Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จรรยาบรรณ?  


วันนี้วันทำงานวันสุดท้ายของปี พ.ศ.2552 นี้แล้วละ


นั่งมองออฟฟิซว่างๆ เนื่องจากคนในออฟฟิซส่วนใหญ่ก็ใช้วันลาหยุดส่งท้าย ไปเที่ยว ไปอยู่กับครอบครัวกันหมด งานวันนี้เลยแทบจะบอกได้เลยว่า ไม่มีอะไรทำ


ภารกิจวันนี้มีเพียงสองเรื่อง คือนั่งทำ action plan สำหรับคุยกับเจ้านายตอนประเมินผลทดลองงาน ซึ่งอันนี้ไม่รีบ มีเวลาที่จะนั่งแก้นั่งปรับอะไรไปอีกเดือนเศษแน่ะ


อีกเรื่องหนึ่งคือ ทำหน้าที่ matchmaker ครับ


ที่บอกว่าเป็น matchmaker หรือพ่อสื่อเนี่ย คือในบทบาทการสรรหาว่าจ้าง หรือ recruitment ก็มีนัดให้คนที่ทำงานเก่าคนนึงมาคุยเรื่องงาน พูดง่ายๆ คือดึงตัวเค้ามาทำงานนี่แหละครับ


ก่อนหน้านี้ ผมเคยตั้งใจว่า ในบทบาทนี้ของผม ผมจะไม่ไปดึงคนจากที่ทำงานเก่ามาเด็ดขาด เพราะรู้สึกเหมือนทำไม่ดีกับที่ทำงานเดิมที่เป็นหนึ่งในแหล่งวิชา ทำให้เราได้โอกาสทำงาน ได้มีอะไรไปบรรจุใน resume เพิ่มเติม แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่า อีกด้านหนึ่งคือมันเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะหาคนที่ดี ที่เหมาะ ที่เชื่อว่าทำงานให้กับนายจ้างปัจจุบันได้เข้ามาร่วมงาน ประกอบกับการทำงานที่นี่มาได้ระยะหนึ่ง ก็เห็นได้ว่า "จรรยาบรรณ" ในข้อนี้ที่ผมตั้งใจไว้ มันไม่ใช่วัฒนธรรมร่วมของคนใน industry นี้ซะแล้ว และมันก็มีเรื่องปลีกย่อยอีกมากให้พิจารณาครับ


ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A ต้องการพนักงานใหม่เก่งๆ ซักคน หาไปหามา ก็เจอคนจากบริษัท B มาสมัคร สมมติชื่อคุณสมศรี คุยกันจนถึงขั้นเซนต์สัญญาตกลงกันว่า อีกหนึ่งเดือนมาเริ่มงานได้ ... ปรากฎว่า พอถึงเวลา บริษัท B รู้ว่าคุณสมศรีมาลาออก ถ้าเค้าพิจารณาแล้วเห็นว่า คุณสมศรีเป็นคนสำคัญ บริษัท B ไม่ต้องการเสียคุณสมศรีไป เค้าก็ถามง่ายๆ ว่าที่บริษัท A เสนองานใหม่ให้ค่าจ้างคุณสมศรีเท่าไหร่ แล้วก็ counter offer หรือเกทับยอมจ่ายเท่ากันหรือมากกว่าซะ ผลคือ คุณสมศรี turn down หรือโทรมาขอปฏิเสธการมาร่วมงานกับบริษัท A แบบนี้เจอบ่อยครับ


สิ่งที่ได้เห็นก็คือ ประการแรก แสดงว่าคุณสมศรีเค้าเก่งจริง บริษัท B ถึงยอมทุ่มทุนรั้งตัวเอาไว้ บริษัท A ทำได้แค่เคารพการตัดสินใจของคุณสมศรี แต่อาจมองโอกาสไว้ในอนาคต ว่าหากมีตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม และคิดว่าคุณสมศรีน่าจะเหมาะ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันใหม่ การเลื่อนตำแหน่งน่าจะจูงใจคุณสมศรีได้มากกว่าเรื่องเงิน ... ประการที่สอง มันบอกเราได้ว่า บริษัท B เห็นคุณค่าของทรัพยากรบุคคลของเขา ดูแล และรักษาคนของเขาไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะการพัฒนาพนักงานที่เก่งที่มีอยู่ บริษัทรู้จักพนักงาน พนักงานรู้จักบริษัท แบบนี้ย่อมง่ายกว่าการไปพยายามคัดสรรหาคนเก่งจากข้างนอกเข้ามาเริ่มต้นใหม่อย่างที่บริษัท A พยายามหาอยู่


เรื่องแบบนี้ที่เจอมา 3-4 เคสในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมามันเปลี่ยนความคิดของผมเหมือนกันนะครับ ผมเริ่มกลับมามองโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น คิดเปรียบเทียบกับกรณีของตัวเอง ว่าวันที่ผมเดินไปบอกเจ้านายของผม ว่างานที่ผมทำอยู่เนี่ย ผมรู้สึกว่า ผมสมควรจะได้รับค่าตอบแทนดีกว่านี้ แต่เจ้านายผมปฏิเสธ ดังนั้นผมที่พิจารณาแล้ว ว่าคุณค่าในตัวผมมากกว่าที่เค้าให้ความสำคัญ จึงตัดสินใจลาออก ซึ่งบริษัทเดิมของผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวผม กับงานที่ผมทำ งานที่ setup ระบบทุกอย่างจากติดลบจนขึ้นมาอยู่ในระดับที่บริษัทชั้นนำบริษัทหนึ่งควรจะเป็น บริษัทกลับไม่ได้พยายามจะรั้งผมเอาไว้เลย มันคงสรุปได้ว่า เค้าไม่ได้เห็นคุณค่าอะไรของผมนักหรอก จริงไหม ... ขอโทษทีที่คิดแบบนี้ และไม่ต้องการให้มันเป็นบทเรียนให้ใครศึกษาด้วย แต่จากสิ่งที่ผมได้รับการปฏิบัตินี้ ผมบอกกับตัวเองว่า ผมดีเกินไปสำหรับบริษัทนั้น และไม่เคยเสียใจเลยที่ได้ออกมาตกงานอยู่เดือนครึ่งสมใจ ซึ่งโชคดีของผมละมังครับ ที่ในที่สุด "คุณค่า" ของผมก็มีคนมองเห็น และได้มาทำงานที่ปัจจุบันนี้ด้วยอัตราค่าตอบแทนที่รวมๆ แล้วสูงกว่าที่ผมเคยหน้าด้านหน้าทนเดินไปขอบริษัทเดิมขึ้นให้ผมอีกหลายเงินทีเดียว


โดยสรุปก็คือ จากเดิมที่ผมคิดว่า การที่พนักงานลาออกไปทำงานที่อื่น มันเป็นโอกาสของเขา เราคงทำอะไรไม่ได้ ควรปล่อยเขาไป อวยชัยให้พรไปตามเรื่องแล้วตั้งหน้าตั้งตาหาคนใหม่ ... ตอนนี้ผมตั้งโจทย์ใหม่ว่า ถ้าบริษัทคุณดีพอ ดูแลพนักงานดีพอ เห็นความสำคัญของพนักงานที่บริษัทเทรนมา คนของคุณจะอยากลาออกไหม?


คือถึงวันหนึ่ง มันก็คงต้องแยกทางแหละครับ อาจเจอกรณีที่รั้งไว้ไม่ไหวจริงๆ เช่น บริษัทอื่นเสนอตำแหน่งสูงกว่า เงินเดือนสูงกว่ามากๆ ให้ ขณะที่คุณไม่สามารถเสนอแบบเดียวกันได้ คุณก็ต้องยอมให้เขาไปแหละ แต่นั่นคือ ข้อเสนอนั้นมันต้องเป็นข้อเสนอที่ยากปฎิเสธจริงๆ ถูกไหมครับ เพราะบางที สำหรับคนดีๆ เนี่ย ความผูกพันธ์กับองค์กรที่ดูแลเค้ามาดี มันตีค่าเป็นเงินที่มากกว่ากันแค่ 20-30% ไม่ได้นะครับ (อันนี้ไม่นับพวกทำงานเพื่อเงิน เงินคือพระเจ้านะครับ)


ยกตัวอย่างเช่น ผมทำงานกับบริษัท X ซึ่งดูแลคนได้ไม่ค่อยดี ทำงานก็ยากลำบาก ผู้บริหารก็ใจแคบ ไม่มี leadership ฯลฯ (อย่าถามว่าแล้วทำไมไปทำงานด้วยนะ ก็ตอนเข้าไปอาจไม่มีข้อมูลว่าองค์กรเป็นแบบนี้นี่น่า) ถ้าบริษัท Y ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นองค์กรที่ดูแลคนดีมากๆๆๆๆ มาติดต่อผมไปร่วมงานด้วยละก็ เผลอๆ ให้เงินน้อยกว่าเดิมผมยังไปเลยครับ ในทางกลับกัน ถ้าผมอยู่บริษัท Y แล้วบริษัท X เสนองานให้ผม และผมรู้ว่าบริษัท X นั้นโหดขนาดนั้น ดูแลคนห่วยแตกอย่างนั้น ผมก็ไม่ไปครับ หรือไป ก็คงเรียกค่าจ้างมาชดเชยการที่จะต้องทนรับ condition ในการทำงานโหดๆ นั้นอีกซัก 50% ประเภทว่าปัจจุบันรับ 5 หมื่น ก็เรียกมันซะ 8 หมื่น ถ้าบริษัท X ยอมให้ถึงจะยอมไป เป็นต้น


มันไม่ได้เป็นเรื่องเงินอย่างเดียวครับ แต่ก็มีบางคนนะ เข้าข่ายยอมขายวิญญาณให้ปิศาจ ทำงานเพื่อเงิน เป็นพวก money driven มันก็มีเหมือนกัน คนแต่ละคนแต่ละประเภทก็เหมาะกับองค์กรที่มี culture แตกต่างกันครับ


กลับมาที่เรื่องพนักงานจากบริษัทเดิมของผม ที่ผมนัดให้มาคุยวันนี้ ... คงไม่มีใครสงสัย ว่าผมเคยเห็นเขาทำงานแล้วผมรู้ว่าเป็นคนมีความสามารถขนาดไหน ถึงได้แนะนำให้มาคุยกับผู้บริหารที่นี่ ถ้าเกิดถูกใจ ถึงขั้นเสนองานให้ แล้วเขาลาออกจากที่เก่ามาทำงานที่นี่ (ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าถึงขั้นนั้นแล้ว เขาคงตัดสินใจไม่ยากเลย) ถ้านายเก่าผมรู้คงกรี๊ดแตกเอาเหมือนกัน ที่ไปดึงคนเก่งของเขามา แต่ผมก็รู้ดี ว่ามันเป็นโอกาสที่ดีของพนักงานคนนี้ในทุกๆ เรื่อง ทั้งค่าตอบแทน (ซึ่งที่นี่กล้าจ่าย) ทั้งเรื่องการทำงาน (ที่ไม่โหดเท่า) และโอกาสในการเติบโตไปกับบริษัท คือสำหรับบริษัทผมและพนักงานคนนี้ ถ้าได้ข้อสรุปว่าจะได้ร่วมงานกัน มันเป็นเรื่อง win-win ครับ บริษัทได้คนดี พนักงานได้คุณภาพชีวิตการทำงานและโอกาสที่ดี ถ้าจะมีใคร lost บ้างก็คงที่ทำงานเก่าของผมแหละครับ


จรรยาบรรณมันอยู่ตรงไหนนะ หรือที่ผมคิดมันไม่ถูกมาตลอด ใครบอกได้บ้างครับ?


แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 52 09:25:05

จากคุณ : (แมลงสาบ)
เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 09:11:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com