ความคิดเห็นที่ 1 ปรกติเราจะ อ่านผ่าน+ ขีดย่อข้อความสำคัญก่อนรอบนึง แล้วอ่านท่องจำรอบที่ 2 คะ รอบแรกค่อนข้างต้องอาศัยความรวดเร็วนิสหน่อยจับใจความ จากคุณ : Elizabethan - [ 14 มี.ค. 52 18:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จดช๊อตโน้ตค่ะ จำแม่นเลยแหละ ถ้าอ่าน text book ก็อย่าไปแปลทีละคำนะคะ อ่านเอาความเข้าใจ แล้วก็จดช๊อตโน้ตเอาไว้ค่ะ จากคุณ : ตามตะวัน <Follow the sun only> - [ 14 มี.ค. 52 18:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทำ mind map แบบหนูดี วาดเป็นรูปๆ มีสีเยอะๆ ชอบๆ เข้าห้องสอบแล้วจะนึกถึงรูปที่เราวาด จากคุณ : Hotter Winter - [ 14 มี.ค. 52 19:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วจำ  จากนั้นพูดในกระจก  ( ถ้าเป็นวิชาข้อเขียนนะ ) มันจะทำให้เราจำได้เพราะเลยเคยพูดไปแล้ว  ก็เลยไม่ยากที่จะเขียนอธิบายเป็นข้อๆ แต่ถ้าเป็นปรนัยก็อ่านตอนที่มีสติ  ตั้งสมาธินิ่งๆแล้วอ่าน  ไม่ต้องพยายามมากที่จะจำ  เอาแบบสบายๆเพราะตอนสอบเดี๋ยวก็นึกออกเอง จากคุณ : เวิ้งฟ้า-พระจันทร์ซ่อนกาย - [ 14 มี.ค. 52 19:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไปถามคนในห้องเรียนที่สอบได้คะแนนดีๆเลยครับ มันเล่นท็อปทุกวิชาเลย เขาบอกว่าให้อ่าน(เป็นวิชาอ่านน่ะครับ ไม่ใช่วิชาคำนวณ) 5 รอบครับ โอ้ววว พระเจ้าผมแค่อ่านรอบเดียวก็ถือว่าบรรลุธรรมแล้วครับ สอบที่หลายบท ต้องไม่ต่ำกว่า 150 หน้าอ่ะครับ เขาบอกว่ารอบแรกอ่านไปเลยเรื่อยๆ ไม่ต้องจำมาก รอบสองขีดไว้ รอบสามอ่านที่ขีดไว้ รอบสี่ เอาแบบฝึกหัดท้ายบทมาทำ รอบที่ห้า ตรวจแบบฝึกหัดที่ทำ ไม่ไหวครับ ผมทำไม่ได้จริงๆ อาจเพราะความคุ้นเคยคนเราต่างกัน แต่ถ้าวิธีผมที่ใช้มาตั้งแต่เด็กๆเลยคือ สมมุติ สอบบทที่ 1-5 ผมก็จะไล่อ่านจากท้ายไปหน้าครับ คืออ่าน บทที่ 5 ไปจนถึง ทบที่ 1 พวกวิชาอ่านมันขึ้นอยู่กัีบความเข้าใจของแต่ละคนดด้วยครับ ผมไม่ค่อยถนัดคำนวณ แต่วิชาอ่านนี่ฉลุยเลยครับ ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : โดน-บัง-จิง-ดิ - [ 14 มี.ค. 52 19:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ของปอตอนเรียนพยายามเรียนให้เหนือเพื่อน จดโน๊ตทุกครั้งที่เข้าเรียน พอตอนสอบเพื่อนก็จะโทรมาถาม แล้วก็จะอธิบายให้เพื่อนฟัง ถ้าอันไหนตอบไม่ได้ก็ มาค้นหาคำตอบแล้วโทรอธิบายให้เพื่อนฟัง ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ท่องจำ ใช้ความเข้าใจมากกว่า ถ้าเป็นสูตรหรือมาตรา ก็ท่องที่ละท่อนแล้วก็จด ท่องจอท่องจดจนกว่าจะจำได้ แต่ถ้าอ่านหนังสือส่วนใหญ่ก็อ่านสองรอบ รอบแรกอ่านทั้งหมด อีกรอบอ่านแต่ประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะหัวข้อ อ่านมากๆจะรู้สึกมึนไม่เข้าหัวแล้ว ก็หาน้ำผลไม้ทานหรือนม แนะนำควรอ่านหนังสือก่อนนอน เพราะการที่เราอ่านหนังสือก่อนนอน จะจดจำได้ดีกว่าสมองจะโลงเมื่อเรานอนพักผ่อน แต่ถ้าอ่านตอนเช้าหรือตอนตื่นนอน จะทำให้เราปวดสมองทั้งวัน สมองตื่อคิดอะไรไม่ค่อยออก จากคุณ : ยัยตัวยุ่ง - [ 14 มี.ค. 52 20:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านตอนปิดเทอมครับ จากคุณ : แฟนกันวันศุกร์ - [ 14 มี.ค. 52 20:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 1. อย่าอ่านออกเสียงในใจ ตามปกติคนเราพูดด้วยอัตราเร็วสูงสุดประมาณ 3- 5 คำต่อวินาที   แต่สายตาสามารถทำงานได้ไวกว่านั้นมาก ในหนึ่งวันคุณพูดอย่างมากก็สามหมื่นคำ แต่สายตาของคุณสามารถรับปริมาณข้อมูลนับล้านข้อมูลได้ในแต่ละวัน พยายามใช้ตาอ่าน อย่าใช้ปากอ่าน  คนส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีอ่านออกเสียงในใจ ซึ่งก็คือการพูดในใจนั่นเอง  สายตาจะต้องมารอจังหวะการหน่วงของคำพูด หยุดชะงักเป็นระยะตามจังหวะของการออกเสียงทำให้เกิดอาการล้า  ผู้ที่อ่านด้วยการออกเสียงในใจ นอกจากจะอ่านช้าแล้ว  กล้ามเนื้อตาจะทำงานหนัก 2.  ทุกครั้งที่จะอ่าน ควรจินตนาการล่วงหน้าถึงเรื่องที่จะอ่านก่อนว่าเกี่ยวข้องกับอะไร  การอ่านด้วยวิธีนี้จะทำให้จำแม่น จำเฉพาะเนื้อหาสำคัญ และมองภาพองค์รวมแบบแผนผังได้ (mind mapping)  โดยมีศูนย์กลางเริ่มต้นจากส่วนที่สำคัญที่สุด แล้วแตกแขนงไปที่ส่วนประกอบอื่นๆ   ตามปกติคนเราจะอ่านหนังสือจากหน้าไปหลัง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเรื่องสั้น หรือนวนิยาย การอ่านบทสรุปหรือตอนจบก่อน เป็นเรื่องที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาด แต่ การอ่านเพื่อการเรียนรู้ จะตรงกันข้าม ยิ่งรู้รายละเอียดล่วงหน้ามากเท่าไหร่ จะทำให้ประสิทธิภาพของการอ่านเพิ่มขึ้นเท่านั้น   3. เพื่อที่ไม่ต้องอ่านซ้ำทั้งหมด ควรขีดเส้นแดง  หรือทำเครื่องหมาย บริเวณที่เห็นว่าเป็นจุดสำคัญ ที่คิดว่าถ้าคุณเป็นคนออกข้อสอบจะออกจุดนั้น  และอ่านเฉพาะจุดนั้นในรอบที่สอง ไม่ต้องกลัวหนังสือจะเลอะถ้าเป็นของคุณเอง ทำเครื่องหมายลงไปเลย  และอาจจะเขียนเพิ่มเติมในสิ่งที่คุณต้องการเตือนความจำอีกก็ได้   แต่ทั้งนี้ ต้องระลึกไว้เสมอว่า หนังสือทุกเล่มจะมีส่วนสำคัญอยู่ประมาณ 20% เท่านั้น ถ้าคุณทำเครื่องหมายลงในหนังสือเปรอะไปหมด เกิน 20% แสดงว่ายังไม่รู้จักวิธีการแยกเนื้อออกจากน้ำ 4.  นักจิตวิทยาพบว่า  หลังการอ่านไป 24 ชั่วโมง  คนส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่อ่านมาไป 80%  จำได้ 20%  สมองของคนทุกคนมีศักยภาพในการจำเท่ากัน แต่ที่ต่างกันก็คือ คนเก่งจะจำได้ 20% ของส่วนที่สำคัญ   แต่คนไม่เก่ง จะไปจำส่วนที่ไม่ควรจำ 5.  เมื่ออ่านรอบที่สองจบลง จนแน่ใจว่า จับจุดสำคัญได้ครบหมดแล้ว  ให้มาเขียนบทสรุปทีละข้อแบบย่อความ โดยใช้ภาษาของคุณเอง และอาจจะเชื่อมโยงแนวคิดส่วนตัวของคุณเข้าไปด้วยก็ได้  เก็บบทสรุปนั้นไว้  เมื่อถืงเวลาที่ต้องทบทวนไม่จำเป็นต้องไปอ่านเนื้อหาทั้งหมดอีกรอบให้เสียเวลา  ศิลปะการย่อความเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นการคั้นน้ำออกจนเหลือแต่เนื้อ ยุคนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร แต่ละวันมีอะไรมาให้อ่านมากเหลือเกิน  ผู้ที่มีพรสวรรรค์ในการย่อความ จะประสบความสำเร็จเหนือกว่าคนอื่นๆ (ลอกมาจาก หนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ตภาค 2 ) จากคุณ : ปัจจตัง - [ 14 มี.ค. 52 20:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 6. การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เปิดพจนานุกรมดูคำศัพท์ในส่วนสำคัญเท่านั้น  ประโยคหนึ่งๆมีส่วนไม่สำคัญมากกว่าส่วนสำคัญ  ดังนั้นคนที่อ่านเป็น เขาจะจับใจความประโยค หากเข้าใจองค์รวมของประโยคนั้นแล้ว  รวมกับการคาดหมายจากใจความ จะพอรู้เลาๆ เดาได้ว่า ประโยคนั้นน่าจะมีความหมายไปในทางใด 7. อ่านแบบผ่านๆสักรอบหนึ่งก่อน แล้วดูว่าข้อเขียน หรือบทความนั้น ต้องการจะสื่อถึงอะไร พยายามอ่านความคิดของผู้เขียน อย่าอ่านคำ  หลังจากนั้น จึงค่อยเจาะลึกไปเฉพาะจุดที่สนใจ เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมในการอ่านรอบที่สอง   8. จำแบบแผนผัง ซึ่งการจำเป็นภาพ เชิงความสัมพันธ์จะจำได้แม่นกว่า   การจำเป็นแผนผังในใจหรือที่เรียกกันว่า Mind mapping จะมีประโยชน์  คนที่ชอบดูกีฬา  เวลาจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก  จะเห็นตารางโยงไปโยงมา คู่นั้นมาแข่งกับคู่นี้   ผู้ชนะระหว่างคู่นั้น มาแข่งกับผู้ชนะระหว่างคู่นี้ ที่เมืองนี้ เวลานี้   มีข้อมูลที่จะต้องให้จำเต็มไปหมด ทั้งรายละเอียดของทีม ผลการแข่งขัน  ชื่อผู้เล่น โค้ช  ผลงานในอดีตของแต่ละทีม   แต่รายละเอียดทั้งหมดเหล่านี้ จะผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เมื่อคุณหลับตานึกถึงภาพ Mind mapping   9.   สลับสมองในการอ่าน   วิธีสลับสมองที่ง่ายๆ โดยไม่ต้องหยุดอ่านหนังสือ คือ  สลับการอ่านวิชาที่ใช้สมองซีกขวา เช่น สังคม  ภาษาไทย  กับ วิชาที่ใช้สมองซีกซ้าย เช่น คณิตศาสตร์  เคมี   เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าสมองซีกไหนเริ่มล้า ให้เปลี่ยนไปอ่านวิชาตรงกันข้ามทันที   10. สำหรับการเริ่มต้นอ่าน จะเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุด ให้เลือกวิชาที่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่มาอ่านก่อน เพื่อสร้างอารมณ์  เมื่อมีความรู้สึกอยากอ่านแล้ว ค่อยๆสลับไปอ่านวิชาอื่นที่ไม่ถนัดต่อไป 11. หาเวลาทองในการอ่าน คนเราแต่ละคนมีช่วงเวลาทองของชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนสามารถเรียนได้อย่างสนุกในตอนเช้า แต่พอยามบ่ายสมองกลับไม่แล่น บางคนชอบช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชั่วโมงก่อนโรงเรียนเลิก  หรือบางคนไม่ชอบทั้งเช้าทั้งบ่าย แต่เวลาอ่านหนังสือตอนกลางคืนแล้วรู้สึกสนุก  หาเวลาทองของตัวเองสักวันละสองชั่วโมง และใช้เวลานั้นสำหรับการศึกษาให้มากที่สุด แม้คุณจะไม่ตั้งใจเรียนในห้องเป็นบางครั้ง แต่มาทบทวนในช่วงเวลาที่ต้องการทบทวน ประสิทธิภาพการเรียน ก็จะไม่ตกลง (ที่มา ....หนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต2 ) จากคุณ : ปัจจตัง - [ 14 มี.ค. 52 20:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้วิธีส่วนตัวนะ ผมใช่วิธีัอ่านหนังสือสลับกับนอน10นาทีครับ รู้สึกมีสมาธิและจดจ่อกับตัวหนังสือมากๆ อ่านหนังสือสักพักแล้วสมองชอบล้าครับ อ่านไปก็ไม่ค่อยจำเท่าไร สู้ไปนอนพักสักแปป(ไม่ใช่ไม่ตื่นเลยนะครับ) แล้วกลับมาอ่านใหม่ดีกว่า ได้ประสิทธิภาพการอ่านมากกว่า จากคุณ : No Excuse. - [ 15 มี.ค. 52 01:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 - ตั้งสติก่อนสตาร์ทค่ะ พยายามทำสมาธิให้ได้ จดจ่อกับสิ่งที่อ่าน - ขีดเส้นใต้ keyword เอาไว้ อ่านให้จบรอบแรกแบบเข้าใจอย่างสุดซึ้ง - เช้าก่อนสอบ อ่านเฉพาะ keyword แล้วลองนึกว่าประโยคที่มีkeywordนั้นอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอะไร ถ้านึกไม่ออกก็เปิดดูแล้วจำซ้า - ถ้าเป็นการสอบวิชาแบบท่องจำ ก็จะท่องหัวข้อและ keyword ว่าอะไรอยู่ในเรื่องอะไร ในนั้นมีเนื้อหาอะไรบ้าง << เก็บไว้ท่องจริงๆเช้าก่อนสอบตลอดเลย จากคุณ : Dia-monD - [ 15 มี.ค. 52 01:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ต้องถามว่าเป็นคนขยันรึป่าว ^^ ถ้าทำได้นะ...อ่านทุกวัน วันละนิด แล้วมาอ่านแบบเต็มๆ อีกรอบ ก่อนสอบสองอาทิตย์ แบบนี้จะได้ไม่เครียดด้วย แต่ต้องมีวินัยในการอ่าน พยายามทำให้ได้ทุกวัน อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ส่วนเทคนิค ในการอ่าน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ ว่าแบบไหนจะทำให้จำได้มากกว่ากัน ของเราไม่ค่อยชอบจดโน้ต เน้นไฮไลท์ ขีดเส้น อ่านซ้ำๆ ถ้าเป็นวิชาความเข้าใจ ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนรอบนึง แต่ยังงัย มันก็ต้องจำอยู่ดีแหละ นอกจากว่าบางคน อ่านรอบเดียว จำได้หมด แอบ อิจฉา 555 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 10:14:15 จากคุณ : cupboard - [ 15 มี.ค. 52 10:12:02 ]