ความคิดเห็นที่ 1 บางปีแค่เสียดาย ช่างที่จะจบออกมา แต่มาตายซะกอ่นอะพี่หนุ่ม ไม่โทษสถาบันหรอกคะ เพราะรามก็โหดใช่ย่อย T_T จากคุณ : djangel - [ 10 มิ.ย. 52 16:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โหวตก่อน  โดยส่วนตัวไม่โทษตัวสถาบันฯนะ คิดว่าเป็นเพราะตัวเด็กรุ่นพี่(บางคน)มากกว่า จากคุณ : Gaea - [ 10 มิ.ย. 52 16:08:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มารอฟังครับ จากคุณ : PeaceBREAKER - [ 10 มิ.ย. 52 16:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ติดตามดูข่าวอยู่ค่ะ จากคุณ : pig666 - [ 10 มิ.ย. 52 16:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มารับฟัง จากคุณ : ผุ๋งผิ๋ง - [ 10 มิ.ย. 52 16:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ใจเย็น ๆ ผมเข้าใจ เพราะระบบนี้ "เพื่อนกันจนตาย" จริง ๆ จาก น้องมหาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักร.... จากคุณ : yugioh2500 - [ 10 มิ.ย. 52 16:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มารับฟังค่ะ จากคุณ : PPalone - [ 10 มิ.ย. 52 16:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:23:23 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หวัดดียามบ่าย(เกือบเย็น)ค่ะ พี่หนุ่ม เข้ามาอ่าน แหะๆ ขออนุญาตไม่ออกความเห็นนะคะ จากคุณ : สาวบางแค_แคร์บางคน - [ 10 มิ.ย. 52 16:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:23:37 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:23:49 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:24:07 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:24:25 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รับฟังๆๆ จากคุณ : alphajet - [ 10 มิ.ย. 52 16:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:24:57 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอเข้ามารับฟังนะคะ จากคุณ : เซียวลี้ปวยตอ มิเคยพลาดเป้า - [ 10 มิ.ย. 52 16:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กด F5 ยิกๆ จากคุณ : StarniC - [ 10 มิ.ย. 52 16:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:24:43 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ปาดนิดๆนะครับคุณหนุ่ม อยากฟังจากปากจริงๆของอดีตรุ่นพี่สถาบันนี้ รอฟังอยู่ครับ จากคุณ : ห้อยน้อยๆแต่ห้อยนานๆ - [ 10 มิ.ย. 52 16:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:25:09 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 16:54:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โห....พี่หนุ่มจบอุเทนฯเหรอเนี่ย จากคุณ : nssr@2527 - [ 10 มิ.ย. 52 17:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:25:50 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 17:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 "เมื่อมีการทะเลาะต่อยตีกันครั้งแรกเกิดขึ้น..ก็จะมีการล้างแค้นกันในครั้งต่อมา เพื่อนกับเพื่อน..บอกต่อบอกเล่ากัน จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง และด้วยความที่ถูกปลูกฝังให้รักสถาบันของตัวเองอย่างสูง" ^ ^ ถ้าเช่นนั้น ให้ทั้งสองสถาบันยุบรวมกันเป็นสถาบันใหม่  มันจะเป็นการแก้ปัญหานี้ได้ไหมครับพี่หนุ่ม ประวัติศาตร์อุเทน และปทุมวัน แม้จะหายไป แต่ปณิทานของผู้ก่อตั้งทั้งสองสถาบันก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ผมเชื่อว่าถ้าผู้ก่อตั้งทั้งสองยังมีชีวิต  ท่านน่าจะยินดีรวมสถาบัน มากกว่าที่จะทำให้คนเดือดร้อนจากสถาบันที่ท่านสร้างกันมา เพราะปณิทานของท่าน คือ การสร้างช่างที่มีคุณภาพ ความสามารถ ที่ดีแก่ชาติไทย จากคุณ : Gaea - [ 10 มิ.ย. 52 17:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รอ...รอ... จากคุณ : มาจิรุ - [ 10 มิ.ย. 52 17:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 .. จากคุณ : DarkEnemy - [ 10 มิ.ย. 52 17:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รออ่านอยู่จ้า. จากคุณ : natty_luck - [ 10 มิ.ย. 52 17:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:26:05 แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 18:06:56 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 17:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่หนุ่มๆ ผมก็เด็กช่างมีน นะครับ เห็นระบบการศึกษาอาชีวะแล้ว บอกได้คำเดียวว่า ถอยหลังครับ สิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเลย ปัญหาเดิมๆตลอด ผมว่าเรื่องตีๆกัน บ้านเรามันเป็นมาตั้งแต่ สมัยอยุธยาแล้ว ทะเลาะกันตีกันจนบ้านแตก เหมือนทุกวันนี้ มันก็ยังทะเลาะกันเพราะเรื่องการเมืองอยู่ มานั่งนึกๆดู สงสัยมันคงเป็นเวรเป็นกรรมของคนไทย ที่ไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไร ผมไปเห็นมหาลัยในต่างประเทศตั้งหลายมหาลัยที่พัฒนาแล้ว ไม่เห็นมีระบบโซตัสแรงๆ เหมือนบ้านเราเลย ผมเริ่มรู้สึกว่า บ้านเรามันยังล้าหลัง ระบบรับน้องนี้ ยังมีกับประเทศที่ล้าหลังเท่านั้นครับพี่หนุ่ม ไทย พม่า อะไรพวกนี้ นิยมความรุนแรงกัน วัยรุ่น มันเป็นวัยที่แรงเยอะครับ อยากทำอะไร ก็ทำกันไป ผมเข้าใจเรื่องศักดิ์ศรีของสถาบัน ที่มีอยู่และดูเหมือนไม่มี่วันลดลงเลย ศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้ และคนรอบข้าง ไม่เคยเห็นคุณค่าของศักดิ์ศรีนั้นเลย นี่ขนาดเขาให้เป็นปริญญาตรีแล้ว ผู้บริหารคิดว่า พอโตขึ้นจะคิดได้ แต่เปล่าเลย บางคนคิดได้ แต่สังคมและเพื่อนๆ ดึงไปกลับเหมือนอย่างเก่าหมด ผมว่า อาจารย์และผู้บริหาร ต้องทำการบ้านมากกว่านี้ครับ ปัญหารับน้องและปัญหาตีกัน มันเป็นเวรเป็นกรรมของคนไทยทั้งประเทศ ที่ผู้ใหญ่แก้กันไม่ได้สักทีครับ จากคุณ : นะนะ - [ 10 มิ.ย. 52 17:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:26:19 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 17:26:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แซวพี่นะ "มันเป็นเวรเป็นกรรม" << ปย.นี้ของพี่ ผมนึกหน้าพี่เวลาพูดออกเลยอ่ะ 555 จากคุณ : Gaea - [ 10 มิ.ย. 52 17:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:26:34 แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 17:54:50 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 17:53:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอให้มันเป็นไปในทางที่ดีนะคะ จากคุณ : + เฮลี่เกรล + - [ 10 มิ.ย. 52 17:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เพื่อนสนิทไปเรียนที่นั้น มันพูดทุกวัน " กรูกลับบ้านแบบระแวงวะ แต่กรูอยากเรียน " จากคุณ : หลงรักชุดนักบอล - [ 10 มิ.ย. 52 18:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อะไรที่มันไม่ดีก็น่าจะตัดทิ้งบ้างก็ได้นี่คะ ปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้นจะได้มีคนเข้ามาสมัครเรียนกันเยอะ เพราะตอนนี้ก็น้อยเต็มที อยากให้ส่งเสริมในด้านการศึกษามากกว่านะคะ จะได้ช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ไม่ใช่เป็นนักรบน่ะค่ะ แฮ่ๆ จากคุณ : เมจัก - [ 10 มิ.ย. 52 18:21:50 A:112.143.15.36 X: TicketID:207916 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ปัจจุบันเห็นทางสถาบันทั้งสองฝ่าย พยายามแก้ไข โดยยกเลิก ปวช. ปวส. เปิดเป็นมหาวิทยาลัย ทั้งสองสถาบัน ยกระดับวิชาชีพ ปับเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่มาหลายปีแล้ว เป็นข่าวที่ผมยินดีมากครับ จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 18:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่าการปิด ปวช ปวส ของทั้งระบบเป็นเรื่องผิดพลาดของประเทศอย่างร้ายแรงครับ ปวช ปวส ถือเป็นช่างเทคนิค ที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าวิศวกร วิศวกร เป็นคนคิดเป็นคนออกแบบ ส่วนปวช ปวส เป็นมือให้กับวิศวกร เพื่อที่จะทำงานให้สำเร็จ วิศวกรบ้านเราไม่มีแขนมีขา ก็ทำงานไม่ได้ครับ การเปิดเป็น มหาวิทยาลัย ผมมองว่า เป็นค่านิยมสำหรับบ้านเรา บ้านเรา ดูที่วุฒิการศึกษา มากกว่าความสามารถ เรากำลังเดินทางผิดครับ เป็นเพราะผู้ใหญ่ในอาชีวะศึกษา ไม่มีความรู้ความเข้าใจ ในระบบอาชีวะศึกษาอย่างแท้จริง เอาเรื่องค่านิยมปริญญาตรี มาเป็นข้อจำกัดในเรื่องของวิศวกร เป็นความผิดพลาดมหันครับ เรื่องระบบ การศึกษาต้องมองของเยอรมันเป็นตัวอย่างที่ดี เขาแบ่งแยกชัดเจนเรื่องการศึกษาทางด้านอาชีวศึกษาและวิศวกร สองอย่างนี้ต่างกันแค่นิดเดียว คนที่เป็นช่างเทคนิค มีความสามารถสูงมากๆ เช่นช่างเชื่อม ก็เอาดีทางการเชื่อมอย่างเดียว จนเรียกได้ว่า อะไรมาก็เชื่อมได้หมด และไม่ได้วัดผลด้วยความรู้สึกนะครับ ทำอะไรเป็นวิทยาศาสตร์ไปหมด นี่ถ้าผมไปทำงานกรม อาชีวะ ผมคงไปทะเลาะกับผู้ใหญ่หลายคนในนั้นแน่ๆเลย  เพราะรู้สึกว่าเขากำลังทำประเทศให้ถอยหลังครับ ต้องแยกให้ออกว่า เรื่องตีกัน เรื่องรับน้อง กับเรื่อง ปิด ปวช ปวส เป็นคนละเรื่องกันนะครับ จากคุณ : นะนะ - [ 10 มิ.ย. 52 18:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จขกท ผมบอกให้ก่อนเลยนะ ไอ่กลอนที่คุณเอามาโพสต์น่ะ เข้าใจว่าแต่งกันมา และท่องกันมา ตกทอดมาหลายรุ่นละ +++++++++++++++++++++++++++++ เด็กอุเทนเดนชนคนดูหมิ่น สองหูชินสรรพสำเนียงเสียงด่าว่า เขารังเกียจเดียดฉัน ครั้นนานมา ทั้งหูตาบอกให้รู้ทุกผู้คน พบใครๆขายหน้าเขาว่าชั่ว ชอบทำตัวเป็นนักเลงเบ่งทุกหน ถึงจะเจ็บและตายต้องจำทน เพื่อผ่านพ้นวัยเรียนเพียรทำงาน ++++++++++++++++++++++++++ ผมอยากบอกว่ามันเป็นกลอนที่ทุเรศครับ (ขออภัย ไม่ได้ต้องการหยาบคาย เพียงแต่หาคำที่เหมาะสมกว่านี้มาบรรยายไม่ได้) ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ เพราะมันเป็นกลอนที่ใช้ "ล้างสมอง" นักศึกษาของคุณแต่ละรุ่นๆ สร้างภาพให้เกิดการยอมรับในกลุ่มพวกคุณเอง ว่า เออ ตูเ_ี้ย ตูเจ๋ง ใครๆก็มองตูอย่างงั้น ... เป็นเรื่องปกติสามัญของพวกตู ดังนั้น ตูและรุ่นน้องๆตูไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขอะไรเรื่องนี้ (ปล่อยเลววววไปเลยยยยยยย) ดูสิครับ แค่กลอนอันนี้ ก้อเห็นแล้วว่า มีการพยายามปลูกฝังในเซลล์สมองให้ยอมรับ และถือว่าเรื่องชั่วๆคือความชาชินของพวกตู ไม่มีการจรรโลงสิ่งดีๆเลย เป็นมหาลัยแล้วนะ! จากคุณ : กส (กงสี) - [ 10 มิ.ย. 52 18:45:10 A:125.25.98.161 X: TicketID:143942 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:25:36 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 19:12:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:25:25 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 19:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดช่างกลเหมือนกันนะ ในฐานะคนนอก ถ้าป้องกันตัว ไม่ผิดก็เข้าใจ แต่ขอถามตรงๆเลยนะครับ ถ้าคุณเจออริ แล้วคุณพวกมากกว่า คุณจะไปตีเค้ามั้ย เพราะอะไร แล้วถ้าเพื่อนลุย คุณจะตามเพื่อนมั้ย จากคุณ : คนเดินบนดิน - [ 10 มิ.ย. 52 19:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เราคิดว่า กลอน... เด็กอุเทนเดนชนคนดูหมิ่น สองหูชินสรรพสำเนียงเสียงด่าว่า เขารังเกียจเดียดฉัน ครั้นนานมา ทั้งหูตาบอกให้รู้ทุกผู้คน พบใครๆขายหน้าเขาว่าชั่ว ชอบทำตัวเป็นนักเลงเบ่งทุกหน ถึงจะเจ็บและตายต้องจำทน เพื่อผ่านพ้นวัยเรียนเพียรทำงาน ถ้าอ่านดีๆ คนแต่งสื่อให้เห็นว่า มุมมองคนยังไงก็มองว่าเด็กอุเทนไม่ดี ถูกตีตราว่าชั่ว(ตามกลอน) ชอบทำตัวเป็นนักเลง  เพราะฉะนั้นถ้าจะเรียนที่นี่ก็ควรจะมีน้ำอดน้ำทนและตั้งใจให้มาก และยอมรับว่ามุมมองหลายๆคนเค้ามองไม่ดีมากกว่า ถ้าอ่านทีละประโยคมันจะไม่เข้าใจน่ะคะ จากคุณ : ต้นถั่วโปรเจค - [ 10 มิ.ย. 52 20:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ปัญหานี้ จะมาแก้ก็ต่อเมื่อมีการรับเด็กใหม่ปีหนึ่ง พอเลยช่วงรับน้อง ข่าวนี้ก็หายไป ทุกคนไม่ได้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไฟไหม้ฟางแท้ๆ ปัญหาที่แท้จริงมันอยู่ตรงไหน   อยากจะให้ลองวิเคราะห์มาว่าเพราะอะไร แล้วก็ค่อยๆแก้ปัญหากันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าพอนักข่าว หรือ สื่อซาไปก็หยุดความสนใจอ่ะค่ะ จากคุณ : เจ้าหญิง piG - [ 10 มิ.ย. 52 20:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เป็นที่บางคนมากกว่านะคะ หนูเอง สอนโรงเรียน ที่เคยเป้ฯ ช่างมาก่อน (แต่โดนปิดไปแล้ว ตอนนี้เป็นพาณิชย์) หนูว่านักเรียน จะ ตั้งใจเรียนและ ฝีมือดีนะคะ   เขาชอบในสิ่งที่เขาเรียน  และสถาบันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่มันอยู่ที่รุ่นพี่ บางคน  มากกว่า ที่ทำให้คนอื่น มองว่ารับน้องโหด (อาจจะแสดงควาเห็นไม่ค่อยตรงเท่าไหร่   แต่อยากบอกว่า เด็ก ช่างก็ไม่ได้ ป่าเถื่อน หรือ ดุ อะไรมากมาย ทุกคนหรอกนะคะ ) จากคุณ : artchinese - [ 10 มิ.ย. 52 20:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คิดเหมือน คห 36 นะ หาก ปวส ปวช หมดไปจากประเทศไทย ....สงสัย แค่ เชื่อม เหล็ก คงต้องใช้ วุฒิ วศ.บ. - -" คุณ กงสี ได้อ่านกลอน สองบรรทัดสุดท้ายด้วยไหมครับ?? "ถึงจะเจ็บและตายต้องจำทน เพื่อผ่านพ้นวัยเรียนเพียรทำงาน" เค้าบอกให้ต้องอดทน ไม่ใช่หรอ จากคุณ : ฟกวศ - [ 10 มิ.ย. 52 20:34:35 A:117.47.117.64 X: TicketID:215033 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 14:17:42 จากคุณ : นอกลู่นอกทาง - [ 10 มิ.ย. 52 20:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 47 "ถึงจะเจ็บและตายต้องจำทน..." ทำไมสังคมเราต้องยอมอดทนต่อความเจ็บปวดและยอมให้เกิดความสูญเสียด้วยล่ะครับ ถ้ามีทางที่ดีกว่า "เด็กอุเทนเดนชนคนดูหมิ่น สองหูชินสรรพสำเนียงเสียงด่าว่า เขารังเกียจเดียดฉัน ครั้นนานมา ทั้งหูตาบอกให้รู้ทุกผู้คน พบใครๆขายหน้าเขาว่าชั่ว ชอบทำตัวเป็นนักเลงเบ่งทุกหน" ถึงจะจบด็อกเตอร์จบเมืองนอกมา แต่ถ้ามีท่าทาง "ชอบทำตัวเป็นนักเลว" ผมก็รังเกียจเดียดฉันครับ เด็กอาชีวะที่ร่วมโครงการที่สร้างประโยชน์กับสังคมก็มีเยอะแยะไป เช่น ล้างแอร์ฟรีหน้าร้อนช่วยชาิติ เป็นต้น "สำเหนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" ไม่ว่าจะเป็นคนระดับใด มีความรู้แค่ไหน อยู่สถาบันอะไร ก็ไม่พ้นกลอนนี้ครับ ถ้าคุณคิดว่ากลอน "สำเนียง..." มีคุณค่า และเป็นความสัตย์จริง มากกว่ากลอน "เด็กอุเทน..." ทำไมในการรับน้องถึงไม่สอนกลอนที่ดีๆ มีประโยชน์ และช่วยจรรโลงจิตใจ ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ลองถามตัวเองดูว่า ระหว่างกลอนที่สอนให้รักพวกพ้องโดยต้องระแวงระวังภัยทุกฝีก้าวจากสังคมภายนอก กับกลอนที่สอนให้รักทั้งพวกพ้องและสังคม เราอยากรู้ อยากฟังกลอนไหนมากกว่ากัน Positive Thinking กับ Negative Thinking มองต่างกันแค่นิดเดียว แต่ผลที่ได้แตกต่างกันมหาศาลนะครับ จากคุณ : chukrit - [ 10 มิ.ย. 52 20:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อยากถามจขกท.ค่ะ ว่าในฐานะคุณเป็นรุ่นพี่สถาบันนี้ คิดว่ามีวิธีแก้ไขความรุนแรงที่เกิดในการรับน้องของสถาบันอย่างไร คุณคิดว่าอาจารย์ ผู้บริหาร รู้เห็นเป็นใจกับพฤติกรรมการรับน้องแบบนี้ไหม อีกคำถามค่ะ ทำไมสองสถาบันที่เล่ามาถึงเป็นคู่อริกันค่ะ มันเกิดจากอะไร อยากทราบเหตุผลที่เขม่นกันค่ะ ขอบคุณที่ตอบล่วงหน้านะคะ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 10 มิ.ย. 52 21:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมก็เดินอยู่ดีๆ ก็มีคนมามองหน้าหาเรื่อง ถามมึ+มาทำอะไรวะ ผมก็บอกเดินผ่านเฉยๆ เด็ก.. บอก "อย่าให้กุเห็นหน้ามึ+อีกนะ " เจอครั้งแรก ก็จะเป็นศัตรูแล้ว ก็เข้าใจนะว่ามันเป็นบางคน จากคุณ : JohnnieWalker - [ 10 มิ.ย. 52 21:02:05 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เด็กดีๆก็มี เค้าอยากเรียนในสิ่งที่เค้ารัก แต่หนูก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องรับน้องโหด จะรออ่านนะคะพี่ พี่ชายหนูจบจากสถาบันคู่อริ แม่เล่าว่า บางวันพี่ต้องโทรมาบอกให้พ่อไปรับเพราะเค้าจะตีกัน พ่อต้องไปรับก่อนเลิกเรียน บางทีต้องถอดเสื้อช็อป ถอดเข็มขัดออก พอจบปวช. แม่ให้ออกเลย  แม่บอกไม่ใหวหัวใจจะวายเพราะความเป็นห่วง เพิ่มข้อความค่ะ...ชอบกลอนตรงท่อนสุดท้ายค่ะ ชอบความหมาย แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 21:13:43 จากคุณ : เจ้าหญิงแห่งMK - [ 10 มิ.ย. 52 21:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 51 การรับน้องสอนให้รักสถาบัน รักเพื่อน พี่ อาจารย์ เตรียมพร้อมสู่อาชีพ ชีวิตจริงการทำงาน แต่บางอย่างไม่จำเป็นต้องรุนแรงขนาดนั้น ไม่จำเป็นใช้วิธีนั้น จากคุณ : MAILAKPAGKEELAN - [ 10 มิ.ย. 52 21:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:27:01 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 21:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สงสัยนิดนึงครับ เราก็รู้กันอยู่ครับว่าเมืองไทยอันตราย ทำไมเราไม่สอนให้เด็กอนุบาลจับปืนมาต่อสู้ครับ เฉกเช่นเดียวกัน จากคุณ : หมอแมว - [ 10 มิ.ย. 52 21:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สวัสดีครับ ผมเป็นวิศวกรโยธา ที่เพิ่งจบ และทำงานอยู่ ผมอยากเรียนให้ จขกท. ทราบว่า ยุคสมัยนี้นั้นเปลี่ยนไปแล้ว การกระทำตามสิ่งที่สืบทอดกันมา รังแต่จะฉุดรั้งความเจริญของสถาบัน 1. [ส่วนมี การตะโกนให้ดัง ร้องเพลงดังๆ เพื่อ..เวลาสั่งงาน ลูกน้อง หน้างานก่อสร้างเสียงรบกวนจะดังมาก ถ้าเสียงเบาจะสั่งงานไม่รู้เรื่อง เพราะเสียงรบกวนของเครื่องจักร] เบื้องหลังและเหตุผลของการกระทำ ผมเข้าใจ แต่การศึกษาในสมัยนี้ ใช่ว่าผู้ที่เรียนจะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเสมอไป บางคนเรียนต่อปริญญาโท แล้วทำงานใช้วุฒิ ป.โท บางคนศึกษาต่อปริญญาเอก เป็นอาจารย์ บางคนมาเรียนเพื่อแค่ให้แม่คุยข่มข้างบ้าน บางคนร่ำรวยจากธุรกิจเครือข่าย การรับน้องจึงควรเป็นไปด้วยความสมัครใจว่าผู้ใดจะเข้าร่วมหรือไม่ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด 2. [มีเหล้าเป็นเครื่องดื่ม เคยถามทำไม ต้องกินเหล้าหนักกันจัง บอกกันมาว่า เวลาทำงานต้องกินเหล้า ในงานก่อสร้างต้องพบคนทุกระดับ ต้องพบคนทุกระดับ ตั้งแต่กรรมกร ยันเจ้าของโครงการ เหล้าขาว เหล้าแดงต้องกินได้ กินเป็น] นอกจากเหตุผลในข้อ 1. ที่ว่า ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะเข้าสู่สายงานก่อสร้างแล้ว การดื่มเหล้ายังทำให้เสียสุขภาพและเสียการงาน แม้จะเป็นกรรมกรก็ตาม แต่ความผิดพลาดเนื่องจากเมาเหล้า อาจทำให้งานเสียหายและล่าช้าได้เป็นระยะเวลานาน ไซต์งานที่ห่วงใยสวัสดิภาพของคนงานอย่างแท้จริงจะไม่ให้มีการนำเครื่องดื่มของมึนเมาเข้ามาในบริเวณไซต์งานหรือที่พักคนงานเป็นอันขาด ปัจจุบัน วิศวกรโยธาไม่จำเป็นต้องคุมงานก่อสร้างเสมอไป เพราะวิทยาการก้าวหน้าขึ้น สาขาย่อยต่างๆมีจำนวนมากขึ้น นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ออกแบบและคำนวณในห้องแอร์ ก็มีความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพได้ โดยไม่ต้องเสียสุขภาพเพียงเพื่อจะเอาใจผู้รับเหมา และซื้อใจกรรมกร ทั้งนี้ วิศวกรอย่างผม ก็เข้าใจในสภาพแวดล้อมการทำงานของระดับช่างเทคนิคเช่นกัน แต่ในเมื่อการกระทำเช่นนั้นเหมาะสมกับพวกท่าน ทำไมจึงอุตริเอามาใช้ในการเรียนการสอนระดับปริญญาตรีล่ะครับ? จากคุณ : powerconduit - [ 10 มิ.ย. 52 21:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ^^ มีลูกมีหลาน จะไม่ไม่ให้เรียนช่างเด็ดขาดเลยครับ หุหุ กลัว! ผมว่า คนส่วนน้อยที่ไม่ดี มันทำให้เด็กช่างกลายเป็นแกะกำของวงการศึกษาไปแล้วล่ะครับ และท่าทางจะแก้ไม่ได้ง่ายๆซะด้วยซิครับ จากคุณ : ทาสเทคโนโลยี - [ 10 มิ.ย. 52 22:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แล้วทำไมต้อง ปลูกฝังให้ รุ่นน้อง ต้องเกลียดกันเอง เนื่องจาก มันเป็ฯปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้วอย่างที่คุณ จขกท.   ทำไม ไม่ให้อภัยกันหละครับ ถ้ารักรุ่นน้องกันจริงๆ ทำไม พวกพี่ๆที่อุเทน กับ ปทุมวัน ไม่ สอนให้เลิกตีกันหะลครับ รุ่นน้อง ก็ไม่ต้องบาดเจ็บ ล้มตายด้วย จากคุณ : ToplovenraT - [ 10 มิ.ย. 52 22:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ลงชื่อไว้ว่าอ่านถึงตรงนี้.............. จากคุณ : White de devil - [ 10 มิ.ย. 52 22:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไม่รู้นะครับ เรื่องรับน้องนี่ . . . คิดไปคิดมา ทำไมต้องตามคนอื่น ทุกคนมีความคิดของตัวเอง โตๆขึ้นไปเราต้องคิดเองเป็น ไม่ใช่ทำตามที่คนอื่นบอก และการไม่ทำตาม มันไม่ใช่เป็นการบอกว่าเราไม่ได้เคารพใคร ไม่รู้ละ คิดเองทำเอง จากคุณ : Jc (Jc2000) - [ 10 มิ.ย. 52 22:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผมก็เคยเป็น วิศวกรคุมงานก่อสร้าง แล้วผมไม่ดื่มเหล้า มันก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยทำงานได้ปกติ เลยแค่อยากจะบอกว่า ทัศนคติที่ว่า วิศวะต้องดื่มเหล้าให้เก่งเพื่อซื้อใจลูกน้อง มันเป็นแค่ค่านิยมหรือเปล่า รุ่นพี่ที่ที่พยายามกรอกเหล้าน้อง ตอนนั้นเค้าทำงานแล้วหรือยัง จริงๆๆแล้วรุ่นพี่ เค้าก็แค่เด็กที่ฟังคนอื่นเค้าเล่าต่อๆๆกันมาเท่านั้นแหละ ยังไม่ได้รู้ถึงโลกภายนอกจริงๆเลย   คือจริงๆ ดื่มเหล้าเก่งมันไม่สำคัญอะไรเลยนะ เราตั้งใจทำงาน ลูกน้องก็เคารพเราแล้ว จากคุณ : Nam Tarn Keaw - [ 10 มิ.ย. 52 22:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ตอบคุณ powerconduit ความคิดเห็นที่ 54 จริงแบบที่คุณบอกมาครับ เหตุผลดีทีเดียว ขอบคุณครับ เหตุการณ์ที่ผมเล่าเป็นสิ่งที่ได้สัมผัสมาแล้วนำมาเล่าให้ฟัง ซึ่งเหตุการณ์วัยผมอายุ20ปี ช่วงนั้น เปิดรับ ปวช.ปวส. ซึ่งเป็นช่างโฟแมนระดับช่างเทคนิค ซึ่งในไซค์งานก่อสร้างต้องคลุกคลีอย่างนั้นจริงๆ ปัจจุบันผม30กว่าแล้ว เป็นสถาปนิก ทำงานไชค์ก่อสร้างตลอด ก็เป็นอย่างที่คุณว่า ซึ่งอุเทนในปัจจุบัน เปิดปริญญาตีหมดแล้ว เหตุผลที่คุณว่า คงปลูกฝังเรื่องแบบนี้มานานตกทอดมาเรื่อย ปัญหาจึงเกิดตามมาแหละครับ จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 22:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านแล้ว รู้สึกว่า... สุดท้ายก็เข้าข้างตัวเอง เหตุผลที่ยกมาประกอบนั้น เป็นเหตุผลที่โดนล้างสมองให้เชื่อต่อๆกันมา มองจากมุมนี้แล้วมันเหมือนคุณเอาสีข้างเข้าถูเพื่อหาความชอบธรรมให้กับสถาบันของคุณน่ะครับ ข้ออ้างพวกนี้ผมก็เคยได้ยินได้ฟังมาจากมหาวิทยาลัยบางแห่งเหมือนกันครับ ซึ่งมันก็อย่างว่าละครับ เป็นเหตุผลข้างๆคูๆทั้งนั้นน่ะ โชคดีที่มหาวิทยาลัยผมไม่สนับสนุนการรับน้องรุนแรงแบบนี้ ที่นี่ น้องมีแผลนิดเดียวนี่วิ่งหายากันให้ควั่ก อบอุ่นครับ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีรุนแรงขนาดนั้นก็จบออกมาเป็นบุคลากรคุณภาพของประเทศได้เช่นเดียวกันครับ EDIT: เพิ่มเติมหน่อย ผมเป็นคนที่แอนตี้ระบบโซตัสมากน่ะครับ เลยจงใจเลือกมหาวิทยาลัยที่ไม่มีระบบนี้ครับก่อนที่จะเข้ามาเรียน ดังนั้นมุมมองเกี่ยวกับการรับน้องตรงนี้อาจจะต่างจากบางท่านไปบ้าง ก็ขออภัย แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 22:39:39 จากคุณ : gudome - [ 10 มิ.ย. 52 22:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คห.ที่ 59 ตอบตามจริงครับ ผมปัจจุบันเลิกเหล้าไปเป็นสิบปีแล้ว เหตุผลที่คุณว่า ก็ตามนั้นจริงๆ วัดกันด้วยกึ๋น และฝีมือจริงๆ จุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ปลูกฝังมาผิดเช่นกัน ยอมรับในคห.ครับ จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 22:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ซ้ำครับ :) แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 22:45:46 จากคุณ : gudome - [ 10 มิ.ย. 52 22:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 64 มันจะมีข้ออ้างประเภทที่ว่า "กิจกรรมว้ากน้อง เข้าห้องเชียร์ จะทำให้น้องๆเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จบมาทำงานร่วมกับผู้อื่นได้" ผมสงสัยจริงๆนะ ว่ามันจริงหรือ เปลี่ยนจากเข้าไปห้องเชียร์ ไปว้ากน้อง รับน้องโหดๆ เปลี่ยนเป็นกิจกรรมที่มันเข้าท่า สร้างสรรค์สังคมดีกว่าไหมอย่างเช่นไปปลูกป่า หรืออะไรอย่างนี้ การที่เราได้ทำกิจกรรมร่วมกัน มันก็ทำให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้เหมือนกันนะ ในมุมมองของผม แถมได้ประโยชน์ด้วย แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 23:05:54 จากคุณ : gudome - [ 10 มิ.ย. 52 22:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมว่า เรื่องแรกเลยที่รัฐต้องทำ คือเรื่องความซ้ำซ้อนของหน่วยงานระหว่าง กรมอาชีวะศึกษา กับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ต้องยอมรับเลยว่า สองหน่วยงานนี้ เริ่มต้นเหมือนกัน คือผลิตช่างเทคนิควิชาชีพ แล้วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลก็เริ่มเปิดปริญญาตรีเพื่อให้ตัวเองมีความแตกต่าง แต่จริงๆแล้วก็ยังเหมือนเดิมนะแหละครับ ต้องวาง positoning ตัวเองให้ชัด ว่าจะไปทางไหน ผมคิดว่าเขาจะไปทางมหาวิทยาลัย เพราะเขาคิดว่ามันดูมีการศึกษาสูงกว่า และบ้านเราก็ให้ความสำคัญปริญญาตรีมากจนเกินไป บ้านเราไม่มีทางเลือกเพื่อความเจริญก้าวหน้าเดินในสายวิชาชีพจนถึงระดับสูง มันตัน ผมว่าเป็นเพราะมหาวิทยาลัยอยู่ภายใต้ทบวงมหาวิทยาลัยด้วย เขาไม่สนใจตรงนี้ และในอดีตจนปัจจุบันมหาวิทยาลัยก็ได้งบประมาณภาครัฐมากกว่าวิทยาลัยเทคนิคและสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ใครๆก็อยากย้ายเข้าไปอยู่กับทบวงมหาวิทยาลัย (ในอดีต) เมื่อสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลเริ่มเปลี่ยนมาเป็นการเรียนการสอนในระดับสูงขึ้น อัพเกรดมาเป็นสอนระดับปริญญาตรี ทางกรมอาชีวะ ก็ต้องมาสอนระดับปริญญาตรีบ้าง แต่เขายังวางหลักสูตรได้ไม่ดี ในความคิดของผม ต้องให้คำจำกัดความของวิศวกรกับช่างเทคนิคขั้นสูงให้แตกต่างกัน บ้านเรายังไม่ได้ใส่ใจตั้งแต่ตรงนี้เลย และ career path ก็ไม่มีให้ช่างเทคนิค ภาครัฐต้องจัดการให้ชัดเจน ว่าจะวาง positioning ของ กรมอาชีวะศึกษา กับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ต้องไม่ซ้ำซ้อนกันและมี carreer path ด้านวิชาชีพ ที่ชัดเจน ระบบฐานเงินเดือนเอง ก็ต้องปรับปรุงไม่ พวกที่มีใบเซอร์ทางด้านวิชาชีพพิเศษ ควรมีเงินเดือนไม่น้อยกว่าวิศวกร วิศวกรมีสภาวิศวกร แต่ช่างเทคนิค ไม่มีสภาวิชาชีพชั่นสูง แล้วจะไปต่อรองขออะไรกับภาครัฐได้ เมื่อทำระบบอะไรๆให้ชัดเจน ก็ต้องมาดูเรื่องบุคลากรต่อ มาเรื่องอาจารย์ก่อนเลยครับ ต้องไม่ใช่เอาอาจารย์วิศวกรมาสอน เพราะเขาไม่ใช่ช่าง คงต้องเน้นเรื่องคุณค่าในตัวเองให้มากขึ้น เด็กช่างมักถูกสังคมมองว่า ไม่มีทางเรียนถึงไปเรียน จริงๆไม่ใช่เลย ตอนผมอยากเรียน ก็เพราะผมอยากเรียน หาทางเดินในชีวิตด้วยตัวเองได้ เด็กช่างบางคนเก่ง ถึงขนาดไปแข่งทักษะวิชาชีพระดับโอลิมปิคก็มีมาแล้ว ผมเองก็เคยว่าจะไปแข่งเหมือนกัน ตอนนั้นวุ่นๆเรื่องสอบเรียนต่อ เลยไม่ได้ไปทุ่มเทตรงนี้ ระบบโซตัสดี หากใช้ในทางที่ถูก เช่น มีรุ่นพี่มาติวรุ่นน้อง อันนี้ผมยอมรับว่ามันดี ยุคนี้หมดยุคมาตะโกนโหวกเหวกโวยวายแล้วครับ เรื่องของการควบคุมคุณภาพของเด็กในอาชีวะเอกชน ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร คงต้องปรับปรุงอีกเยอะครับ ผมมองว่าต้องแก้ทั้งระบบ ก่อนเลย มาแก้เป็นจุดๆไม่ได้แน่นอน ภาพที่เห็นมันเป็นผลแล้วครับ สาเหตุมันเป็นเหมือนงูกินหางกันมายาวนาน สาเหตุที่รุ่นพี่มาคุมรุ่นน้อง อันนี้ผมว่า เป็นเรื่องเล็กๆ ถ้าอาจารย์สั่งเด็ดขาด สามารถเอาอยู่ได้ครับ เพียงแต่ว่า เขาจะเอาจริงเปล่า แค่นั้น จากคุณ : นะนะ - [ 10 มิ.ย. 52 22:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ระบบอาชีวะในมืองไทยเป็นอย่างคุณนะนะว่าจริงๆ โรงเรียนรัฐบาลที่เปิดสอน ระดับ ปวช. ปวส. มีน้อยเต็มทน ซึ่งเป็นสายช่างเทคนิคที่ตลาดต้องการ ในอนาคตวิชาช่างระดับเทคนิคอาจต้องใช้ผู้จบปริญญามาเป็นช่างเองแน่ๆครับ จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 10 มิ.ย. 52 23:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 67 นั่นคือหายนะครับ พี่หนุ่ม วิศวกรเดี๋ยวนี้ยังจับตะไบไม่เป็นเลย หลายเดือนก่อน อ่านข่าว เขาบอกว่า กรมอาชีวะ จะพัฒนาการเรียนการสอนโดยส่วนหนึ่งจะเอาวิศวกรมาสอนงาน ผมอ่านแล้วหัวเราะกร๊ากกครับ ตกลงจะผลิตช่างหรือวิศวกร ไม่รู้ งง ครับ กับผู้บริหาร แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 23:14:00 จากคุณ : นะนะ - [ 10 มิ.ย. 52 23:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อื้ม มันเป็นเรื่องพูดยากจริงๆ อ่ะ พี่ หนุ่ม แต่ ถึงอย่างไง ถึงแม้ว่า ตอนนี้ผมเองก็ เป็นรุ่นพี่ที่ดูแลการรับน้องที่คณะ ผมก็ไม่สนับสนุน พฤติกรรม การรับน้องที่ เกินกว่าเหตุ แล้วกัน ( รับน้องแนวไม่สร้างสรรค์ ) จากคุณ : ####PondCLub#### - [ 10 มิ.ย. 52 23:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 14:17:16 จากคุณ : นอกลู่นอกทาง - [ 10 มิ.ย. 52 23:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ^^ จากคุณ : baaball11 - [ 10 มิ.ย. 52 23:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้า...   มหาวิทยาลัย , สถาบันการศึกษาแห่งอื่นๆ ที่คุณหนุ่มอ้างถึง มีการรับน้อง ที่แรงพอๆกันกับ อุเทนถวาย และ และช่างกลปทุมวัน ทำไม ? สถาบันอื่นๆเหล่านั้น ถึงมีข่าวร้ายๆ น้อยมาก หรือไม่ได้มีปัญหาอย่าง อุเทนถวาย และช่างกลปทุมวัน ? ( ที่จริง ก็ รร. สถาบัน วิชาช่างอื่นๆด้วย ) เพราะ เค้ามีเหตุการณ์ร้ายๆ น้อย ? หรือ ไม่มีใครให้ความสนใจ ? น่าจะรวบรวมข้อมูล  วิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ แล้วก็หาแนวทางในการแก้ไข ( ซึ่ง ถ้าจะว่ากันจริงๆ... ผมว่า มันแค่... ยังขาดการเอาจริงเอาจัง อย่างต่อเนื่อง จากทุกภาคฝ่ายเท่านั้นแหละ ) ส่วน...  กลอน... ผมว่า...  ต้องยอมรับความจริงครับ... ว่าแม้ บรรทัดสุดท้าย จะ ดูดี แต่ สัจธรรม ความจริงแล้ว ทุกๆคน  ไม่ว่าจะจบ หรือไม่จบจากที่ไหน  เมื่อถึงเวลา ก็ต้องทำงาน หาเลี้ยงชีวิตด้วยกันทั้งนั้น และกลอนนั้น...  ก่อนจะถึงบรรทัดสุดท้าย มันกลายเป็นการ บ่มเพาะ ปลูกฝังค่านิยมผิดๆ ให้รุ่นน้องรับไปโดยไม่รู้ตัว ว่าเออ...  ใครๆ ก็มองพวกกรูเลว  ใครๆก็มองพวกกรูชั่ว เป็นนักเลง... กลายเป็นเรื่องธรรมดา  " ที่ต้องยอมรับ " และ " ต้องเอาตัวรอดไปให้ได้ " มันก็กลายเป็น... ถึงใครจะมองกรูไม่ดี...  กรูก็เอาตัวรอดได้ ( ซึ่ง...  ก็มักจะมีแต่กรู และพวกพ้อง สถาบันเดียวกัน ) มันน่าจะเป็น...   " เราต้องเป็นผู้ที่สังคมยอมรับ เป็นที่รัก ที่นับถือ ยินดีต้อนรับ เข้ากับทุกคน ทุกสังคมได้ ไม่มีใครกลัว  ไม่มีใครรังเกียจ " ( และ แน่นอนนักศึกษาทั้งสองสถาบัน ต้องสามารถไป-มา หา-สู่ กันและกันได้ เดินเข้า-ออก สถาบันของกันและกันได้ เหมือนกับที่สถาบันการศึกษาอื่นๆเค้าทำได้ ) ทำอดีต ให้เป็นอดีต แล้วสร้างอนาคตใหม่... ระบบ...  ที่ ทำให้ นักศึกษา มีความเสี่ยง ทั้งการบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือ ป่วยเพราะเหล้า บุหรี่...  มีอัตราสูง... ผมมองยังไง...  ก็ไม่ใช่ระบบที่ดี หากยังยอมรับ...  ว่าการที่ทำงานก่อสร้าง โยธา สถาปัตย์  ต้องกินเหล้า ต้องมรึงมาพาโวย  ( แม้ออกไปทำงานแล้ว  ก็ยังอยู่ในระบบนี้ กับคนงานต่อไป... ? ) เท่ากับว่า...  ระบบนี้  ยังไม่พัฒนา   ( ผมไม่เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว  มีความเจริญก้าวหน้า ต้องทำอย่างที่เราทำอยู่ เค้าก็ทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพสูง ) เค้าอาจดื่มบ้าง  แต่ไม่ต้องเมาเละอย่างเรา... หากยังต้องใช้อำนาจ  ยังต้องใช้เหล้า เป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ และการปกครอง แทนที่จะ  พัฒนาความคิด วุฒิภาวะ ความรู้ ทักษะ ความสามารถ ให้มีความรู้สูง มีความชำนาญมากๆ และ สามารถ เข้ากับคนได้ทุกระดับ ทุกสังคม  ด้วยสติปัญญา  ความรู้ ให้เจ้านาย และลูกน้องยอมรับ ในความรู้ ความสามารถ ความดี และการวางตัว   โดยไม่จำเป็นต้องไปเมาด้วยกัน  ไม่จำเป็นต้องไปอาบอบนวดด้วยกัน ไม่ต้องมีสินบน  หรืออะไรหลายๆอย่าง ที่ละเมิดศีล หรือกระทั่งทำสิ่งผิดกฎหมายด้วยกัน  เพื่อสร้างความสัมพันธ์  สร้างความเกรงใจ ( หรือบางคน ก็กลายมาเป็นเอาลูกน้องไม่อยู่ เพราะตัวเองไปเละเทะให้ลูกน้องเห็น จนเสียการปกครอง ) ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ... จริงๆแล้ว คนที่ก่อปัญหา เป็นคนกลุ่มน้อย และมักเป็นกลุ่มเดิมๆ   แต่คนที่เหลือ...  ( ซึ่งกลุ่มใหญ่กว่า ) ไม่เตือน  ไม่ห้าม ไม่ปราม  หรือบางที ก็ไปเฮ ไปผสมโรง ทั้งที่ตั้งใจบ้าง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจบ้าง ไปๆมาๆ กลุ่มน้อยนั้น ก็เพิ่มจำนวนขึ้น... ซึ่ง...   ปัญหาที่ว่านี้...   มันรวมไปถึง ผู้ใหญ่ ในทำเนียบ ในกระทรวง ในกรมต่างๆ ข้าราชกาล และคนทั่วไปในสังคมด้วย ขยายมาเป็นเวลา เห็นคนทำผิด ถ้าเป็นคนใกล้ชิด... หรือคนที่มีอำนาจสูงกว่า   เราก็ปล่อย หรือทำเฉย บางที เราก็ได้รับประโยชน์ด้วยเล็กๆน้อยๆ  ก็เลย...  ไม่ห้าม  หรือห้ามไม่ได้ เป็นปัญหาเรื่องค่านิยม...  ( หรือวัฒนธรรม อันไม่ดีไม่งาม ? ) ที่กลายเป็นระบบ... ส่วนในการทำงาน... หรือการอยู่ในสังคม... ผมเชื่อว่า... คนเก่งจริง คนดีจริง  คนที่ถ่อมตัว  สุภาพ  อ่อนโยน  แต่กล้าหาญ แสดงออกในทางที่ดี  ที่สร้างสรรค์... เมื่อถึงเวลา ...  ไปที่ไหนก็ได้ครับ  ทุกคน ทุกที่ ยินดีต้อนรับ แต่ในปัจจุบัน...   ผมยังไม่เห็นว่า มีแนวคิดแบบนี้ ถูกนำมาใช้ให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง   ( เรามักจะ... พวกใคร กลุ่มใคร คนของใคร ฝ่ายไหน หรือ เราได้ประโยชน์อะไรด้วยก่อน - แทนที่จะ...  เราทุกคน ทำหน้าที่ของเราให้ดี สนับสนุนคนอื่นๆ ให้เกิดผลงาน แล้วเราทุกคน ก็ได้รับผลที่ดี... ร่วมกัน ) . .. ... ตราบใดที่...  เรายัง ท่องว่า... " รู้อะไร ไม่สู้ รู้วิชา รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี (D) " แต่เราไม่ได้สำทับไปว่า...  " รู้รักษาทุกคนรอด เป็นยอดทริปเปิ้ลเอ (AAA)" เราก็ยังจะแบ่งพรรค  แบ่งพวก เอาตัวเองรอด พวกพ้องรอด คนอื่นช่างมัน เราก็จะยังใส่เสื้อคนละสี  เข็มขัดคนละหัว พวกข้า พวกเอ็ง... แล้วประเทศของเรา ก็จะล้าหลัง พัฒนาช้า ปัญหามาก  ต่อไป... สำหรับตอนนี้... ปัญหาเบื้องต้น  ก็ต้องเริ่มจากเรา จากคนใกล้ตัวของเราออกไปเรื่อยๆ การที่เริ่มจาก มอง และฟัง  จากมุมมองของคนอื่น  รับฟังความคิด เปิดใจ  รับความจริง  แล้วก็หาทางแก้...   ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี อยู่สถานที่ดี  ชีวิต ก็จะมีปัญหาน้อย ชวนคนอื่นให้คิดดี พูดดี ทำดี ...  ชวนคนอื่นให้ลด ละ เลิกจากอบายมุขทั้งหลาย สังคมก็จะมีปัญหาน้อย สังคมก็จะดีขึ้นไปตามลำดับ เมื่อคุณหนุ่มเข้าไปร่วมกิจกรรมกับพวกเค้าบ่อยๆ ก็เริ่มมองหาคนที่มีแนวคิดที่จะแก้ปัญหา ( และเป็นคนที่ได้รับการยอมรับด้วย ) แล้วรวมกลุ่มให้เป็นก้อน ก็จะมีพลังในการขับเคลื่อน  แล้วกระจาย ถ่ายทอดแนวคิด ออกไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่า ถ้าลงมืออย่างจริงจัง และต่อเนื่อง...  เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ ผมเอาใจช่วยครับ ( และยินดีถ้าคุณหนุ่มคิดว่าผมจะช่วยอะไรได้ ) ปล. ผม เด็ก กสด.  (ปวช.)  แล้วเพื่อนผมหลายคน ก็เป็นเด็กอุเทน ( ปวส. , ปวท. , ป.ตรี ) ผมเองก็ไปบลูเดย์มาแล้ว 2-3 ครั้ง   ครั้งหนึ่ง...ขากลับจากงานบลูเดย์...  ผมเฉียดตาย...  เพราะเพื่อนผม   หลับใน ( เมาด้วย - แต่มันบอกว่าขับไหว - ไม่ให้ผมขับ ) ( ผมไม่ได้ดื่มเหล้า ) ขับไปชนรถเครื่องปั่นไฟ  เพื่อนผม ซี่โครงหักหลายซี่  จมูกหัก  ขาหัก   ส่วนผมโชคดี แทบไม่เป็นอะไรเลย  แต่... รถพังจนต้องขายเป็นเศษเหล็ก เพื่อนผม ขับรถไม่ได้ไปปีกว่า ... ปัจจุบันนี้ ก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ปล. 2 เพื่อนๆผม ที่เรียนช่าง...  ตับแข็งไปหลายคนแล้วครับ  ตายไปก็หลายคน  จากหลายๆสาเหตุ  ทั้งอุบัติเหตุ เมาแล้วขับ ทั้งมะเร็ง...และโรค...     โรค... ที่เป็นเพราะความประมาท *แก้ไขพิมพ์ผิด พิมพ์ตกครับ ขอให้ทุกท่าน เป็นคนดี มีความสุข ความเจริญ ทั้งกาย วาจา และใจ  ครับ                                                                                                                                                                                                                                                                                                               ขอความสันติ สุข สงบ จงเกิดขึ้นแก่ทั้งโลกนี้ โลกไหนๆ ในภพทุกภพ ในทุกมิติ ( ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม ) ในทุกกาล ทุกเวลา และในดวงจิตทุกดวง อัสสลาม มุอาลัยกุม เอเมน สาธุ   _/\_ โลกที่น่าอยู่... สังคมที่ดี...  ไม่มีขาย อยากได้...   ต้องช่วยกันสร้าง โดยเริ่มจาก...   ตัวเราเอง...   เดี๋ยวนี้... แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 00:43:04 จากคุณ : Phoenixนิลมังกร - [ 11 มิ.ย. 52 00:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ถึง ทุกท่านที่ Anti ระบบ SOTUS นะคะ เราเป็นคนนึง ซึ่งเรียนจบมาในมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่ามีระบบ SOTUS มากที่สุดแห่งหนึ่ง นั่นคือ "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ค่ะ เราเข้าใจดีว่าคนจำนวนมาก ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า SOTUS คืออะไร เพราะมี "อคติ" เป็นกำแพงขวางกั้น ไม่เปิดใจที่จะยอมรับมัน ถามหน่อยเถอะ พวกคุณเข้าใจระบบ SOTUS มากแค่ไหน? พวกคุณรู้มั้ยว่าทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงมีปัญหาการใช้ชีวิตในสังคมมากนัก ส่วนหนึ่ง เท่าที่เราสัมผัสมา เพราะเด็กเหล่านั้น ไม่เข้าใจคำว่า "สามัคคี"  "ความอาวุโส"   "ความอดทน"   และ "ศักดิ์ศรี" อย่าไปเข้าใจอะไรผิดๆ ว่าระบบอาวุโสมันทำให้สังคมล้าหลัง สิ่งที่ทำให้สังคมล้าหลัง คือ ทัศนคติของคนในสังคมซึ่งไม่ยอมรับฟังสิ่งใหม่ๆ และ Ego ที่มากเกินไป คณะที่เราจบมา เป็นเคยมี "ห้องเชียร์" ที่โหดมากๆ เราไม่พูดถึงเรื่องรับน้อง เพราะคงไม่โหดเท่า อุเทนถวาย แต่ห้องเชียร์ของเรานั้น สร้างความสามัคคีให้เกิดในรุ่นได้อย่างดี สร้างความเคารพยำเกรงระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง สร้างความเห็นอกเห็นใจกัน สร้างความภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรี บน "พระเกี้ยว" ที่ติดอยู่บนอกเสื้อ คนที่ไม่เคยเข้ามาอยู่ในจุดนี้ น้อยคนนักที่จะเข้าใจความเป็น "สถาบัน" หลายคนอาจจะมีคำถามว่า "สถาบันมันสำคัญยังงัย? ก้อแค่ว่าจบที่ไหนมา" ถ้าท่านมีอายุ ผ่านประสบการณ์การทำงาน หรือผ่านการใช้ชีวิตในสังคมประเทศไทยมาซักพักคงจะพอเข้าใจ วัฒนธรรม และค่านิยมในสังคมเรานั้น คือ ความน้อบน้อมถ่อมตน ซึ่งน่าเคารพ และควรจะมีต่อไป ทุกวันนี้ เราเจอเด็กรุ่นใหม่จำนวนมากที่คิดว่าตัวเองเจ๋งสุดแล้ว มี ego สูง เด็กกลุ่มนี้ เวลาทำงานจะมีปัญหา คือ ไม่รู้จักการขอร้อง ความนอบน้อม และการรอคอย นอกจากนั้น บางคนไม่รู้จักคำว่า "ความรับผิดชอบ" และ "การยอมรับผิด" ด้วยซ้ำ เราก้อไม่รู้เหมือนกันว่าสถาบันอื่นๆ เค้าอบรมเด็กในสถาบันกันอย่างไร แต่สถาบันที่เราจบมา รุ่นพี่พร่ำสอนและตักเตือนเสมอ "เราเป็นเด็ก เป็นรุ่นน้อง ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อนตน เวลาเดินเจอรุ่นพี่ที่รู้จักข้างนอก ยกมือไหว้เค้าซักนิด ยิ้มให้เค้าซักหน่อย มันไม่หนักหนาหรอก รุ่นพี่เค้าจะได้เอ็นดู เวลาเราไปขอความช่วยเหลือเรื่องอะไร เค้าจะได้ยินดีช่วย" "รุ่นของเรามีกันเท่านี้ รักกันไว้ให้มากๆ ช่วยเหลือกันให้มากๆ ใครทำผิดอะไรก้อตักเตือนกัน ชี้แนะส่งเสริมกัน ต่อไปในภายหน้า ใครจะรู้ อาจจะต้องทำงานด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกัน ไปเดินเจอกันตอนทำงาน จะได้ทักทายกันได้ อ้าว...รุ่นพี่เราเอง" บางคนอาจจะไม่คิดว่ามันสำคัญ แต่สายงานที่เราอยู่ "connection" สำคัญมากๆ connection ที่สร้างได้ง่ายมากๆ ก้อมาจาก "สถาบัน" นั่นเอง ความคิดเห็นของเราอาจจะไม่ตรงใจใครบางคน ขอย้ำตรงนี้ว่าเป็นทัศนคติส่วนตัว เราสนับสนุนระบบการรับน้องและระบบ SOTUS เต็มที่ เราไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกทั้งสองอย่างดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ วัตถุประสงค์และวิธีปฏิบัติของการรับน้องเปลี่ยนไปจากหลักการของมันอย่างมาก ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มีส่วนรับผิดชอบควรเข้ามาดูแล ไม่ให้การปฏิบัติเกินเลยไปจากกรอบวัตถุประสงค์หลักมากนัก think outside the box is ok แต่อย่ากับให้ถึงขนาดเลือดตกยางออก หรือถึงตายเลย อนาคตของชาติ กว่าจะสร้างขึ้นมาได้แต่ละคน มันต้องใช้เวลา ปล่อยให้ตายไปเปล่าๆ ยังไม่ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองซักครั้ง มันน่าเสียดาย การรับน้องสร้างอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด เพียงแต่กิจกรรมที่จัดนั้น ถ้าเลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์ มันจะช่วยละลายพฤติกรรม และความความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างมาก เราเจอเด็กหลายคนที่ไม่สามารถทนกับการรับน้องแบบ basic ได้ อาจจะเพราะการอบรมเลี้ยงดูจากทางบ้านที่ต่างกัน บางคนโดนพ่อแม่ตามใจ โอ๋กันมาตั้งแต่เด็กๆ พอถึงวันรับน้อง ต้องกินข้าวกล่องกลางดิน กลางทราย บางมื้ออาจจะอด ก้อทนไม่ได้ ตากแดดนานๆ ก้อไม่ได้ ให้ทำอะไรก้อไม่ทำ ถามหน่อยเถอะ เวลาไปทำงานในชีวิตจริง หัวหน้าสั่งให้ทำงานให้เสร็จ ต้องอยู่จนดึกจนดื่น ข้าวปลาไม่ได้กินเนี่ย มันจะปฏิเสธหัวหน้าได้มั้ย? นู๋ไม่ทำค่ะ นู๋จะกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่รอทานข้าวอยู่!!! การรับน้อง ความลำบากที่รุ่นพี่จำลองขึ้นให้รุ่นน้องได้เจอนั้น มันก้อคือความลำบากเล็กๆ น้อยๆ เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของสิ่งไม่พึงใจที่เราต้องเจอในอนาคต ถ้าวันนี้ไม่หัดให้เคยชิน ต่อไปข้างหน้าจะทำยังงัย? เราแสดงความเห็นจากประสบการณ์รับน้องของเรา ซึ่งเป็นการรับน้องแบบสร้างสรรค์นะคะ อาจจะไปเทียบกับการรับน้องแบบฆ่ากันของอุเทนถวายไม่ได้ เดี๋ยวคงมีคนมาบอกว่า แล้วที่ลงใน นสพ. เนี่ย มันมีประโยชน์ยังงัย??? เราไม่เถียงเลยว่า กรณีนั้นเป็นการทำเกินกว่าเหตุ เราไม่เห็นด้วย แต่เราขอย้ำอีกครั้งว่า ประโยชน์ของการรับน้อง (แบบสร้างสรรค์) ยังมีอยู่อีกมาก เราสามารถเลือกเลือกแต่ส่วนดีมาปฏิบัติได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาทั้งหมด ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับ "วิจารณญาณ" ของผู้เลือกปฏิบัติคนนั้นเองค่ะ คนอื่นไม่สามารถก้าวล่วงได้ ด้วยความเคารพ จากคุณ : Don't Believe What U See - [ 11 มิ.ย. 52 00:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 73 กระทู้ ทำให้มุมมอง เปลี่ยนไป ค่ะ จากคุณ : poisonlove - [ 11 มิ.ย. 52 00:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 74 โดยความเห็นส่วนตัวที่อ่านมาทั้งหมด ไม่ขอออกความเห็นเรื่องของ กรณีอุเทนถวายอย่างเดียวนะครับ แต่ว่า อยากเข้ามาสนับสนุนความเห็น 72 ผมเองปัจจุบัน มีโอกาสได้พูดคุยกับอาจารย์แนะแนวของ มหาวิทยาลัย หลายๆ แห่ง ด้วยสายงานที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง พบเรื่องคล้ายๆ กัน จากอาจารย์ที่ได้รับข้อมูล มาจากหน่วยงานที่ ทางสถาบันแนะนำเด็กๆ จบใหม่เข้าไป เด็กรุ่นใหม่ สมัย นี้ หลาย  ๆ คน ความอดทนในการทำงานต่ำ ความซื่อสัตย์ ในองค์กรต่ำ ไม่พอใจ เจ้านาย นิดหน่อย ก็ ย้ายงาน (ไม่รวมถึงออฟฟิศผมหรอกนะ เด๋วมีคนมาแขวะ) บางที่ บางองค์กร ให้เงินสนับสนุน ไปเรียน ไป เข้าคอร์สพิเศษ ต่างๆ บริษัท ลงทุนให้  พอได้ความรู้พิเศษติดตัว ดันมีอีกที่มาจ้างให้เพิ่มมากกว่า เพียง สองถึง สามพัน ก็ย้ายที่ทำงาน ด้วยเหตุผล ข้ออ้างต่างๆ เช่น งานน่าเบื่อ , เจ้านายไม่ดี , สังคมในที่ทำงานไม่ดี  ต่างๆ นานา ผมเองเคยเห็น ใบสมัคร งาน ที่เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลของ งานแนะแนวของมหาวิทยาลัยที่ คล้ายการนัดพบบริษัทกับนิสิตจบใหม่ ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้ พบ คล้ายๆ กัน  สมัครกันพรึ่บ... เข้าทำงาน ไม่ถึง สิบเปอร์เซ็นต์ บางที รับไปแล้วอยู่ไม่ทนก็เผ่น องค์กร ที่เห็นในใบข้อมูลนะเหรอครับ ระดับบริษัทมหาชน หรือ ปูนตราสัตว์ ต่างๆ นั่นแหละ ที่พล่ามมาเยอะแยะ อยากขมวด ตรงนี้ครับ คือ เด็กรุ่นใหม่ ที่ ไม่ค่อยได้ ผ่านระบบ SOTUS หรือไม่มีความเข้าใจ ว่า ทำไมต้องมี SOTUS ทำไมต้องมี คำว่า รุ่นพี่ รุ่นน้อง ทำไมต้องมี คำว่า สถาบัน  ทำไมต้องมี กิจกรรมร้องเพลงเชียร์ ว่าทั้งหมด มันคือการสร้าง มุมมองที่เปลี่ยนแปลงกับ ชีวิต เด็ก ม. ปลาย ที่เป็นลักษณะ การเรียน ปิดในโรงเรียน มาเป็นชีวิตที่อิสระ ในมหาวิทยาลัย และเป็นการเตรียมความพร้อมในส่วนของการหัดปรับอารมณ์ ให้พบกับความโหดร้ายของชีวิตที่มากขึ้น ต้องการให้น้องๆ ได้รู้ว่า ชีวิตของจริงเลวร้ายกว่าที่เราเจอ ในการทำงานหรือการเรียน ต้องพึ่งตัวเอง และไม่มีใครมาคอยปกป้อง เหมือนพ่อแม่  นอกจากเพื่อนและตัวเอง ดังนั้นต้องสร้าง ความเป็นหนึ่งใน เพื่อนให้ได้ ระบบเชียร์ กดดัน บีบให้น้องรวมตัว กัน จึงเห็นว่ามีส่วนช่วยได้ ทว่า การทำกิจกรรม รับน้องโดยสร้างความกดดัน กับ การกลั่นแกล้ง เอาสนุกหรือเอาคืนของรุ่นพี่ นั้น มันขึ้นอยู่ว่า คนที่จัดทำกิจกรรม มีความรับผิดชอบและความคิดแบบใด สรุปแล้ว ผมคิดว่า  รับน้องดี , โซตัส ดี, กิจกรรมสันทนาการ ดี แต่จะดีได้แบบไหน อยู่ที่คนที่ใช้ กิจกรรมนั้น เครื่องมือดีแล้ว คนใช้เครื่องมือ ดีพอไหมต่างหาก แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 01:08:12 จากคุณ : chaomath - [ 11 มิ.ย. 52 01:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 75 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 12:27:40 จากคุณ : หนุ่ม บางซ่อน - [ 11 มิ.ย. 52 01:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ผมชอบ คห. นี้จังครับ "ดิฉันได้ยินแต่เรื่องเสื่อมเสียไม่เว้นวัน  ทำลายเรื่องดีๆที่เคยมีในอดีตไปหมดสิ้น จนไม่มีใครเค้าจำได้แล้วว่าอุเทนทำอะไรดีมาบ้าง ทำเลวๆกันมานาน พอเรื่องปูด กลับมาว่าเหยื่อว่าทำให้เสียชื่อเสียง " จากคุณ : ทาสเทคโนโลยี - [ 11 มิ.ย. 52 02:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อ้างอิงจากคห. 72 นะคะ ...... connection ที่สร้างได้ง่ายมากๆ ก้อมาจาก "สถาบัน" นั่นเอง ^ ^ ความคิดแบบนี้ก็พิสูจน์ได้อย่างดีว่าระบบเส้นสายไม่เคยเสื่อมหายไปจาก สังคมไทยเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน จากคุณ : เทเลทับขี้ - [ 11 มิ.ย. 52 02:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ผมสงสัยว่า คนที่เข้า นี้เค้าไม่ทราบวิธีรับน้อง หรืออะไรกับสถาบันที่กำลังตน ที่กำลังจะศึกษาเลยหรอ ถ้าทราบเข้ามาทำไม ปัจจุบันที่อื่นมีเยอะแยะ ไม่ได้ว่าซ้ำเติมจากคนโดนกระทำมานะครับ แต่อยากรู้ตรงนี้ ถ้าคุณทราบกัน แล้วคุณจะเข้าไปให้เค้ากระทำ กันมั๊ยอะครับ?? จากคุณ : อ่านเฉยเฉย - [ 11 มิ.ย. 52 03:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สิ่งดีๆ ก็รับไว้ สิ่งไม่ดี ก็ปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนเเปลงให้เหมาะสม ตามสภาพสังคม และกาลเวลา เท่าที่ทราบ รุ่นเก่าๆนั้น พยามยามที่จะช่วยประคับประคอง แต่รุ่นใหม่ๆนั้น ก็ควรต้องช่วยกันด้วย ก็ขอให้พบทางแก้ไขที่ดีเเละเหมาะสม ต่อทุกๆฝ่าย ----------------------------------------------------- พ่อผมจบสมัยยังเป็น มัธยมปลาย ผมสั้นเกรียนอยู่เลย จากคุณ : พยัคฆ์มรกต - [ 11 มิ.ย. 52 03:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เรียนคุณ Don't Believe What U See  ตามความเห็นที่ ๗๒ และผู้ที่เห็นด้วยกับระบบโซตัสทุกท่านครับ อาจจะนอกเหนือจากหัวข้อของกระทู้ไปหน่อย แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องในทำนองเดียวกันเนอะ ผมจึงขอโอกาสนี้แสดงความเห็นในเรื่องทำนองนี้บ้างครับ จากประสบการณ์ตรงและอ้อมที่ได้รับฟังจากรุ่นพี่และเพื่อนๆ ผมได้ข้อสรุปว่า "ผมไม่เห็นด้วยกับระบบโซตัสครับ!" ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ผ่านระบบนั้นมาแล้วจากสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ได้พยายามอดทนผ่านเหตุการณ์รับน้องแบบนั้นมา เพื่อเรียนรู้และแก้ไข กอปรกับได้พบกับความสูญเสียบางอย่าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการประชุมเชียร์และรับน้อง "การตะโกนเสียงดังใส่กัน ตะคอก บังคับให้ทำกิจกรรมแปลกๆ ใช้กำลัง ขู่ กรรโชก แรงกดดันจากรุ่นพี่" ข้ออ้างที่รุ่นพี่นำมาหยิบยกเป็นเหตุผลของการกระทำเหล่านี้ คือ เพื่อให้พวกเราเหล่ารุ่นน้องทั้งหลาย รักในรุ่น ในสถานบัน ฝึกความอดทนอดกลั้น ฯลฯ ....ดูเหมือนจะเป็นทางตันสำหรับรุ่นพี่และการรับน้องในระบบนี้ ที่ไม่สามารถปลูกฝัง "ความรักในรุ่น ในสถานบัน ความอดทนอดกลั้น ฯลฯ" ได้โดยใช้วิธีการอื่นที่จะนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของรุ่นน้องได้น้อยกว่านี้ เมื่อผมจบการศึกษาได้ออกมาเผชิญโลกกว้าง ประสบกับผู้คนมากมาย ทำให้คิดได้อย่างหนึ่งว่า การศึกษา และวัยวุฒิที่มากขึ้นของแต่ละคน ไม่สามารถทำให้เพิ่มคุณค่าของความเป็นคนได้มากขึ้น (ผมไม่ได้เหมารวมนะครับ แล้วแต่ละกรณีและแต่ละคนๆไป) เมื่อมองย้อนกลับไปถึงตอนนั้น ทำให้เกิดคำถามเพิ่มขึ้นว่า แล้วรุ่นพี่พวกนั้นละ เรียนมากกว่าเรา ๒ ถึง ๓ ปี มีอายุมากกว่าเรา ๒ ถึง ๓ ปี มีสิทธิอะไรถึงมาออกคำสั่ง และสามารถตัดสินได้ว่าการกระทำแบบไหนถูกหรือผิด การกระทำแบบไหนจะเป็นการเตรียมความพร้อมหรือฝึกความอดทนให้กับรุ่นน้องได้ดีและเหมาะสมที่สุด ทั้งๆที่คุณพ่อคุณแม่ของเราผู้ซึ่งรักและหวังดีกับเราที่สุด ยังไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้นกับเราเลย แล้วรุ่นพี่เหล่านั้นเป็นใครกัน????? อย่างไรก็ตาม ให้เหตุผลกันไป ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ยังไงคงไม่ได้ข้อสรุปว่าอะไรดีหรือไม่ดี ผมจึงเห็นควรว่า สิ่งที่ดีที่สุดในการจัดกิจกรรมรับน้องต่างๆคือ การให้ข้อมูลและให้โอกาสแก่น้องๆ (ผู้ที่ต้องถูกกระทำจากกิจกรรมเหล่านั้น) ให้น้องๆสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกิจกรรมนั้นได้ ต้องไม่มีการบังคับ ไม่มีการเสียดสีจากรุ่นพี่ต่างๆ ใครใคร่และชื่นชอบว่าดีก็ทำไป ใครเห็นว่าไม่ดีไม่เหมาะกับตัวเอง ก็ควรจะมีสิทธิโดยชอบธรรมที่ไม่ต้องเข้าร่วมได้ ว่าแต่ว่า รุ่นพี่และผู้จัดกิจกรรมจะใจกว้างพอที่จะไม่บังคับเหมือนอย่างเคยมั้ยเอ่ย? หรือคุณคนอื่นๆคิดว่าไงกันครับ? จากคุณ : Feynman - [ 11 มิ.ย. 52 07:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ทุกวันนี้ พอเกิดปัญหาขึ้น ก็จะมีสมาคมศิษย์เก่าทั้งอุเทน-ปทุมวัน คอยออกมาเคลียร์คดีให้     คนที่สร้างปัญหาได้ใจนะครับ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมถึงปกป้องเด็กที่กระทำผิด....... ทำไมห้องเรียนถึงเป็นที่เก็บอาวุธ ทำไมปลูกฝังค่านิยมแบบเก่ากัน ด้วยความเคารพ จขกท. ครับ จากคุณ : Mr.Aum - [ 11 มิ.ย. 52 08:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมก็ผ่านการรับน้องมา ถึงไม่โหด แต่ก็ยังสงสัยว่า รุ่นพี่คิดอะไรอยู่ในหัวกับการรับน้องในรูปแบบที่ผ่านๆ มา วิธีการดีๆ ยังมีอีกมาก จากคุณ : ชาย - [ 11 มิ.ย. 52 08:21:12 A:192.168.4.35 X:58.8.58.61 TicketID:150126 ]

ความคิดเห็นที่ 83 #72 ไม่ได้ว่าระบบ เพราะเข้าใจข้อดีของระบบ แต่ระบบเองก็ต้องให้สิทธิกับคนอื่นในการเลือกที่จะเข้าระบบหรือไม่ ด้วย [หัวหน้าสั่งให้ทำงานให้เสร็จ ต้องอยู่จนดึกจนดื่น ข้าวปลาไม่ได้กินเนี่ย มันจะปฏิเสธหัวหน้าได้มั้ย?] ปฏิเสธได้ครับ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วครับ ทุกวันนี้ผมทำงานตามเวลาเข้างาน ถ้าอยากให้อยู่ดึกต้องให้ OT เท่านั้น และเป็นความสมัครใจของผมที่จะทำหรือไม่ ด้วย กฏหมายแรงงานคุ้มครองผมครับ เลขาฯ ของหัวหน้าแผนกวิศวกรรม บริษัทที่ผมไปฝึกงาน ทำงานมา2ปี ไม่เคยชงกาแฟให้หัวหน้าแผนกแม้แต่ครั้งเดียว เพราะไม่อยู่ในขอบเขตของการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง และบริษัทที่ผมไปฝึกงานก็เช่นกัน วิศวกรเข้าทำงาน1ปี ลาออกไปอยู่ที่อื่น2ปี กลับมาทำงาน2ปี และลาออกไป1ปี และกลับเข้ามาทำงานอีก ความซื่อสัตย์ต่อองค์กรไม่ใช่ประเด็นครับ หากเงินดี งานพอรับได้ เจ้านายไม่ซื่อบื้อ มีหรือที่เขาจะไม่อยู่กับคุณ อีกเรื่องคือ ดูเหมือนว่าพวกคุณจะอ้างตลอดว่าการทำงานต้องพบเจอความลำบาก ทำไมคิดแทนคนอื่นล่ะครับว่าทุกคนจบไปต้องไปทำงาน? ทำไมไม่สอนการเขียนรายงานเชิง Technical Writing บ้างล่ะ? ทำไมไม่สอนระเบียบวิธีวิจัยบ้างล่ะ? หรือคุณไม่เคยคิดกันเลยว่ารุ่นน้องคุณจะจบปริญญาเอกมาเป็นอาจารย์ โดยไม่ต้องตากแดด ไม่ต้องกดดันจากการทำงานได้ ดังนั้นผมเชื่ออยู่หรอก ว่าระบบมันมีประโยชน์ ปัญหาคือความพยายามยัดเยียดประโยชน์นี้ให้คนทุกคน ทั้งๆที่บางคนไม่ต้องการต่างหาก อิสระในการเลือก คือคำตอบของการแก้ปัญหาครับ จากคุณ : powerconduit - [ 11 มิ.ย. 52 08:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 84 สอนกันแต่ให้รักสถาบัน สอนกันแต่ให้รักเพื่อน แต่ลืมสอนให้รักสังคม รักคนอื่น จากคุณ : งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง - [ 11 มิ.ย. 52 09:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 85 นึกขึ้นมาก็สงสัยเนอะ รับน้องเนี๊ยะ รับกันทำไม ถ้าไม่มีประเพณีนี้ สถาบันจะอยู่ได้ไหม รุ่นพี่จะอยู่ได้ไหม ขาดประเพณีแบบนี้ไปจะตายหรือเปล่า ในเมื่อรับกันดีๆ แล้วมันไม่ได้ ก็อย่ามีมันเล๊ยย ไม่เชื่อถามน้องอังดู!! จากคุณ : kaemboum - [ 11 มิ.ย. 52 09:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อ่านกระทู้นี้อย่างเมามันแฮะ!! จับประเด็นที่น่าสนใจจากกระทู้นี้ได้หลายประเด็นเชียวค่ะ ประเด็นแรก แอนเห็นด้วยกับพี่นะนะ เรื่องการวาง positioning ที่ไม่ชัดเจน การแก้ปัญหาด้วยการยกระดับให้เป็นมหาวิทยาลัยทั้งหมด แอนว่ามันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดีเลย แอนเองก็เคยเรียนสายอาชีวะมาก่อน เมื่อเราได้มาทำงาน แอนเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในกลุ่มเด็กที่มีประสบการณ์ในการเรียนอาชีวะ กับสา่ยสามัญ สังคมไทยให้คุณค่ากับใบปริญญามากกว่าความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กจริงๆ ค่ะ เหมือนที่พี่นะนะบอกค่ะ เด็กที่เรียนจบปวช. ปวส. ก็ต้องมาเป็นแขนขาให้วิศวะฯ แอนไม่ได้เรียนมาทางโยธา ไม่ได้เป็นวิศวะ แต่แอนมาทางสายบริหาร เด็กที่จบปวช. ปวส.มีความสำคัญ กับสายงานแอนไม่น้อยไปกว่าเด็กที่จบปริญญาตรีเลยค่ะ (ก็เหมือนๆ กับที่แขนขามีความสำคัญกับร่างกายนั่นละ)   ทำไมหนอ ระบบการศึกษาของไทย ถึงไม่ให้ความสำคัญ หรือแม้กระทั่งปลูกฝังค่านิยมว่าอาชีวะ ก็มีเกีรยติ มีศักดิ์ศรีไม่้น้อยไปกว่าใบปริญญานะ?? ประเด็นที่สอง ระบบโซตัส แอนเองไม่มีประสบการณ์แบบระบบโซตัสกับตัวเอง แต่มีรุ่นพี่ รวมทั้งเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์จากระบบนี้ และเคยนั่งถกกันถึงระบบนี้มาหลายที แอนค่อนข้างมองว่ามันเป็นประโยชน์มากในเรื่องของการอยู่ในสังคม การทนต่อความกดดันและความรักสถาบัน เห็นได้อย่างแตกต่าง จากรุ่นพี่ที่จบจากสถาบันที่ใช้ระบบโซตัส กับตัวแอนเองและเพือนๆ ที่ไม่เคยเจอระบบนี้ ประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาทำงานกับเด็กพวกที่ไม่เคยผ่านระบบโซตัสมาก่อน มันช่างยากเย็นเหลือเกิน อีโก้มันช่างสูงปรี๊ด ไม่มีคำว่า senior/junior (ก็ไม่ได้บอกว่าเค้าจะต้องมาเกรงใจเรามากมายหรอก) แต่บางที การทำงานมันจะง่ายขึ้น ถ้าเค้าเหล่านี้ได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้บ้าง แอนว่ามันเป็นประโยชน์นะคะระบบนี้กับสังคมไทย แอนไม่เคยเจอการใช้ระบบนี้มาก่อนในชีวิต เคยแต่ได้ิยินได้ฟังมา แอนไม่เคยรู้หรอก ว่า ณ ขณะนั้น คนที่เจอประสบการณ์แบบนั้นมันลำบากขนาดไหน แต่แอนเชื่อว่า การที่ได้เจออะไรลำบากๆ ณ ขณะนั้น มันทำให้คนที่เจอ มีความแข็งแกร่ง อดทน จำได้ว่าสมัยเรียนจบใหม่ๆ มาทำงาน ด้วยการเรียนการสอนตามระบบของอังกฤษที่แอนได้เรียนมา สอนให้เรากล้าพูด กล้าแสดงออก ไม่มี senior/junior เวลาเข้าประชุมปุ๊ป เมื่อมีความเห็นอะไร เราก็ไตร่ตรองและแสดงออกอย่างเปิดเผย ผู้บริหารระดับสูงชอบค่ะ แต่เราเข้ากับเพื่อนร่วมงานแทบไม่ได้เลย T_T ระบบไม่ผิดค่ะื แอนยังคงศรัทธาในระบบนี้(นี่เรา conservative ไปมั้ยเนี่ย) แต่ที่ผิด แอนว่าเป็นคนที่หยิบมาใช้ต่างหาก การรับน้องที่รุนแรงเกินไป แอนคิดว่าเกิดจากตัวบุคคลและการปลูกฝังแบบผิดๆ คุณแฟนแอนเค้าก็มาทางสายโยธา เหมือนพี่หนุ่ม และพี่ๆ หลายๆ คนในนี้ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่หนุ่มนี่หละค่ะ (แต่มาจากคนละสถาบันน๊า) เค้าเองก็เคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องการรับน้องสมัยที่เค้าเรียนก็คล้ายๆ กันกับที่พวกพี่ๆ เจอ อาจจะไม่โหดขนาดของพี่หนุ่มฯ (หรือว่าโหดพอกันแต่ไม่ยอมเล่าให้ฟังหว่า?) ในมุมมองของคนที่เรียนมาสายบริหารแบบแอน แอนว่ามันก็โหดไปหน่อย แต่สำหรับคนที่เรียนมาทางโยธา และจำเป็นต้องไปทำงานร่วมกับคนหลายๆ ระดับ ทั้งต้องถึก ต้องลุย แอนว่าบางทีมันก็จำเป็น แต่หลังๆ ที่ว่ามันเกิดปัญหา แอนว่ามันเป็นความรุนแรงที่เกินเลยความจำเป็นไปหน่อย วุฒิภาวะของรุ่นพี่ ที่รับน้อง บางทีมันก็ต่ำ สังคมทำให้วุฒิภาวะของเด็กทุกวันนี้ตกต่ำลงค่ะ ทั้งสื่อและอะไรต่างๆ ทำให้การเสพสื่อที่รุนแรง มันง่ายขึ้น "ปัญหาอยู่ที่ตัวบุคคลที่หยิบมาใช้" แอนว่าควรแก้ปัญหาที่ตรงนี้ค่ะ แอนเห็นด้วยกับโซตัส แต่แอนไม่เห็นด้วยค่ะ กับการรับน้องที่รุนแรงเกินไป แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 10:31:49 จากคุณ : dolphin_moo - [ 11 มิ.ย. 52 10:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบอกว่าไม่จำเป็นครับ ที่ต้องใช้ความรุนแรงให้รุ่นน้องเคารพรุ่นพี่ หรือรักสถาบัน มหาวิทยาลัยของผม รับน้องกันด้วยความเฮฮา สนุกสนานครับ โดยมีการสอดแทรกความคิดให้น้องรักสถาบันไปในตัว คุณอยากให้รุ่นน้องรักสถาบัน เพราะความหวาดกลัว ความผวา หรือว่า คุณอยากให้รุ่นน้องรักสถาบัน เพราะมีรุ่นพี่เป็นตัวอย่างที่ดี น่าเคารพนับถือ ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เพราะความเกรงใจครับ จากคุณ : moonoiz - [ 11 มิ.ย. 52 10:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เลิกเหอะ รับน้องแบบนี้ อย่าเอาข้ออ้างเรื่องการใช้ชีวิตเมื่อต้องทำงานมาเกี่ยวเลย มันไม่ใช่อ่ะ จุดไฟ สีสเปรย์พ่น ทำสัญลักษณ์บนร่างกาย ต่อยหน้าอก กินของจากปากต่อปาก มันสร้างสรรค์ตรงไหน โลกหมุนไปขนาดไหนเเล้ว วิธีรับน้องก็ให้มันเข้ากับยุคสมัยบ้างนะ มันมีตั้งหลายวิธี ที่จะทำให้เกิดความสามัคคี หรือ รู้จักรุ่นพี่ รุ่นน้อง เอา SOTUS มาใช้ ให้ถูกๆ หน่อยเหอะ ..... จากมุมมองคนรับสื่อคนนึงอ่ะ จากคุณ : blueblues - [ 11 มิ.ย. 52 10:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ผมเคยอ่านทฤษฎีนึง ที่นักวิทยาศาตร์เคยทดลองกับลิงมาเลย อยากจะแชร์ให้ฟัง ผมว่า มันเกี่ยวของกับระบบ SOTUS มากเลยนะ ในความเห็นผม นักวิทยาศาสตร์ ได้จัดการให้ลิง ประมาณ 20ตัวได้อ่ะคับ มาอยู่ในห้องทดลอง โดยได้วางอาหารที่แสนอร่อย อยู่บนโต๊ะที่ลิงต้องปีนขึ้นไปกินอยู่กลางห้อง แต่ถ้าลิงตัวไหนปีนขึ้นไปกิน จะโดนน้ำฉีดอย่างรุนแรง จนลิงเจ็บตัวและทนไม่ได้ ทำอยู่อย่างนั้นประมาณ 2 เดือนได้ ระหว่างทางก็มีลิงบางตัวออกไป บางตัวเข้ามาใหม่ ในระหว่างนั้น ลิงตัวที่เข้ามาใหม่ เมื่อจะปีนขึ้นไปกินจะโดนกีดกันจากลิงรุ่นพี่ที่เคยโดนน้ำฉีดอย่างรุนแรงมา พยายามป้องกันหรือกัดลิงที่ขึ้นไป ลิงที่พยายามขึ้นไป จะโดนกีดกันจากลิงที่เคยโดนอย่างรุนแรง โดยในความเห็นผม มันคงป้องกันเพื่อนมันไม่ให้โดนเหมือนมันอ่ะ ถัดจากนั้นมาอีก เอาลิงที่เคยโดนฉีดน้ำอย่างรุนแรงออกไปให้หมด แต่ลิงที่พยายามปีนขึ้นแต่โดนลิงรุ่นพี่กัดยังอยู่นะ แล้วเพิ่มลิงรุ่นใหม่มา ลิงรุ่นใหม่ก็จะโดนลิงรุ่นพี่ห้ามอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่มีใครกล้าปีนขึ้นไปอีก หลังจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็เอา Condition เรื่อง ขึ้นไปแล้วโดนน้ำฉีดออก คือตอนนี้ถ้ามีลิงตัวไหน ปีนกินขนมนี่ จะได้กินอย่างสบายๆๆเลยล่ะ แต่บทสรุปของมันก็คือ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปไหร่ จะไม่มีลิงตัวไหนปีนขึ้นไปเลย ตัวใหม่ที่พยายามจะปีน จะโดนลิงรุ่นพี่กีดกันไว้ และโดนกัดด้วย  เป็นอย่างนี้ไม่มีวันเปลี่ยน  โดยลิงหารู้ไม่ว่า สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ระบบในการป้องกันตัวเองของลิง ยังคงปลูกฝังอยู่จากลิงตัวอื่นๆ ที่เล่าๆๆกันมา ทั้งๆที่สภาพแวดล้มได้เปลี่ยนไปแล้ว พอเอาการทดลองนี้ มาเทียบกับระบบ SOTUS เรา มันก็จริงแฮะ รุ่นพี่คนที่พยายามบอกว่า การรับน้องมันดีอย่างนู้น ด๊อย่างนี้ ทารุณมันหน่อยๆๆ ไม่เป็นไรหรอก เด๋วก็รักกัน ให้มันกินเหล้าเยอะๆๆ วิศวะมันต้องกินเหล้าเก่งๆ ให้ซื้อใจลุกน้องได้    รุ่นพี่พวกนี้ ก็เหมือนลิงรุ่นพี่ที่ไม่มีประสบการณ์จริงหรอก แต่ได้ยินลิงตัวก่อนๆเล่ามา โดยที่ไม่ลืมหูลืมตาดูสภาวะแวดล้อมภายนอกเลย ว่ามันเปลี่ยนไปอย่างไร แต่เค้าก็ต้องทำเพราะเค้าคิดอย่างเดียวว่ามันเป็น "ประเพณี" จากคุณ : Nam Tarn Keaw - [ 11 มิ.ย. 52 10:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ได้ยินมาว่า ปลาเน่าหลายตัว เน่าทั้งทะเล จากคุณ : ลิเซิ่ล - [ 11 มิ.ย. 52 11:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ไม่รู้ว่ารับน้องเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าพ่อจบอุเทนมา แต่ลูกเป็นเกย์ จากคุณ : นส.สวยใสไร้สติแต่ไม่ไร้สมอง (gaykrit) - [ 11 มิ.ย. 52 11:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ในฐานะผู้หญิงที่เคยผ่านการรับน้องทั้งในและนอกสถานที่จากราชมงคลแถวทุ่งมหาเมฆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้มข้น เหนื่อยยากหรือพิสดารเท่ากับเพื่อนผู้ชาย เวลาผ่านมาแล้วเกือบสิบปี คิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ทั้งโกรธ โมโห เหนื่อย เบื่อ แต่มันกลับอยู่ในความทรงจำล่ะ เพราะในเวลาเหล่านั้น เรากลับได้ "มิตรภาพ" ติดมือกลับมาด้วย อยากให้เรื่องนี้ได้ข้อสรุปที่ดีทั้งสองฝ่าย เอาใจช่วยค่ะ ทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินไปพร้อมกับสติและความพอดี ... จากคุณ : ขาหมูแก้มป่อง - [ 11 มิ.ย. 52 11:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เอ่อ คิดว่า เจ้าของกระทู้กับเราน่าจะเรียนรุ่นๆเดียวกัน จบมาประมาณ 10 กว่วาปี เพราะเห็นว่ารู้จักอินทรด้วย ....... ยอมรับเลยว่า เป็นคนนึงที่อยากเข้าอุเทน ด้วยเหตุผลที่ว่า 1. เรื่องของวิชาการเพราะวิชาที่เรียน มันเป็นหลักสูตรของราชมงคล จะต่างกับหลักสูตรของกรมอาชีวะ ถ้าจะเรียนต่อ ป.ตรีจะได้พื้นฐานวิชาที่ดีขึ้น 2. จบมาอย่างน้อยมีรุ่นพี่เยอะอาจมีหนทาง ลู่ทางการทำงาน อย่ามาทำเป็นรับกันไม่ได้นะกับระบบอุปภัม บางครั้งต่อให้แน่แค่ไหน ไม่มีพรรคพวกก็อยู่ไม่ได้ นี่คือเหตุผลหลักๆที่อยากเข้า แต่บังเอิญว่า ทีที่จะสอบเข้า ปี2538 (รุ่น67) ปีนั้นเป็นปีที่ประกาศมาว่าจะยกเลิกการรับนักศึกษาที่จบระดับ ปวช. จะเปิดแต่ป.ตรีอย่างเดียว ..ซวยเลยทีนี้ไม่มีที่จะเรียนไปไหนไม่ได้เพราะกับอีกที่ก็เพิ่งจะมีเรื่องกัน (รู้ๆกันอยู่นะว่า จบ ปวช ก่อสร้างมา จะต่อราชมงคลจะไปที่ไหนบ้าง) ก็เลยต้องอยู่ที่เดิม เรียนจนจบแล้วก็มาทำงาน บ. ก่อสร้างเป็น office Eng. ด้านจัดหาจัดจ้างผรม.และวัสดุเทคนิค แต่ก็เป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์ ก็เลยคิดว่าโชคดีที่เราไม่ได้เข้าไปเรียน เพราะ สังคม รร. เรา อยู่แบบเพื่อน ไม่ได้อยู่แบบพี่น้อง ถ้าพี่คนไหนทำตัวไม่น่าเคารพก็ไม่ต้องเรียกพี่ รับน้องก็ไม่ได้บังคับจะไปก็ไปไม่ไปก็ไม่ได้ว่า ไม่มาบีบจนต้องลาออก ว่าแล้วก็อยากกลับไปเรียน ปวช อีกสนุก ดีค่ะ ชอบมากๆ วิชาเขียน แบบเรียนทั้งววัน รีบปั่นงานจะได้รีบไปเล่นเบื่อที่ต้องมานั่งเหลา ดินสอไส้ 2 มม. ให้แแหลมนี่แหละ วันไหนมีวิชาปฏิบัติจะชอบมากๆ ถ้าเรียนงานปูน ก็จะรีบๆ ก่ออิฐ ให้เสร็จ วันไหนเรียนงานไม้ก็จะรีบๆทำตามที่อ.สั่งให้เสร็จ เพื่อที่จะได้มีเวลาเหลือไว้วิ่งเล่นกัน เรื่องกินเหล้า มันอยู่ในสายเลือด นับหัวได้เลยใครจบ ปวช มาไม่กินเหล้าแทบไม่มี แต่เข้าใจเหตุผลที่ทำไมเรื่องราวถึงเป็นแบบนี้ ถ้ารับแต่เด็ฏ ปวส เข้าเรียนเหมือนเดิม เชื่อได้เรื่องราวจะไม่เป็นแบบนี้ จะเป็นเหมือนเมื่อสิบยี่ สิบปีที่ผ่านมา เพราะ ที่ รร ก็เหมือนกันคิดว่าไม่รับ เดก ปวช จะช่วยแก้ปัญหาได้แต่เปล่าเลย หนักกว่าเดิมอีก ภูมิใจค่ะที่จบมาจากสถาบันที่มีเพียงช่างก่อสร้างแแผนกเดียวในประเทศไทย ใครจะบอกเดอาชีวะเกเร ก็ตาม จากคุณ : poonpun - [ 11 มิ.ย. 52 11:13:19 A:203.154.215.107 X: TicketID:190195 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ความคิดเห็นที่ 72 ผมไม่เห็นว่า คนที่เรียนมาก่อน แค่ปี สองปี มันจะมีวุฒิภาระ มากกว่ารุ่นน้องตรงใหน จากคุณ : toy1152 - [ 11 มิ.ย. 52 11:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 95 "ไม่ได้รับ น้อง มันจะตายกันหรือไง รุ่นพี่........................." "ไม่ได้รับน้อง มันจะเรียนไม่จบกันใช่มั๊ย รุ่นพี่..................." "ผมเรียนมา มีีรับน้อง แต่ไม่เคยไป สักที............ไม่ใช่หยิ่ง แต่เอาเวลานั้น ไปทำงานหาเงินมาเรียนดีกว่า  " "ทุกวัน จบมา โดยไม่ไปรับน้อง มีงานมีการทำ" พิสูจน์ได้ว่า "รันน้อง มันไร้สาระ..................." จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ - [ 11 มิ.ย. 52 11:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 96 มไถ้าคุณไม่เรียน ปวช ปวส มาคุณไม่รู้หรอกว่าระบบ มันเป็นยังไง แตกต่างกับ การเรียนสายสามัญอย่างไร มันก็เหมือนกับคำถามที่ทำไมมันต้องตีกัน เพราะเมื่อคุณไม่ได้เรียนเองก็จะไม่รู้ถึงสาเหตุ-ความรุสึกคนที่เรียน อีกอย่าง มันก็ต่างกันเรื่องของความรับผิดชอบ ถ้าคุณมีลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน ที่จบ อาชีวะมากับสายสามาัญมา ลองดูการทำงานของเขาว่ามันต่างกันยังไง ทำไมเด็กที่เรียน 4 ปี จบมามาถึงอ่านแบบไม่ขาดแต่ทำไม วิศวกรที่จบต่อเนื่อง 3 ปีทำได้ อ่านแบบเป็น อ่านแบบขาด คุมงานปัญหาน้อยกว่า เพราะอย่างน้อยมันถูกฝึกมาตั้งแต่การทำงานที่เป็นช่างเทคนิค ในระดับ ปวช ปวส เมื่อมีโอกาสเรียนต่อ เราอาศัยงานเทคนิคเข้าไปช่ววย การคุมงาน จากคุณ : poonpun - [ 11 มิ.ย. 52 11:39:24 A:203.154.215.107 X: TicketID:190195 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ผมไม่คิดว่าเขาได้ดีเพราะถูกรับน้องมานะครับ แต่ผมคิดว่าหลักสำคัญก็อยู่ที่เทคนิคการสอนของอาจารย์มากกว่า เผาขนไฟ - ช่วยอธิบายหน่อยครับ ว่าช่วยในการอดทนในการทำงานตรงไหน หรือว่าช่วยให้ทนกับความร้อนในระหว่างการทำงาน กินเหล้า - ใครใคร่กินก็กิน ใครมีปัญหาเรื่องสุขภาพก็ไม่ต้องกินสิครับ เวลาเกิดปัญหาขึ้นมา รุ่นพี่จะมามอบตับตัวเองให้รุ่นน้องหรือเปล่า แทนที่จะปลูกฝังว่า ทำงานควรจะพอเพียง และประหยัด กลับไปสอนว่า ทำงานพวกนี้ ต้องกินเหล้าเก่ง กินพริก - เวลาโดนกดดันจากคนอื่น ฝึกกินพริกมาคงช่วยได้ครับ รุ่นพี่อ่ะ ทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีจะดีกว่านะครับ ผมค่อนข้างเชื่อว่า รุ่นพี่ทำไปเพราะความสะใจ มากกว่าอยากฝึกรุ่นน้องครับ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 11:52:57 จากคุณ : moonoiz - [ 11 มิ.ย. 52 11:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมว่าหยุดดีกว่านะคุณหนุ่มบางซ่อนครับ มีอะไรไปพูดในบ้านดีกว่า คุณเอาเรื่องราวภายในมาสู่โลกภายนอก ผมว่ามันไม่เหมาะนะครับ บางทีคนอื่นฟังแล้วไม่เข้าใจมันจะดูไม่เข้าท่า จากคุณ : Kay_BlueSea - [ 11 มิ.ย. 52 11:51:14 A:58.10.234.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 99 รับน้องอะ รับไปเหอะ ถ้ามองดีๆแล้ว จะเห็นว่ามีประโยชน์มากเมื่อต้องมาทำงาน แต่.... ไอจุดไฟเผา ต่อยเตะ กระทืบ อะไรงี้ มันก็เกินไปนะครับ จุดไฟเผาส่วนต่างๆของร่างกาย ทำแล้วได้อะไรขึ้นมา ผมพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกซักที จากคุณ : หน้ากากแห่งความฝัน - [ 11 มิ.ย. 52 12:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 100 จบมาก็ทำงานด้วยกันอยู่ดี จากคุณ : เฒ่าเจ้าอุบาย - [ 11 มิ.ย. 52 13:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 101 รู้สึกว่า อ่านกระทู้นี้จะได้มุมมองการใช้ชีวิตจากหลายๆ ความคิดเห็น เลยครับ เข้าใจได้ว่า การรับน้องช่วยให้รุ่นน้อง มี EQ ติดตัวไปในการทำงานครับ!!!! ซึ่งการเรียนก็เป็นแค่เส้นทางที่จะไปสู่การทำงานนั่นเอง.... IQ เยอะ แต่ EQ ต่ำ มีค่อนข้างเยอะแยะ ครับสมัยนี้... .....แต่ขอให้เป็นการ รับน้องแบบสร้างสรรค์ หน่อยนะครับ จากคุณ : เหอะ เหอะ - [ 11 มิ.ย. 52 13:11:51 A:203.156.57.213 X: ]

ความคิดเห็นที่ 102 เอ่อ คห42 ครับ กลอนที่ว่ามานั้น การให้อดทนต่อคำดูหมิ่น มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่การที่รู้ว่า "สังคมมองว่าชั่ว" มันทำได้แค่ "อดทน" หรือครับ ไม่คิดจะปรับปรุง? ไม่คิดจะแก้ไข? ไม่คิดจะพัฒนา? เอาเป็นว่า ให้อดทน ที่คนมองว่าชั่ว มองว่าเลว??? และที่สำคัญ สิ่งที่น่าตำหนิที่สุดคือ "ก็ยังคงทำเลว ทำชั่ว ตีกับชาวบ้านเค้า ... เสมอต้นเสมอปลาย!?!?" เห็นด้วยกับ คห86 "...ระบบไม่ผิดค่ะื แอนยังคงศรัทธาในระบบนี้ แต่ที่ผิด แอนว่าเป็นคนที่หยิบมาใช้ต่างหาก..." ใช่เลยครับ ระบบนี้ มันไม่ผิดแน่นอน มันผิดตรงที่คนเอามาใช้แบบผิดๆ เอาเหล็กร้อนๆตราสถาบันมาจี้ เพื่อฝึกความอดทน - งั้นเอ็งก็เอาเหล็คไปจี้ญาติโก ของพวกเอ็งแทนดิ คิดได้ไง ปญอ เอาสีเสปรย์พ่นขนเพชร - พ่นไปแล้วมันได้ความอดทน รักสถาบันขึ้นหรือยังไง มันเป็นการกระทำที่บ่งบอกถึงความถ่อย เถื่อน ให้ผลัดกันอมลูกอม ส่งกันปากต่อปาก - ลองไปดูห้องอื่น บางความเห็น เคยติดเชื้อโรคคางทูมจากกิจกรรมปัญญาอ่อนเยี่ยงนี้จนต้องนอนซมใน รพ เป็นอาทิตย์ รวมถึงกิจกรรมให้เด็กเกลือกกลิ้งตามโคลน ให้นอนแช่น้ำเป็นชั่วโมง ให้เด็กกินเหล้าผสมสิ่งแปลกปลอม ฯลฯ ผมว่า มันเป็นการกระทำของคนที่ไร้ภาวะการศึกษาสิ้นดี คนที่ทำกับรุ่นน้องอย่างนี้ เพียงเพื่อให้ลูกน้องฝึกความอดทน เหตุผลเพียงเท่านี้หรือ ถึงต้องทำรุนแรงขนาดนั้น ประสาท ***เพิ่มเติม แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 13:19:26 จากคุณ : LAPD21 - [ 11 มิ.ย. 52 13:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 103 คห. 72 พูดถูกครับ.. จากคุณ : Mr.XYZ - [ 11 มิ.ย. 52 13:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คนตายพูดไม่ได้ คนที่ยังไม่ตาย หรือเฉียดตาย เค้าเลยมาห้ามไว้กลัวไปตายอีก จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 11 มิ.ย. 52 13:28:38 A:115.67.248.41 X: TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 105 SOTUS ผมผ่านมามันก็ดีนะครับ การที่คนเกิดอายุมากกว่าจะบอกว่าผิดไม่ผิดนั้นเกิดจากการอาบน้ำร้อนมาก่อน อย่างว่าแหละครับ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ ตัวรุ่นพี่ที่สอนน้องควรดูว่าอะไรควรไม่ควร S - Seniorty เคารพผู้อาวุโส เชื่อฟังคนที่ควรเคารพครับ (ที่ไม่ควรก็นะ) ไม่ใช่หมายความว่ารุ่นพี่ถูกไปหมด O - Order การปฎิบัติตามระเบียบวินัย ตอนที่ผมเรียนนั้นคือ ต้องมาเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย T - Tradition - ประเพณี อันนี้ผมสอนว่าอะไรที่น้องเห็นว่าดีก็รักษา ทำมันต่อไป อะไรที่ไม่ดีก็ทิ้งไป (แต่ที่ผมเห็นประจำคือ อันนี้มันดีแต่น้องไม่ทำอะเหนื่อย เรียนก็หนักแล้ว เสียดาย) แต่ไอ้ประเพณีไม่ยอมหาตังค์แต่จะเก็บค่าชั้นปีเยอะ ๆ เนี่ย เลิกเถอะครับ เปลี่ยนเป็นไปช่วยกันทำงานหาเงินดีกว่า U - Unity - สามัคคีร่วมแรงร่วมใจ เวลาทำอะไรก็สามัคคีกันทำครับ แตกสานซ่านกระเซ็นทำงานยากเช่นทำความสะอาดห้องชมรม ช่วยกันคนละไม้คนละมือแป๊ปเดียว แต่ทำคนเดียวนี่อ้วกเลยครับ S - Spirit -มีน้ำใจ มันก็เกี่ยวกับ U เยอะนะครับ ช่วยกันสามัคคี แต่คนนึงทำ ที่เหลือนั่งดูเพื่อนทำอันนี้ก็ไร้น้ำใจไปนิดนึง แต่อย่างที่ว่า หลัง ๆ ที่ผมได้ไปรู้ฟังมา เฮ้ยประเพณีรุ่นพี่ไม่ชอบสถาบันนั้น รุ่นน้องต้องไม่ชอบด้วยเนี่ย อันนี้มันไม่ใช่ ต้องเอามืดเอาปืนไปนี่ก็ไม่รู้มันเข้าข้อไหน แต่ที่แน่ ๆ รุ่นพี่ผมก็เกิดปัญหาแต่เค้ากล้ารับผิดชอบอันนี้คือ Spirit ไม่ใช่มาบอกว่ามันไม่เกิด เอาหลักฐานมาสิ ไม่กล้ารับ นี่มันก็ไม่ใช่ SOTUS ระบบดี คนใช้ไม่ดีก็เละครับ ส่วนเรื่องลิงเนี่ยได้ยินมาเยอะแล้วครับ ไม่อยากจะบอกเลย ผมก็ยอมกัดน้องไม่ให้ขึ้นละครับ แต่อย่างว่าเราอาจจะบอกว่าเฮ้ยพี่เคยโดนน้ำสาด รุ่นน้องถ้าอยากลองเอาร่มกะเสื้อกันฝนไปลองดีกว่า น่าจะเวิร์คครับ จากคุณ : taootaoo - [ 11 มิ.ย. 52 16:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 106 การรับน้อง ไม่ได้ ดี/แย่ ซะหมด - อยู่ที่ตัวรุ่นพี่ที่ปลูกฝัง Sotus ไม่ได้ ดี/แย่ ด้านเดียว - อยู่ที่คนที่เข้าใจแล้วเอาไปใช้ประโยชน์ การทำงาน จบที่ไหน ไม่ได้แตกต่าง - อยู่ที่จิตสำนึกและก็ความสามารถของคนๆนั้น ลองเปิดใจแล้วรับฟังทั้งสองฝั่งครับ เอาข้อดีของแต่ละอย่างมาคิดดีกว่าครับ บ้านเมืองเรายังมีแบ่งสีเสื้อ คนก็โตๆหัวหงอกกันทั้งนั้น ความแตกแยกมันก็เริ่มปลูกฝังมาตั้งแต่สมัยไหนล่ะ ส่วนพวกรับน้องแบบวิธีนั้น...ปัญญาอ่อน ครับ โซตัสที่ใช้แบบดีๆ ถูกวิธีก็ยังมี...กรุณาอย่าเหมารวม จากคุณ : realp** - [ 11 มิ.ย. 52 16:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 107 มาอ่านไมทันครับ จขกท ได้แก้ไขข้อความไปแล้วครับ จากคุณ : moo_tum - [ 11 มิ.ย. 52 16:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 108 อ่เรื่องรับน้องรับโน่นรับนี่ อยากทำก้อทำไปดิ แต่ว่าเมิงละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ของเขาหรือเปล่า ถ้าให้พ่อแม่พี่น้องเมิง แดรกกระดาษแดรกพริกหรือมาให้เผามั่งเมิงเอาไหม ประเทศไทยมานสอนกานระบบอาวุโส จนนำไปใช้ในทางที่ผิด วันแรกของการศึกษา รุ่นพี่เดินมา 2-3 คน แล้วพูดว่า "เฮ้ย เดี๋ยวเมิงขึ้นไปรับน้องด้วยนะ กรู "ผมกลับบ้านเย็นไม่ได้พี่ ต้องไปช่วยแม่ขายของ" รุ่นพี่คนนึง "เฮ้ยคนอื่นเค้ารับกันหมด เมิงไม่ไปได้ไง" กรู "ก้อคนอื่นไม่ได้มีแม่ขายของเหมือนผมนี่" รุ่นพี่อีกคน "เมิงไม่รับเมิงไม่มีเพื่อนไม่รู้นะ" กรู "ไม่เป็นไรพี่ เพื่อนมันไม่ได้ช่วยแม่ผมขายของนี่นา" รุ่นพี่ "อ้าวพูดงี้ เมิงหาเรื่องนี่หว่า" กรู "ถ้า แมน พอ พี่มาเดี่ยวๆ กะผมคนนึง ผมจะเดินไปบอกอาจารย์เองว่าผมจะต่อยกะพี่เพราะผมไม่ชอบขี้หน้าพี่ แต่ถ้าพี่รุมกระทืบผมตรงนี้ พี่จะโดนไล่ออกหรือไม่ก้อโดนพักการศึกษา แล้วก้อจะโดนจับข้อหาทำร้ายร่างกาย" รุ่นพี่ .. (เงียบ) กรู "งั้นผมไปแจ้งกับกิจการนักศึกษาไว้ก่อนว่าพี่มีปัญหากับผม พี่ชื่ออะไร ?" รุ่นพี่ ... เดินหนี 55 วันหลังมาเล่นต่อยังไม่อีกเยอะ จากคุณ : CherNoByl (CherNoByl) - [ 11 มิ.ย. 52 16:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 109 "คนที่ไม่ได้ผ่านระบบ SOTUS มา จะมีอีโก้สูง คิดว่าตัวเองเจ๋งสุดแล้ว" มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนด้วยครับ เคยเจออาจารย์ที่ชอบสอนนักเรียนผิดๆ พอนักเรียนที่เตรียมตัวมาดีแก้ให้ก็บอกทำนองว่าเธอนี่อีโก้สูงนะ ชั้นเป็นอาจารย์เธอนะ มั้ยครับ ผมไม่เคยเจอหรอก แต่น้องมาเล่าให้ฟัง สอนผิดจริงๆครับ แต่ดันปิดหูปิดตาตัวเองไม่รับฟังข้อเสียตัวเอง ซ้ำร้ายยังอาจจะทำให้เด็กหลายสิบคนในห้องนั้นเข้าใจผิดๆตามไปด้วยอีกต่างหาก เคสนี้ ถ้ามองจากมุมผู้ใหญ่ ก็อาจจะมองได้ว่าไอ้เด็กชุดนี้ "อีโก้สูง คิดว่าตัวเองเจ๋งสุดแล้ว" แต่ถ้ามองจากมุมมองเด็ก ก็จะกลับกันครับ ปัจจุบันนี้ผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้สังคมการทำงานเนี่ยจบไปแล้วเป็นยังไงบ้าง แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุด ผมยินดีเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า ให้ความเคารพกับคนที่ควรเคารพ ไม่ได้เคารพ นอบน้อม เพียงเพราะว่าคนๆ นั้นมีคำว่า "รุ่นพี่" หรือ "อาวุโสกว่า" แปะอยู่บนหน้าผาก ผมไหว้ป้าคนขายลูกชิ้นแถวบ้านทุกครั้งที่เจอกัน แต่ผมไม่ไหว้รุ่นพี่บางคนที่ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นรุ่นพี่ คุณอาจจะว่าผมอีโก้สูงก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องไหว้คนที่ทำตัวไม่เข้าท่า เพราะนั่นเป็นสิ่งที่บอกว่าเรายอมรับการกระทำของเขาคนนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ครับ สังคมไทยให้ความสำคัญกับ "วัยวุฒิ" มากกว่า "คุณวุฒิ" ซึ่งจริงๆแล้วมันควรจะกลับกันครับ "รุ่นพี่" ก็ควรจะเรียนรู้จากตัวรุ่นน้องด้วยครับ ควรจะให้ความเคารพกับความคิดของรุ่นน้องด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใกล้ตัวและละเอียดอ่อนกว่าที่คิด แต่ไม่พูดคงจะดีกว่า เดี๋ยวจะโดนรุมสกรัมซะเปล่าๆ 555 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 17:58:38 จากคุณ : gudome - [ 11 มิ.ย. 52 17:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 110 +++++++++++++++++++++++++++++ เด็กอุเทนเดนชนคนดูหมิ่น สองหูชินสรรพสำเนียงเสียงด่าว่า เขารังเกียจเดียดฉัน ครั้นนานมา ทั้งหูตาบอกให้รู้ทุกผู้คน พบใครๆขายหน้าเขาว่าชั่ว ชอบทำตัวเป็นนักเลงเบ่งทุกหน ถึงจะเจ็บและตายต้องจำทน เพื่อผ่านพ้นวัยเรียนเพียรทำงาน ++++++++++++++++++++++++++ ปลูกฝังให้มองโลกในแง่ร้าย ตั้งแต่ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยเลย น่ากลัวมาก ๆ เป็นปัญหาสังคม จากคุณ : อ้อมทิพย์ (kappaหมาแดง) - [ 11 มิ.ย. 52 18:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 111 รอ คห108ครับ ชอบ ดีๆๆ ผมชอบ เรื่องรับน้องของผมก็เป็นแรกๆ ผมบอกได้เลยนะ การรับน้องเนีย ณ ปัจจุบันผมคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับ คอนเนกชั่น ในการทำงานเลย ก็ว่าได้ ตอนที่ไปรับน้องตจว รุ่นพี่ สั่งให้ กลิ้งกับพื้น ดิน ทราย น้ำ ฝนตก ผมถามจริงเหอะ ทำไปทำไมอยากให้เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา  และ พอทำรับน้องเสร็จมาทำบายศรี ขอโทษ โดยการ นั่ง คุกเข่า ยองๆ ถามเหอะ ทำเพื่ออะไรอีกแล้ว  อยากให้ รุ่นน้องดูว่า รุ่นพี่ก็เหนื่อย รุ่นพี่ก็ทนเจ็บ ผมเห็นแล้ว อุบาท มาก ขอพูดเลย เดี๋ยวพอผมจบจากมหาลัยปีนี้ ผมบอกรุ่นน้องเลยว่า การรับน้องอะ ให้เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา เล่นได้แต่อย่าแรง  เอาพอเป็นพิธีแค่ พูดเสียงขำขำ การที่จะสร้างคอนเนคชั่นนะครับ การอยุ่ในมหาลัยมีหลากหลายวิธี เช่นการให้หนังสือน้อง การติวรุ่นน้อง การแนะนำ เรื่องการเรียน สิ่งเหล่านี้อะ เป้นสิ่งที่ช่วยให้คอนเนคชั่น อยุ่ได้นาน หน้าที่การงานยอมรับเลยว่า ถ้าไม่มีเส้นไม่สาย อาจเข้าไม่ได้ แต่ผมคิดว่า การที่เราจะทำงานหรืออะไรอย่างหนึ่ง การที่คนจ้างเค้าจะรับคุณเค้าเห็น ถึง ศักยภาพ ในตัวคุณ ผมคิดแบบนั้น นะครับ ขอบคุณ ครับ จากคุณ : pasta_popcorn - [ 11 มิ.ย. 52 19:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อืมม ยังไงผมว่าระบบsotus เป็นสิ่งที่ดีนะ ทำให้เพื่อน พี่ น้องในสถาบันนั้นๆ มีความผูกพันกัน โดยส่วนตัวผมก็ผ่านระบบตรงนี้มา จบมาทางสายนี้เหมือนกัน จนมาเรียนต่ออีกสถาบันหนึ่งในระดับปริญญาตรี แต่ผมกลับมาความผูกพันกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ในสมัยเรียนระดับอาชีวะมากกว่า เนื่องจากเคยผ่านตรงจุดนี้มาด้วยกัน ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อคบหากันอยู่ แม้กระทั่งในเวลาทำงานประสานงานกับหน่วยงานต่างๆก็ยังได้รับการต้อนรับจากเพื่อนๆ พี่ๆหรือแม้กระทั่งรุ่นน้องที่จบสถาบันเดียวกันทำให้การทำงานบางครั้งง่ายดายกว่าที่คิด เจ้าของกระทู้น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมนะ ผมจบปวส.ช่างก่อสร้าง แถวๆทุ่งมหาเมฆน่ะ จากคุณ : นรกชัดๆ - [ 11 มิ.ย. 52 19:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 98 ค่ะ เรื่องระบบโซตัส เอามาทะเลาะกัน ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มันไม่เกิดประโยชน์หรอกค่ะ เราไม่มีสิทธิตัดสิน ว่าความคิดของใคร ผิดหรือถูก เราต้องรู้จักยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น มันก็เหมือนทำแอมเวย์ค่ะ (นอกเรื่องอีกตู) ตอนนี้คือช่วงคาบเกี่ยวของการเปลี่ยนแปลง ถือเป็นเรื่องดีที่แรงกดดันจากสังคมทำให้ทั้ง 2 สถาบัน หันมาจับมือกัน แต่จะให้ความแค้นที่มีอยู่นานเป็นสิบๆ ปี หายไปภายในปีเดียว คงเป็นไปไม่ได้....แต่เชื่อว่าด้วยโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว จนทุกคนไม่ทันได้สังเกต จะเป็นตัวขับเคลื่อนเราไปเองค่ะ สุดท้ายนี้ ขอภาวนาให้ระบบการศึกษาไทยดีขึ้นกว่านี้ค่ะ (เหมือนความหวังจะริบหรี่ -*-) จากคุณ : รอสิ้นเดือน - [ 11 มิ.ย. 52 19:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เราก็ว่าดีเหมือนกันนะ ระบบโซตัสน่ะ แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้ารุ่นพี่ไม่เล่นเลยเถิด จากคุณ : เด็กศิลป์ ราชมงคลภาคพายัพ (หน้าแง๊ว~*) - [ 11 มิ.ย. 52 21:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ไม่ได้ผ่านระบบโซตัสมาค่ะ แต่ก็เข้าสังคมได้ ทำงานได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องรอระบบโซตัสหรือรุ่นพี่มากรอกปากสอนหรอก พ่อแม่ที่บ้าน ครอบครัวที่บ้าน สอนวิธีเอาตัวรอดในสังคม และ ความจริงในโลกให้ได้ค่ะ ความอดทนแข็งแกร่งในการเอาตัวรอด การเข้าร่วมคนอื่น การมีมนุษย์สัมพันธ์ เราก็ทำได้ ไปดูงาน หรือ ติดต่อที่อื่น ไม่เห็นจะโดนไล่ มีแต่คนต้อนรับให้ร่วมงาน หรือ มาศึกษางานได้ทั้งนั้น เราว่าเรื่องพวกนี้ใช่ว่า ผ่านโซตัสแล้วจะประสบความสำเร็จ เพราะมันน่าจะเป็นความสามารถพิเศษ การหยั่งรู้การแก้ปัญหา การใช้ไหวพริบส่วนบุคคลอยู่แล้วน่ะ ดังนั้นเราคิดว่า ข้อเสนอแนะว่า คนที่ผ่านระบบโซตัส ร่วมรุ่น อยู่ร่วมกันมาจะประสบความสำเร็จ อดทนมากกว่าจึงตกไป  เพราะเราเรียน กศน.มา และมาต่อมหาลัยเปิด ก็ยังอยู่จนจะจบอยู่แล้ว และก็สร้างเครือข่ายไปทั่ว อย่างวันนี้ก็พึ่งไปสร้างมาอีกแห่ง เข้าไปขอข้อมูลติดต่อ ขอสังเกตการณ์เก็บประสบการณ์ด้วย ขอลงชุมชนด้วย ก็ยังได้รับความร่วมมือกลับมาเลยว่า ยินดีต้อนรับ  ไปดูงานของหน่วยงานรัฐมาก็ยังเข้ากับพี่ๆที่หน่วยได้ดี มีคำชื่นชมกลับมา แล้วก็ชวนทำงานด้วย เราว่ามันไม่เกี่ยวหรอกว่า ต้องผ่านโซตัสน่ะ ถึงจะมีสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่ล้มเหลวในการเข้าสังคมอะไรแบบนี้ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 11 มิ.ย. 52 21:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ผมก็ไม่ผ่าน โซตัสครับ รับน้องก็สักแต่ว่าทำๆไป ไม่อยากทำตัวแปลกแยกมากมายจนเป็นจุดเด่น แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่า ตรงที่่มันทำให้เรารู้จักเพื่อนมากขึ้นจริงๆ แต่ก็ยังรู้สึกตัวเองมีสังคม มีชีวิต มีเพื่อน รับแรงกดดันได้ ยังมีสัมมาคารวะ ให้เกียรติให้ความเคารพผู้อื่น "กับคนที่ควรจะเคารพ" ผมว่าโซตัสเป็นการถ่ายทอดอะไรบางอย่างแปลกๆ ให้รุ่นน้องทำต่อๆไป มากกว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริง คือการสร้างสิ่งที่ดีๆให้รุ่นน้องได้ใช้ในภายภาคหน้านะ ซึ่งอย่างว่า อันนี้มันคงแล้วแต่รุ่นพี่แล้วว่ามีสมองแค่ไหน สิ่งสำคัญคือ อย่างที่หลายๆ คคห. กล่าวไว้ครับ ทุกคนควรจะมีสิทธิ์เลือกได้ ว่าจะรับหรือไม่รับระบบนี้ แต่เท่าที่ผมเห็น ใครไม่รับก็เป็นอันซวย โดนแกล้ง โดนรุ่นพี่เขม่นบ้าง หนักสุดคือ รุ่นพี่ไปด่ากับเพื่อนเราว่าคนนี้มันไม่รักพวกมึ* เป็นแนวๆยุให้เกลียดคนที่ไม่เข้าระบบมากกว่า ส่วนตัวแล้ว สรุปว่า โซตัส ไร้สาระ และ น่ารำคาญ จากคุณ : solvonou (solvonou) - [ 11 มิ.ย. 52 22:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 117 แต่ทำไมสื่อถึงต้องประโคมข่าวรุนแรงขนาดนี้ บางคณะในบางมหาวิทยาลัย ต้องอาศัยระบบโซตัสเข้ามาเป็นกลไก ในการจัดระเบียบนิสิตชั้นปีที่1 อย่างน้อยก็คณะเรานี่แหละ เราไม่อยากจะบอกเหตุผลอีกแล้วว่าเพราะอะไร เพราะสื่อไม่เคยแคร์ว่า เหตุผลอะไรถึงใช้โซตัส แต่สื่อคอยจ้องแต่ว่า วิธีการที่เรียกว่าโซตัสของเรานั้นเป็นอย่างไร สื่อไม่เคยสนใจว่าผลของการใช้โซตัสแล้วดียังไง สนใจแค่ว่า ทำยังไงจะให้เกิดข่าวเกิดกระแสได้ ถ้าช่วงนี้มีบอลโลก มีโอลิมปิก คุณจะมาสนใจเรื่องการรับน้องอย่างงี้มั้ย แค่นี้แหละ อัดอั้นมาก สกอ. กดดันเรามากเกินไป เราก็พร้อมจะทำตามกรอบที่ท่านต้องการ จะสั่งระงับการรับน้องเหมือนสองสามปีก่อนก็รีบบอกละกัน จากคุณ : เป็ดน้อยแห่งบ้านตีนเป็ด - [ 11 มิ.ย. 52 22:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เพิ่งมาครับ เจ้าของกระทู้อีดิทข้อความเกลี้ยงเลย ไม่ใจเลย เหอๆ จากคุณ : Infighter - [ 12 มิ.ย. 52 00:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ว่าจะเข้ามาอ่าน ลบทำไม? เดี๋ยวโทรไปถามเอาก็ได้ จากคุณ : กระเทยชายแดน - [ 12 มิ.ย. 52 00:07:16 ]

ความคิดเห็นที่ 120 S O T U S = เผด็จการ ถ้าจะแย้งลองบอกมาว่าส่วนไหนมันเป็นประชาธิปไตยบ้าง แค่กฏ 2 ข้อแรกของการรับน้องนั่นก็ผิดแล้ว  การสั่งสอนยอมจำนนต่ออำนาจที่ละเมิดสิทธิของตนเองโดยผู้ที่เข้ามาก่อนหรือโตกว่า มากกว่ากฏของมหาวิทยาลัย แค่นี้ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว เบื่อข้ออ้างเรื่องรับน้องแล้วทำให้รักพวกฟ้อง  รับน้องแล้วดำรงชีวิตในสังคมที่โหดร้ายได้  อ้างกันมาเป็นสิบๆปี พวกที่ผ่าน S O T U S แล้วล้มเหลวในชีวิตเยอะแยะไม่เอามาพูดบ้าง จากคุณ : zombieman - [ 12 มิ.ย. 52 00:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เอ่อ....ไปกันใหญ่แระ เพิ่งจะเข้ามาดู.... กรุณาไปทำความเข้าใจคำว่า SOTUS กันให้ลึกซึ้งอีกครั้งนะคะ และเราก้อไม่ได้บอกด้วย ว่าระบบ SOTUS จะทำให้เป็นคนดี เราบอกว่า ระบบจะช่วยขัดเกลา ให้เรารู้จักการเข้าสังคมมากขึ้น และเราก้อไม่ได้ให้ความหมายคำว่า Connection = การใช้เส้นสาย คำว่า connection ของเรา หมายความว่า network เวลาเรามีงานอะไร อยากจะหาคนมาทำงานนี้ให้ หรืออยากได้อะไรซักอย่าง การรู้จักคนเยอะ หรือรู้จักคนในวงการ จะช่วยทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น ใช้เวลาน้อยลง ประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น การทำงานที่เราพูดถึง เราเข้าใจดีว่างานทุกงาน มี character ต่างกัน งานบางอย่างมีเจ้านายโดยตรง งานบางอย่างคุณเป็นนายตัวเอง อย่างไรก็ดี ในทุกๆ งาน เราต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่น ถึงเรียนจบมาเป็นดอกเตอร์ เป็นคนทำวิจัย เขียนบทความร้อยล้าน ยังงัยๆ ก้อต้องพึ่งพาใครซักคนอยู่ดี มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราอยู่คนเดียวไม่ได้ค่ะ ดังนั้น การทำงานที่เราพูดถึง เราหมายถึงการใช้ชีวิต (เพื่อหารายได้) ร่วมกับผู้อื่น ไม่ต้องเจ้านายสั่งก้อได้....สมมติว่าเป็นลูกค้า ซึ่งจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่... ลูกค้าบางราย....ชั้นต้องการเดี๋ยวนี้...ไปหามาให้ได้ ถามหน่อยเถอะ...จะไม่ทำให้เค้าเหรอ? อ๋อ....ไม่ทำใช่มั้ย? งั้นชั้นไปใช้บริการคนอื่นก้อได้...อ้าวซวยสิพี่น้อง นั่นเป็นธรรมชาติของงานที่ทุกคนต้องยอมรับ เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ เราหมุนโลกก้อไม่ได้ เพราะโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา โลกหมุนรอบตัวเอง เคยเห็นต้นหญ้ามั้ย? เวลามีพายุมา ต้นหญ้าไม่เคยล้ม แต่ต้นไม้ใหญ่ ยืนต้นต้านลม โดนพายุแรงจนรากถอนไป เหมือนกัน...จะเลือกเป็นต้นหญ้า หรือจะเป็นต้นไม้ใหญ่ก้อสุดแท้แต่ตัวเองละกัน บางครั้ง การที่บางท่านไม่เคยอยู่ในระบบ SOTUS ไม่เคยเข้าใจว่ามันคืออะไร แล้วบอกว่า ชั้นไม่ได้ผ่านระบบนี้ ชั้นก้อทำงานได้ดี ท่านอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เรากำลังพูดถึง เราพยายามจะบอกว่า ระบบจะช่วยขัดเกลาที่คนกระด้างให้บางลง คนที่ดีอยู่แล้ว ก้อจะยังดีอยู่อย่างนั้น เฮ้อ....อธิบายไปก้อเหนื่อย ถ้าใจมีอคติ บางครั้งอาจจะทำให้เราพลาดสิ่งดีๆ หลายอย่างไป โดยไม่รู้ตัวเลยก้อได้นะ จากคุณ : Don't Believe What U See - [ 12 มิ.ย. 52 00:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 122 กระบวนการขัดเหลาทางสังคมนั้นมีหลายอย่างและมีมาเป็นพันๆปีแล้ว Sotus เพิ่งเกิดมาไม่กี่สิบปีมานี่เอง แสดงว่าแม้ไม่มี Sotus สังคมก็สร้างคนที่ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้มากมาย จากคุณ : zombieman - [ 12 มิ.ย. 52 01:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เราไม่รู้หงะ ยังไม่เข้ามหาลัย แต่ที่รร.ที่เราเรียนอยู่มันก็มีระบบคล้ายๆนี้เหมือนกัน (คิดว่าใช่ะล่ะนะ) ซึ่งปัจจุบันเริ่มจะเสื่อม มาเสื่อมแถวๆรุ่นเรานี่ล่ะ ในความคิดเรา เราว่าระบบนี้ดีนะ ถ้าไม่พูดถึงการรับน้องที่รุนแรงซึ่งไม่สมควรอย่างมาก มันทำให้รุ่นน้องกับรุ่นพี่ได้มารู้จักกัน ทำให้รุ่นน้องได้รู้ความเป็นมาของสถาบันและภูมิใจในที่ที่ตัวเองเรียน ทำให้รุ่นน้องเคารพรุ่นพี่ เคารพอาจารย์อย่างที่รุ่นพี่ก็ทำกันมา เราคิดเหมือนคห.บนๆว่ารุ่นพี่บางคนก็ไม่ได้น่าเคารพ อาจารย์บางท่านก็ไม่ได้น่านับถือ แต่เราก็ควรจะมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ เราอาจจะหัวโบราณ แต่สังคมไทยเป็นแบบนี้ วัฒนธรรมเราไม่เคยสอนให้แสดงท่าทางดูหมิ่นคนที่สูงวัยกว่า ไม่ว่าคนๆนั้นจะน่าดูหมิ่นแค่ไหน ตอนนี้ระบบนี้ได้ค่อยๆเสื่อมไปจากรร.เรา เห็นได้จากความไม่เอาใจใส่ีในการมีพี่น้องรหัส รุ่นน้อง อย่าว่าแต่รุ่นพี่เลย กับอาจารย์ก็กลั่นแกล้ง หัวเราะเยาะ ท้าทายต่อหน้า ไม่มีความเคารพสักนิด เวลามีกิจกรรมรร.ที่อาจารย์มอบหมายให้รุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง รุ่นพี่ก็ออกคำสั่งให้รุ่นน้องทำอะไรไม่ได้ เพราะรุ่นน้องไม่เชื่อฟัง หลายคนอีโก้จัด มั่นใจมาก ทำทำไมพี่ ทำไมพี่ไม่ทำเอง โหยพี่ ไร้สาระอ้ะ หัวข้อน่าเบื่อมากพี่ มันเหนื่อยนะ กลับบ้านก่อนนะพี่ ฯลฯ เมื่อระบบนี้ไม่มีก็ไม่สามารถรวมใจให้น้องมีใจช่วยกันทำงานได้ นอกจากจะออกคำสั่งบังคับกันไปเลย เรื่องการมีเส้นสาย เราว่าทำอย่างไร มันก็ต้องมีอยู่ดีแหละ สมมติว่าคุณรู้จักกับเพื่อนคนนึงในสำนักงานที่ต้องการติดต่อ คุณจะอุดมการณ์จัดจนค่อยๆไปต่อคิวยื่นเอกสาร นั่งลุ้นว่ามันจะผ่านมั้ยหนอ หรือโทรศัพท์หาเพื่อนว่าวันนี้จะไปยื่นนะ เดี๋ยวเข้าไปให้ในออฟฟิศได้มั้ย ยังไงถ้ามีเส้นมันก็ง่ายกว่าไม่มี พอดีว่าเราไม่ได้เป็นคนอุดมการณ์จัด ถึงเราจะลืมตาดูโลกมาน้อย แต่เราเห็นการใช้เส้นมาเยอะพอควร ถ้า "รู้จัก" ทุกอย่างก็สบาย เราปฏิเสธความจริงไม่ได้หรอก และมันแก้ไม่หาย มันอาจจะไม่ใช่ทุกอย่าง แต่มันทำให้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เราก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะแก้ระบบเส้นกันยังไง เราว่ามันแก้ยากนะ คนมีเพื่อนก็อยากช่วยเพื่อน อะไรแบบนี้ ทำไมมันออกประเด็นไปไกลล่ะหนอ เอาเป็นว่า การเคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง ผู้อาวุโส เป็นสิ่งที่ดี แต่การรับน้องแบบทารุณนั้นแย่มาก สอนให้รักสถาบัน ภูมิใจในสถาบัน แต่ไม่ได้แปลว่าต้องไปข่มทับคนอื่นเขา จบค่ะ จากเด็กวัยรุ่นคนนึง ขอออกความเห็นหน่อยเน้อ จากคุณ : เจ้าหญิงจากความมืด - [ 12 มิ.ย. 52 01:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 124 มหาลัยผม งานรับน้องรวมจะแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ โดยสโมสรนักศึกษาจะแบ่งเฟรชชี่ให้แต่ละกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีหน้าที่ดูแลเทคแคร์น้องๆและพาไปทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งของสโมและของกลุ่ม ของคณะผมเอง ก็เป็นกิจกรรมที่เป็นแนวทางเดียวกัน คือเน้นสร้างความประทับใจให้น้อง มากกว่าที่จะไปบังคับ หรือสร้างกฏขึ้นมาบังคับกัน กิจกรรมแบบนี้มีมาเกือบจะสามสิบปีได้แล้วครับ ทั้งๆที่พี่แต่ละรุ่นไม่ได้บังคับน้องเลย ว่าต้องมาช่วยงานของปีหน้านะ เป็นประเพณีที่ทุกๆคนต้องทำนะ ทุกๆปี น้องๆ จะกลับมาช่วยงาน มาทำงานรับน้องของปีถัดไปด้วยใจจริงๆ ไม่ได้โดนบังคับมา รวมทั้งรุ่นพี่หลายๆคนทั้งที่เรียนอยู่และจบไปทำงานแล้วก็ยังกลับมา บางคนนี่เป็นรุ่นน้าเลย มีลูกโตแล้ว ก็ยังกลับมาช่วยกลุ่ม ผมชอบกิจกรรมแบบนี้มากกว่านะ ไม่จำเป็นต้องรุนแรง ไม่จำเป็นต้องล้างสมอง ใช้ใจทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มันไมได้มีวิธีเดียวที่จะทำให้น้องๆเป็นหนึ่งเดียวกันครับ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใชิวิธีไหนเท่านั้นเอง โซตัส ไม่จำเป็นครับ ไม่ได้ช่วยทำให้เข้าสังคมดีขึ้นด้วย ถ้าจะช่วย ก็คงช่วยในเรื่องการเข้าสังคมคนทำงาน "ของบุคลากรที่ผ่านระบบมาในรูปแบบเดียวกัน" นั่นแหละครับ จะว่าผมแอนตี้ก็ใช่แหละครับ เพราะเท่าที่เจอมา ฟังเค้าเล่ามา โดยเฉพาะคุณพ่อผม ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ผ่านระบบนี้มาและเห็นด้านมึดของระบบนี้มาด้วย ผมขอเลือกที่จะปฏิเสธมันดีกว่าครับ เพราะประโยชน์ที่คุณว่าๆกันมา มัน"สามารถฝึกกันได้ด้วยวิธีอื่นที่ดีและเข้าท่ากว่าโซตัส" ครับ อ้อ พ่อผมบอกว่าเพื่อนที่หัวอ่อนๆ ที่เรียนด้วยกันมาตลอดคนนึง เข้าไปเจอโซตัส กระด้างขึ้นนะครับ ถึงขนาดโดนไซโคให้แบนพ่อผม ซึ่งเกรดตกเพราะการรับน้องในระบบโซตัสมันหนักเกินจนร่างกายเพลีย เรียนไม่ไหว เลยตัดสิ นใจไม่ไปเข้าร่วม ดังนั้นผมว่าทำให้คนกระด้างน้อยลงมันก็ไม่ใช่ล่ะจุดนึง แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 52 02:02:29 จากคุณ : gudome - [ 12 มิ.ย. 52 02:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา มีโลภ โกรธ หลงอยู่ในตัว จะเอาบรรทัดฐานไหน ไปตัดสินแทนรุ่นน้องว่า อะไรถูกอะไรผิด  เรื่องแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่เขาปลูกฝังลูกๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จากคุณ : Christian Chang - [ 12 มิ.ย. 52 03:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 126 มาช้ามาไม่ทัน ไม่ได้อ่าน ว่าพี่หนุ่ม ว่าอะไรบ้างอะ จากคุณ : asukichang - [ 12 มิ.ย. 52 07:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 127 แต่ ณ ปัจจุบัน คอนเนคชั้น คือ การใช้เส้นสาย หลายๆคน ผมคิดว่าอาจจะเกี่ยวไรด้วยแต่เนื้อหา ข้อความที่หลายๆท่านพิมพ์มาและคนที่ แนะนำมันเอนเอียง ไปทางเส้นสาย ไม่ใช่ เนคเวิค อย่างที่เนคเวิค นั้นไม่จำเป็น ที่จะต้องมีระบบอะไรมาผ่านเลย แค่มนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่ายแค่นี้ก็สามารถติดต่อได้แล้วครับ เมื่อคำว่า Sotus ถูกนำเข้ามาใช้ในมหาลัยสิ่งแรกคือ รุ่นพี่ กับ รุ่นน้อง นั้นแหละ ลองดูครับ เดี๋ยวนี้ไปสมัคร งาน เจอรุ่นพี่อยู่ในที่ทำงานก็ จะใช้เส้นรุ่นพี่ ซะส่วนใหญ่ บางครั้ง ก็อาจเป็นการใช้เส้นสาย เพื่อน ก็ได้จริงไหมครับ ระบบทุกระบบ มีข้อได้ และ ข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่า คนๆนั้นนำไปใช้ในทางที่ถูกหรือผิดเท่านั้นครับ จากคุณ : pasta_popcorn - [ 12 มิ.ย. 52 08:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 128 โซตัสก็ไม่ได้เป็นระบบอะไรหรอกค่ะ คือจะบอกว่าไม่เอาก็ใช่อะเนอะ อย่างที่บอกไป คห บนๆว่า เราเรียนกศน. กับตอนนี้อยู่มหาลัยเปิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเครือข่าย หรือ อยู่ตัวคนเดียว อันที่จริงตอนม.ต้นน่ะเราเนี่ยตัวดีเลย อยู่กองร้อยพิเศษ โดนรับน้อง(หรือเปล่า) เอาเป็นว่า ฝึกความอดทนล่ะกัน แล้วต่อมาพออยู่ ม.2-3 ก็ไปเล่นกับรุ่นน้องต่อ เรื่องดีๆก็มี เพื่อความสะใจก็มี ประเภทว่า ร้องเพลงเต้นกันนะ แต่ก็ไม่ถึงกับบังคับ แค่ใครสมัครใจมาร้องรำทำเพลง เต้นรำ รวมทั้งเรื่องแย่ๆ ก็เชิญ แต่เรื่องดีๆก็มีอย่าง วันพ่อวันแม่วันเด็ก ก็พาน้องๆลูกเสือ เนตรนารี ไปบำเพ็ญประโยชน์ที่สนามหลวงมั่ง สนามศุภบ้าง น้องเดินผ่านก็ไหว้ก็เคารพ พอผ่านมาระยะหนึ่งโตขึ้น ทำงานจริง สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์เข้าสังคม แต่ไม่ได้ช่วยเกื้อหนุนการงานค่ะ  การมีสัมมาคารวะ การอดทนในการทำงาน ตรงนี้ได้ครอบครัวสอนมามากกว่า เพราะแต่เด็กเองเวลาเดินผ่านผู้ใหญ่หรือครูก็จะนอบน้อมอยู่แล้ว นิสัยพวกนี้เลยติดมา ทำให้เวลาเข้าหาผู้ใหญ่เราจะยิ้มไว้ก่อน การติดต่อทุกอย่างเลยง่ายน่ะ เลคเชอร์ก็ยืมเพื่อนบ้าง และแจกจ่ายบางส่วนให้รุ่นน้องไป ชีทสรุปก็ทำเผื่อแผ่คนอื่น ไปติวให้เพื่อน ติดต่อหน่วยงานขอไปสังเกตการณ์(ไปในฐานะผู้สนใจ ไม่ได้ลงในนาม นศ.มหาลัย) ถ้าถามว่า งานที่กำลังจะทำต้องใช้มนุษยสัมพันธ์มากไหม ตอบเลยว่า มาก เพราะต้องทำในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจิตใจของคน และเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้เราสนใจเรื่องของเด็กเร่ร่อน ด้อยโอกาสอยู่ ก็กำลังติดต่อหน่วยงานที่ช่วยเหลือเพื่อลงไปเก็บข้อมูลอยู่ การเข้าไปมีมนุษยสัมพันธ์กับเด็กกลุ่มนี้ เราเองก็มองแล้วว่ามันไม่ง่ายเลยนะ ที่จะให้ได้รับการยอมรับได้ เพราะถ้าทำผิดพลาดมันจะมีอคติได้ ดิฉันเรียนจิตวิทยา ไม่มีบทเรียนไหนสอนว่าให้ โซตัส แล้วจะได้ผลลัพธ์ฝึกความอดทนหรือแก้ไขพฤติกรรมแย่ๆค่ะ  มีแต่ให้เสริมสร้างสิ่งดีๆทางบวก และยอมรับในความแตกต่างแต่ละคน ไม่ใช่ปรับให้ทุกคนเหมือนกันหมด ที่จริงเสริมแรงทางลบก็มีแต่ไม่ใช่ประเภทโซตัสค่ะ  และดิฉันก็ไม่คิดว่าจะนำวิธีการโซตัสไปช่วยคนอื่นด้วย แม้ว่าหลายคนจะออกมากล่าวว่า เฮ้ย มันดีจริงๆนะ เนี่ยทำแล้วคุณได้อะไรอีกเยอะเลย  ไม่ใช่เพราะมันไม่มีตำรา แต่เพราะมันรุนแรงเกินไป คนที่รับไม่ได้ก็มีแล้วเรื่องอะไรที่ดิฉันจะเลือกทางที่เสี่ยงแบบนั้นล่ะ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 52 11:51:19 จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 12 มิ.ย. 52 09:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 129 อยากให้กิฟท์ 37 นึกแล้วว่าถ้ามีสมองคงทำไม่ได้ขนาดนี้แน่ๆ แล้วกลอนน่ะครับ จุดประสงค์มันจะเพื่อจรรโลงใจ เพื่อพรรณนา เพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่มีหรอกครับ เพื่อจุดประสงค์ที่จะตอกย้ำความชั่วของตน และบังคับรุ่นน้องให้รับช่วงความชั่วนั้นต่อไป ตามหลักจิตวิทยาผมว่าเขาเข้าใจถูกอยู่เรื่องครับ "เดน" จริงๆ พยายามหาคุณค่าในตัวเอง เพื่อให้ใครๆยอมรับแต่มันไม่มีไง แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 52 10:51:44 จากคุณ : lARtZnolASt - [ 12 มิ.ย. 52 10:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 130 SOTUS เป็นระบบที่จะช่วยขัดเกลา ให้เรารู้จักการเข้าสังคมมากขึ้น <<< รู้จักคนที่ผ่านระบบนี้มา เวลาไปปาตี้คนเยอะ พร้อมใจกันไปสามัคคีมาก เวลาเดือดร้อน ไม่เห็นมีใครมาช่วย เพื่อนก้อไม่จริงใจ ไม่ได้พูดเองนะ เจ้าตัวก้อพูดอยู่ ดิฉัน ผ่านระบบถนอมน้องมาค่ะ เหมือนคุณ gudome จน ณ. ปัจจุบัน ยังไปร่วมวงรับน้องอยู่เลย ยังมีทานข้าวที่มหาวิทยาลัยกับเพื่อน ๆ ในรุ่น และน้อง ๆ และยังคิดถึงกิจกรรมดีดี ที่ทำร่วมกัน ไม่ว่าจะออกค่าย รับน้อง รับขวัญน้อง ติวน้อง ฯลฯ ดิฉันจึงรู้สึกว่าไม่ว่าระบบไหนก้อ ขัดเกลาชีวิตในสังคมได้ทั้งนั้นแหล่ะค่ะ (สังคมในมหาวิทยาลัย) ขึ้นกับตัวบุคคลด้วย การจะทำให้คนรักกัน ใช่ต้องรุนแรงใส่กัน ตะโกนด่า ว๊ากกก ๆๆ แล้วมาพูดที่หลังที่พี่ทำ พี่รักน้อง ๆ นะพูดให้ซึ้งให้กินใจ แล้วก้อร้องไห้กอดกัน ทำไมไม่ข้ามขั้นตอนรุนแรงไปเลย คนจะรักกัน จะสามัคคีกันต้องทำสิ่งดีดีด้วยกันสิค่ะ หวังดีต่อกันไม่ใช่เหรอค่ะ? หรือแค่เอาซึ้ง? ยอมรับค่ะ อธิบายยังไง ดิฉันก้อไม่เข้าระบบ SOTUS จริง ๆ ^^ จากคุณ : ตัวป่วน (GunOey) - [ 12 มิ.ย. 52 10:47:50 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ทำไมลบกระทู้ต้น ๆ ทิ้งหมดเลยล่ะครัับ จากคุณ : Riding Spirit - [ 12 มิ.ย. 52 11:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ผมก็ เรียน และทำงาน จากที่ที่ เคยเกือบ เป็นอุเทนถวายสอง แต่โชคดีที่       ไม่ได้รับมา เพราะปีแรกที่มีข่าวว่าอุเทน จะย้ายมาที่นี่ ก็มีเด็กนักเรียน ช่างกล มาไล่ตี จนมีคนตาย 1 คน  ทุกปีที่มีการรับน้อง โดยเฉพาะช่วงนี้ ผมจะกำชับให้รุ่นพี่ ดูแลน้อง มีระบบโซตัส แต่ให้ อยู่ในขอบเขต กา่รรับน้องให้ ปี 2 เป็นคนรับผิดชอบ โดยให้ ปี 3 ปี 4 และปี 5 คอยดูแล ถ้า ปี 2 ทำผิดพลาด ปี 3 จะตักเตือน และทำการซ่อม รุ่นพี่ ทั้งรุ่น ให้น้องเห็น หากปล่อย ละเลยไป ปี 4 และ ปี 5 จะซ่อมปี 3 ทั้งรุ่น ละที่สำคัญ หลังรับน้อง ทุกเย็น จะมีการประชุมประเมินว่า วันนี้ได้ทำอะไรไปบ้าง จะชี้แนะให้ดูปัญหา และ ให้เขาภูมิใจ ในสถาบัน สิ่งเขามองผ่าน ไป ให้เขาได้เหลียวมาดู และพิจารณา สิ่งที่ได้ทำไป แต่จะปล่อย ตามใจมากไม่ได้ ของผม ไม่โหด แต่เหนื่อย นำเกมส์ มา เป็น ตัว เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างน้อง มีหนักมีเบา แต่ที่สำคัญคือกำลังใจ ทุกอย่างที่พี่ทำ เมื่อน้องถามเราต้องให้เหตุผลได้ บางอย่างจะทำอะไรให้พี่ทำไปพร้อมน้อง น้องทำได้พี่ก็ต้องทำได้ จากคุณ : ถาปัตย์ ราชมงคลศาลายา (ไม้โมก) - [ 12 มิ.ย. 52 14:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 133 น่าจะลองรับน้องแบบทหารดูบ้างนะครับ จะได้รู้ว่า  มันส์ขนาดไหน SOTON   SOTUS ไม่มีหรอก  มีแต่ SONG-TEEN แต่ก็สามารถทำใหคนรักกันได้  มันอยู่ที่คน จากคุณ : Teanarm - [ 12 มิ.ย. 52 15:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ู^ ^ ^ คห .133 ครับ จะเชื่อไหมถ้าบอกว่า   รร นายร้อย ไม่มีการรับน้องครับ จากคุณ : ชาร้อน~ชาเย็น - [ 12 มิ.ย. 52 15:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 135 พอดีไปเจอมา แต่ผมไม่เห็นด้วยนะ กับความเห็นต่อระบบ SOTUS แบบนี้ S มาจากคำว่า Stupid หรือ 'โง่' ระบบห้องเชียร์ช่วยให้นิสิตโง่มากขึ้น เพราะทำลายเซลล์ในสมอง และความสามารถในการคิดเองเป็น แถมกิจกรรมต่างๆ ที่ทำในห้องเชียร์ถูกกำหนดว่าต้องเป็นเรื่องโง่ๆ ด้วย ห้ามเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต้องวิ่งไปวิ่งมา ขังรุ่นน้องในห้องโดยปิดประตูหน้าต่าง และไม่เปิดแอร์ ทำถูกก็โดนด่า ทำผิดก็โดนด่า ไม่ทำก็ด่า ทำก็ด่า ทำไปทำมาทั้งรุ่นน้อง และรุ่นพี่โง่กันอย่างสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำกิจกรรมเสร็จแล้วออกมาจากห้องก็ต้องไหว้รุ่นพี่อีก ถ้ารุ่นพี่สั่งให้ไหว้หมา 'เพื่อความสามัคคี' ก็คงต้องไหว้มั้ง? แถมเรียนจบก็นำความโง่ไปใช้ในสังคมภายนอก หมอบคลานกราบไหว้สิ่งที่ไม่ควรกราบ ไม่ต้องใช้สมองคิด สังคมจะได้โง่ ระบบ ห้องเชียร์ และ SOTUS มันน่าจะเป็นฝันร้ายจากอดีตที่ไม่เป็นจริง แต่ทุกวันนี้ ในหมู่คนหนุ่มสาวที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มชั้นนำ (Cream of Thai Society) มันเป็นความจริง และแย่ยิ่งกว่าฝันร้ายอีก สรุปแล้วโคตรโง่เลย ! O มาจากคำว่า Out-Dated ซึ่งแปลว่า 'ล้าสมัย' ความล้าสมัยของระบบห้องเชียร์ และ SOTUS ดูได้จากการที่มีการยกเลิกระบบนี้เองโดยนักศึกษาไทยในยุค 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเป็นยุคตื่นตัวทางสังคมของนักศึกษา ในยุคนั้นเริ่มมีขบวนการนักศึกษาที่ปฏิเสธความโง่ และความป่าเถื่อนของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ประเพณีต่างๆ ที่พวกพี่ๆ โง่ นำมาใช้ในสมัยเผด็จการทหารก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก และถูกยกเลิกไป แต่ ปรากฏว่าตอนนี้เกือบ 30 ปีผ่านไป สังคมนักศึกษาก็ยังจมอยู่ในความโง่ของอดีต สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก แต่เพราะชนชั้นปกครองไทยอยากให้โง่ต่างหาก ดังนั้นเมื่อนักศึกษาเริ่มคิดเองเป็น และเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมหลังสมัย 14 ตุลา ชนชั้นปกครองกลัวว่าจะปกป้องอภิสิทธิ์ไม่ได้ จึงมีคำสั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และมีคำสั่งตามมาให้เผาหนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุด ต่างๆ ด้วย ในยุคโลกาภิวัตน์ ใครๆ เขาพูดกันว่าพลเมืองต้องมีส่วนร่วมในการปกครอง ต้องร่วมตรวจสอบผู้แทน ต้องมีประชาธิปไตย ต้องคิดเองเป็น และมีการเสนอมานานว่าควรปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนานักศึกษา แต่ในหมู่นิสิตรุ่นต่างๆ ที่บ้าคลั่ง SOTUS การเปลี่ยนแปลงในโลกภายนอกคงไม่มีความหมาย น่าสงสารไม่มีสมองก็คิดเองไม่เป็น แล้วคงไม่รู้จักเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ T ย่อจาก Tyranny ซึ่งแปลว่า 'การใช้เผด็จการกดขี่ผู้อื่น' ระบบ SOTUS ใช้วิธีการไร้สาระของการกดขี่เพื่อความไร้สาระ และเป็นระบบที่นำมาหนุนความคิดแบบอำนาจนิยมกราบไหว้ในสังคมภายนอก แต่เราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ของเราเอง ในปี 2475, 2516 และ 2535 มวลชนชาวไทยรวมตัวกันล้มระบบเผด็จการ และชนะ ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษา รุ่นใหม่ต้องการล้มเผด็จการของห้องเชียร์ และรุ่นพี่ ก็คงต้องเรียนบทเรียนจากอดีต คนหนุ่มสาวไทยสามารถล้มเผด็จการได้ และเคยยกเลิกระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในจุฬาฯ ด้วย แต่ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องรวมตัวกันปฏิเสธความโง่ แล้วพวกรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้าก็จะกลายเป็นมนุษย์น้อยที่น่า สงสารเท่านั้นเอง ดีไม่ดีเขาอาจไหว้เราเป็นการขอบคุณก็ได้เพราะเราสามารถปลดแอกความโง่จากเขา ได้ สิ่งที่สำคัญคือ นิสิตต้องทำเอง ไม่ใช่ไปหวังว่าคนอื่นอย่างผมหรือใครที่ไหนจะทำให้ อย่าลืมว่าคนสามารถเอาแอกออกจากควายได้ แต่เนื่องจากควายเอาแอกออกเองไม่ได้ ควายจำต้องเป็นทาสของมนุษย์ตลอดกาล U มาจาก Uncivilized ซึ่งแปลว่า 'ป่าเถื่อน' ไม่มีอารยธรรม การใช้อำนาจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง การทำกิจกรรมไร้สาระ การตะโกนในทำนองว่า "คณะกูดีกว่าคณะ..." การทำลายความเป็นปัจเจกมนุษย์ และการทำลายมันสมองที่จะคิดเอง ล้วนแต่เป็นความป่าเถื่อนไร้อารยธรรม แม้แต่สัตว์ในป่ายังมีอารยธรรมมากกว่าพวกบ้า SOTUS เพราะสัตว์มันคิดเองไม่เป็นตามธรรมชาติเรายกโทษให้มันได้ แถมมันไม่มีวันจงใจโง่หรือแกล้งคนอื่นเหมือนพวกนิสิต SOTUS รู้ไหมว่า ระบบ SOTUS นี้คนไทยเอามาจากไหน? ลองคิดดูว่าที่ไหนไร้อารยธรรมที่สุดในโลก คนกลุ่มไหนกำลังทำตัวเป็นอันธพาลระดับโลกาภิวัตน์จนเกิดการเกลียดชังกันทั่ว ทุกแห่ง คนกลุ่มไหนพร้อมจะกอบโกยขณะที่คนยากจนอดอยาก คนกลุ่มไหนฆ่าเด็กในนามของเสรีภาพ .... ใช่ครับ ระบบ SOTUS มาจากส่วนบนของสังคมสหรัฐอเมริกาที่ล้าหลัง และไร้อารยธรรมที่สุด พวก 'รักชาติไทย' ทั้งหลายว่าอย่างไรครับ? จะเดินตามก้นสหรัฐเหมือนคนกวาดมูลต่อไปไหม? S ตัวสุดท้ายมาจากคำว่า Stop It - 'เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระ' เลิกเถิดเรื่องการกดขี่กันเองในหมู่นักศึกษา เลิกตะโกนบ้าๆ เพื่อเชียร์สิ่งที่ไม่น่าเชียร์ เลิกภูมิใจ และเคารพกราบไหว้ในสิ่งน่าเบื่อย่ำแย่ เลิกกลัวที่จะขัดคำสั่งรุ่นพี่ รุ่นพี่เลิกกลัวที่จะไม่ทำตามประเพณีโง่ๆ ต่อไป.... เขียนโดย: อ.ใจ อึ๊งภากรณ์(อ.รัฐศาสตร์-จุฬา) - ### ผมผ่านระบบนี้มาแล้ว มันทำให้เรารู้จักการแก้ไขปัญหาต่างๆได้ เมื่อเราเข้าไปอยู่ในสังคมที่กว้างใหญ่ที่มากกว่าแค่ห้องเรียน ### จากคุณ : Penthai17 - [ 12 มิ.ย. 52 16:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 136 มันก้อแค่อยากโชว์พาว ว่า "เฮ้ย กรูรุ่นพี่เมิงนะเว้ย" กรูคิดในใจ "รุ่นพี่แล้วไงวะ เมิงฉลาดกว่ากรูนักหนาไง เรียนมากกว่าแค่ปีเดียว" รุ่นพี่ "เฮ้ย เหล้านี่ แดรกเข้าไป กรูซื้อให้กินก้อต้องแดรก" กรูคิดในใจอีก "ไรมันฟละ เรียนก้อยังไม่จบ หาตังก้อยังไม่ได้ เอาตังพ่อแม่มาแดรกเหล้า แดรกเองไม่พอต้องเอามาเลี้ยงน้องอีก :-).." รุ่นพี่ "เฮ้ย เมิงระวังไอ่...... (สถาบันคู่อริ) นะเว้ย มาเรียนต้องพกของมาด้วย" กรูคิดในใจ "ก้อเพราะพวกเมิงนี่แหละสร้างเรื่องเอาไว้ กรูเข้ามาใหม่ ต้องรับกรรมของเมิงหรือไงวะ ไอ้อ่อน" รุ่นพี่ "กรูรับน้องเพราะอยากให้พวกเมิงสามัคคีกัน" (พูดอย่างเท่ห์สัดๆ เลยเมิง) จากคุณ : CherNoByl (CherNoByl) - [ 12 มิ.ย. 52 17:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 137 กรูคิดจากใจจริงๆ เลย "กรูกะพวกรุ่นนี่อยากจะสามัคคีกันรุมกระทืบเมิงมากที่สุดเลยหวะ" จากคุณ : CherNoByl (CherNoByl) - [ 12 มิ.ย. 52 17:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 138 คห. 135 ของ อาจารย์ใจ นี่แรงใช้ได้เลย ถ้าจะมองอย่างเค้า แต่ก็จริงของเค้าอ่ะนะ อันนี้ แล้วแต่คนมอง ว่าจะมองด้านไหนเลยอ่ะ จากคุณ : Nam Tarn Keaw - [ 12 มิ.ย. 52 17:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ระบบเสื่อม ก็เพราะคนทำให้มันเสื่อม..... เพียงแค่แก้ให้ถูกที่ ปัญหาก็จะหมดไปเอง จากคุณ : KwanGnawK - [ 12 มิ.ย. 52 20:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 140 น่าเบื่อ.............ลางเนื้อชอบลางยา จากประสบการณ์ของเรา เราค่อนข้างเห็นด้วยกับกิจกรรมสานสัมพันธ์น้องพี่หรือรับน้องนั่นแหละ แต่มันก็พูดยากนะ ถ้าเจอแต่เรื่องดี มันก็น่าจดจำใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าเจอไม่ดี นอกจากไม่อยากจำแล้วก็ยังอยากด่าต่อด้วย ปล.ทุกอย่างมันต้องมีขอบเขต ของแบบนี้ทุกคนต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช้สักแต่จะติเตียนเื่พื่อความสะใจ หรือ แสดงตัวว่าคิดต่างแต่ไม่เคยที่จะออกความคิดแก้ปัญหาใดๆ อีกหน่อย ระบบที่ดีนะ ต้องสอนให้เด็กรู้จักเคารพสิทธิผู้อื่นไม่ว่าคนนั่นจะเป็นญาติพี่น้องหรือไม่ก็ตาม ต้องรู้จักคำนึงถึงสิทธิที่ตนเองมี และต้องไม่ก่อเรื่องที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน หาดเกิดเรื่องใดๆๆต้องรู้จักร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ใช่ชิ่ง ที่ๆๆของเราสอนกันแบบนี้ต้องรักพี่รักน้อง หากไม่ถูกใจใคร ขออภัย จากคุณ : i_am_alive - [ 12 มิ.ย. 52 22:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 141 บอกตามตรงนะ จากประสบการณ์ของคนที่เพิ่งผ่านการรับน้องมาได้ประมาณ 6 ปีแล้ว ตั้งแต่รับน้องมาจนกระทั่งเรียนจบเนี่ย เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเอื้อประโยชน์ ต่อการใช้ชีวิตตอนเรียนหรือตอนทำงานเลย ไอ้ประโยคที่รุ่นพี่ชอบตะคอกๆใส่ว่า คณะเรามันต้องตัดสินใจรวดเร็ว ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้ ความจำก็ต้องดี ไม่งั้นจะเรียนไม่จบ แล้วก็ให้เราอ่านเพลงเชียร์แค่ 30 วินาที แล้วให้ร้องออกมาเป็นเพลง โอ๊ย อยากจะบอกว่าใครเค้าจะมานั่งอ่านหนังสือกัน 30 วิแล้วจำได้หมดวะ จริงๆแล้วมันเป็นความสะใจของรุ่นพี่มากกว่า ยิ่งทำให้น้องกลัวได้มากเท่าไหร่ยิ่งชอบ อันนี้จากประสบการณ์การเป็นรุ่นพี่มาแล้วหลายปีนะ เป็นพี่ว้ากด้วย ยิ่งว้ากแรงแล้วน้องกลัวยิ่งสะใจ เหอๆ อย่าเถียงว่ารุ่นพี่คนอื่นมันไม่คิดอย่างงี้ มันคิดทั้งนั้นแหล่ะจะบอกให้ แล้วก็อ้างออกมาให้มันสวยหรูว่าเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน แหมเรียนตั้งหลายปี รับน้องไม่กี่วัน ได้สกิลขนาดนั้นเลยเหรอไง โดนรับน้องปุ๊บ สกิลมันสูงทันทีเลยเหรอไง บ้าเรอะเปล่า หรือบางทีก็อ้างว่าได้ความสามัคคี อยากจะบอกว่าความสามัคคี ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันน่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับการรับน้องเลย มันจะสามัคคีกันก็เพราะตอนรับน้อง พอหลังจากนั้นมันก็ตัวใครตัวมัน เรียนไปนานๆก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น จะดีจะเลวอยู่ที่พื้นฐานนิสัย ของแต่ละคนมากกว่า ต่อให้ตอนรับน้องรักกันปานจะดูดปาก พอนานๆไปมีเรื่องขัดผลประโยชน์กัน มันก็ทะเลาะกันอยู่ดี   เราว่าถ้าจะรับน้องก็เพื่อเพิ่มรสชาติชีวิตมหาลัยน่ะ อันนั้นน่ะโอเค เหตุผลฟังขึ้น ถ้ารับน้องแบบไม่รุนแรง ไม่มีการทำร้ายร่างกาย ไม่อนาจาร ทำแบบพอเหมาะพอควร มันก็จะเป็นสิ่งที่สนุก น่าจดจำ ไม่มีใครเค้าด่าหรอก แต่มันก็ชอบมีคนบางจำพวก เอาเหตุผลข้างๆคูๆแบบที่บอกตอนแรกๆมาอ้าง แล้วทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ แล้วทีนี้เป็นไง พอปัญหาเกิดขึ้นแบบนี้ มันแก้ไขยากมั้ย ก็ยาก การจะให้ไปกำจัดคนบางจำพวกนั้น มันจะกำจัดได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแล้ว การสูญเสียมันก็เกิดไปแล้ว แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการยกเลิกใช่มั้ยล่ะ ป้องกันปัญหาใหม่และขจัดปัญหาเก่าได้ดี แล้วยิ่งถ้าเข้มงวดขนาดที่ว่าใครฝ่าฝืนแอบรับน้องโดนโทษหนักด้วยแล้วล่ะก็ รับรองหมดไปแน่นอน แม้ช่วงแรกๆอาจจะทำยากเด็กฝ่าฝืน แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเกิดความเคยชิน แล้วคนรุ่นหลังๆก็จะไม่รู้ว่า มันต้องมีการรับน้องด้วย การรับน้องคืออะไร เด็กรุ่นใหม่ก็คงไม่เข้าใจ มันก็เหมือนระบบแอดมิชชันนั่นแหล่ะ ที่ตอนแรกคนอาจจะไม่ชิน มีการออกมาต่อต้าน แต่เมื่อผ่านไปหลายปี คนเราก็ลืมเลือนกันไป และใช้ระบบนี้จนเป็นความเคยชิน ดังนั้นหากไม่อยากสูญเสียประเพณีนี้ไป ก็คงต้องรับน้องกันอย่างสร้างสรรค์ แรงแบบพอดีๆ จากคุณ : kurapik - [ 13 มิ.ย. 52 01:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ที่สถาบันเราก็ใช้ระบบ SOTUS นะ แต่ไม่รุนแรงค่ะ แค่ให้เคารพกันก็พอค่ะ *แก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 52 11:47:03 จากคุณ : Strawberry 59 Baht - [ 13 มิ.ย. 52 11:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 143 เด็กอุเทนยังกราบไหว้ รั้วสถาบันอยู่รึเปล่าครับ สมัยก่อนจำได้ว่าใครเดินเอามือลูบรั้ว จะโดนเช็ค เห็นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว มีพวงมาลัยมากราบไหว้ตลอด ไม่เข้าใจว่าเป็นความเชื่ออะไร หรือมีที่มายังไง จากคุณ : gamete - [ 13 มิ.ย. 52 14:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 144 เราอยู่ข้างๆ อุเทน บอกตามตรง กลั๊ว กลัว แต่เดี๋ยวไม่ค่อยได้เดินผ่านแล้ว กลับรถปอพ ถ้าเดินผ่านทีไรนี่เสียวสันหลังทุกที T^T ไม่ได้กลัวเค้าจะมาตีเรานะคะ แต่กลัวโดนลูกหลงอ่ะ มีอยู่วันนึง เราเดินผ่านอุเทนตอนเช้า แล้วเห็นตำรวจเยอะมากกกกกกก คือหลายสิบ และก็เห็นเด็กอุเทนเยอะมาก เราละใจแป้วเลย .. สรุป วันนั้นคือวันสถาปนา.. เรามีปสกที่ไม่ดีกับเด็กช่างเยอะค่ะ แบบมาขึ้นรถเมล์เดียวกับเรา แล้วดันไปเจอคู่อริ เริ่มจาก ตะโกนด่า > ท้าให้สู้กัน > สู้กันจริงๆ > หนีตำรวจ บอกตรงๆ เรากลัวตายอ่ะ จากคุณ : lic0ricez* - [ 13 มิ.ย. 52 16:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 145 อุ๊ยเราเพิ่งเห็นคห.72 อ่ะ แต่เราจะบอกว่า คณะเรา ภาคเรา ไม่มีระบบ SOTUS เลยอ่ะค่ะ.. แล้วเราก็เกลียดมากด้วย.. เราภูมิใจกับคณะเรามาก เราอยู่วิทยาศาสตร์นะคะ ซึ่งการที่ไม่มี SOTUS มันก็ถูกอยู่แ้ล้ว เพราะวิทยาก็คือคณะที่ใช้เหตุ และผล เราไม่คิดว่า SOTUS มันเป็นเหตุผลตรงไหน.. เราก็ไม่รู้นะคะว่า SOTUS เค้าทำอะไรกันบ้าง แต่เท่าที่เพื่อนเราเล่าให้ฟังจากวิทยา มหาลัยอื่น ก็จะให้ท่องทุกอย่างเกี่ยวกับมหาลัย ให้ลุกขึ้นตอบแทนเพื่อน แล้วก็มีละครน้ำเน่าที่ปี 4 ยึดรุ่นปี 3 แล้วก็ยึดปี 2 ต่อมาเรื่อยๆ แบบนี้เปล่าคะ? เราไม่เคยท่องประวัติมหาลัยเลย.. เคยอ่านมาบ้างก่อนที่จะได้เข้ามาที่นี่ แต่เราก็พูดได้เต็มปากเหมือนกันค่ะ ว่าเรารักจุฬาฯ เรารักจุฬาฯ ที่ให้อิสระกับเรา ให้โอกาสกับเรา นึกขอบคุณจริงๆ ที่คณะเราไม่มี SOTUS ไม่งั้น เราก็คงเป็น 1 ในคนที่ร่วมล้ม SOTUS 555 หรือไม่ก็อาจจะซาบซึ้งก็ได้แฮะ.. ไม่รู้เหมือนกัน.. edit จัดย่อหน้า ค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 52 16:25:36 จากคุณ : lic0ricez* - [ 13 มิ.ย. 52 16:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 146 หึหึ  ขอเพิ่มเติม คห.72 เราผ่านระบบ SOTUS มาเหมือนกัน  ตอนนี้เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว เรียนต่อแล้ว   เราเข้าใจระบบ SOTUS และเราก็คิดว่าคนอื่นก็เข้าใจ SOTUS อยู่แล้วในการดำรงค์ชีวิต แม้ว่าไม่ต้องผ่านการรับน้อง ห้องเชียร์ ห้องว้าก หรือแม้กระทั่ง "เรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย...เหมือนคุณ" เราว่าคุณนั่นแหละ ที่เข้าใจระบบ SOTUS คาดเคลื่อน และไม่ดีพอ ซึ่งหมายถึง คุณเอาไปเชื่อมโยงกับการรับน้อง ห้องเชียร์ และห้องว้าก เลยไปถึงความเป็นรุ่นพี่และรุ่นน้อง อ่อ เราจบมาจากสถาบันเดียวกับคุณ เราผูกพันกับจุฬา ได้รู้ได้เห็นอะไรในจุฬามามากกว่า 20 ปี  รับน้องแต่ละคณะ เราได้รู้ได้เห็นมาเกือบครบ ระบบ SOTUS ดีค่ะ  แต่ไม่จำเป็นต้องมาจากการรับน้อง หรือเข้าห้อง ว้าก  และไม่ใช่ว่า ต้องหลับหูหลับตา ทำตาม SOTUS   ลองนึกดูดีๆนะคุณ ระบบนี้พวกเราถูกสอนมาตั้งแต่อนุบาล อ่อ ไม่สิ สอนมาตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนอนุบาลด้วยซ้ำ เคารพผู้อาวุโส รุ่นพี่รุ่นน้อง  มีระเบียบวินัย ประเพณี การมีน้ำใจ ความอดทน อดกลั้น อะไรก็แล้วแต่ ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องเชียร์ รับน้อง มายืนนิ่งๆ ห้ามมองหน้ารุ่นพี่ ฟังเสียงตะคอกด่าใส่หู วันละอย่างต่ำสองชั่วโมง ทำไม่ได้ ก็โดนกดดัน ทำโทษลุกนั่งจนกล้ามเนื้อต้นขาอักเสบ วิ่งๆ เดินๆ ตามคำสั่งอันดุดัน ถูกกดดัน ใครไม่สมัครใจเข้า รุ่นพี่ก็กดดันรุ่นน้อง ให้ไปกดดันเพื่อนให้เข้า เป็นอันว่า เพื่อนเสียเพื่อน เอาตอนห้องเชียร์ (มีนะ อย่าบอกว่าไม่มี...แค่เริ่มแรก คุณก็ทำให้น้องๆผิดใจกันแล้ว) รับน้องแบบห้องเชียร์ ห้องว้าก มันไม่จำเป็น ความรัก ความสามัคคี การเคารพรุ่นพี่ การรักรุ่นน้อง การรักเพื่อน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว  ทุกๆอย่างที่อยู่ใน SOTUS สามารถเกิดขึ้นได้ จากกิจกรรมอื่นๆที่สร้างสรรค์กว่าเข้าห้องเชียร์ เข้าห้องว้าก  ให้รุ่นพี่มาตะคอกใส่ connection ที่คุณพูดถึงตอนนี้เรามีมากมายทั้งจากรุ่นพี่ รุ่นน้อง อาจารย์ ทั้งในสถาบัน และนอกสถาบัน แต่เอ๊ะ กับคนเหล่านั้น ไม่เกี่ยวกับเราอันเนื่องมาจากห้องว้าก ห้องเชียร์ ด้วยสิ ทำไงดี มันผิดคอนเซปคุณมั้ยล่ะ  ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว กะลาอ่ะค่ะ อย่าอยู่นาน มนุษย์ต้องมีการพัฒนา ตัวระบบเก็บไว้เป็นสิ่งดี แต่ "สิ่งที่ทำแล้วอ้างระบบเช่น ห้องเชียร์ หรือว้ากน้อง" เราว่ามันล้าสมัย เหมือนพวกมนุษย์ถ้ำที่ไม่มีความเจริญ ไม่มีความคิดที่จะสร้างสรรค์ สิ่งที่ปัญญาชนน่ากระทำ เราพิสูจน์มาแล้วว่า "ไม่ต้องรับน้อง ไม่ต้องมีห้องเชียร์ ไม่ต้องมีห้องว้าก SOTUS ก็ยังอยู่ในสังคมได้ และทำให้คนรักกันมากกว่า การทำห้องเชียร์ห้องว้าก หรือรับน้องซะอีก จบมาทำงาน connection หรือการอดทน อดกลั้นในการทำงาน ก็มีเยอะเหมือนเดิม เผลอๆมากกว่า ยิ่งเป็นการบริสุทธิ์ใจ และจริงใจเข้าหากันด้วย ไม่ใช่ ภาวะจำยอม ทำๆไป เหมือนไหว้ หลัก หรือตอ หรือ ใส่หน้ากากเข้าหากัน เพราะถูกฝังสมองมาตอนปี 1 เราพิสูจน์ ในความเป็นนิสิตจุฬาซะด้วยซี่ และไม่ใช่เราพิสูจน์ได้คนเดียวนะ หึหึ ขอยืนยัน และไม่เห็นด้วยกับการรับน้องที่เป็นห้องเชียร์และห้องว้าก เน้นนะคะ รับน้องแบบสร้างสรรค์ ไปปลูกป่า สร้างโรงเรียนบนยอดดอยที่กันดาร ทำฝายทดน้ำ ออกค่ายอาสาที่ต้องใช้ความอดทน อดกลั้น ช่วยเหลือพึ่งพากันระหว่ารุ่นน้อง รุ่นพี่ และอาจารย์ อันนี้เราสนับสนุน อ่อ  กรุณาอย่าอ้างความเป็นสถาบันมาเกี่ยวข้องค่ะ เพราะไม่ใชุ่ทุกคนในจุฬา จะคิดแบบเดียวกับที่คุณบอกมา   เรากลัวคนอื่นเข้าใจจุฬาผิดจังเลย เพราะข้อความของคุณมันสามารถสื่อไปได้ว่า จุฬา สอนให้นิสิตจุฬามีความคิดอย่างนี้........ แบบคุณ ด้วยความเคารพค่ะ ปล.แม่เราจบมธ. แม่เราบอกว่า มธ.ตอนนั้น ไม่มีรับน้องแบบจุฬาฯ ห้องเชีบร์มี แต่ไม่ช่แบบนี้ ห้องว้ากยิ่งไม่มีใหญ่ แต่ทำไม รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อน อาจารย์ ยังรัก เคารพ พึ่งพา ช่วยเหลือกันมาถึงปัจจุบันนี้ล่ะคะ เกือบ 40 ปีผ่านมาแล้วนะ จากคุณ : กาแฟบนดอย - [ 14 มิ.ย. 52 01:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 147 เราเองเป็น นักศึกษา มธ.คนหนึ่งที่ไม่ชอบในระบบโซตัสเลย จนบางทีไม่ชอบจนถึงขั้นที่เดินออกจากห้องเชียร์เลยก็ว่าได้ แต่เมื่อหมดฤดูการรับน้อง ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม จบมาแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ไม่เห็นจะมีปัญหาเลยค่ะ เราก็ผ่านการรับเพื่อนใหม่ รับน้องสารพัด แต่ว่ามันก็ผ่านมาด้วยดี อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ทำ ไม่ชอบทำไม่ได้รุ่นพี่ก็ไม่ได้บังคับ ยังจำได้ว่ารุ่นเราเป็นรุ่นที่โดนรับน้องแรงที่สุด แต่เมื่อรุ่นเราขึ้นมาเป็นพี่ พวกเราเองปรับเปลี่ยนวิธีการรับน้องใหม่หมด ไม่ให้แรงเหมือนเดิม ถึงจะโดนแรงมาเรารู้ว่ามันรู้สึกยังไง ก็ไม่อยากให้น้องมาโดนแบบเรา การที่ตัดสินใจทำให้สร้างสรรค์ก็เพื่อที่จะปูทางให้รุ่นน้องรุ่นหลังๆ ต่อไปทำตามโดยที่ไม่ใช้คำว่า รุ่นพี่แรง รุ่นเราก็ต้องแรงค่ะ ตัดไต่ต้นลมดีกว่าเนอะ... จากคุณ : ภัทรณัฎฐ์ (PHATRANAT) - [ 14 มิ.ย. 52 11:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 148 . . . . เห็นด้วยกับ #77 เรื่องทัศนคติเรื่องเส้นสายในประเทศไทย เรื่องรับร้องหรือ sotus ไม่ขออกความเห็น เพราะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เคยโดนมาบ้างน้อยมาก และไม่เห็นว่ามีจะมีแก่นสารอะไร . . . แต่ขอบอกว่าทัศนคติเรื่อง สถาบัน เล้นพวกเล่นพ้อง และเส้นสายเนี่ย เป็นที่ไม่ชอบมาก ๆ เลย รู้สึกแย่อะ รู้สึกว่ามันเป็นทัศนคติที่ใจแคบมาก ๆ รักพวกพ้องก็ดี แต่ปลุกปั่นความรักพวกพ้องมากเกินไป จนเห็นคนที่ไม่เหมือนตัวเป็นพลเมืองอีกชั้นนึง หรือเห็นคนอื่นเป็นศัตรูเนี่ย ไม่ไหวนะคะ จากคุณ : escrito por faai - [ 14 มิ.ย. 52 11:43:29 ]