ความคิดเห็นที่ 2 |
|
แวะมาแนะนำด้วยคนครับ วิธีผมอาจจะแตกต่างไปบ้าง ก็ฟังไว้หลาย ๆ แบบแล้วกันครับ
1. เขียนให้ตรงใจอาจารย์ - ข้อแรกนี้อาจจะดูเหมือนกวนประสาท แต่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะว่าอาจารย์แต่ละท่านมีความต้องการไม่เหมือนกัน มีวิธีการให้คะแนนไม่เหมือนกัน เราควรพยายามหาข้อมูลว่าอาจารย์แต่ละท่านชอบแนวตอบอย่างไร ซึ่งอาจทำได้จากการถามเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่เคยเรียนกับอาจารย์ท่านนี้มาแล้ว หรืออาจจะขอดูข้อสอบตอนกลางภาคและถามอาจารย์ว่าแต่ละข้อให้คะแนนอย่างไรเพื่อให้ตอนปลายภาคทำได้ดีขึ้น วิธีการเข้าฟังการบรรยายอย่างสม่ำเสมอก็จะมีประโยชน์ตรงนี้ เพราะเราจะรู้ว่าอาจารย์เน้นตรงไหน บางทีอาจารย์จะแพลม ๆ ออกมาว่า ถ้าถามเรื่องนี้ ประเด็นไหนเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องตอบ รวมถึงอาจจะแพลมวิธีการให้คะแนนมาด้วย คือข้อสอบชุดเดียวกัน อาจารย์ตรวจคนละคน คะแนนก็อาจแตกต่างกันไปได้มาก อาจารย์บางท่านชอบให้เด็กเขียนเชื่อมโยงความรู้ อาจารย์บางท่านชอบให้อธิบายละเอียด ๆ ถึงโจทย์ไม่ถามก็ต้องอธิบาย อาจารย์บางท่านชอบให้ตอบสั้น ๆ ตอบตรงประเด็นเท่านั้น อาจารย์บางท่านแบ่งการให้คะแนนเป็นประเด็น เช่น สมมติข้อนี้ 10 คะแนน มี 2 ประเด็น ก็ประเด็นละ 5 คะแนน ถึงเราตอบประเด็นแรกดีแค่ไหน ถ้าไม่ตอบอีกประเด็น อย่างมากก็ได้แค่ 5 คะแนน บลา ๆๆๆ เราควรจะทราบแนวทางการตอบที่อาจารย์ต้องการ รวมทั้งแนวทางการให้คะแนนของอาจารย์ เพื่อนที่จะเขียนไปให้ถุกใจอาจารย์ แล้วคะแนนจะออกมาดี
2. เขียนแสดงความรู้ - คำว่าเขียนแสดงความรู้ หมายความว่า เราต้องระลึกไว้เสมอว่าในการเขียน เรากำลังสอบ ดังนั้นเราต้องแสดงให้อาจารย์เห็นว่าเรามีความรู้ในสิ่งที่อาจารย์ถาม เมื่อเจอข้อสอบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องตอบสิ่งที่อาจารย์ถาม และตอบให้ตรงประเด็น เด็กบางคนเขียนคำตอบไปมากมาย แต่ไม่ได้ตอบคำถามที่อาจารย์ถาม หรือบางคนตอบแต่ว่าไม่ตรงประเด็น เขียนอ้อมไปอ้อมมา อย่างนี้คะแนนก็อาจจะไม่ค่อยดี การตอบในประเด็นที่อาจารย์ถามนั้น ผมถือว่าสำคัญที่สุด แต่ถามว่าพอหรือไม่ ต้องบอกว่าไม่พอ คือนอกจากจะตอบในสิ่งที่อาจารย์ถามแล้ว เรายังต้องมีการบรรยายเพิ่มเติมเข้าไปด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามีความรู้ในเรื่องนั้นจริง ๆ การบรรยายเพิ่มเติมก็แล้วแต่เนื้อหาสาระของแต่ละวิชา เช่น บางวิชาอาจต้องใช้การวาดรูปประกอบคำอธิบาย บางวิชาก็จะต้องอธิบายเหตุและผลของคำตอบอย่างละเอียด บางวิชาจะต้องยกตัวอย่างที่เหมาะสมประกอบเรื่องนั้น ๆ ด้วย การยกตัวอย่างนี่ พยายามยกตัวอย่างที่หลากหลาย และแต่ละตัวอย่างควรจะให้มุมมองเพิ่มเติม เช่นสมมติว่าเราจะยกตัวอย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เราไม่ควรจะยก แมว เสือ สิงโต เพราะว่ามันเป็นแนวเดียวกัน เราควรจะยก หมา ปลาวาฬ ค้างคาว อะไรอย่างงี้ คือตัวอย่างแต่ละอันควรจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมและแสดงถึงความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ มากขึ้น
3. มีการวางแผนคำตอบ - ในการตอบข้อสอบ เมื่ออ่านโจทย์แล้ว เราควรจะต้องวิเคราะห์ข้อสอบและวางแผนคำตอบก่อนทุกครั้ง เพื่อให้การเขียนไม่หลงทาง การวิเคราะห์ข้อสอบก็คือการวิเคราะห์ว่าอาจารย์ต้องการอะไรจากข้อสอบข้อนี้ อาจารย์ต้องการถามเรื่องไหน ใช้ทฤษฎีอะไรมาตอบ การวางแผนคำตอบก็คือเราต้องวางแผนว่าจะเขียนอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างสำคัญ เช่น ถ้าคำถามมีหลายประเด็นที่จะต้องตอบ ก็อาจจะลิสต์ว่าประเด็นเหล่านั้นมีอะไรบ้าง เพื่อให้ไม่หลงลืมประเด็นสำคัญบางประเด็นไป นอกจากนี้เราควรจะคิดคร่าว ๆ ว่าแต่ละประเด็นเราจะเขียนละเอียดแค่ไหน และจะมีลำดับในการอธิบายอย่างไร คือฟังดูเหมือนเยอะ แต่ความจริงถ้าเราเตรียมตัวมาดี การวางแผนก็จะใช้เวลาไม่นาน เพราะพออ่านโจทย์แล้ว เราควรจะรู้อยู่แล้วว่าจะใช้ทฤษฎีอะไรและควรตอบออกมาแนวไหนดี เมื่อเรามีการวางแผนคำตอบแล้ว ในการเขียนก็เขียนตามแผนที่เราวาง บางทีเราเขียนไปอาจจะนึกประเด็นอะไรได้เพิ่ม ก็ใส่เข้าไปได้ แต่พยายามให้อยู่ในแนวทางที่เราวางแผนไว้ อย่าให้หลงประเด็นไปมากนัก และในการเขียน ควรมีการแบ่งย่อหน้าสำหรับแต่ละประเด็น เพื่อให้อาจารย์อ่านง่ายและให้คะแนนง่าย สมมติถ้าเราเขียน 4 ประเด็นในย่อหน้าเดียว บางทีอาจารย์อาจจะมองว่าเราตอบไม่ครบได้ เราจึงควรแบ่งย่อหน้าชัดเจนไปเลย ซึ่งจะง่ายทั้งในการเขียนและในการอ่านด้วย
ตอนนี้คิดออกแค่นี้อ่ะครับ อย่าลืมว่า การเรียนรู้วิธีการตอบข้อสอบก็สำคัญ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องมีความรู้ในเนื้อหาที่จะสอบอย่างดีด้วย ดังนั้นก็อย่าลืมตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ การทดลองเขียนตอบข้อสอบก็จะช่วยในแง่ของความชำนาญในการเขียน ช่วยลดเวลาในการคิดวางแผนคำตอบลง และอาจจะทำให้เราเห็นช่องโหว่ในคำตอบของตนเองแล้วสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นเมื่อถึงเวลาสอบจริง ๆ อีกด้วย
จากคุณ |
:
HeteroscedasticitY
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.พ. 53 10:48:52
|
|
|
|