ความคิดเห็นที่ 1 งงครับ ปกติถ้าขายยา ต้องเภสัชเท่านั้นไม่ใช่หรอ ถึงจะได้ใบอนุญาตขายยาอ่ะ (แอบงง หรือโง่ด้วยว่ะเรา) จากคุณ : ปีหนึ่ง...เพื่อนกัน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 22:57:27

ความคิดเห็นที่ 2 คงกะว่าขายยาก็ให้ญาติๆกันสลับมาขายได้ ไม่เสียตังจ้างคนนอกมั้ง จากคุณ : Darigaaz เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 23:03:25

ความคิดเห็นที่ 3   ขนาดผมยัง งงเลย จบหมอมาแต่ที่บ้านเปิดร้านขายยาให้ จากคุณ : nop เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 23:12:19 A:202.44.70.54 X: TicketID:133084

ความคิดเห็นที่ 4 อืมม์อยากถามเอาอะไรคิดกัน จากคุณ : เด็กขายก๋วยจั๊บ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 23:46:24

ความคิดเห็นที่ 5 แขวนป้ายเภสัชสักคนก็เปิดร้านขายยาได้แล้ว ไม่ต้องจบเภสัชจริง ๆ ก็ได้ จากคุณ : สะใจโรคจิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 23:58:32

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถ้าให้คิดแบบง่ายๆ นะ จริงๆ แล้วคนที่จะสั่งยา คือ แพทย์ไม่ใช่หรอ ก็ลองดูตามโรงพยาบาลสิ เวลาไปตรวจ หมอก็จะเป็นคนสั่งยาตามอาการป่วย เสร็จแล้วคุณก็ไปชำระเงิน แล้วรอรับยาที่แผนกยา ซึ่งเภสัชในโรงพยาบาลก็จะเป็นผู้จัดยาตามที่แพทย์สั่งอีกที เพราะยาบางตัวเป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์เท่านั้น เพราะฉะนั้นผมคิดว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ ที่หมอจะมีความรู้เรื่องยาเหมือนเภสัช แต่ถ้าถามว่าหมอสามารถขายยาเหมือนเภสัชได้ไหม อาจจะได้ แต่คุณหมอคงไม่ขายยาด้วยตัวเองหรอกครับ เพราะหน้าที่จัดจำหน่ายยามันเป็นของเภสัช เหมือนกับให้ทหารมาจับผู้ร้ายได้ไหม? คำตอบคือได้ แต่ถามว่าหน้าที่นี้มันของตำรวจใช่ไหม นั่นสิ แล้วจะมีตำรวจไว้ทำไม ถ้าให้ทหารมาจับผู้ร้ายแทน จากคุณ : June Mong เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 01:21:13

ความคิดเห็นที่ 7   บ้านเค้ามีความคิดนะ จขกท.อย่าไปยุ่งเลยเงินของเค้า ตัวเองตั้งทำงานของตัวเองดีกว่ามั้ง จากคุณ : ชัดเจน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 09:21:40 A:125.27.219.23 X: TicketID:176758

ความคิดเห็นที่ 8 หารายได้สองทางไง รักษาด้วย ขายยาด้วย อิอิ จากคุณ : อัจฉริยะสายลม เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 09:42:08

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่แปลกค่ะมีเยอะไปที่หมอเปิดร้านยา แต่ตามกฎหมายเค้าก็ต้องหาเภสัชมาคุมร้านอยู่ดี แต่แนะนำแฟนคุณว่าเปิดคลินิคไปด้วยจะดีกว่า คลินิคเสียภาษีน้อยกว่าร้านยาค่ะ ถ้า counselling เก่ง ๆ พูดจาหวานหู เรื่องวินิจฉัย คิดว่าคงไม่พลาดหรอกที่เหลืออยู่ที่ communication skill แล้วละ คลินิคแฟนคุรจะรายได้จมเลย จริง ๆ ไม่ต้องกังวลแทนเค้าหรอกค่ะ พ่อแม่เค้ามีตังค์ มีเยอะไปที่พ่อแม่อยากให้เปิดร้านยา เพราะว่าร้านยา พ่อแม่เค้าคงคิดว่าว่าง ๆ ก็มาเฝ้า ขำขำส่วนคลินิคยังไง พ่อแม่แฟนคุณก็ทำเองไม่ได้อยู่แล้ว ว่าแต่ แต่งรึยัง ถ้ายังไม่แต่งให้เป็นเรื่องภายในบ้านแฟนคุณดีกว่า จากคุณ : YaIRkA เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 09:49:19

ความคิดเห็นที่ 10 เปิดคลีนิคดีกว่ามั้งครับ มันเหมือนไม่ตรงสายไงไม่รู้ ถึงจะคือๆกันก็เหอะ ปล. จริงๆที่เมืองไทย หมอทั้งตรวจกับออกยา อันนี้ผิดหลักสากลนะครับ เพราะตามปกติ เค้าจะให้หมอตรวจอาการ แล้วก็เขียนอาการกับโรคลงไป แล้วเภสัชจะพิจารณาว่าควรให้ยาตัวไหน แต่หมอไทยนี่ทำได้ทั้งสองอย่างเลย แหม่ สุดยอดจริงๆ (แต่จะว่าไป ผมก็อยากให้หมอไทยเขียนอาการลงไปด้วย เผื่อเภสัชจะได้ตรวจอีกที) จากคุณ : คนเดินบนดิน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 10:17:15

ความคิดเห็นที่ 11   ก็เหมือนคนจบ บริหารฯ ให้ไปเป็น salemans แหละครับ เหอๆ จากคุณ : ขี้เกียจพิมพ์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 10:45:11 A:118.172.182.95 X: TicketID:217749

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ต้องสนใจทางบ้านสิ จากคุณ : Sniperboy2002 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 10:59:07

ความคิดเห็นที่ 13   ฮาคับ ร้านขายยาต้องมีเภสัชกรประจำคับ หมอไม่เกี่ยว คลีนิคที่เราเห็นกันอยู่ก็คือ หมอ+เภสัชกร จากคุณ : MasterClock เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 17:05:55

ความคิดเห็นที่ 14 ทำไมหมอมาแย่งงานเค้าเนี่ยยยยย!!!! กำลังจะเปิดร้านเหมือนกันนะ ชิชิ จากคุณ : sweet_medicine เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 20:12:27