ความคิดเห็นที่ 1 |
ต่อ ...
"ขอให้มีความสุขเถิด น้องหญิง" เสียงอันไพเราะจากพระอานนท์ หน้าของท่านยิ่งแจ่มใสขึ้น
เมื่อได้ดื่มน้ำระงับความ กระหายแล้ว
"พระคุณ เจ้าดื่มอีกหน่อยเถิด" นางพูดพลางเอียงหม้อน้ำในท่าจะถวาย
"พอแล้วน้องหญิง ขอให้มีความสุขเถิด"
"พระคุณเจ้า ทำอย่างไรข้าพเจ้าจึงจะทราบนามของพระคุณเจ้าพอเป็นมงคลแก่โสต
และความรู้สึกของข้าพเจ้า บ้าง" นางพูดแล้วก้มหน้าด้วยความขวยอาย
"น้องหญิง ไม่เป็นไรดอก น้องหญิงเคยได้ยินชื่อพระอานนท์ อนุชาของพระพุทธเจ้าหรือไม่"
"เคยได้ยิน พระคุณเจ้า"
"เคยเห็นท่านไหม ?"
"ไม่เคยเลย พระคุณเจ้า เพราะข้าพเจ้าทำงานอยู่เฉพาะในบ้าน
และมาตักน้ำที่นี่ ไม่มีโอกาสไปที่ใดเลย"
“เวลานี้ น้องหญิงกำลังสนทนากับพระอานนท์อยู่แล้ว”
นาง มีอาการตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วแววแห่งปีติค่อยๆ ฉายออกมาทางดวงหน้าและแววตา
“พระคุณเจ้า” นางพูด ด้วยเสียงสั่นน้อย ๆ
“เป็นมงคล แก่โสตและดวงตาของข้าพเจ้ายิ่งนักที่ได้ฟังเสียงของท่าน
และได้เห็นท่านผู้มีศีล ผู้มีเกียรติศัพท์ระบือไปไกล
ข้าพเจ้าเพิ่งได้เห็นและได้สนทนากับท่านโดย มิรู้มาก่อน
นับเป็นบุญอันประเสริฐของข้าพเจ้ายิ่งแล้ว”
แลแล้วพระอานนท์ก็ลานางทาสีเดิน มุ่งหน้าสู่วัดเชตวัน อันเป็นที่ประทับของพระศาสดา เมื่อท่านเดินมาได้หน่อยหนึ่ง ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินตามมาข้างหลัง ท่านเหลียวดู ปรากฏว่าเป็นนางทาสีที่ถวายน้ำนั่นเองเดินตามมา ท่านเข้าใจว่าบ้านของนางคงจะอยู่ทางเดียวกับที่ท่านเดินมา จึงมิได้สงสัยอะไรและเดินมาเรื่อย ๆ จนจวนจะถึงซุ้มประตูไม่มีทางแยกไปที่อื่นอีกแล้วนอกจากทางเข้าสู่วัด ท่านเหลียวมาเห็นนางทาสีเดินตามมาอย่างกระชั้นชิด นัยน์ตาก็จ้องมองดูท่านตลอดเวลา ท่านหยุดอยู่ครู่หนึ่ง พอนางเข้ามาใกล้ท่านจึงกล่าวว่า
“น้องหญิง เธอจะไปไหน ?”
“จะเข้าไปวัดเชตวันนี่แหละ” นางตอบ
“เธอจะเข้าไปทำไม ?”
“ไปหาพระคุณเจ้า สนทนากับพระคุณเจ้า”
“อย่าเลย น้องหญิง เธอไม่ควรจะเข้าไป ที่นั่นเป็นที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์
เธอไม่มีธุระอะไร อย่าเข้าไปเลย เธอกลับบ้านเสียเถิด”
“ข้าพเจ้าไม่กลับ ข้าพเจ้ารักท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยพบใครดีเท่าพระคุณเจ้าเลย”
“น้องหญิง พระศาสดาตรัสว่าปกติของคนเราอาจจะรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน
และต้องอยู่ร่วมกันนาน ๆ ต้องมีโยนิโสมนสิการ และต้องมีปัญญา
จึงจะรู้ว่าคนนั้นคนนี้มีปกติอย่างไร คือดีหรือไม่ดี
ที่น้องหญิงพบเราเพียงครู่เดียวจะตัดสินได้อย่างไรว่าอาตมาเป็นคน ดี
อาตมาอาจจะเอาชื่อท่านอานนท์ มาหลอกเธอก็ได้
อย่าเข้ามาเลยกลับเสียเถิด”
“พระคุณเจ้าจะเป็นใครก็ช่างเถิด” นางคงพร่ำต่อไป มือหนึ่งถือหม้อน้ำซึ่งบัดนี้นางได้เทน้ำออกหมดแล้ว “ข้าพเจ้ารักท่านซึ่งข้าพเจ้าสนทนาอยู่ด้วยเวลานี้”
“น้องหญิง ความรักเป็นเรื่องร้ายมิใช่เป็นเรื่องดี
พระศาสดาตรัสว่าความรักเป็นเหตุให้เกิด ทุกข์โศก และทรมานใจ
เธอชอบความทุกข์หรือ ?”
“ข้าพเจ้าไม่ชอบความทุกข์เลยพระคุณ เจ้า
และความทุกข์นั้นใคร ๆ ก็ไม่ชอบ แต่ข้าพเจ้าชอบความรัก
โดยเฉพาะรักพระคุณเจ้า”
“จะเป็นไป ได้อย่างไร น้องหญิง! ในเมื่อทำเหตุก็ต้องได้รับผล
การที่จะให้มีรักแล้วมิให้มี ทุกข์ติดตามมานั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เป็นไปไม่ได้เลย”
“แต่ ข้าพเจ้ามีความสุข เมื่อได้เห็นพระคุณเจ้า ได้สนทนากับพระคุณเจ้า
ผู้เป็นที่รักอย่างยิ่งของ ข้าพเจ้า รักอย่างสุดหัวใจเลยทีเดียว”
“ถ้าไม่ได้เห็นอาตมา ไม่ได้สนทนากับอาตมา น้องหญิงจะมีความทุกข์ไหม ?”
“แน่นอนเลยทีเดียว ข้าพเจ้าจะต้องมีความทุกข์อย่างมาก”
“นั่นแปล ว่าความรักเป็นเหตุให้เกิดทุกข์แล้วใช่ไหม ?”
“ไม่ใช่พระคุณเจ้า นั่นเป็นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักต่างหากเล่า
ไม่ใช่เพราะความรัก”
“ถ้าไม่มี รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักจะมีได้หรือไม่ ?”
“มีไม่ได้เลย พระคุณเจ้า”
“นี่แปลว่า น้องหญิงยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าความรักเป็นสาเหตุชั้นที่หนึ่งที่จะให้เกิดทุกข์”
พระอานนท์พูดจบแล้วยิ้มน้อย ๆ ด้วยรู้สึกว่ามีชัย แต่ใครเล่าจะเอาชนะความปรารถนาของหญิงได้ง่าย ๆ ลงจะเอาอะไรก็จะเอาให้ได้ เพราะธรรมชาติของเธอมักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ถ้าผู้หญิงคนใดใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาชีวิตหรือในการดำเนินชีวิต หญิงคนนั้นจะเป็นสตรีที่ดีที่สุดและน่ารักที่สุด เหตุผลที่กล่าวนี้มิใช่มากมายอะไรเลย เพียงไม่ถึงกึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้แม้นางจะมองเห็นเหตุผลของพระอานนท์ว่าคมคายอยู่ แต่นางก็หายอมไม่ นางกล่าวต่อไปว่า
“พระคุณเจ้า ความรักที่เป็นเหตุให้เกดทุกข์ดังที่พระคุณเจ้ากล่าวมานั้น
เห็นจะเป็นความรักของคนที่รัก ไม่เป็นเสียละกระมัง
คนที่รักเป็นย่อมรักได้โดยมิให้เป็นทุกข์”
“น้องหญิง เคยรักหรือ หมายถึงเคยรักใครคนใดคนหนึ่งมาบ้างหรือไม่ในชีวิตที่ผ่านมา”
“ไม่เคยมา ก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และคงจะเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย”
“เมื่อไม่ เคยมาเลย ทำไมเธอจึงจะรักให้เป็นโดยมิต้องเป็นทุกข์เล่าน้องหญิง
คนที่จับไฟนั้นจะจับเป็นหรือ จับไม่เป็น จะรู้หรือไม่รู้
ถ้าลงได้จับไฟด้วยมือแล้วย่อมร้อนเหมือนกัน ใช่ไหม ?”
“ใช่ พระคุณเจ้า”
“ความรักก็เหมือนการจับไฟนั่นแหละ
ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟ เผามีอยู่ทางเดียว คืออย่าจับไฟ อย่าเล่นกับไฟ
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉัน นั้น มีอยู่ทางเดียวคืออย่ารัก”
.....
จากคุณ |
:
นายแก้ว&นายขวัญ
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มิ.ย. 53 00:31:50
|
|
|
|