 |
ความคิดเห็นที่ 23 |
คุณคิดว่าคู่ของคุณ "อยู่ทน" หรือ "ทนอยู่" ล่ะคะ??
ถ้าทิฐิที่ทั้งคุณและแฟนแบกอยู่มันหนักนักก็วางมันลงบางเถอะค่ะ.. ไม่เหนื่อยกันบ้างหรอคะ..แบกกันมาได้ตั้ง 5 ปี
"ทิฐิ"น่ะ..มันใช้กับความรักไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าทิฐิที่มีมันก่อตัวเยอะขึ้นๆทุกวัน..ก็นับเวลาถอยหลังความรักของคุณได้เลยค่ะ
เราว่าคนยังเข้าใจผิดอะไรกับทิฐิอีกเยอะนะคะ คิดว่า..."ทิฐิ"กับ"ศักดิ์ศรี" คือสิ่งเดียวกัน ทั้งที่จริงมันไม่ใช่!!!
ยกตัวอย่างง่ายๆนะคะ เวลาคู่รักทะเลาะกัน..ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดใช่มั้ยคะ??? ไม่ยอมรับว่าผิด(ถ้าผิดจริง) แค่..เพราะกลัวจะเสียหน้า,เสียฟอร์ม หรือกลัวจะเสียจริตอะไรก็ตามเถอะค่ะ!!!
ถ้าผิดก็ยอมรับซะ..ว่าเราผิด แต่ถ้าเราไม่ได้ผิด แต่ว่า..ยังไง๊ ยังไงค้าก็ไม่ยอมรับผิด ก็ยอมๆผิดแทนเค้าไปละกันค่ะ.. ให้ไอ้คำว่าศักดิ์ศรีเนี่ย..มันค้ำคอเค้าไปเถอะค่ะ เค้าจะได้ภูมิใจไงคะว่าเค้ามี "ศักดิ์ศรี" แต่จริงๆมันคือ "ทิฐิ" ต่างหาก...
เราว่าคนที่ยอมรับว่าตัวเองผิดเวลาที่ทำผิดเนี่ย..."คนจริง" อ่ะค่ะ!! แต่คนที่ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิด..แถไปเรื่อย ไม่ก็โยนความผิดให้อีกฝ่ายไป..ตัวเองจะได้ไม่ต้องผิด พวกนี้เราเรียกว่า..ยังไม่ถึงพร้อมกับความเป็นมนุษย์ค่ะ
พวกนี้จะเป็นประเภทที่บ้านเลี้ยงมาให้ถูกเสมออ่ะค่ะ ถึงผิด..ที่บ้านก็ยังกรอกหูอยู่นั่นแหละค่ะ ว่าถูก!! และคนพวกนี้ก็จะไม่เกรงกลัวต่อการทำผิดหรือเกรงกลัวต่อบาปค่ะ
เพราะจะคิดเสมอว่า..ทำถูกทุกอย่าง ก็ไม่มีใครเคยสั่ง เคยสอนเค้านี่คะว่า "อะไรถูก".."อะไรผิด" "บาป".."ไม่บาป" ในทางพุทธศาสนาจะเรียกว่า "มิจฉาทิฎฐิ" ค่ะ อาจจะขาด"หิริโอตตัปปะ" ร่วมด้วยได้ในบางคนค่ะ!
แต่กับคนอีกพวกนึง(ซึ่งน้อยมาก)ที่ยอมรับผิดไปเลยแม้จะไม่ผิด ถ้าเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจก็สามารถทำได้ พวกนี้"เจ๋งโพดๆ"ค่ะ เหมือนกับการที่คนพวกนี้ได้แสดงความเมตตาไปทางอีกฝ่ายอ่ะค่ะ
ถ้าอีกฝ่ายสำนึกได้ทีหลังก็จะยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่ ที่ต้องให้อีกคนมารับผิดแทน แต่ถ้าอีกฝ่ายดันสำนึกไม่ได้...ก็ยิ่งได้ใจใหญ่เลยค่ะ คราวหน้ามีอะไรอีก ก็จะแถอย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ต้องยอมรับิดแทนอยู่แล้วนี่!!!
คำว่า "ศักดิ์ศรี" มีความหมายทางด้านบวก นะคะ แต่ คำว่า "ทิฐิ" มีความหมายทางด้านลบ..มากกว่า ค่ะ
เราเคยรูจักคนประเภทนี้นะคะ..พวกที่ไม่ยอมง้อหรือก้มหัวให้ใครน่ะค่ะ เค้าบอกเราว่า.. ตั้งแต่เกิดมาเค้าไม่เคยขอโทษใคร แม้จะทำผิดจริงๆก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องขอโทษ....ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ..ขอโทษไปก็เสีย "ศักดิ์ศรี" อ่ะสิ คนเรามันมีศักดิ์ศรี...ไม่จำเป็นต้องยอมใคร
เราฟังแล้วก็ได้แต่นึกในใจ..เหอๆๆๆ คิดได้แค่นี้อ่ะหรอ เรื่องอื่นมีให้น่าคิดว่าอีกตั้งเยอะ กะอีแค่เรื่อง"ศักดิ์ศรี"..มีแล้วจะภูมิใจจริงๆหรอ ถ้าต้องมี"ศักดิ์ศรี"ที่คุณหวงนักหวงหนาแบบผิดๆน่ะ!!
สำหรับเราแล้ว...เราไม่ค่อยชอบคนพวกนี้เท่าไหร่ค่ะ!! บางทีก็ถือซะน่ารำคาญ...ศักดิ์ศรีสูงส่งเหลือเกิน
ปล 1 . ถ้าหากเราพิมพ์อะไรแรงไปหรือเวิ่นเว้อเกิน..ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่เราก็ตอบจากใจเราจริงๆนะคะ..เราอยากให้คุณทั้งคู่คุยปรับความเข้าใจกันค่ะ เราไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้มันบั่นทอนความรักของคุณทั้ง2ไปเรื่อยๆ จริงๆค่ะ!!!!~
ปล 2 . จะลองเอาคำพูดที่เราเพิ่งคิดเองเมื่อกี๊ไปใช้ก็ได้นะคะ...เราไม่หวงค่ะ^^
"ถ้าเราถือทิฐิกันมากเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ อาจจะร้ายแรงถึงขั้นเสียกันไปทั้งที่รักกันมาก..ก็ได้นะ แต่ว่าทิฐิมันค้ำคออยู่...จะไปง้อก็ไม่ได้ เดี๋ยวเสียฟอร์มหมด!! เราว่า..เรามาลดๆแล้วปรับเข้าหากันให้พอดีระหว่างเรา2คนไม่ดีกว่าหรอ?? เราทั้งคู่ก็จะได้แฮปปี้กันทั้งคู่ด้วย แล้วเวลามีเรื่องอะไร..ก็จะได้ค่อยๆคุยกัน โดยใช้เหตุผลจริงๆมากกว่ามาใช้อารมณ์แก้ปัญหา ถ้าเราทั้งคู่ทำได้...มันก็จะช่วยลด"ความบั่นทอน" ที่เกิดขึ้นตอนที่เราไม่ยอมกัน แล้วก็เลยใช้คำพูดหรือแสดงกิริยาอะไรเพื่อทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่าย เพื่อจะให้ตัวเองรู้สึกสะใจ ได้อีกด้วยนะ!! เพราะเราก็จะคิดถึงจิตใจของกันและักันมากขึ้น..เราจะไม่เห็นแต่ความรู้สึกของตัวเอง...ความรู้สึก "สะใจ" ที่เกิดขึ้นเวลาที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ได้ เพราะมันทำให้เราคิดว่าเราอยู่เหนือกว่าเค้า..คิดว่าเราเป็น"ผู้ชนะ"
จะเพิ่มเติมหรือลดอะไรตรงไหนก็ตามสะดวกเลยจ้า.....^_^
ปล 3 . ทุกความเห็นในคห.นี้ เป็นความเห็นของเราคนเดียวล้วนๆนะคะ
ขอให้ปรับความเข้าใจกับแฟนได้เร็วๆนะคะ...โชคดีค่ะ
จากคุณ |
:
cherbie
|
เขียนเมื่อ |
:
วันจักรี 53 01:44:43
|
|
|
|
 |