 |
ความคิดเห็นที่ 15 |
เรื่องสเปคกันน้ำ บางทีก็คล้ายๆ วัดดวงครับ เพราะผู้ผลิตเค้าไม่เสียเวลามานั่งทดลองที่ระดับความลึกนั้นๆ จริงๆ หรอก ก็ใช้ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ทดลองเอา ง่ายกว่า ... ทีนี้ที่มาของการทดสอบการกันน้ำของเขา มันก็มาจากการออกแบบของเขาว่า นาฬิการุ่นนั้นๆ ออกแบบมาเพื่อการใด หากรุ่นนั้นๆ มีการตั้งโจทย์ในการออกไว้แบบว่าต้องกันน้ำซัก 100 เมตร เค้าก็จะออกแบบชิ้นส่วนการประกอบต่างๆ มาตามนั้น แล้วก็ทดสอบด้วยทฤษฎีอย่างที่ว่า ถ้าผ่านก็จบ แต่ก็เป็นไปได้ว่าเค้าออกแบบไว้ดี กันน้ำได้ตามที่อ้างอิงจริงๆ (แบบไม่ใช่แค่ 1 นาที) ครับ ... เมื่อก่อนคงเคยเห็นนาฬิกาบางยี่ห้อเค้าทำ mock-up สำหรับโฆษณา เอานาฬิกาแช่น้ำในกล่องพลาสติคใสทรงกระบอกตั้งโชว์อยู่ตามแผนกนาฬิกาในห้างสรรพสินค้านะครับ
Yves นี่คงไม่วิจารณ์อะไรครับ (เพราะไม่รู้จัก 555) ในแง่การออกแบบก็ทำได้ลงตัวดีนะ ขอบตัวเรือนที่เป็นพีรามิดเล็กๆ ทำคล้ายกับ signature ของ Patek Philippe ทำให้ดูสะดุดตาดี ไม่ทราบเหมือนกันว่าใช้เครื่องของอะไร ต้องดูแท่นเครื่องด้านหลังครับ ว่ามียี่ห้อปั๊มไว้ไหม แต่ด้วยราคาคิดว่าไม่ใช่ ETA อาจเป็นเครื่องจีนหรือญี่ปุ่น ถ้าไม่มียี่ห้อปั๊มไว้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นจีน
อธิบายเพิ่มเติมนิดนึงว่า นาฬิกาแบรนด์ที่พอจะเป็นที่รู้จักหน่อยในโลกนี้ 90% ของจำนวนนาฬิกาที่เขาผลิต ซื้อเครื่องสำเร็จมา modify ใส่ในตัวเรือนที่ตัวเองออกแบบครับ เจ้าใหญ่ที่สุดที่เจ้าของแบรนด์กล้าบอกว่าซื้อเครื่องยี่ห้ออื่นมาใส่คือ ETA บริษัทในเครือ Swatch ครับ รองลงมาก็เป็น Miyota ของญี่ปุ่น ... อย่าง Omega, Oris หรือ Longines นี่ใช้เครื่อง ETA เกือบทุกรุ่น Rolex นี่ยุคนึงยังเคยซื้อเครื่องของ Jaeger LeCoultre กับ Zenith ใช้ แม้แต่ Jaeger ที่ขายเครื่องให้ Rolex ก็ยังมีบางรุ่นบางเรือนที่เผลอไปเอาเครื่องยี่ห้ออื่นมาเป็น base ในการพัฒนา สรุปคือมีผู้ผลิตไม่กี่รายที่สามารถพัฒนาผลิตเครื่องนาฬิกาใช้ในแบรนด์ของตัวเองครับ
แต่อ่านแล้วอย่างเพิ่งซีเรียส ที่สุดแล้วก็คือ ซื้อมาแล้วใช้ดีไหม ทนทานไหม บอกเวลาได้ดีไหม คลาดเคลื่อนมากน้อยเพียงใด และสุดท้ายของสุดท้ายก็คือ คนใส่นาฬิกานั้นครับ ว่าเป็นคนตรงต่อเวลาเพียงใด ใส่นาฬิกาเรือนละล้านแต่มาสายประจำ ผมว่าน่าคบสู้คนใส่นาฬิกาเรือนละร้อยแต่มีวินัยในตัวเองไม่ได้ครับ
จากคุณ |
:
(แมลงสาบ)
|
เขียนเมื่อ |
:
9 มิ.ย. 53 09:38:36
|
|
|
|
 |