไปทำงานในบริษัทกฎหมายที่เล็กกว่า เพียงเพื่อจะได้มีหน้าต่างอยู่ข้างโต๊ะทำงาน และแต่งตัวตามสบายมาทำงาน ทั้งยังได้รับโอกาสว่าความเป็นครั้งแรก แม้ Gen Y จะให้ความสำคัญกับเรื่องเงินเป็นอย่างมาก และไม่ถูกใครหลอกง่ายๆ ในเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา ที่จะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่บริษัทใหญ่ๆ เสนอให้พนักงาน แต่นอกจากเรื่องเงินแล้ว Gen Y ยังสนใจบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ และมองหาคุณค่าที่พวกเขาสามารถจะยึดถือร่วมกับบริษัทได้ เช่น การให้ความสำคัญกลุ่มเพื่อน การบริหารที่ไม่มีพิธีรีตองหรือออกคำสั่งมากเกินไป บริษัทที่ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและงาน จะสามารถดึงดูดใจ Gen Y ได้แน่นอน แม้ Gen Y จะยอมทำงาน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ถ้าจำเป็น แต่พวกเขาจะต้องได้รับค่าตอบแทนที่พอใจ แลกกับการที่ต้องยอมสูญเสียเวลาพักผ่อนอันมีค่าไป และไม่ต้องการมีวิถีชีวิตที่ต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิต บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งปรับเปลี่ยนวิธีการรับสมัครงานให้เข้ากับคนยุค Gen Y ซึ่งคุ้นเคยกับ Flash Drive และการรับส่งข้อความ แทนที่จะเป็นโบรชัวร์แบบเก่า บางบริษัทถึงกับเปิดรับสมัครงานในเว็บ Facebook ยอดฮิตของนักศึกษาในสหรัฐฯ แต่เหนืออื่นใด กุญแจสำคัญที่สามารถจะดึงดูด Gen Y ให้เข้าไปทำงานได้อย่างแน่นอน อาจอยู่ที่บ้าน หากสามารถจูงใจพ่อแม่ของ Gen Y ได้สำเร็จ ก็เกือบจะแน่นอนว่า จะได้ลูกของพวกเขาเข้าไปทำงานด้วย บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Merrill Lynch ถึงกับจัดงานวันพบพ่อแม่ของพนักงานใหม่ เพื่อพาพ่อแม่เยี่ยมชมการทำงานของบริษัท รักษา Gen Y ให้อยู่กับบริษัท สิ่งที่เคยผูกมัดพนักงานไม่ให้เปลี่ยนงานในอดีต คือภาระที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัวและการผ่อนบ้าน ไม่ใช่สิ่งที่สามารถจะผูกมัด Gen Y ในวันนี้ได้อีกต่อไป การดึงดูด Gen Y ให้มาทำงานกับบริษัทก็ยากแล้ว แต่การจะรักษาพวกเขาให้ทำงานกับบริษัทใดเพียงแห่งเดียวไปนานๆ ยากยิ่งกว่า กุญแจคือ ใช้วิธีเดียวกับที่พ่อแม่ของ Gen Y ใช้ ในการเลี้ยงดูพวกเขาจนเติบโต นั่นคือ ให้ความรัก ให้กำลังใจ และให้รางวัล ซึ่งในบริบทของบริษัทก็คือ การมีกลุ่มคนที่จะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลการทำงานของ Gen Y การมีพี่เลี้ยง การมอบหมายงานที่ท้าทายไม่น่าเบื่อ และการแสดงความชื่นชมยินดีในความสำเร็จของ Gen Y ความภักดีของ Gen Y ขึ้นอยู่กับความเหนียวแน่นของความสัมพันธ์ ที่พวกเขามีต่อผู้บริหารที่อยู่เหนือพวกเขาโดยตรง ซึ่งจะต้องทำให้ Gen Y รู้สึกว่า ได้รับการเอาใจใส่จากผู้บริหาร โดยอาจเริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นนามบัตร ซึ่งจะทำให้ Gen Y รู้สึกตัวเองมีค่า การให้เขาได้เข้าร่วมการประชุมระดับบริหารเป็นครั้งคราว วันเกิดและวันเริ่มงานวันแรกของ Gen Y เป็นสิ่งที่จะลืมไม่ได้ ตัวอย่างเช่น Johnny Cooper นักออกแบบแฟชั่นของ J.C. Penney ด้วยวัย 23 ปี เขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยมีบทบาทในการปรับปรุงไลน์ชุดว่ายน้ำบุรุษ และยังได้ดูแลโครงการระดมทุนโครงการสำคัญของบริษัท หลังจากที่เขาเสนอความคิดนี้ต่อผู้บริหารผ่านทางอีเมล อีกตัวอย่างหนึ่งคือ KPMG ซึ่งจัดให้พนักงานใหม่มีพี่เลี้ยง และมีเว็บไซต์ที่ช่วยให้กระบวนการทำงานง่ายขึ้นกว่าปกติ รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมด้านสังคมของพนักงานใหม่ เพื่อให้เขามีกลุ่มเพื่อนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีการส่งพนักงานไปฝึกอบรมในต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ลดอัตราพนักงานลาออก จาก 25% ในปี 2002 เหลือ 18% ในปีที่แล้ว การจะพัฒนา Gen Y ต้องเข้าใจว่า คนรุ่นนี้มีศักยภาพสูงมากในการทำงานและในการเรียนรู้ มากกว่าคนรุ่นใดๆ ที่ผ่านมา Gen Y มีพลังมาก และมักคิดนอกกรอบ เขาอาจมีความคิดที่แปลกแหวกแนวชนิดที่คุณไม่เคยนึกฝันไปถึง Gen Y ไม่ต้องการมีชีวิตการทำงานแบบเดียวกับคนรุ่นก่อนๆ ที่มีความภักดีกับบริษัท ดังนั้น นอกจากบริษัทจะต้องสร้างเครื่องมือที่จะรักษา Gen Y ให้อยู่กับบริษัทไปนานๆ แล้ว ยังจะต้องหาวิธีที่รวดเร็วขึ้น ในการพัฒนาทักษะของ Gen Y และให้โอกาสที่ดีกว่าแก่พวกเขา หากให้ Gen Y มีโอกาสรับผิดชอบอย่างแท้จริง เขาจะพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เพราะนอกจากจะมีศักยภาพในการคิดและทำงานแล้ว พวกเขายังมีศักยภาพในด้านนวัตกรรม มีความกระตือรือร้น และมีมุมมองที่แปลกใหม่ แต่บุคลิกลักษณะที่สำคัญที่สุดของ Gen Y ซึ่งทำให้คนรุ่นนี้แตกต่างไปจากคนวัยเดียวกับพวกเขาทั้งหมดที่ผ่านมา อาจเป็นความเชื่อมั่นและการกล้าพูดกล้าทำโดยที่ไม่มีความรู้สึกผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัวด้วยแฟชั่นที่อาจดูเหมือนบ้าๆ บอๆ การเอาแต่ใจตัวเอง และการทำตามความต้องการของตัวเองทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องงาน เพราะ Gen Y จะคิดว่าตัวเองพิเศษ และจะคาดหวังเสมอว่า จะต้องมีใครสักคน พ่อแม่ เพื่อนหรือหัวหน้างาน ที่จะช่วยพวกเขาให้ทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จอยู่เสมอ เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ แปลและเรียบเรียง ฟอร์จูน 28 พฤษภาคม 2550 จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 06:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะผมเองเชื่อว่าบทวิเคราะห์จากหนังสือฟอร์จูนอาจมีเรื่องของสังคมและวัฒนธรรมของชนชาติอเมริกันปนอยู่ด้วย จึงอยากขอคอมเมนท์ในด้านความเหมือนหรือความต่างเมื่อเทียบกับ Gen Y ในไทยสักหน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ ^^/ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 06:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 - มี lifestyle อย่างไร เป็นตัวของตัวเอง ไม่ยึดติดกับเพื่อนหรือกลุ่มไหน พอใจก็อยู่ ไม่พอใจก็หลบ - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ไม่เคร่งเครียด ไม่เคร่งครัด เงินเดือนทั่วไป อยู่กันเหมือนพี่น้อง - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) เป็นครู เพราะเซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย อยากอยู่ในระบบการศึกษาต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ครอบครัวที่อบอุ่น ลูกน่ารัก ชีวิตการงานที่ราบรื่น ไม่ต้องก้าวหน้านักก็ได้ ขอแค่ราบรื่น - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" คิดว่าจะทนไปทำไม ในเมื่อเราสามารถแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าได้ ถ้ามัวทนกับความมืดก็ไม่มีหลอดไฟ ถ้ามัวทนกับโรคภัยก็ไม่มียา โลกจะพัฒนาได้เมื่อคนเราพยายามสร้างสรรค์สิ่งที่น่าพอใจต่อตัวเองและสังคม จากคุณ : คมลิขิต - [ 13 ก.ค. 51 07:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผม ขอแสดงความเห้น ในมุม ส่วนตัว นิดนึงนะคับ ผมว่าGEnY ในประเทศไทย น่าจะเป็น กลุ่มเด็กที่เกิดในช่วงประมาณปี34-35เป็นต้น ไปหน่ะคับ จากประสบการ์ณ ตนเองล้วนๆ นะคับ จากคุณ : ขอน้ำเปล่ากับยาดม (เหรียญ2ด้านดาบ2คม) - [ 13 ก.ค. 51 09:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 - มี lifestyle อย่างไร  เรื่อยๆ เรียบง่าย  ไม่ดิ้นรน  เป็นตัวของตัวเอง โลกส่วนตัวสูง - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ  ที่เที่ยวกลางคืน  แสงสี  เพราะ ไม่ร้อน ไม่วุ่นวาย และ รถไม่ติด - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ)   อยากทำธุรกิจส่วนตัว ครับ - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้)   ได้มี ฮาเร็ม เป็นของตัวเอง.........คิดว่า  โอเช สุดแร่ะ  เอิกๆๆ - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด"  แล้วแต่ มุมมอง น่ะ   เพราะยังงัย  เราก้อมีจุดยืนของตัวเอง....  มันก้อคงคล้ายๆกะ พวก babyboom ( ไมได้ว่าใครน่ะ )  ที่ไม่ยอมเรียนรุ้ พวก อินเตอร์เนท  ส่งเมลล์ ( ผู้บริหารบางคน  ยังใช้คอมไม่เปงเลย ) ประมานนั้น คับ จากคุณ : benzboonchu - [ 13 ก.ค. 51 10:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบด้วยครับในฐานะที่เป็น Gen Y อันดับต้น ๆ - มี lifestyle อย่างไร --- ก็ใช้ชีวิตไปตามที่อยากจะทำ เลือกทำในสิ่งที่ต้องการ แต่ต้องไม่ทำให้คนอื่นและสังคมเดือดร้อน ส่วนตัวเองอาจจะเดือดร้อนบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะเราเลือกที่จะทำเอง ส่วนถ้าคนอื่นจะมาร้อนอกร้อนใจเพราะเป็นห่วงหรือไม่เห็นด้วยกับเราก็ช่วยไม่ได้ เพราะเราเลือกแล้วตัดสินใจแล้ว   - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ --- สถานที่ที่ทำให้เรารู้สึกปลดปล่อยแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ มีอิสระและเสรีภาพ (แต่ไม่ใช่ในทางทีผิด) ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม หรือว่าผับ บาร์ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) --- ทำงานอะไรก็ได้ที่ได้แสดงออกถึงความสามารถ และเจริญก้าวหน้าด้วยเหตุผล ผลงาน (ไม่ใช่ที่ความประจบเอาหน้า หรือว่าสถิติการมาทำงานตรงเวลาหรือจำนวนวันลา) - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) --- ต้องการอยู่ในสังคมที่มีเหตุผล มีคนรักและเข้าใจเรา และเราก็รักเขา-- - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" --- คำตอบที่ได้ก็อย่าโกรธกันนะครับ-- -- ไม่เห็นด้วยอย่างที่สุด อย่าลืมว่าเด็กส่วนมาก มีนิสัยพื้นฐานจากการอบรมเลี้ยงดู เด็ก Gen Y จะได้รับการเลี้ยงดูจากใคร ถ้าไม่ใช่ Gen x ซึ่งพวก Gen x ไม่ควรที่จะมาสรุปผล แล้วกล่าวโทษ Gen  y โดยที่ไม่ได้ดูถึงวิธีการเลี้ยงดูของตัวเองเลยก็ไม่ถูก ใครที่เลี้ยงลูก สปอยล์ลูก ใครที่สอนแต่วิชาความรู้ โดยแทบจะไม่ได้พัฒนาจิตใจกัน ใครที่สนแต่ทำงานอ้างว่าเพื่อลูกแต่ไม่ได้สนใจว่าลูกต้องการอะไร ใครเป็นคนที่พยายามจะตัดวิชาศาสนา จริยธรรมออกจากหลักสูตรการศึกษา ใครที่พยายามใส่ความรุนแรง เรื่องทางเพศลงในหนังในละคร ฯลฯ  เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะปฏิเสธได้หรือว่าสิ่งที่คน Gen X กล่าวหาเด็ก Gen y ส่วนสำคัญ มันมาจากการกระทำของคน Gen x เอง ดังนั้น ก่อนจะกล่าวหา หรือด่าใครก็ควรหันกลับไปมองการกระทำของคนรุ่น X ด้วยนะครับ อันนี้ผมตอบตามแนวคิดผมเองนะครับ ไม่ได้จะด่าอะไรใครครับ จากคุณ : Cholesterol Lover - [ 13 ก.ค. 51 13:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 13 ก.ค. 51 13:15:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เกิดปี 1986 มีลักษณะเหมือนในหนังสือPositioning Magazineทุกประการ - มี lifestyle อย่างไร มีความสุข ณ วันนี้เลย จริงๆ รักพ่อแม่มาก ติดครอบครัว ไม่เคยมีใครกำหนดว่า ชีวิต ต้องทำยังไง ทุกทาง ต้องเลือกเอง ไม่มีใครมาบังคับได้ อยู่ในทะเลของข้อมูลข่าวสาร เวลาจะซื้ออะไร ต้องศึกษาหาข้อมูลก่อน ได้ไปเดินเล่นทุกวัน shopping สังสรรชอบที่จะผ่อนคลาย เล่นเน็ต เล่น MSN ติดต่อเพื่อนฝูงทางอินเตอร์เน็ต - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สบาย ๆ ที่ ๆ คุ้นเคย หรือต้องมีคนที่คุ้นเคยกันอยู่ เช่นเพื่อน หรือ ครอบครัว - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) อยากทำงานที่ได้เงินเยอะ ๆ มีการเติบโตของงานตามอายุ แต่มีเวลาพักผ่อนหาความสุขด้วย - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ครอบครัวที่ดี มีลูกที่ดีให้สังคม (เน่าไหม??) - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" ก็ไม่มีความอดทนจริงๆ อ่ะค่ะ เพราะชีวิตรุ่นนี้ ไม่ได้ผ่านความลำบากมา ตั้งแต่เกิดก็สบายซะหมด แต่ไม่อดทนนี่ก็มีหลายระดับนะคะ อยู่ที่พ่อแม่จะสปอยมาแค่ไหน แต่มันวายวอดตรงไหน?? ถึงเราไม่อดทน แต่ไม่ได้ เดือดร้อนใคร ก็ไอเคป่ะคะ? จากคุณ : Aizawa - [ 13 ก.ค. 51 14:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณทุกความเห็นที่แสดงอย่างตรงมาตรงไปนะครับ ก่อนอื่นผมต้องออกตัวสักนิดนึงครับว่าผมเป็นรุ่นปลาย Gen X คาบต่อรุ่นต้น Gen Y หากวัดจากปีค.ศ. 1977-1995 ตามนิตยาสารนี้นะครับ ตอนนี้ผมเป็นผู้บริหารระดับต้น-กลางของบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติสัญชาติอเมริกันแห่งหนึ่ง และผมเป็น 1 ใน committee ที่ดูแลเรื่องการจัดรูปแบบวัฒนธรรมเพื่อดึงดูดใจให้พนักงานอยู่กับบริษัทต่อไปนานเท่านาน เพราะบริษัทเชื่อว่าคนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ต้นทุนในการเทรนคนใหม่ขึ้นมา 1 คนสูงมากนักครับ ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าผมเองเป็นคนที่อยู่ในยุคคาบเกี่ยวระหว่างรุ่น Baby Boomer กับรุ่น Gen Y ซึ่งต้องผสาน 2 แนวคิดให้ลงตัวมากที่สุด เพื่อให้เกิด win-win situation ตามทฤษฎี ทีนี้คนรุ่น Baby Boomer ซึ่งตอนนี้เป็นระดับ CEOs มองคน Gen Y ในแนวคำถามสุดท้าย ขอเน้นนะครับว่าเป็นความคิดของคนรุ่นก่อนผม พวกเขามองว่ารุ่น Gen Y ขาดความอดทนที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกตนเชื่อมั่น พวก Gen Y ขาดความอดทนเพื่อรอให้ผลบังเกิด พวกเขามอง Gen Y ค่อนข้างไปทางลบ แต่ก็ยอมรับถึงศักยภาพของ Gen Y ไปในตัว..... พวกเขาเชื่ออย่างนั้นครับ ทีนี้งานผมก็เข้าแล้วสิครับพี่น้อง ต้องขอออกตัวอีกเรื่องหนึ่งคือ ในชีวิตส่วนตัวผมก็มีรุ่นน้องที่อยู่ใน Gen Y มากพอควร ที่พอนับๆได้ก็เกือบ 20 คนนะผมว่าที่ได้พูดคุยกัน ไปสังสรรค์กันสม่ำเสมอ มีตั้งแต่ที่ยังเป็นนักศึกษาจนถึงจบมาทำงานแล้วอายุระหว่าง 18-27 ปี ซึ่งผมนับว่าพวกเขาเป็น Gen Y ได้นะ แต่ที่ผมต้องมาถามพวกคุณซึ่งเป็น Gen Y ในห้องนี้เพราะผมไม่ต้องการความเกรงใจครับ อยากได้ข้อมูลดิบๆจากใจจริง คิดเสียว่าเพื่อช่วยพัฒนาแหล่งที่ทำงานที่น่าอยู่มากขึ้นสำหรับพวกเราทุกคนไม่ว่ารุ่นไหน และเพื่อจูนทัศนคติของทุกรุ่นให้เข้าใจซึ่งกันและกัน และยอมรับซึ่งกันและกันมากขึ้น สำหรับความเห็นส่วนตัวผมเอง อยากบอกว่า ผมมองทุกรุ่นเป็นสีเทา ไม่มีรุ่นไหนขาวบริสุทธิ์ หรือรุ่นไหนดำสนิทครับ มีทั้งข้อดีข้อเสียในตัวเอง แต่การได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราต้องมองหาข้อดีของแต่ละรุ่นให้ทุกฝ่ายเห็นให้จงได้ และร่วมมือกันระหว่างทุกรุ่น ในการพัฒนาปรับปรุงข้อด้อยให้น้อยลงหรือหมดไป โดยยึดหลัก open mind เราทุกคนต้องลืมให้หมดว่านโยบายคืออะไร ต้องลืมไปก่อนว่าวัฒนธรรมเก่าก่อนคืออะไร เพราะสิ่งที่เราทุกคนต้องทำคือ "ร่วมกันออกความเห็นให้เกิดนโยบายใหม่ ที่เสริมสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้เกิดขึ้น เพื่อองค์กรที่น่าอยู่ที่สุดสำหรับคนทุกรุ่นครับ" และด้านล่างนี้คือสิ่งที่ผมอยากทำครับ ลองอ่านดูลักษณะของ Gen X สักนิดครับว่าเป็นเช่นไร สำหรับส่วนตัวผมเองผมว่าผมก้ำกึ่งระหว่าง X กับ Y นะครับ ....ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งจากใจจริงครับ ^^/ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 19:59:55 จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 15:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความท้าทายใหม่ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ “พนักงานรุ่นใหม่ไม่รู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของบริษัท ไม่เสียสละ ไม่มองภาพรวมเหมือนคนรุ่นเก่าๆ”   หากจะพูดถึงแนวโน้มการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่ที่มาแรงในช่วงนี้ นอกเหนือจากเรื่องการบริหารดาวเด่น การวางแผนผู้สืบทอดตำแหน่ง การบริหารวัฒนธรรมองค์กร การสร้างแบรนด์นายจ้าง ที่ฮิตกันมาพักใหญ่แล้ว เรื่องการเปลี่ยนแปลงของช่วงอายุประชากร (Generation) ในองค์กร ก็กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ท้าทายความสามารถในการจัดการ ที่ไม่ใช่จำกัดวงแค่ในเมืองไทย แต่เป็นเรื่องใหญ่ระดับนานาชาติ!! สาเหตุที่พูดเช่นนี้ เนื่องจากมีโอกาสศึกษาผลสำรวจของสมาคมบริหารทรัพยากรมนุษย์ของอเมริกา ซึ่งทำการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2549 คาดการณ์แนวโน้มสำคัญซึ่งกำลังดาหน้าเข้ามามีผลกระทบ แบบที่เรียกได้ว่า “แรงจัดชัดจริง” ถึงขั้นจะต้องคิดมุขใหม่ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์เลยทีเดียว ระหว่างศึกษาผลสำรวจ ก็แอบคิดไม่ได้ว่า การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีส่วนคลับคล้ายแฟชั่น ตรงที่มีทั้งสิ่งที่คลาสสิค คือ เรื่องเก่าที่เรายังพูดอยู่ถึงทุกวันนี้ สิ่งที่เป็นสไตล์ แล้วแต่ความเชื่อ ความชอบของแต่ละคน และเรื่องที่หมุนเวียนกลับมาฮิต หรือกลับมาให้คิดเป็นช่วงๆ เพราะเมื่อวิเคราะห์ผลสำรวจแล้ว พบว่า ประเด็นช่วงอายุของประชากร (Generation) ในองค์กร โดยเฉพาะน้องใหม่ Generation Y หรือผู้ที่เกิดระหว่าง พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2540 จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในช่วง 2-3 ปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด... ลองย้อนไปถึงต้นยุค 90 หากยังจำกันได้ สมัยนั้นนักบริหาร ทั้งในส่วนการตลาดและส่วนบริหารทรัพยากรมนุษย์ต่างตื่นตกใจ ให้ความสนใจเรื่องการจัดการ Gen X อย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่ามีผลการศึกษาและงานวิจัยมากมายที่พยายามทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะซึ่ง Gen X มีร่วมกัน และค้นหาในเชิงลึกว่า Gen X ต้องการอะไร เพื่อที่จะได้ออกแบบสินค้าและบริการให้โดนใจลูกค้า Gen X และปรับวิธีการบริหารจัดการให้เหมาะกับสไตล์ของพนักงาน Gen X พอกลับมาที่ปี 2550 นี้ ก็จะเห็นได้ว่า เรื่อง Generation ก็หมุนเวียนกลับมาให้ปวดหัวอีกครั้ง กับโจทย์ใหม่ที่หนักหนายิ่งกว่าเดิม... ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ มีโอกาสรับฟังเสียงบ่นจากผู้บริหารระดับสูงและ HR (ซึ่งเป็น Baby Boomer และ Generation X เสียส่วนใหญ่!) ในเรื่องพฤติกรรมของน้องใหม่ Gen Y ที่ไม่ได้ดังใจเอาเสียเลย ทั้งไม่เคารพกฎระเบียบ ก้าวร้าว ไม่อ่อนน้อมต่อรุ่นพี่ ดื้อ อดทนต่ำ ไม่จงรักภักดีต่อองค์กร เรียกร้องสูง แถมยังเปลี่ยนงานบ่อยอีกต่างหาก!! เสียงบ่นที่อื้ออึงและปรากฎการณ์ “คละเคล้าที่ไม่เข้ากัน” ของคนสามรุ่น มักพบในองค์กรที่มีอายุเกิน 10 ปีที่ยังอยู่ในช่วงของการขยายตัวหรือรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน จึงทำให้มีพนักงานผสมผสานกันหลายรุ่น ทั้งลูกหม้อองค์กรอย่าง Baby boomer ผู้เป็นแฟนดิอิมพอสสิเบิ้ล และดูทีวีขาวดำซึ่งยังไม่มีรีโมทคอนโทรล ผู้บริหารรุ่น Generation X ที่ฟังนูโว เที่ยวพาเลซ เดินสยามสแควร์ เวลาดูหนังแฟนฉันแล้วอินจัด และน้องใหม่ Generation Y ที่เป็นสาวก iPod ดู Sex and the City รู้จักทุก V ในอคาเดมี่แฟนเทเชีย และติด MSN งอมแงม คงจะไม่เกินเลยไป หากจะกล่าวว่า การรับมือกับตัวป่วนอย่าง “Gen Y” นั้นไม่ง่ายและทำให้อิดหนาระอาใจกันถ้วนหน้าทั้งเมืองไทยและในระดับอินเตอร์ ที่ว่าไม่ง่าย เป็นเพราะว่าผู้บริหารและ HR มักจะมอง Gen Y ด้วยสายตา มุมมอง และค่านิยมของ Gen X หรือ Baby boomer ซึ่งแทนที่จะทำความเข้าใจ Gen Y ได้ กลับทำให้กลายเป็นเรื่องยาก ยิ่งมองแล้วยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเกิดความขัดแย้ง และทำให้แตกร้าวกันมากขึ้นทุกที เพิ่งจะซาบซึ้งกับคำว่า “ช่องว่างระหว่างวัย (ในที่ทำงาน)” กันก็คราวนี้!! ก่อนจะคุยกันต่อในรายละเอียด ขอแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเรื่อง Generation กันสัก 3-4 ประการก่อนดีกว่า ประการที่ 1 คนแต่ละ “ช่วงอายุ” ย่อมมีบุคลิกภาพ ทัศนคติ นิสัย ความคิดอ่าน ความเชื่อ ความชอบ สไตล์การใช้ชีวิต และมุมมองต่อการทำงานต่างกันออกไป ประการที่ 2 เกี่ยวกับ “ความต่าง” ที่ว่า ก็เนื่องมาจาก สภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี วัฒนธรรม และค่านิยมที่หล่อหลอมคนแต่ละช่วงอายุ ประการที่ 3 ความต่างระหว่าง Generation มากขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะระหว่าง Gen X และ Gen Y เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงของปัจจัยภายนอก และกระแสโลกาภิวัตน์ ประการที่ 4 อย่างไรก็ดี แม้จะอยู่ในช่วงอายุ หรือ Generation เดียวกัน คนสองคนก็ย่อมมีความต่างในรายละเอียด เนื่องมาจาก “เบ้าหลอม” ในแง่การเลี้ยงดูและประสบการณ์ที่สั่งสมมา แตกต่างกันนั่นเอง ... ถึงตรงนี้ ผู้อ่านอาจมีคำถามว่า แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับบการบริหาร...   แท้จริงแล้วการจัดการชาว Gen Y เกี่ยวข้องกับทั้งการบริหารทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาองค์กรในทุกมิติ แต่จะขอหยิบยกประเด็นหลักๆมานำเสนอดังนี้ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 15:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 1. HR ต้องปรับกลยุทธ์การบริหารให้ตอบโจทย์ Generation Y กลยุทธ์หรือ “มุข” เดิมที่เคยประสบความสำเร็จในการบริหาร Generation X หรือ Baby boomer ทั้งการดึงดูด รักษา พัฒนา หรือสร้างความผูกพันระยะยาว ไม่น่าจะตอบโจทย์ Gen Y ได้ ขอยกตัวอย่างเรื่องการดึงดูดพนักงานมาเล่าสักเรื่องหนึ่งก่อน Baby boomer ต้องการความมั่นคง องค์กรต้องมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ มีความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว Gen X อยากทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียง ได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา มีการยกย่องชมเชยในความสามารถหรือความสำเร็จของเขา Gen Y ต้องการอะไรที่ต่างจากนั้น อาจเนื่องด้วยเขายังไม่คิดจะยึดติดกับองค์กรที่เริ่มทำเป็นที่แรก ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับคนที่เดทด้วยคนแรก” เพื่อเปรียบเปรยลักษณะวิสัยในการ “เลือก” ที่ทำงานของพวกเขา ฟังแล้วน่าหมั่นไส้ แต่ได้รู้ชัดว่างานที่มั่นคงไม่ใช่ประเด็นหลักที่พวกเขามองหาอย่างแน่นอน! นอกจากนั้น พวกเขายังไม่เริ่มสร้างครอบครัว ความสมดุลย์ในเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัวก็ไม่ใช่เรื่องแรกๆ ที่ต้องการ อีกทั้งเขาไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงขององค์กรนัก ถึงแม้คุณพ่อ คุณแม่ของเขาจะสนใจมากๆ ก็ตาม การดึงดูด Baby boomer และ Gen X สามารถใช้กลยุทธ์ทางการสรรหาปัจจุบันหรือแบรนด์นายจ้าง ที่ตอบความต้องการเขาได้ แล้วถ้าหากองค์กรต้องการดึงดูด Gen Y ดาวเด่น จะชูประเด็นเดิมๆ ที่ตอบโจทย์ Gen X แต่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูด Gen Y ได้หรือไม่ ก็ยังน่าสงสัยอยู่ดี... ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะนำเสนอว่า องค์กรจะต้องมี “ความยืดหยุ่นทางกลยุทธ์” สูง โดยเริ่มจาการทำความเข้าใจลักษณะร่วม และความต้องการของ Gen Y อย่างลึกซึ้ง เพื่อปรับวิธีการในการบริหารทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาองค์กร ให้สอดรับกับความต้องการและวิถีชีวิตของเขา ยิ่งเป็น Gen Y ดาวเด่น ยิ่งต้องทำความเข้าใจ เรียกว่าต้อง “ตีโจทย์ให้แตก” แบบเฉพาะรายเลยทีเดียว จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 15:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 2. ผสมผสานคนต่าง Generation ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขให้ได้ ปัญหาช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน ได้เกิดขึ้นแล้ว บางองค์กรอาจเริ่มรู้สึกตัวและยอมรับปัญหา แต่มีไม่น้อยเพิ่งจะ “สัมผัส” อาการของปัญหา แต่ยังไม่รู้ที่มา ที่ไป บางองค์กรอาจคิดเลยเถิด โทษตัวเองว่า คัดเลือกคนที่ไม่ใช่ หรือโทษพนักงานว่ามีปัญหาทัศนคติ หารู้ไม่ว่า ปัญหานี้จะแรงขึ้นเท่าทวีหากผู้บริหารไม่ตื่นตัว ไม่เข้าใจที่มา และไม่หาวิธีรับมือที่เหมาะสม! ขอเล่าเรื่องจริงในองค์กร ที่คนต่าง Generation ยังยืนอยู่ในมุมของตัวเองสักกรณี ผู้บริหาร Baby boomer มักบ่นว่า Gen Y ไม่ทุ่มเทให้การทำงานมากพอ ท้าท้ายสิ่งเดิมๆที่เคยทำแล้วประสบความสำเร็จ ไม่ประหยัด แถมแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ ไม่พอใจอะไรหน่อยก็ลาออก ส่วนชาว Gen Y ก็มองว่าผู้บริหาร Baby boomer นั้น ยึดติดกับความสำเร็จในวันเก่าๆ ทั้งที่โลกธุรกิจเราเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนแล้ว การทำงานที่มีประสิทธิภาพไม่ได้หมายความว่าทำงานหนักเสมอไป ไม่ใช่ไม่ประหยัดแต่ใช้เงินให้คุ้มต่างหาก ทำไมต้องออกกฎระเบียบมากมาย แทนที่จะทำองค์กรให้เป็นบ้านแต่กลับปฏิบัติกับเขาราวเด็กนักเรียน หากที่อื่นให้โอกาสก้าวหน้าแบบด่วนทันใจแล้วจะให้เขาละทิ้งโอกาสนั้นหรือ.. ความขัดแย้งระหว่างวัยได้เกิดขึ้นแล้ว.. ผลการศึกษาต่างย้ำอย่างชัดเจนว่า การบริหารเพื่อผสมผสานคนต่างช่วงอายุจะประสบความสำเร็จไปไม่ได้ หากผู้บริหารและ HR ยังไม่หยุดบ่น และพยายามที่จะเปลี่ยนพวกเขา การปรับทัศนคติให้ยอมรับความแตกต่างของคน มองความแตกต่างในแง่ดี รวมถึงมองว่า “ความหลากหลาย” มีคุณค่าที่จะส่งผลสำเร็จต่อธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ “ดีเยี่ยม” สำหรับการบริหาร Gen Y เพราะฉะนั้นองค์กรที่ในโครงสร้างประชากร ประกอบด้วย Gen Y อยู่เป็นจำนวนมาก ควรจะคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพของหัวหน้างาน เพราะจำเป็นจะต้องมีลูกล่อลูกชน ยุทธวิธี และเทคนิคแพรวพราว จึงจะได้ใจและรับมือพวกเขาไหว ไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพของการเป็นหัวหน้างานเท่านั้น  หากแต่องค์กรจะต้องหา “กาว” เพื่อมาเชื่อมใจคนที่ต่างกันไว้ให้ได้ กาวที่ว่า คือ วัฒนธรรมองค์กร ที่ผ่านการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะทำอย่างไรนั้น ขออุบไว้ไปว่ากันในเล่ม จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 15:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 3.พัฒนาและดึงเอาความสามารถหลักของ Gen Y มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บ่อยครั้ง Gen Y ยังค้นหาตัวเองไม่พบ คิดว่าตัวเองชอบงานนี้ แต่พอมาทำจริงๆแล้ว ก็พบว่า ไม่ใช่ หรือองค์กรอาจหาความสามารถหลักของ Gen Y ไม่เจอ จึงมอบหมายให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเขา จึงส่งผลให้เกิดการพัฒนาแบบผิดทาง HR จึงจะต้องสนับสนุนผู้บริหารในการมองให้ออกว่าเขาเก่งอะไร เพื่อดึงเอาสิ่งดีๆที่มีใน Gen Y ออกมา และหาเวทีให้เขาได้แสดงความสามารถ เรียกว่า “ตีเหล็กเมื่อไฟยังร้อน” ไม่นานเหล็กก้อนจะกลายเป็นดาบ อีกทั้ง ควรจะออกแบบวิธีการที่จะถ่ายทอดความเชี่ยวชาญจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เนื่องมาจากว่าในองค์กรย่อมประกอบด้วยคนต่างช่วงอายุ ซึ่ง “ผ่าน” ช่วงเวลาดี ร้ายของธุรกิจ ทั้งยังเรียนรู้จากความสำเร็จและล้มเหลวของตน คงจะดีกว่าหากมีการแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์จาก Baby boomer และ Gen X ไปยัง Gen Y จะเรียกว่า เป็นการ Shortcut หรือเรียนทางลัดจากรุ่นสู่รุ่นก็ย่อมได้   ในแง่ประโยชน์ต่อองค์กรแล้ว ยิ่งกว่าคุ้มเกินคุ้ม!! แล้ว Gen Y เขาเก่งเรื่องอะไรหรือ หลายท่านคงนึกสงสัย...   ถึงแม้จะประสบการณ์น้อย แต่ Gen Y มีความเชี่ยวชาญและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีสูง เขามักจะมาทำงานพร้อม iPod มีคอมพิวเตอร์มือถืออยู่ในมือ ศึกษาค้นคว้าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอย่างคล่องแคล่ว ติด MSN Messenger มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าพูด กล้าคิด กล้าแสดงออก แถมยังกระตือรือร้น พร้อมจะเปลี่ยนแปลงอีกด้วย แต่ส่วนที่ต้องระวังระมัด คือ ความกล้าได้กล้าเสียในขณะที่ผ่านโลกมาน้อย แถมยังใจร้อน อดทนต่ำอีกต่างหาก แล้วเราจะบริหารและพัฒนาเขาอย่างไรดี ถึงจะดึงเอาสิ่งที่ดี ทั้งความรู้ ทักษะและทัศนคติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ และทำให้ Gen Y มีความสุขในการทำงานอีกด้วย ความท้าทายเหล่านี้ใกล้ตัวเราเหมือนกับภาวะโลกร้อน  หากองค์กรรู้สึกตัวช้า ก็จะหาทางแก้ไม่ทัน นอกจากจะรับมือกับปัญหาแล้ว ทำไมเราจึงไม่เปลี่ยน “ความท้าทาย” ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ Gen Y มีสิ่งดีๆ ในตัวมากมาย แล้วแต่ว่าองค์กรจะมองเห็นหรือไม่ และทันเวลาไหม ... แล้วผู้บริหารควรเริ่มต้นอย่างไร ? จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 15:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 - มี lifestyle อย่างไร Gen-Y จะสนใจในเรื่องเฉพาะแนวของตัวเอง แบ่งเป็น Sub Cultured กันไป เช่น พวก ร็อคแอนด์โรล พวก ฮิปฮอป พวกเกมกี๊กซ์ ฯลฯ กิจกรรมจะต่างกันไปขึ้นกับ Sub Culture ที่ตัวเองสนใจ แต่วัยรุ่นจะไม่ได้แต่งตัวเป็น Uniform เดียวกันอีกต่อไปแล้ว เน้นความเป็นตัวของตัวเองสูง เจนวายไม่ชอบตามใคร เป็นเจ็นที่เล่นยาเพื่อความบันเทิงมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเจนที่ดูแลตัวเองมากที่สุดด้วยการกินอาหารดีๆ เล่นโยคะ ไปสปา ฯลฯ และเป้นเจนที่มีรสนิยมในการใช้ชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ สนใจ Passion ในงานมากกว่าเงินเดือน พร้อมจะย้ายงานทุกเมื่อถ้าเจอเจ้านายห่วย จุดเด่นของเจนนี้คือเอาตัวรอดเก่ง และรู้จักศักยภาพของตัวเองดี และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ชอบการแข่งขันเท่าไหร่ - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สถานที่ชิลล์ๆ อาจจะหรูหราหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องเป็นบรรยากาศที่ดูเป็นกันเองผ่อนคลาย เช่น ที่ทำงานที่เป็นบ้านเช่า ไม่ใช่ออฟฟิศบนตึก(แบบนั้นเจนวายเกลียดมาก แต่ถ้าจำเป็นก็อยู่ได้ แต่ถ้าจะดีน่าจะเป็นสถานที่ๆมีแสงแดด มีบริเวณ มีต้นไม้ ไม่อุดอู้ และไม่ใช่ที่แคบ) ถ้าเป็นสถานที่พักผ่อนมักจะเป็นบาร์ชิชา ร้านกาแฟ สปา ทุกที่ๆบรรยากาศดีๆ โปร่งๆ อากาศถ่ายเทได้ดี เห็นแสงเดือนแสงตะวัน - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) (จริงๆความเห็นของทางบ้านไม่ค่อยสำคัญกับเจนวายนะ เพราะพ่อแม่ของเจนวายที่เป็นเบบี้บูมเมอร์จะไม่ค่อยบังคับลูก) อยากทำงานตรงกับที่ตัวเองเรียน เพราะแนวความคิดของเจน x ที่ว่าเรียนไรมาก็ได้ให้จบๆแล้วค่อยต่อโทที่ตัวเองอยาก ไม่ใช่ความเห็นที่ดีกับเจนวาย เจนวายเป้นพวกไฮเปอร์ สมาธิสั้น ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ดีในระดับบางคนเรียกได้ว่าเป็นกูรูในเรื่องนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่มีความสนใจจะทำได้แค่ในระดับเอาตัวรอด แต่เจนวายส่วนใหญ่จะสนใจในเรื่อง ศิลปะ และธุรกิจ จะไม่อยากเป็นลูกน้องใคร เจนวายส่วนใหญ่ถ้าเลือกได้ เขาจะทำกิจการที่เป็นของตัวเองดีกว่า - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) เงิน และกล่องเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ต้องมีทั้งสองอย่าง ชีวิตที่มีเทสท์ แต่ในขณะเดียวกันก็เรียบง่าย คล้ายๆไฮโซบ้านนอก และมีสำคัญที่สุดมีคนที่ตัวเองรักอยู่ข้างๆ - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" เป็นการพูดของเค้าเพราะเค้าใช้งานเจนวายไม่ถูกทางมากกว่า ไม่ใช่ว่าเจนวายไม่มีความอดทน   แต่เจนวายจะอดทนเฉพาะสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการอดทนนั้น แต่ในขณะเดียวกันกับงานที่เจนวายมี passion เยอะๆ พวกเค้าจะไม่สนใจเรื่องเงินเท่าไหร ถ้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน่ คือสิ่งที่เจนวายต้องการ ขอให้เจ้านาย Nice งานน่าสนใจ แต่เจนวายแค่ไม่ชอบทนให้ใครโขกสับถ้าไม่คิดว่าคุ้มกับสิ่งที่จะได้รับ เจนวายชอบเจ้านายใจเย็น และถ้าเราพูดอย่าโกรธเหมือนกันนะว่า เจนวายคิดว่าพวกเจนเอ็กซ์เป็นเจนที่ EQ และรสนิยมต่ำที่สุดในการทำงาน พวกเค้าเลยไม่ค่อยอยากจะนับถือเท่าไหร่ เพราะพวกเค้าคิดว่าพวกรุ่นเค้าเจ๋งกว่าในเรื่องพวกนั้น แต่ในขณะเดียวกันพวกเค้าจะนับถือเบบี้บูมเมอร์มากกว่า เพราะเบบี้บูมเมอร์เป็นพวกที่มีรสนิยมในการใช้ชีวิตและ EQในระดับเดียวหรือคล้ายๆกับเจนวาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีอดทนและความรับผิดชอบที่สูงพอๆกับเจนเอ๊กซ์ และ เจนวายชอบตลกร้าย และพูดตรง แต่จริงๆแล้วในใจไม่มีอะไร และประโยคนี้ "ที่ว่าไม่ง่าย เป็นเพราะว่าผู้บริหารและ HR มักจะมอง Gen Y ด้วยสายตา มุมมอง และค่านิยมของ Gen X หรือ Baby boomer ซึ่งแทนที่จะทำความเข้าใจ Gen Y ได้ กลับทำให้กลายเป็นเรื่องยาก ยิ่งมองแล้วยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเกิดความขัดแย้ง และทำให้แตกร้าวกันมากขึ้นทุกที" อันนี้โดนสุดๆ ใช่เลย ;) และที่บอกว่าเจนวายก้าวร้าว ไม่เคารพซีเนียร์ ไม่จริงนะ เพียงแต่เจนวายไม่เคารพซีเนียร์ที่โง่ และเสร่อกว่าตัวเองตะหาก พูดง่ายๆว่าไม่ให้เกียรติ์คนแก่กว่าที่ไม่ได้เรื่อง แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 18:36:49 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 18:27:52 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 17:38:25 จากคุณ : Zymple4bia - [ 13 ก.ค. 51 17:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 23 - มี lifestyle อย่างไร เล่นเนต เรียน กิน นอน - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ทะเล คนน้อยๆ ไม่วุ่นวาย - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) อยากมีธุรกิจของตัวเอง ไม่อยากมีเจ้านาย - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) แต่งงาน มีครอบครัวที่ดี มีลูก มีพ่อของลูก เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว พร้อมกับทำงานที่เป็นธุรกิจของตัวเอง - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" ถูกค่ะ gen y ขี้เกียจ ไม่ตรงต่อเวลา ตื่นสาย ฯลฯ จากคุณ : แฮมสเตอร์เซ่อและโหด - [ 13 ก.ค. 51 19:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 - มี lifestyle อย่างไร   อยากทำไรเราก็ทำ ตราบเท่าที่ตัวเองคิดแล้วว่าดี  ไม่แคร์หรอกว่าคนอื่น   จะรู้สึกอย่างไรกับเรา  เราจะสนใจเฉพาะคนที่เราแคร์เช่นเพื่อน หรือครอบ   ครัวเท่านั้น ส่วนที่เหลือ you mean nothing to me   เวลาทำงาน ทำเต็มที่ เวลาสนุก สุดๆ ยิ่งกว่า (work hard, play even   harder)  มีเวลาว่าง ก็จะพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือ อ่านมันได้ทุกอย่าง   ตั้งแต่นิยาย ยัน the economist   แต่ถ้าว่างหลายวันหน่อย จะแบกเป้   ออกเดินทาง   - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ   ทุกที่เวลาปิดมือถือ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ)   วิศวกร  ตอนนี้ก็ทำอยู่แล้ว  ก็ชอบนะ  แต่ยังอยากทำอย่างอื่นอีกด้วย   แสนแปดรายการ อย่างเช่นสอนเด็ก เขียนหนังสือ ไรอีกสารพัด - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้)   กำลังวางแผนเรียน Phd.จบแล้วจะกลับไปเป็นครูบ้านนอก  กลับไปอยู่กับ   ที่บ้าน  ถึงเวลาเราดูแลเค้าบ้าง - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด"  เฉยๆ  ไม่แปลกใจกับคำพูดแบบนี้  เพราะเรายังเคยมองว่าจริงสำหรับบาง  คนด้วยซ้ำ  สภาพแวดล้อมมีผลกับชีวิตก็จริง  แต่ไม่ใช่ทั้งหมด จากคุณ : Blue as Danube - [ 13 ก.ค. 51 19:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เยี่ยมไปเลยครับ ความเห็นตรงๆช่วยชี้แนะทางสว่างได้ง่ายกว่าความเห็นที่เกรงใจ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งครับ - คุณ ImMuNoLoGy สาวน้อยน่ารัก(แอบไปดู my flock มาถึงรูปเบลอแต่ยังเห็นความน่ารักและสดใสอยู่) จากการตอบแสดงว่าเป็นคนร่าเริงแจ่มใสนะครับ เหมาะกับงานบริการอย่างแอร์โฮสเตสแน่ๆ - คุณไม้ไต่คู้ อ่านมาด้วยความยินดีเพราะข้อมูลน่าสนใจมากเป็น sub culture ที่โดเด่นอีกกลุ่มของ Gen Y แต่มาสะดุดตอนท้ายแบบหัวแทบทิ่มที่ว่า Gen X ห่วย ! ไม่เป็นไรครับ ถือว่าจริงใจ แหะๆ -_-" - คุณเทเลทับขี้ ตอนแรกอ่านชื่อว่าเทเลทับบี้ แหะๆ แต่พอตามไปดู my flock แล้วถึงเข้าใจ ^^"/ ผมว่าคุณเป็น Gen Y ที่มีความคล้ายกับผมมากกว่าทุกคนในนี้นะครับ แบคแพคเที่ยวรอบโลก เยี่ยมๆ (หน้าตาดีแบบนี้ต้องหาบอร์ดี้การ์ดล่ำๆไปด้วยนะครับ) - คุณคมลิขิต อ่านเสร็จแล้วบอกได้ว่าคารมคมคาย แวะไปอ่าน my flock ถึงรู้ว่าดีกรีนักเรียนทุน (โชว์รูปหน่อยก็ดีน๊า) แถมชอบการเขียนอีกด้วย ผมชอบประโยคของคุณที่ว่า "ถ้ามัวทนกับความมืดก็ไม่มีหลอดไฟ ถ้ามัวทนกับโรคภัยก็ไม่มียา" ชอบครับ แปะๆๆ ขอก๊อปไปยืมใช้นะครับ แหะๆ (ก๊อปชาวบ้านประจำอ่ะผม -_-") - คุณขอน้ำเปล่ากับยาดม (เหรียญ2ด้านดาบ2คม) ไม่แน่ใจว่าคุณ Gen ไหนนะครับ แต่จะขอนำความเห็นคุณไปประกอบการพิจารณานะครับ ขอบคุณครับที่แวะมาช่วยเหลือ - คุณbenzboonchu ตามอ่าน my flock ของคุณแล้วนึกภาพออกเลยครับ "ผู้ชายหัวสี มีรอยสัก รักการเจาะ" และไล่อ่านที่เพื่อนๆคุณเมนท์ไว้ ต้องยอมรับว่าคุณเป็นที่รักและนับถือของเพื่อนๆและน้องๆนะครับ สู้ๆ เบนซ์ 12 ร้าน ^^/ - คุณ Cholesterol Lover อ้าว ทำงานที่บ้านไร่กาแฟหรอครับ ผมชอบนะ ฝากบอกเจ้าของด้วยครับ แต่ไม่คิดมาเปิดต่างจังหวัดบ้างหรอครับ เพราะผมเดินทางบ่อย อยากหาดื่มที่ต่างจังหวัดบ้างครับ อ้อ ที่ว่า Gen Y ไม่ใช่ Gen ไหนๆเฉพาะเจาะจงหรอกครับ แค่เป็นเพียงบางทัศนคติของคนบาง Gen เท่านั้นเอง (แก้ตัวพัลวัน แหะๆ ^^") - คุณชายยอดนักทดลอง ขอบคุณที่ผ่านมาอ่านครับ (ช่วยตอบได้ยิ่งขอบคุณครับ ^^) - คุณ Aizawa สาวเกาหลีที่ไหนเนี่ย ! เกิดห่างจากเรา 1 รอบพอดี เกิดปีขาลละสิเนี่ย แป่ววว เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ อิอิ จากที่อ่านข้อมูลของคุณกับใน my flock ข้อมูลสอดคล้องกันมากครับ ค่อนข้างเป็นคนเซนท์สิทีฟนะ และโรแมนติกซะด้วยสิ อืมๆ ขอบคุณครับ - คุณ JOJO ขอบคุณครับ สำหรับบัตรผ่านที่อุตส่าห์มาช่วยตอบนะครับ จากที่อ่านข้อมูลของคุณมีบางส่วนคล้ายๆ Gen X นะครับ หรืออยู่ระหว่างช่วงอายุคาบเกี่ยวหรือเปล่าครับ - Zymple4bia โอ้ววว คนนี้โดนผมมากๆเลย ถ้าหากอ่านแค่ความคิดเห็นจะเหมือนมอง Gen X เลวร้าย แต่เห็นการแก้ไขข้อความถึง 3 ครั้งในหลายนาทีที่ต่างกัน บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือ (หรืออาจลดดีกรีคำด่าลงเพราะกลัวกระทบใจผมเกินไป? ^^") การให้ข้อมูลดีมากๆเพราะมีการวิเคราะห์และติดตามอ่านบทความที่ผมโพสท์แถมเก็บรายละเอียดได้ดีด้วยสิ เยี่ยมครับ และขอน้อมรับคำชม Gen X เพื่อไปปรับปรุงเทสท์การทำงานซะหน่อยครับ แต่ว่าเพศที่คุณระบุใน my flock เป็นเช่นนั้นจริงหรือ??? สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านครับ ผมจะนำข้อมูลนี้ไปประกอบการประชุมในวันพรุ่งนี้ครับ ขอปรบมือให้ทุกคนจากใจจริงครับ แปะๆๆๆ ^^/ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 19:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณอีก 3 ท่านครับ - คุณแฮมสเตอร์เซ่อและโหด ตั้งชื่อได้แหล่มจัง ว่าแต่ไม่ต่อต้านคำถามสุดท้ายหน่อยหรอครับ รับง่ายจัง แหะๆ - คุณ Blue as Danube ชีวิตมีปรัชญาและวิธีการคิดที่เป็นผู้ใหญ่ครับ ผมเดาว่าอาจช่วงต้น Gen Y คาบเกี่ยวกับต้น Gen X ? แต่ก็ขอบคุณมากครับ หากมีคนที่คิดแบบคุณมากๆ สังคมคงดีขึ้นมากครับ แต่ทำไมตั้งชื่อเศร้าจังครับ? - คุณบานแย้ม มีประโยคโดนใจผมอีกแล้วครับ "เราพยายามค้นหาวิธีที่ดีที่สุด เพื่อที่จะทำให้เราลำบากน้อยที่สุด" ขอบคุณมากครับ ขอปรบมือขอบคุณต่อทั้ง 3 ท่านครับ แปะๆๆๆ ^^/ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 19:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จริงค่ะ จากคุณ : Zymple4bia - [ 13 ก.ค. 51 19:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Zymple4bia อืมๆ วิเคราะห์จากชื่อ อาจมีรากศัพท์มาจากคำว่า simplephobia แปลว่ากลัวความราบเรียบ ชอบความตื่นเต้นท้าทายหรือเปล่าครับ? จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 20:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ใช่ค่ะ เป็นชื่อ Dummie Magazine ที่เราคิดขึ้นมาเองใน Graphic Design Class ค่ะ ไม่ได้ชอบความตื่นเต้นท้าทายมากขนาดนั้น เพียงแต่เกลียดความเรียบ อะไรเดิมๆและจำเจค่ะ ซึ่งควรเป็นคุณสมบัติของคนบ้า Design ค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 20:21:30 จากคุณ : Zymple4bia - [ 13 ก.ค. 51 20:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเองก็เคยทำงานกราฟฟิกดีไซน์มาก่อนนะครับ ทำพวกกราฟฟิกเฮ้าส์ ไม่ถึงขั้นครีเอทีฟ ได้แค่วิชาการครับ หัวผมคงติดในกรอบมากเกินไป ไม่รุ่งแน่ๆ แหะๆ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 20:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หมายถึงถนัดเป็น Technical Staff ใช่ไม๊เอ่ย เราว่าดีนะ มันดีกันคนล่ะอย่างแหละ เพียงแต่ว่าบริษัทส่วนใหญ่ต้องการ Superman ที่มีพรสวรรค์ทุกด้าน จากคุณ : ก็ต้องไปหาที่ดาวคริพตันล่ะนะ (Zymple4bia) - [ 13 ก.ค. 51 20:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 33 - มี lifestyle อย่างไร มีชีวิตแบบสังคมเมืองหลวงทั่วไปเช้าตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเข้าเมืองไปทำงาน ขับรถอยู่ก็เจอ แทกซี่ปาดหน้า รถเมล์เบียด รถบรรทุกจี้ มอเตอร์ไซสวนเลน พระอาทิตย์ตกดินก็ได้เวลากลับบ้าน รึไม่ก็แวะห้าง ดูหนัง กินข้าวนอกบ้าน กลับบ้าน เล่นอินเตอร์เน็ต เช็คเมล์ นอน เสาร์ อาทิตย์ ก็ดูหนัง ชอปปิ้ง สปา พบปะเพื่อนฝูง อ่านหนังสือที่อยากอ่าน - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ บ้านที่อบอุ่นที่มีสมาชิกอยู่กันพร้อมหน้า ละก็คุยกันดีๆ รึไม่ก็สวนเงียบๆอากาศดีๆต้นไม้สวยๆ เอาแบบหญ้ามีดอกไม้แซมด้วยนะ รึไม่ก็นั่งเฉยๆเีงียบๆ ก็สบายใจดี - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) งานที่ได้ใช้ความคิดอย่างอิสระ แปลก ทันสมัย และ สร้างสรรค อีกทั้งให้ประโยชน์กับคนหมู่มากด้วย สร้างระบบการทำงานใหม่ที่ดีกว่ายุคโลกภิวัฒน์ เำพราะเห็นได้ว่าระบบเศรษกิจมีปัญหา แสดงว่าที่ทำๆอยู่มันยังไม่ดีพอ - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) เอาชนะตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ให้สำเร็จ และ ช่วยเหลือคนอื่นได้มากอย่างที่ตัวเองคิด นอกจากนี้ก็คือได้เดินทางท่องเที่ยวไปในอวกาศถึงตายก็มีความสุข - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" อย่าเหมารวมกานหมดสิพี่ เด็กมันวายวอดก็ต้องหาทางจัดการ ไม่ใช่เห็นว่าวายวอดแล้วก็ช่วยกันด่า มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ความอดทนเป็นเรื่องสำคัญจะปลูกฝังยังไงดี ให้เค้ายอมรับดีกว่าไหม๊ จากคุณ : ขาหมูเยอรมันตับห่านฝรั่งเศส - [ 13 ก.ค. 51 21:29:20 A:125.24.88.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 ฮ่า ๆๆๆ  พี่ จขกท  นี้.....ตามประวัติ ถึง เฟรนฟร๊อค เลย แฮ่ะ.... สมแล้ว ครับ...........ที่เป็น ถึง ระดับผู้บริหาร  นับถือๆๆ...... จากคุณ : benzboonchu - [ 13 ก.ค. 51 22:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่ได้หรอกครับคุณ benzboonchu รู้จักต้องรู้ให้ลึกซึ้ง อุตส่าห์ช่วยผมตอบ ต้องนับถือเป็นสหายละครับ ปล.อยากสักบ้าง ช้าไปไหม แนะนำทีครับ  -__-" แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 22:49:19 จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 22:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ฮ่าๆๆๆ.........เด๋ว เสียภาพลักษณ์ ผู้ บริหาร นะพี่.....อิ อิ อิ เห็นโพส ที่ห้อง สีลม ด้วย  เอิกๆๆ........ ส่วนตัวผม  จิงๆ เคยโพส บทความนี้ มาครั้งนึงแล้วนะครับ.... ตามนี้นะครับ  ชอบอ่าน เช่นกันครับ http://www.pantip.com/cafe/siam/topic/F6769257/F6769257.html จากคุณ : benzboonchu - [ 13 ก.ค. 51 23:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผม ยังรอ บทสรุป ของ Gen Z อยุ่ครับ............เค้าว่า มีน่ะ  Gen Z  แต่ไม่รุ้ บุคลิค เปงไง จากคุณ : benzboonchu - [ 13 ก.ค. 51 23:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่เป็นไรครับแอบสักในที่คนมองไม่เห็น 555+ แบบใจรักแต่ไม่กล้าแสดงออก นั่นสิครับ Gen Z ผมก็อยากเห็น แต่คงต้องเป็นหน้าที่ของ Gen Y ในการเป็นตัวกลางสื่อสารแทนละกันครับ เพราะใกล้ชิดกันมากกว่านะ (โยนภาระเลยเรา แหะๆ ^^/ ) แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 23:12:17 จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 23:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตอบคุณ Zymple4bia ครับ ตอนนั้นผมไปช่วยงานบริษัทพี่สาวโดยทำหน้าที่เป็น AE น่ะครับ แต่แอบฝึกวิชา graphic design ด้วยนิดหน่อย เห็นไม่รุ่งเลยเตลิดครับ -_-" จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.ค. 51 23:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 40 - มี lifestyle อย่างไร ชอบความสะดวกสบาย แต่มีชีวิตอยู่กับการแข่งขันและชีวิตที่เร่งรีบ ใช้เทคโนโลยีในการดำรงชีวิตอย่างมาก กล้าคิดและเป็นตัวของตนเอง ผิดถูกว่ากันอีกเรื่อง มีอิสระมากขึ้นทำอะไรนอกกรอบ - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ที่ใดก็ได้ที่มีเสียงเพลง และชอบไปที่หนาวๆ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) นักธุรกิจ เงินเดือนเยอะๆ เพื่อหาประสบการณ์และเงินทุนสำหรับทำธุรกิจส่วนตัวซักอย่างนึง - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ทำให้พ่อแม่และคนในครอบครัวมีความสุขที่สุด - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" คุณรู้ได้อย่างไรว่าไม่อดทน การที่เด็กรุ่นนี้เถียงไม่ฟังหรือไม่อดทนนั้นเพราะเด็กใช้ความคิดที่เป็นของตนเองมากขึ้น กล้าคิดนอกกรอบเพราะมีข้อมูลในการค้นคว้ามากขึ้นผ่านเทคโนโลยี แล้วจะอดทนทำไมกัน มองใหม่ด้วยครับเด็กgen x จากคุณ : เด็ก gen y confirm - [ 13 ก.ค. 51 23:16:47 A:58.64.118.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 - มี lifestyle อย่างไร เลี้ยงสัตว์ เล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน อ่านหนังสือ - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สถานที่ที่ทำให้รู้สึกสงบเงียบ ไม่วุ่นวาย ทำตัวตามสบายได้ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) งานที่สามารถเป็นเจ้านายตัวเองได้ - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ได้อยู่กับครอบครัวและคนที่เรารัก อย่างสบาย โดยไม่เดือดร้อนอะไร - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" เห็นด้วย แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะ ^^ จากคุณ : 123 - [ 13 ก.ค. 51 23:18:52 A:124.120.152.158 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 - มี lifestyle อย่างไร ปล่อยไปวันๆเหมือนไม่มีอะไรทำ แต่มีอะไรทำ - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ บ้าน - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) ไม่อยากทำ - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ชีวิตเรียบง่ายแต่มีครบทุกอย่าง - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" ไม่ต้องไปใส่ใจ เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรถูกผิด นอกจากคนๆนั้นจะคิดยังไง จากคุณ : 1234 - [ 13 ก.ค. 51 23:30:54 A:124.120.152.158 X: TicketID:042875 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โอ๊ะ คุณ จขกท. ผมไม่ได้ทำงานบ้านไร่กาแฟหรอกครับ หุหุ ผมทำงานในที่ที่มี Gen x ระดับพระกาฬ เพียบเลย และก็ขัดแย้งกันเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ทุกคนต้องเข้างาน 8.30 น. ใครช้ากว่านั้นโดนเขม่น แต่เผอิญเจ้านายผมเค้าทันสมัยจะเข้าสายก็ได้ ขอดูผลงานเท่านั้น จะไปทำงานที่ร้านกาแฟหรืออะไรก็ได้ ฝ่ายผมก็จะโดนเขม่นจากผู้บริหารและพนักงานแก่ๆ หลายคน ที่มองว่าการมาเช้าคือการภักดีต่อองค์กร แสดงออกถึงความขยัน แต่พวกนี้พอ 5 โมงปุ๊บหายหัวหมด อะไรไม่เสร็จมาว่ากันพรุ่งนี้ อย่างนี้ผมรับไม่ได้อ่ะคับ ฝ่ายผมถึงจะเข้าสายแต่ถ้างานไม่เสร็จก็อยู่กันยันเที่ยงคืน ผมก็ไม่แคร์ เพราะถือหัวหน้าให้ท้ายอะคับ อิอิ จากคุณ : Cholesterol Lover - [ 14 ก.ค. 51 00:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อือมมเดี๋ยวนี้ก็มีหลายที่ที่เข้างาน 11 โมงเลิกเที่ยงคืนนะ เวลาขนาดนี้กะลังเหมาะกับนิสัยการทำงานของ Gen Y แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 51 02:23:15 จากคุณ : Zymple4bia - [ 14 ก.ค. 51 00:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เหงด้วย กะ #43 และ #44 นะครับ......... เมื่อกฎเกณฑ์ ที่ มันมากมาย เกินไป.......จึงบีบให้ คนรุ่นต่อมา  ออกมาทำ ธุรกิจ ด้วย ตัวของ ตัวเอง.....มากขึ้น คับ จากคุณ : benzboonchu - [ 14 ก.ค. 51 00:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คคห. 22 โดนอย่างแรง ชอบมาก เห็นตอบหลายกระทู้แล้ว มีประเด็น มีหลักการดี - มี lifestyle อย่างไร พยายาม Balance ชีวิตส่วนตัว การพักผ่อน การเรียน กะการทำงาน เต็มที่กะทุกอย่าง แต่จะพยายามหาเวลาพักผ่อนเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะไม่เชื่อว่าคนเราจะทำงานได้ตลอด 365 วัน ว่างๆ ก้ออ่านหนังสือ อ่านมันทุกแบบ อ่านกระทู้ในเน็ต อ่านนสพ. อ่านแมกการ์ซีน ฯลฯ เบื่อก้อออกไปหาไรทำ ไปกินข้าวกะเพื่อน นั่งคุยกันตามประสา ส่วนมากเป็นร้านเงียบๆ เรียบๆ ทันสมัย ส่วนตัวไม่ชอบอะไรหวือหวา ชอบความเรียบง่าย แต่มีสาระ ถ้าพ่อว่างก้อชวนพ่อไปตีกอล์ฟ ให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ทำงานบ้าง ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อย เลยปรนนิบัติตัวเองเยอะหน่อย เช่น ทำผม ทำเล็บ ทาครีม ออกกำลัง กินอาหารดีๆ ที่ไม่อ้วน เผอิญชอบทำอาหาร เดี๋ยวนี้เลยทำข้าวกล่องไปกินที่ทำงาน หายเบื่อดี พยายามไป shopping น้อยๆ หน่อย (แต่ก้อยังทำไม่ได้ซะที) รู้สึกกำลังเป็น shoppaholic เพราะใช้การช๊อปบำบัดอารมณ์ ผิดอย่างแรง ตอนนี้พยายามเก็บตังค์อยู่ ชอบงานอีเวนต์ ชอบสถานที่ที่มีศิลปะ ที่มีเรื่องราวให้ได้เรียนรู้ เบื่อเด็กสมัยนี้ วัตถุนิยมเกินไป ไม่มีหลักการ ไม่ใช้เหตุผล ตามกระแส - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ถ้าเหนื่อยๆ ก้อทะเลเงียบๆ ไกลผู้คน ชอบธรรมชาติ เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย ถ้าเบื่อๆ เซ็งๆ ก้อไปเที่ยวกลางคืน เจอคนเยอะๆ ดนตรีดังๆ เหนื่อยดี ถ้าอยู่ในโหมดอยากมีโลกส่วนตัว ก้ออยู่บ้าน ปิดมือถือ นั่งอ่านหนังสือ ทำขนม ทาเล็บ ทำอะไรไปเรื่อยเบื่อย ช่วงนี้อาการแปลกๆ ไม่ค่อยอยากคุยกะคน ไม่รู้เป็นไร ขี้เกียจคุย ขี้เกียจ friendly ออกแนวรำคาญๆ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) ทำงานอยู่ เป็นสาวแบงค์ แต่เริ่มเบื่อแล้ว เบื่อคนในที่ทำงาน แอบเบื่อเนื้องานนิดนึง - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) 1. อยากให้พ่อแม่มีความสุขมากๆ อยากมีเงินเยอะๆ พาท่านไปเที่ยวรอบโลกได้หลายๆ รอบ 2. อยากเป็นนักธุรกิจ ญ. ที่ได้ลง Forbe ว่าเก่งและเจ๋งที่สุดในโลก (หรือแค่ในประเทศก้อด้าย) เราถือคติว่า "I was born to live a legend" - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" ก้อเห็นด้วยในบางมุมนะ คนเดี๋ยวนี้ความอดทนต่ำ บางครั้งเราก้อเป็น มันขึ้นอยู่กะอายุและวุฒิภาวะด้วยอ่ะ พอนานไป มีความสุขุมมากขึ้น คิดอะไรมากขึ้น ความอดทนมันก้อตามมาเองอ่ะ จากคุณ : Don't Believe What U See - [ 14 ก.ค. 51 01:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 47 - มี lifestyle อย่างไร เรื่อยๆ ไปตามกระแส(แต่ไม่เป็นทาสของกระแส) ชอบต้นหาและเรยนรู้ในสิ่งแปลกๆใหม่ไม่ก็เก่าๆไปเลย(เก่าแบบคนอื่นเขาลืมกันหมดแล้วอะไรประมาณนั้นอะค่ะ) ชอบพจภัยค่ะ ชอบอะไรที่ท้าทาย - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ที่ๆเข้าไปแล้วเห็นทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข บ่งบอกถึงความสุขที่พวกเขามีค่ะแล้วก็ที่ๆห่างไกลจากตัวเมืองค่ะ ที่ๆล้อมไปด้วยธรรมชาติค่ะ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) งานอะไรก็ได้ค่ะที่มีความสุขเวลาทำที่สามารถเห็นตัวเองทำได้ไปตลอดจนถึงวันตาย - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ก็คงหนีไม่พ้นความสุขแหละค่ะ สุขที่ได้เกิดมาและเจอแต่สิ่งที่มีค่าในชีวิตค่ะ - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" คิดว่าเป็นแรงผลักดันมากกว่าค่ะ เพราะในโลกนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนและไม่มีคนกลุ่มไหนที่จะมีดีไปหมดซะทุกอย่างค่ะ ถ้าเราคิดว่าเรามองเห็นจุดด้านลบแล้วไม่คิดหันมามองจุดด้านบวกบ้างมันก็เสมือนมองโลกในแค่มุมมองเดียว ไม่ว่าที่ไหนๆหรือเจเนอร์เรชั่นไหนต่างก็มีด้านดีและไม่ดีเสมอไปค่ะ แค่ว่าเราเลือกที่จะมองตรงจุดไหนเท่านั้นเองค่ะ จากคุณ : ดุกดิ๊ก ดุกดิ๊ก - [ 14 ก.ค. 51 03:01:30 A:96.26.208.117 X: TicketID:171535 ]

ความคิดเห็นที่ 48 - มี lifestyle อย่างไร =ก็เป็นคนเรื่อยๆ ชอบเที่ยว ชอบฟังเพลง ทำอาไรคนเดียว เล่นเกม กีฬา shopping วาดรูป นั้งเงียบๆ เพ้อฝันถึงคนโน้นคนนี้ - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ =ทะเล ห้องนอน ร้านกาแฟ อยู่กับแฟน (ไตอนนี้ไม่มีง่ะ ) เศร้า - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) = architecture สถาปัต - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) =อยากได้บ้านบนเขาริมหาดเป็นของตัวเองที่สร้างด้วยตนเอง และอีกอย่างอยากให้คนที่เรารักมีความสุขสบาย อยากมีแฟนดีๆอยู่ข้างกาย 555+ และก็อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษเรา ถ้าผมมีกำลังมากพอที่จะทำ สำหลับผม ความรักคือการให้นะคับ - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" =ไม่รู้คับ แหะๆ แต่ผมเป็นคนที่ยืนด้วยขาตนเอง ไม่ชอบที่จะให้ใครมาช่วยเหลือแม้ในขนะนั้นผมอาจจะอยากลำบาก อาไรทำนองนั้นคับ จากคุณ : Muffie - [ 14 ก.ค. 51 15:11:04 A:124.120.111.17 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบคุณ จ ข ก ท - คุณ Blue as Danube ชีวิตมีปรัชญาและวิธีการคิดที่เป็นผู้ใหญ่ครับ ผมเดาว่าอาจช่วงต้น Gen Y คาบเกี่ยวกับต้น Gen X ? แต่ก็ขอบคุณมากครับ หากมีคนที่คิดแบบคุณมากๆ สังคมคงดีขึ้นมากครับ แต่ทำไมตั้งชื่อเศร้าจังครับ? อืม..อยากบอกว่าเกือบถูกเรื่องอายุ แต่ที่บอกว่าเกือบคือ เราเป็น Gen Y ที่แก่แดดมาแต่ไหนแต่ไรมากกว่า (อันนี้คนอื่นบอก ไม่ได้คิดเอง) เพราะเรา เกิดมาเป็น Wednesday Child ในยุคที่พ่อแม่กำลังสร้างตัว  ชีวิตเราส่วนใหญ่เลยมีทีวีเป็นพี่เลี้ยง พออายุสิบเอ็ดพ่อแม่เราก็ส่งเราเข้าโรงเรียนประจำ คาดว่าเพราะเค้าคงเล็งการไกล ว่าเราแสบเกินกว่าที่เค้าจะเอาอยู่ (เราเป็นคนเดียวในบ้านที่เข้าโรงเรียนประจำ) เราเลยต้องทำอะไรเองมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนเรื่องชื่อ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เราเป็นแฟนบอล Bayern Munchen เราก็เลยชอบแม่น้ำดานูปมากกว่าไรด์ (เกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย) แต่ตั้งชื่อว่า Blue Danube ไม่ได้เพราะมันซ้ำ  ดูจากการวิเคราะห์หลายๆคนของเจ้าของ จ ข ก ท แล้วนับถือ คุณเป็นคนละเอียดจริงๆ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 51 20:06:27 จากคุณ : อดไม่ได้ เลยกลับมาอ่านซ้ำ.. (Blue as Danube) - [ 14 ก.ค. 51 20:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 - มี lifestyle อย่างไร  สบาย ๆ คะ ชอบแต่งตัวตามใจ อยากแต่งอะไรก็แต่ง แต่ดูให้เหมาะกับกาละเทศะแค่นั้นเอง - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ  ทะเลคะ และอีกทีก็เป็นที่ที่มีผู้ชายเยอะ ๆ... - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ)  ขายตัว... อันนี้คือเรื่องจริงคะ อยากขายตัว... - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้)  ต้องการให้พ่อแม่พี่น้องอยู่กันพร้อมหน้า - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด"  ไม่คิดคะ แต่จะทำให้ดูว่า คนรุ่น Gen Y ก็อดทนเหมือนคนโบราณ (นะเฟ้ย...) จากคุณ : นส.สวยใสไร้สติแต่ไม่ไร้สมอง (gaykrit) - [ 15 ก.ค. 51 11:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 51 - มี lifestyle อย่างไร ไม่มีกฎที่ตายตัว แต่บอกตามตรงค่ะว่าขึ้นอยู่กับสภาพการเงินตอนนั้นๆ เช่น มีตังค์เยอะหน่อยก็::ขึ้นแท๊กซี่ กินฟูจิ ไอติมซเว่นเซน เข้าโรงหนัง ซื้อแผ่นเอ็มพีสาม นั่งชิลกินกาแฟในร้านสตาร์บัค ซื้อเสื้อสยาม(ต่อมบ้าแบรนด์เนมกำเริบ) มีตังค์ปานกลางก็::ขึ้นBTS กินโออิชิราเมง ไอติมแดรี่ควีน ซื้อดีวีดีมาดูที่บ้าน โหลดเพลงจากเนต นั่งชิลกินกาแฟที่ทรูคอฟฟี่  ซื้อเสื้อผ้าแพลตตินัม(เน้นดีไซน์และปริมาณในราคาที่ย่อมเยาว์) มีตังค์น้อยนิดก็::ขึ้นรถเมล์สีแดง 7บาท กินชายสี่หมี่เกี๊ยว ไอติมกระทิไผ่ทอง เช่าหนังจากร้านแถวบ้าน ฟังเพลงในเครื่องที่มีอยู่ นั่งชิลที่สตาร์บัคหรือทรูคอฟฟี่แต่กินน้ำเปล่า ซื้อเสื้อมีสอง ไม่มีตังค์หรือเป็นลูกหนี้::ไม่ไปไหนไกลก็อยู่แถวๆบ้านเนี่ยแหละ นอนเล่น ไปเดินโลตัส คาร์ฟรู เดินดูไอเดียอะไรไปเรื่อย ไปซีเอ็ดไปยืนอ่านฟรี - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ภูเขาและวัด ที่ๆไกลจากห้องสี่เหลี่ยม มลพิษ การแข่งขัน การคาดหวัง และสามารถปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) ชาวนา คุณครู สอนเด็กอนุบาล ครูดอย - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ทำให้พ่อแม่หมดห่วง และ ทำให้พ่อแม่ได้มีเวลาไปวัดทุกวันอย่างสบายใจ - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" คนแต่ละรุ่นก็มีข้อเสียข้อดีไม่เหมือนกันนะค่ะ คนรุ่นก่อนน่าจะเปิดใจ มองคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างเข้าใจ เนื่องจากมีวัยวุฒิมากกว่า ไม่น่าจะมาตั้งแง่อะไรกันเลย เอาเวลาที่มองโลกในแง่ลบ ไปเข้าวัดเข้าวา ดีกว่านะค่ะ เด็กสมัยนี้เค้าคิดไงก็พูดงั้น ไม่มานั่งอ้อมค้อมประจบประแจง ให้ได้ยศได้ตำแหน่ง ทิ้งท้ายค่ะ บางครั้ง หนูก็มองคนรุ่นก่อนๆว่าไร้ความฝัน ทำงานงกๆให้ได้ชื่อว่ามั่นคง มีตัวเลขในบัญชีเยอะๆ ไร้วิญญาณ เป็นหุ่นยนต์สังกะสี ปีนึงครั้งจะมีน้ำมันมาหยด ล่อลื่น ไม่เหมือนรุ่นเรา มีความฝันเป็นร้อยอย่าง แต่ทำไรไม่ได้สักอย่าง เพราะไม่มีเงิน เลยต้องกระทบกระเทือนคนรุ่นก่อนให้อนุมัติ ความฝันของเราให้เป็นจริง จากคุณ : Ticky_yeh - [ 15 ก.ค. 51 21:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอแสดงความชื่นชมทั้ง 4 ท่าน คือ คุณ benzboonchu, คุณ Zymple4bia, คุณ Cholesterol Lover และคุณ Blue as Danube เป็นกรณีพิเศษครับ ทุกท่านได้รับรางวัลขวัญใจการตอบดีเด่นในกระทู้นี้ (รางวัลคือคำชมจากผมเอง แหะๆ) เพราะทุกท่านอุตส่าห์กลับมาช่วยคอมเมนท์ซ้ำอีกต่างหาก ตอบคุณ Blue as Danube ครับ ผมไม่ได้ละเอียดไปทุกเรื่องหรอกครับ แต่ที่ผมติดตามอ่านข้อความของทุกคนและตามไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด เพราะผมสนใจความคิดเห็นและตัวตนที่แท้จริงของทุกๆคนครับ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เช่นพวกคุณ ซึ่งกำลังเป็นอนาคตของโลกและสังคมนี้ครับ ส่วนชื่อของคุณ Blue as Danube ที่ผมอธิบายไปว่าฟังดูแล้วเศร้า มาจากความรู้สึกส่วนตัวนะครับ พอผมเห็นชื่อใครขึ้นด้วย blue ผมรู้สึกเศร้าก่อนเลย แหะๆ ^^ ส่วนชื่อแม่น้ำดานูบ ผมนึกถึงแม่น้ำสายยาวที่ดูโรแมนติก เลยนึกว่าคุณมีเรื่องโรแมนติกที่เป็นความหลังกับที่แห่งนี้ (ผิดแหะ ^^) ผมลืมนึกถึงทีมฟุตบอลเลย เพราะผมไม่ชอบดูบอลอ่ะครับ ดีใจจังที่สิ่งที่ผมจินตนาการถึงคุณ มีส่วนคล้ายตัวตนคุณจริงๆ อย่างน้อยก็ช่วยเสริมได้ว่า ชีวิตบนเนทไม่ได้แสดงถึงการไร้ตัวตนและการไร้จิตใจของคนนะครับ ขอบคุณผู้มีน้ำใจรายใหม่ที่ช่วยตอบเพิ่มเติมครับ พอดีผมเอาข้อมูลก่อนหน้าไปประชุมครั้งนี้ไปแล้ว แต่ความเห็นใหม่ของพวกคุณจะช่วยการพัฒนาองค์กรของผมต่อไปในอนาคตครับ รับรองไม่สูญเปล่าแน่ ! ^^/ - คุณ Don't Believe What U See ฟังจากชื่อแล้วดูเหมือนมี ego ส่วนตัวแรงใช่เล่นนะครับ แต่หากมองตามหลักศาสนาพุทธ (กาลามสูตร) แล้วก็ใช่เลยละ ตามคุณว่าเลย อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะมันอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป (เหมือนซีรี่ย์สมัยก่อนที่ชื่อ the X-files ที่ทำให้สมัยหนุ่มๆติดงอมแงมด้วยสโลแกนที่ว่า the truth is out there! ) ขอบคุณครับกับการแสดงตัวตนที่หลากหลายออกมาอย่างละเอียดครับ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่ว่ารุ่นไหน ทุกคนมีหลายโหมดในตัวเอง บางครั้งอยากอยู่ท่ามกลางผู้คน บางครั้งอยากอยู่กับตัวเอง บางครั้งอยากอยู่กับคนที่เรารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น หลักการของคุณ work-life balance ยอดเยี่ยมครับ อินเทรนด์มาก ผมก็เชื่อในหลักนี้เช่นกัน แต่ทำไม่ค่อยได้ครับ แหะๆ ^^/ (แต่เชื่อนะครับว่าคนที่มีความแน่วแน่ในความคิดตนเอง และมีความเข้าใจในตัวเองดีเช่นคุณ จะไม่สับสนและทำตามนี้ได้แน่นอน) การแสดงความเห็นของคุณทำให้ผมนึกภาพของสาวมั่น ที่เข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของตนเอง(แต่บางครั้งก็ตามอารมณ์ไปบางโอกาส) คุณคงไม่ชอบการทำตัวเว่อร์ๆ เพราะคุณมั่นใจในตัวเอง หากจะใช้สินค้าแบรนด์เนม เป็นเพราะคุณต้องการเอง ไม่ใช่กระแสแน่นอน คุณสามารถใช้อะไรที่ดูพื้นๆก็ได้ แต่ขอให้ดูมีเทสท์(ประมาณว่าแอบไฮโซเล็กน้อย) เดาผิดเดาถูกไม่ว่ากันนะครับ หมอดูคู่หมอเดา แหะๆ ^^/ - คุณ Muffie โอ้วววว คุณเป็นน้องชายที่พลัดพรากจากผมไปหรือเปล่าเนี่ย ทำไมความรู้สึกเหมือนผมจัง (ยกเว้นแต่เรื่องแฟน เพราะผมรอดตัวแล้ว แหะๆ ^^") คุณเหมือนผมมาก ทั้งเรื่องไลฟ์สไตร์ อาชีพที่อยากทำ (ผมอยากเป็นอินทีเรีย ดีไซน์ แต่ตอนนี้ต้องมานั่งออกแบบองค์กร -_-") รวมถึงความต้องการสูงสุดในชีวิต ประโยคนี้ผมคิดเสมอครับ ----> "และก็อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษเรา ถ้าผมมีกำลังมากพอที่จะทำ" แต่ขอแสดงความเห็นนิดนึงครับว่า ทุกวันนี้เราทุกคนช่วยเหลือผู้อื่นได้ครับ ตามกำลังที่เราทำได้ อย่างเช่นที่คุณกำลังช่วยผมแสดงความคิดเห็นนี่แหล่ะครับ อีกอย่างนึงที่เหมือนผมครับ ----> "แต่ผมเป็นคนที่ยืนด้วยขาตนเอง ไม่ชอบที่จะให้ใครมาช่วยเหลือแม้ในขณะนั้นผมอาจจะอยากลำบาก" หากใครบางคนที่ไม่เข้าใจนี่ฟังดูอาจเลี่ยนๆนะครับ แต่สำหรับผม มันเหมือนเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีอ่ะครับ ไม่รู้คุณ Muffie เหมือนผมหรือเปล่านะ แต่สิ่งที่ผมเจอคือบางทีทำให้คนที่อยากช่วยเราเสียน้ำใจ หรือบางคนมองว่าเราหยิ่งไปเลยนะครับ (บางคนแย่ยิ่งกว่านั้น มองผมน่าสมเพชไปเลยก็มี T-T" ) - คุณ นส.สวยใสไร้สติแต่ไม่ไร้สมอง (gaykrit) เอ่อ คอมเมนท์ไม่ถูกเลยเมื่อเจอคำตอบ + เข้าไปดู my flock ของคุณ ^^" ความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว (อันนี้ไม่เกี่ยวกับงาน) อยากถามว่าทำไมอยากทำอาชีพนั้นละครับ เป็นแค่คำเปรียบเทียบ ? (ไม่สะดวกตอบไม่เป็นไรครับ แค่นิสัยชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านพุ่งปรี๊ดมา -_-") ส่วนประโยคนี้ ---> "แต่จะทำให้ดูว่า คนรุ่น Gen Y ก็อดทนเหมือนคนโบราณ (นะเฟ้ย...)" แสดงให้เห็นครับว่า อย่างน้อยคุณคิดที่จะฮึดสู้เพื่อลบคำสบประมาทแล้ว เยี่ยมครับ แสดงศักยภาพออกมาเล๊ยยย อ่านดูรวมๆ + ชื่อของคุณ อาจออกเป็นแนวชอบประชดตัวเองนิดๆ แต่ก็ภูมิใจในตัวเองด้วยไปในตัวนะครับ แหะๆ (เดาๆมั่วๆ เดี๋ยวก็ถูกเอง ^^") - คุณ Ticky_yeh อ่านคำตอบข้อแรกของคุณแล้วแอบอมยิ้มเลยครับ แสดงว่าคุณมีการปรับตัวเองได้ยอดเยี่มมาก ไม่มีสถานการณ์ทางด้านการเงินใดจะทำให้คุณหดหู่ขนาดนั่งกลุ้มเลย เยี่มครับๆ เงินทองภาพมายา ข้าวปลาและจิตใจที่มีความสุขนี่สิของจริง ^^/ คำตอบหลายๆข้อของคุณนี่แสดงว่าคุณนี่เป็นคนจิตใจใฝ่ธรรมนะเนี่ย (ตรงข้ามกับผมเลย -_-") ดีนะครับ เพราะจิตใจเราจะได้ไม่หลุดและฟุ้งซ่านไปไกล โดยเฉพาะโลกปัจจุบันที่หมุนเร็วจนคนแก่อย่างผมตามไม่ค่อยทันแล้ว (ผมแก่นะครับแต่ไม่ใช่คนโบราณอย่างที่คุณบอกนะ >_<" ) แต่จากคำพูดทิ้งท้ายของคุณทำให้ผมจะแสดงความเห็นในอีกหัวข้อต่อไปนะครับ ข้างล่างความเห็นนี้แหล่ะครับ ขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งกับความเห็นดีๆครับ ^^/ สำหรับทั้ง 5 ท่าน (คุณขาหมูเยอรมันตับห่านฝรั่งเศส, คุณเด็ก gen y confirm, คุณ 123, คุณ 1234 และคุณดุ๊กดิ๊ก ดุ๊กดิ๊ก) ที่โดนขอร้องแกมบังคับให้มาช่วยตอบ (ไม่รู้ตอบแบบเซ็งๆ + ไม่กล้าด่าจากใจจริงหรือเปล่า ^^) ผมไม่ขอขอบใจซ้ำนะครับ ^^ เดี๋ยวเกร่อหมด คนกันเองทั้งน๊าน เดี๋ยวพาไปเลี้ยงดีกว่า (แต่ใครจ่ายไม่รู้นะ อิอิ) ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ รักคนอ่านโดยเฉพาะทุกท่านที่ช่วยตอบครับ จุ๊ฟๆ ^^/   จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 15 ก.ค. 51 23:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เพื่อเป็นการยุติธรรมสำหรับทุกท่านที่แสดงความเห็นและคุณ Ticky_yeh ที่มองว่าคนรุ่นก่อนไร้ความฝัน ทำงานกันงกๆ ขอส่ายหัวดิ๊กๆ ปฏิเสธว่าไม่จริงครับ - มี lifestyle อย่างไร ผมเป็นคนเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีพิธีรีตรอง ชอบใช้ชีวิตแบบสุดๆ คือทำงานก็ทำให้สุดๆ เวลาเที่ยวก็ไม่อยากรับรู้เรื่องงานอีกเลย เที่ยวให้สุดๆอีกเช่นกัน วันหยุดก็อยากนอนเปื่อย ขี้เกียจให้สุด ไปทำอะไรที่แตกต่างไปจากชีวิตการทำงาน เวลาทำงานผมชอบมีทีม มีเพื่อนฝูงมากมาย สร้างคอนเนคชั่นมากๆ บางโหมดที่อยากพักผ่อนและพอมีพลังเหลือ ก็อยากเที่ยวกับครอบครัว แฟน และก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆที่สนิท แต่หากในโหมดที่อยากพักผ่อนพราะหมดพลังทั้งกายและใจ ผมจะชอบอยู่ตัวคนเดียว เดินเที่ยวไปในที่ๆนึกออกเป็นที่แรก ไปแบบไม่มีรูปแบบ คือ นึกอยากไปแบบนั้นก็ไปเลย เช่น อยากไป JJ ก็แบกเป้ใบหนึ่งเดินไปขึ้นรถมล์นั่งปากซอย นั่งไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไร ปล่อยใจไปเรื่อยๆ บางครั้งอยู่บ้านนั่งเล่นเกมส์ อ่านเวบไปเรื่อย ฟังเพลง หากออกไป shopping ก็จะดูของแปลกๆ ที่ทำให้มีความสุข (ฟังแล้วงงๆ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ ^^") บางครั้งก็เก็บของขึ้นกระเป๋าแบบไม่กี่ชิ้น โดดขึ้นรถทัวร์ไปต่างจังหวัด นอนพักซัก 2 วัน ไปนั่งชมวิว ดื่มด่ำบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือทะเล ได้ทั้งนั้นแล้วแต่โอกาสครับ บางทีอารมณ์ศิลปินเข้าสิงก็แบกผ้าใบ ขาตั้ง ไปนั่งวาดรูปด้วยเลย (แต่ตอนนี้หันมาเก็บภาพถ่ายมากกว่า สงสัยเริ่มขี้เกียจ แหะๆ ^^") - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ไม่จำกัดเลยว่าที่แบบไหน สนใจแค่ว่าบรรยากาศแบบไหนและตอนนั้นอารมณ์แบบไหนมากกว่าครับ ส่วนใหญ่ที่ไปแล้วสบายอารมณ์ก็จะเป็นร้านกาแฟที่บรรยากาศดีๆ คนไม่พลุกพล่าน ที่ๆ ไม่มีใครมานั่งสนใจเราว่าเราจะทำตัวแบบไหน สามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ ส่วนใหญ่สถานที่ๆผมมีความสุขมากที่สุดคือ สถานที่ๆ ผมอยู่คนเดียว แต่เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว (ไม่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับนะ เหอๆ ^^") แบบประมาณว่าในห้องนอนที่ผมล็อคห้องไว้ หรือการท่องอินเตอร์เนทไปเรื่อยๆ จากมุมเงียบๆที่ไหนก็ได้ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) ตอนมัธยมปลายอยากเรียนหมอครับ ^^" แต่ในปัจจุบันใจผมอยากทำงานทางด้านการออกแบบโดยเฉพาะอินทีเรีย ดีไซน์ แต่อย่างที่บางคนบอกละครับ Gen ของผมเรียน ป.ตรีให้จบๆไป ตอนนี้ทำงานทางด้านฝ่ายขาย -_-" ก้เลยแพลนอยากทำธุรกิจส่วนตัวที่ได้ใช้ทักษะการขายที่มี + สินค้าที่สวยงามหรือมีการออกแบบครับ รวมถึงโปรเจคท์อีกหลายอย่าง เช่น ทำงานด้านการเกษตรที่ดูไม่ซอมซ่อ แบบมีเทสท์แต่ชีวิตเรียบง่าย (พ่อเลี้ยงทางเหนือน่าจะดีนะ ^^") - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) ชีวิตที่เรียบสงบโดยไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน โดยต้องสามารถดูแลคนที่เรารักให้มีความสุขได้ดีพอสมควร มีเพื่อนฝูงที่เรารักและเค้าก็รักเราแบบจริงใจ มีคนแวดล้อมที่เราไว้ใจได้ว่าจะไม่ทรยศหักหลังเรา มีชีวิตทั้งในต่างจังหวัดและในเมือง เป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆที่เข้มแข็งสัก 2-3 อย่างที่แตกต่างกัน (ประมาณว่าหลายใจ ชอบทำหลายอย่าง แต่ก็กลัวเละนะครับ ^^") - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" ข้อนี้คงไม่ได้ตอบเพราะดันเกิดก่อน แต่หากให้ลองจินตนาการดูว่าผมเป็น Gen Y ผมคงคิดว่า เฮ้ย ดูเป็นคนๆสิว่ะ ทำไมต้องเหมารวมกัน คนรุ่นก่อนมันดีหมดทุกคนหรืองัย แล้วไอ้ข้อเสียของคนรุ่นก่อนอ่ะ ทำไมไม่พูดถึงบ้าง แล้วข้อดีของคนรุ่นใหม่ ไม่พูดบ้างว่ะ มองแง่ร้ายไปเปล่า ถ้ามองร้ายแบบนั้นอย่ามีลูกเชียวนะ(เมิง) .... ประมาณนี้มั๊งครับ ^^" สุดท้ายและท้ายสุด ไม่แน่ใจว่ามีใครกลับมาอ่านอีกไหม แต่ขอขอบคุณทิ้งท้ายอีกครั้งและขอปรบมือให้ทุกความเห็นครับ แปะๆๆๆ ^^/ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 15 ก.ค. 51 23:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 "แพลนอยากทำธุรกิจส่วนตัวที่ได้ใช้ทักษะการขายที่มี + สินค้าที่สวยงามหรือมีการออกแบบครับ " จากประโยคนี้ต้องการคนช่วยทำด้านออกแบบไหมคะ เราพอจะรู้จักเพื่อนที่เป็นอินทีเรียเก่งๆอยู่บ้าง แนวที่พี่บอกว่ามีเทสท์แต่เรียบง่ายน่าจะลองศึกษาพวกการออกแบบแนว Zen ดูนะคะ หรืออาจจะเป้นแนวสินค้าของร้านพันตาค่ะ จากคุณ : Zymple4bia - [ 16 ก.ค. 51 01:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เราเกิดปี 1977 และเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 18 เลยรู้สึกว่าตัวเองน่าจะเป็น Gen X มากกว่า Gen Y เพราะ - มี lifestyle อย่างไร Lifestyle ทำงาน 50% เที่ยว 10%  นอน 30% ครอบครัว 10% - ชอบสถานที่แบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สวนรถไฟ - อยากทำงานอะไรเมื่อจบมาแล้ว (ความเห็นของทางบ้านไม่ต้องเอามาเป็นกังวลนะครับ) งานที่สามารถทำที่บ้านได้ ไม่ต้องเดินทาง - ต้องการอะไรสูงสุดสำหรับชีวิตนี้ (ประมาณว่าหากได้รับแล้วถึงตายก็มีความสุขได้) อยากทำตามความฝันของตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่กดดันมากเกินไป อยากมีความสุขกับทุก ๆ วันที่ดำเนินชีวิตอยู่ - คำถามสุดท้ายอย่าโกรธกันนะครับ "คิดยังไงกับคำพูดของคนรุ่นก่อนหน้าที่บอกว่าคนรุ่น Gen Y ไม่มีความอดทน เป็นพวกเจนเนอร์เรชั่น Yวอด" เห็นด้วยกับที่ว่า Gen Y รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ มีความอดทนน้อย แต่พวกเขามักจะมีไอเดียใหม่ ๆ แบบคิดนอกกรอบมาเสมอ ดังนั้นในฐานะรุ่นพี่เราคงต้องเลือกใช้ส่วนที่ดีของเขา และชี้แนะส่วนที่เขาควรปรับปรุงด้วยเหมือนกัน จากคุณ : ใบไม้ (Kbaimai) - [ 21 ก.ค. 51 00:35:27 ]