 |
ไอ้รถถัง
|
|
ถ้าจำไม่ผิด ผมคงเคยเล่าให้ฟังไปแล้วละ ว่าโดยปกติผมไม่เคยคิดอยากมีรถยนต์ใช้ส่วนตัวซักกะนิด เพราะถ้าคิดแบบมีสติ+เหตุผล ต้นทุนในการมีรถยนต์นั้นสูงเกินความจำเป็นของคนที่ทำงานประจำออฟฟิซแบบผม ประกอบกับเป็นคนที่นิยมดื่ม และมักจะมีเหตุให้ไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ว่าจะมีคนมาชวนสังสรรค์อยู่บ่อยๆ ดังนั้นการขับรถส่วนตัวคงไม่เหมาะนักกับไลฟ์สไตล์นี้
แต่พอย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่ใหม่ + ย้ายบ้านไปอยู่รีสอร์ทชานเมือง มันไกลกันคนละมุมเมืองทีเดียว แถมระบบขนส่งสาธารณะมันก็ไม่ได้สะดวกแต่อย่างใด (ไม่รู้กันใช่ไหมครับ ว่าถนนหน้าหมู่บ้านที่ผมอยู่ ไม่มีรถเมล์ผ่านแม้แต่สายเดียว  ) ก็เลยจำใจต้องมีรถ - ผมใช้คำว่าจำใจได้เต็มปากเลยนะครับ จะบอกให้
ช่วงแรกๆ ก็ทดลองก่อน ติดรถคุณนายออกจากบ้านมา แล้วขากลับนั่งรถตู้ (ซึ่งเฉือกมีแต่รถตู้วินเถื่อน ร้อนโคด ที่นั่งอึดอัดโคด) ไปลงตลาดบางแคแล้วต่อรถยนต์รับจ้างสาธารณะเข้าบ้าน (40+80 บาทแน่ะ) ... ก็พบว่ายังไงๆ มันก็ไม่มีความสะดวกเลย เราทำงานมาเหนื่อยๆ ดันต้องมานั่งอัดกระป๋องในรถตู้วินเถื่อนร้อนๆ ทำไม ก็เลยฟันธง - ข้าพเจ้าต้องมีรถขับเฟ้ย
ทีนี้ ไอ้กระผมนี่ก็คุณผู้ชายสำเร็จรูป อยากได้อะไรพูดคำเดียวเป็นได้ (นี่ ให้มันรู้ซะบ้าง คริๆๆ) พอเอ่ยปากอ้อนแม่ยายไปว่าเดี๋ยวจะต้องลำบากดาวน์รถใช้ คุณแม่ยายก็ยัดเยียดอีแจ๊ดที่ปกติเป็นรถรับ-ส่งคุณหนูไปโรงเรียนมาให้ผมใช้ทันที ก็ตั้งใจจะซื้อต่อเขานะ เตรียมตังค์ไว้ให้แล้วงวดแรก 150K แต่คุณแม่ยายยังไม่ยอมเอาตังค์ไปใช้ซักที ตังค์เหลือจนฟุ้งซ่านอยากได้ Freed หรือ Focus อย่างที่เปรยๆ ให้ฟังกันอยู่นี่แหละ
ทีนี้ บ้านนี้เขาก็มีเรื่องแปลกของเขา เรื่องรถนี่แหละ ขอนินทาหน่อยเหอะ ... คือเค้าคิดซับซ้อน ประเภทว่า อ้ะ อยากมีรถเก๋งไว้ใช้ในเมืองที่มันภูมิฐานหน่อย แต่ไม่อยากใช้เบนซ์เพราะมันเกร่อ ก็ไปถอย Audi A8 มา (ขอด่าว่ารถม่างโคดห่วย ใช้มาไม่ถึง 5 ปี ผิวของชิ้นส่วนพลาสติค ABS ในตัวรถเสื่อมสภาพครับ เอาเล็บขูดออกมาเป็นไขๆ ได้เลย ทั้งที่ไม่ได้จอดตากแดดแต่ประการใด) ... ขับๆ ไป เออ Audi มันคันใหญ่น่ะ เก็บไว้ใช้เวลาออกงานละกัน ขับไป-กลับที่ทำงานก็ซื้อ Altis มาใช้ดีกว่า คันเล็กขับง่ายหน่อย ... แต่ เอ เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดทั้งครอบครัว สัมภาระมันเยอะ ถอย Jeep Discovery มาซะงั้น ...พอคุณหนูเข้าโรงเรียน แถวบางรักตอนเช้ารถติด เอารถเล็กๆ ประหยัดๆ มาอีกคัน ไปจับ Jazz มือสองมาใช้ละกัน
สรุปคือ ครอบครัวนี้มีคนที่ขับรถได้อยู่ 4 คน รวมผมด้วยแล้ว ก็มีรถ 4 คัน แต่นับรถที่ใช้งานจริงแค่ 3 เพราะ Audi กับ Discovery นี่น้องชายคุณนายผมเค้าใช้สลับกัน นับแค่คันละครึ่งหน่วยพอ Altis นี่คุณนายขับ ส่วน Jazz ก่อนผมจะใช้ มันทำหน้าที่รับส่งคุณหนูอย่างเดียว แต่เวลาแม่ยายผมไปไหนมาไหนเธอควบ Mio ขอรับ
เป็นไงครับ ครอบครัวนี้กับเรื่องรถ ปวดหัวดีไหมครับ ...
สัปดาห์ที่แล้ว คุณน้องชายภรรยาผมเค้าจะไปเที่ยวต่างประเทศแบบ backpacker ประมาณ 3 สัปดาห์ ('ทานโทษ กรุณาอย่าเอาคำว่า backpacker ที่คุณคุ้นเคยมาเปรียบเทียบกับของบ้านนี้นะครับ คนอื่นแบกเป้เที่ยว เค้าเน้นประหยัด แต่คุณน้องชายแฟนผมนี่ แต่งเนื้อแต่งตัวนี่ใช่ครับ backpacker แน่ๆ แต่กินดี นอนโรงแรมสี่ดาวขึ้นไปครับ) ก็เดือดร้อนสิครับ คือพอรถที่ปกติเค้าใช้สลับกันอยู่ 2 คันไม่มีคนใช้งานเลย ก็ไม่มีที่จอดครับ จะส่งมาจอดที่บ้านรีสอร์ทก็ไม่ได้อีก เพราะตอนนี้ทางโครงการเค้าขอความร่วมมือจอดรถเฉพาะในบ้าน ก็เลยเกิดไอเดียว่า เอางี้ เอาอีแจ๊ดไปเคลมรอบคันซะเลยดีกว่า จะได้ฝากจอดที่อู่ไปในตัว - สุดยอดไอเดียไหมครับ
ผมก็เลยต้องโดนพรากอีแจ๊ดไป แล้วมี "ไอ้รถถัง" Discovery มาเสียบอยู่ในที่จอดรถหน้าบ้านแทน ... เกริ่นนำจบแล้ว แฮ่กๆๆๆ
เข้าเรื่องกระทู้นี้ก็คือ จะขอเล่าความรู้สึกในการขับไอ้รถถังให้ฟังหน่อยนะครับ ... คือผมเคยขับไอ้รถถังนี่มาบ้าง เวลาไปรับส่งแม่ยายผมไปต่างประเทศ พอไปทั้งครอบครัว สัมภาระมันก็เยอะไง ก็เลยใช้รถให้ถูกงานครับ (แหม เค้าวางแผนได้เยี่ยมจริงๆ เลยละตัวเอง) ผมก็ทำหน้าที่พลขับรับส่งให้อยู่ 3-4 ครั้ง แต่ไม่ได้เป็นการใช้งานแบบ full-time ครั้งนี้ครั้งแรกที่ใช้เป็นรถประจำตัวประจำวันครับ
รถราคาหลายตังค์ (อย่าถามว่ากี่บาท ผมรู้แค่นี้แหละ) บึกบึนแข็งแกร่งตามสไตล์รถอเมริกันครับ ขึ้นนั่งขับแล้วเหมือนรถถังจริงๆ เพราะตำแหน่งที่ผู้ขับขี่นั่งนั้น จะอยู่สูงจากพื้นมาก มองเห็นทัศนวิสัยได้ไกลข้ามหลังคารถข้างหน้าไปได้ไกลลิบทีเดียว เรียกว่าถ้าไม่ใช่รถตู้หลังคาสูงมาขับอยู่ข้างหน้า บังแนวสายตาของเราไม่สำเร็จครับ ออกแบบห้องโดยสารได้ดี แรกๆ รู้สึกว่านั่งไม่สบาย แต่พอชินแล้วผมว่ามันเข้าตัวดีเหมือนกัน มุมมองด้านหน้า+ด้านข้างดีมากๆ เสาเก๋งไม่บังสายตาเหมือนอีแจ๊ด แต่มุมมองด้านหลังไม่ค่อยดี อาจะเป็นเพราะมันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้วิ่งในเมืองที่ต้องใช้กระจกหลังบ่อยๆ ... เครื่องยนต์ทรงพลังสุดๆ ขับๆ อยู่บนทางด่วนนี่ถ้าต้องเร่งแซง กดคันเร่งเพิ่มเข้าไป จากความเร็ว 80-90 ปรู๊ดขึ้น 120 ได้ภายในช่วงการไอสองสามแค๊กเท่านั้น กดต่อจน 140 ก็เพิ่มไปอีกสองแค๊ก ... การทรงตัวดีเยี่ยม ที่ 160 รู้สึกเหมือนขับอีแจ๊ดที่ 90 ครับ นิ่ง นิ่ม ไม่มีสั่นหรือโคลง ... ในสภาพใช้งานจริงถนนกรุงเทพ ที่มีหลายมิติเหลือเกิน อาจจะนิ่มนวลสู้รถซีดานไม่ได้ (แหงละ ช่วงล่างคนละระบบกัน) แต่ก็รู้สึกได้ถึงความมั่นคง ขับใหม่ๆ อาจจะรู้สึกเหวอๆ เล็กน้อยเวลาเจอถนนโลกพระจันทร์ย่านสาทรตัดถนนจันทน์ เนื่องจากน้ำหนักของรถที่มากกว่ารถเก๋งขนาดกลางหลายร้อยกิโลอยู่ แต่พอชินก็เริ่มไม่สนใจตรงนั้นแล้วครับ ... การควบคุมก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด ถอยจอดอาจเพิ่มงานให้อีกหน่อย เพราะวงเลี้ยวเค้ากว้าง มือจอดชั้นโปรอย่างผม ที่จอดมาหมดแล้วทั้งชิดขอบทางทั้งเข้าซองในทุกสภาพ ยังต้องมีสองถอยเป็นอย่างน้อย จะว่าไม่ชินคงไม่ใช่ ต้องบอกว่าเป็นข้อจำกัดของรถ ที่ไม่ได้ออกแบบมาให้จอดในที่จำกัดอย่างนี้
ว่ากันเรื่องความรู้สึกส่วนตัวบ้าง ... ความรู้สึกในการขับนี่ดีมากเชียวแหละ คือความใหญ่ทำให้คนรอบข้างเกรงใจ ผมขับมาสัปดาห์เศษๆ แล้วเนี่ย เวลาขับไหลในสภาพการจราจรหนาแน่น มีรถมาแทรกหน้าผมนับครั้งได้ไม่เกิน 3 ครั้ง มอเตอร์ไซค์ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีเสียบมาเลยครับ น่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบรถให้เป็นทรงเหลี่ยม และมีกันชนขนาดใหญ่กางออกไป พี่มอฯ เลยเกรงใจเป็นพิเศษ ... เวลาไปไหนมาไหนก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษกว่าตอนขับอีแจ๊ดมากนัก เช่น ปกติผมต้องไปธุระที่โรงแรมกลางเมืองแห่งหนึ่งประจำ ตอนขับอีแจ๊ด จะโดนไล่ให้ไปจอดตึกจอดรถชั้นสูงๆ ตลอด แต่พอขับรถถังนี่ไป ก็ได้ที่จอดพิเศษใกล้ๆ ทางเข้า lobby (จริงๆ เป็นเพราะรถมันหลังคาสูงครับ เค้ากลัวเราไปเกี่ยวหลอดไฟที่จอดชั้นข้างบนๆ น่ะ แหะๆ)
แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้สองเส้นสีแดงตัวหนาๆ ก็คือ พี่แกบริโภคน้ำมันแบบไม่เกรงใจประเทศในกลุ่มโอเปคเลยครับ วิ่งไปประมาณ 250 กม. ซัดน้ำมันไป 2,250 บาท หรือ 70 ลิตรเศษๆ ตกค่าเฉลี่ย กม.ละเกือบสิบบาท หรือ 3.5 กม./ลิตร โชคยังดีอยู่บ้างที่ใช้ Gasohol 95 ได้ ถ้าต้องเติมแต่ Benzene 95 คงวินาศกว่านี้
โดยสรุปคือ มันก็มีข้อดีข้อเสียของมัน ข้อดีคือขับดี ข้อเสียคือต้นทุนแพงสาด ถ้าคนขับไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ก็ไม่ต้องสนใจเรื่องต้นทุน และข้อดีของมันนี่ผมว่าดีกว่าขับเบนซ์อีกนะจะบอกให้
คุณนายถามผมว่า เอาคันนี้ไว้ใช้มั้ยล่ะ เธอเบิกค่าน้ำมันได้นี่ ...
ผมรีบถามกลับว่า เมื่อไหร่คุณน้องจะกลับจากเที่ยวล่ะ จะได้ส่งรถคืน ...
กลัวติดใจ!
.
แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 10:18:07
แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 09:34:56
| จากคุณ |
:
(แมลงสาบ)  
|
| เขียนเมื่อ |
:
28 ธ.ค. 52 09:03:32
|
|
|
| |
