 |
วันแม่ปีนี้ ถ้าแม่ไม่ให้คุณกราบ คุณจะรู้สึกอย่างไร
|
|
วันแม่ปีนี้ ถ้าแม่ไม่ให้คุณกราบ คุณจะรู้สึกอย่างไร
แม่พูดคำนี้กับเรา เมื่อตอนที่เราทะเลาะกับน้องชาย เมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว เราเป็นคนที่โกรธง่าย และพูดไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่
วันนั้น เรานั่งรถตู้มาซื้อของที่กรุงเทพฯ กับพี่ (บ้านเราอยู่สุพรรณ) แล้วน้องชายเราอยากกินก๋วยจั๊บญวน ที่ขายอยู่ในบางลำพู ตรงถนนพระอาทิตย์ โดยจุดที่เราจะไปซื้อของคือแถวสำเพ็ง และพาหุรัด ซึ่งมันไกลจากบางลำพูพอสมควร และน้องชายเราก็อยากกินก๋วยจั๊บญวณ ตรงบางลำพูมาก ฝากเราซื้อตั้ง 5 ถุง ให้ตายเหอะ เราต้องแบกกลับบ้านที่สุพรรณเชียวนะ ร้อนก็ร้อน แถมคนเยอะอีกต่างหาก เราก็เลยบอกไปว่า ไม่เอา ไม่ซื้อ อยากกินให้เข้ากรุงเทพฯ มาด้วยกัน และไปกินด้วยกัน และกลับก็แบกกลับมาเอง น้องชายเราไม่ยอมมา เพราะว่า เขาเล่นเกมส์อยู่ (เรายิ่งหมั่นไส้ เข้าไปใหญ่ ) ทีเวลาน้องเราจะมาเที่ยวกะแฟนที่กรุงเทพ มาได้ตลอด แต่พอให้มากะเรา ไม่ยอมมา คราวนี้ แม่ได้ยิน แม่ก็บอกว่า ซื้อให้น้องมันหน่อย เดี๋ยวแม่เอาเงินค่าก๋วยจั๊บญวณให้ แล้วแม่ก็ให้เงินมาที่พี่สาวเรา แล้วแม่ก็ไปหาถุงกระดาษสาหูหิ้วมาให้เรา บอกว่าเอาไว้ใส่ก๋วยจั๊บกลับมาให้น้อง พี่เราก็บอกว่า เอาเหอะ ให้แม่สบายใจ เราก็โอเค ก็ได้
คราวนี้เรามาถึงกรุงเทพ แล้วเดินซื้อของกับพี่สาวเสร็จ (เรากับพี่ต้องแบกของ หนักก็หนัก ส่วนมากเป็นพวกยาสมุนไพร แบกกันคนละ 3-4 โล) แล้วพอซื้อเสร็จ เราเหนื่อย อยากจะนั่งรถกลับบ้านเลย แต่พี่เราบอกว่า เอาน่า เข้าไปซื้อก๋วยจั๊บให้น้องด้วย เราก็จะได้กินด้วยไม่ใช่เหรอ เราก็โอเค นั่งรถตุ๊กๆ ไปจากสำเพ็ง เข้าบางลำพู
พอถึงร้านก๋วยจั๊บ เราก็กินกับพี่สาวเราก่อน แล้วเราก็สั่งกลับบ้านกัน 6 ถุง ( ให้พ่อกับแม่คนละถุง แล้วของเรากับพี่สาวอีกคนละ 1 ถุง ก็จะเหลือของน้องชายเรา 2 ถุง) เพราะปกติเวลามีอะไรกิน เรากับพี่จะแบ่งให้พ่อกับแม่ก่อน แต่น้องชายเรามันเป็นคนกินเยอะ แล้วไม่เกรงใจด้วย พ่อกับแม่ก็มักจะไม่ได้กิน เพราะแม่จะบอกให้เก็บไว้ให้น้อง แล้วก็ไม่ยอมให้พ่อกินด้วย ต้องให้ลูกอิ่มก่อน แล้วพ่อกะแม่ค่อยกิน
คราวนี้ สั่งมาได้ครบ 6 ถุง เราก็ต้องแบกกลับบ้านกัน น้ำก๋วยจั๊บก็ร้อนๆ ตั้ง 6 ถุง (ให้เขาแยกเส้นไว้ จะได้ไม่อืด) แล้วก็ต้องแบกพวกยาสมุนไพรอีก โอ้แม่เจ้า มันหนักมาก แล้วหลังจากนั้น เราก็เรียกตุ๊กๆ ให้มาส่งที่ท่ารถตู้
โอเค กลับมาถึงบ้านและ เรากับพี่ก็แบกของกันมะง่อก มะแง่ก เข้าบ้าน เจอพ่อกับแม่ นั่งกินข้าวกันอยู่ โดยมีน้องชายตัวดี เล่นเกมส์ อยู่อีก เช่นเคย แล้วเราก็สวัสดีพ่อกะแม่ก่อน แล้วเราก็หันไปบอกน้องว่า ก๋วยจั๊บซื้อมา 6 ถุง ให้แบ่งคนละถุงนะ ของแกกินแค่ 2 ถุงพอ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะได้กินด้วย คราวนี้ มันหันขวับมามองเรา แล้วก็ตะคอกใส่เราว่า ไม่ได้สั่งซะหน่อย ซื้อมาให้ทำไม คราวนี้ เราก็โมโห แล้วบอกว่า ไม่กินก็ไม่ต้องกินนะ แล้วเราก็ถามพ่อกับแม่ว่ากินเลยหรือเปล่า เราจะเทใส่ชามให้ พ่อเราบอกว่าอิ่มแล้ว ส่วนแม่เราบอกว่า ไม่ได้ชอบกิน
เราก็เลยนั่งกินกับพี่สาว 2 คน แล้ว หลังจากนั้น เราก็ไม่พูดกับน้องชายเลย ถัดมาอีกวัน เราเล่นคอม pc อยู่ แล้วน้องชายเราเล่น note book ซึ่งปลั๊กที่พ่วงด้านหลัง มันมาจากที่เดียวกัน แล้วพี่สาวเราชวนเราไปซื้อของที่ตลาด เราก็ไปซื้อ พอ กลับมา น้องเราออกไปข้างนอกกับแม่ แล้วปรากฎณ์ว่าคอมเราดับไปแล้ว เราเลยบอกพี่เราไปว่า ดูซิ มันมาแอบชักปลั๊ก ตอนเราไม่อยู่ พี่เราก็บอกว่า น้องมันหวังดี เห็นแกเปิดทิ้งไว้นาน เลยช่วยปิดให้ เราก็โอเค เราเปิดใหม่ก็ได้ พอเราเปิดเล่นได้สักพัก น้องกลับมากับแม่ แล้วมันก็มาเสียบปลั๊กของมันต่อ คราวนี้มันทำของเราดับอีก เราเลยถามว่าทำไมไม่ขอโทษ มันบอกเราว่าไม่จำเป็น เราก็เลยบอกแม่ไปว่า แม่ดูสิ นี่มันเป็นคนผิดนะ น่าจะขอโทษหนูซะหน่อย แม่ก็ดุมันบอกให้มันขอโทษเรา แต่มันกลับพูดใส่แม่ว่า จำเป็นด้วยเหรอ แล้วสักพักแม่เรียกมันเข้าไปคุย แม่บอกมันว่า เราเป็นน้อง ควรจะต้องเคารพพี่ แล้วเป็นคนผิดด้วย ต้องขอโทษพี่สิ มันกลับพูดใส่แม่ว่า แม่แก่แล้ว ให้ปล่อยวางซะบ้าง
คราวนี้ แม่เลยมาพูดกับน้อง และเราว่า วันแม่ปีนี้ไม่ต้องมาไหว้แม่นะ แม่สอนให้ลูกรักกันไม่ได้ แม่ก็ไม่อยากเป็นแม่อีกแล้ว เราฟังแม่เราน้ำตาไหล เราร้องไห้ แล้วก้มลงไป จะกราบแม่ แม่ชักเท้าหนี แล้วถามว่า เราทำทำไม แม่บอกแล้วว่าไม่ต้องมากราบ มาไหว้แล้วไง เพราะแม่เป็นแม่ที่ดีไม่ได้ แม่สอนให้ลูกรักกันไม่ได้ เราบอกแม่ไปว่า แม่เป็นแม่ที่ดี แต่เราไม่เข้าใจน้อง ทำไมต้องมาทำแบบนี้ ต้องพูดไม่ดีกับแม่ ต้องเห็นคนอื่นสำคัญกว่าคนในบ้านด้วย ทำไมแม่ต้องยอมมันขนาดนี้ (น้องชายเราแต่ก่อน ตอนอยู่ ม.4 ขอรถจักรยานยนต์แม่ โดยการขู่ว่าถ้าแม่ไม่ซื้อให้ จะเป็นคนไม่ดี จะไม่ตั้งใจเรียน จะไปติดยา แล้วพอเข้า ม.5 ขอแม่ซื้อโทรศัพท์เครื่องละ 6,900 ตอนนั้นก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ พอมันเข้าปี 1 มันขอซื้อโทรศัพท์ nokia เครื่องละ 25,000 ตอนนี้เมื่อต้นปี มันขอซื้อ note book อีก เกือบ 40,000 โดยทุกครั้งจะอ้างเหมือนเดิม ถ้าแม่ไม่ให้ จะไม่เรียน จะไปขายยาบ้าง ไปเกเรบ้าง เป็นคนไม่ดีบ้าง )
เราร้องไห้ เราถามแม่ว่า แม่ให้มันเยอะขนาดนี้ ทั้งที่เรากับพี่สาว ไม่เคยขออะไรแม่เลย อยากได้อะไร จะเก็บเงินซื้อกันเองตลอด แล้วไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยอะไรขนาดน้องด้วย ทำไมต้องตามใจมันขนาดนี้ แล้วต่อไปถ้ามันขอรถแม่อีก แม่จะเอาเงินที่ไหนมาให้มัน หนูไม่อยากอยู่บ้านแล้ว ต้องเจอหน้ามัน ต้องทะเลาะกะมัน แล้วแม่ก็เข้าข้างมันอยู่ได้คนเดียว พี่สาวเราที่นั่งเงียบมานาน ก็ร้องไห้ แล้วดึงเราเข้าไปกอด เพื่อปลอบเรา คราวนี้ น้องชายเราก็ลุกขึ้นมาหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซต์ จะออกไปข้างนอก พ่อเรานั่งอยู่ ถามมันว่า จะไปไหน มันตอบพ่อมาว่า จะทำไม พ่อก็ถามไปอีกครั้งว่า จะออกไปไหน แล้วรู้ไหม นี่ใครพูด มันกลับตะคอกใส่พ่อมาอีก ว่า แล้วจะทำไม
พ่อเราโมโห จะลุกออกไปหามัน เรากับพี่รีบกอดขาพ่อไว้ เราบอกพ่อว่า พ่อปล่อยมันไปเหอะ แม่ปล่อยมันไปเหอะ ถ้ามันสำนึกได้ มันคงกลับมาเอง
จากตอนนั้น เราก็ร้องไห้ กับพี่ อยู่อีกพักนึง แล้วแม่ก็ถามเราว่า มีอะไรจะถามแม่อีก ถามมาให้หมดเลย ไหนๆ ก็เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราร้องไห้ เราบอกแม่ว่า ทำไมต้องให้มันเยอะขนาดนี้ ทั้งที่มันไม่เห็นค่าของแม่ แล้วมันก็ไปเห็นคนนอกบ้านดีกว่าคนในบ้าน มันไม่เคยคิดถึงพ่อกะแม่เลย มันนึกถึงแต่ตัวมันเอง มันคิดว่าพ่อกับแม่ให้มันไม่ได้เท่ากับที่เพื่อนๆ มันได้รับจากที่บ้าน แล้วทำไมแม่ไม่ปล่อยมันไป ถ้ามันจะเป็นเด็กไม่ดี มันเป็นไปนานแล้ว
คราวนี้ แม่ถามเราว่า แล้วเราจะให้แม่ทำยังไง ถ้าเราเป็นแม่ เราบอกมาสิ ว่าแม่ควรจะต้องทำยังไง เราอึ้ง เรานึกอะไรไม่ออก เราไม่ได้นึกถึงข้อนี้ เรานึกถึงแต่ให้ตัดมันออกไป แม่กลับใจเย็น อธิบายเราและพี่ว่า สิ่งที่แม่ให้ลูกทุกคนเท่าๆกันนั่น คือการศึกษา แม่หวังให้ลูกทุกคนจบปริญญาตรี (เราจบตรี ส่วนพี่เราจบโท น้องเราอยู่ปี 3 ตอนนี้) เมื่อลูกทุกคนจบ แล้ว ต้องทำงาน เลี้ยงดูตัวเองได้ แม่ไม่ได้หวังให้ลูกๆ ต้องเอาเงินกลับมาใช้แม่ กลับมาให้แม่ แค่ทุกคนดูแลตัวเอง หาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอ แล้วที่แม่ยอมให้น้องขนาดนี้ ก็เพราะแม่คิดว่า ถ้าแม่ไม่ให้ วันหนึ่งน้องเกิดไปขโมยของ ไปทำอะไรที่ไม่ดี ผิดต่อกฏหมาย แล้ว ใครที่จะเดือดร้อน ถ้าไม่ใช่พวกเรา แล้วถ้าเกิดมันไปทำอะไรไม่ดี ไปติดคุก ออกจากคุกมา มันก็ต้องไปหาพวกเราแน่ แล้วน้องทั้งคน เราจะผลักไสไล่ส่งมันได้ยังไง ดูอย่างหมู หมา เรายังเอ็นดูมัน ยังให้ข้าวมันกิน เรายังสงสารมัน ถึงตอนนั้น เราจะไม่สงสารน้องเราเลยเหรอ แล้วนี่แม่จะยอมๆ มันก่อนเพื่อกล่อมให้มันเรียนให้จบปริญญาตรี เพราะคนอย่างมันไม้แข็งไม่ได้ผลแน่นอน ต้องไม้อ่อน ค่อยๆตะล่อมมัน แล้วถึงตอนนั้น แม่คงไม่มีอะไรจะให้มันได้อีกแล้ว ตอนนั้น มันคงต้องเลี้ยงดูตัวมันเองแล้วล่ะ
เราฟังถึงตอนนี้ เรากับพี่เราร้องไห้ เราขอแม่ เราก้มลงกราบแม่แนบเท้าอีกครั้ง เราบอกแม่ว่า
แม่ค่ะ หนูรักแม่ หนูจะพยายามช่วยน้อง วันแม่ปีนี้ และปีต่อๆไป ขอให้หนูยังกราบแม่ได้อีกเหมือนเดิมนะค่ะ
แม่พยักหน้ารับ แล้วเราก็กอดแม่ เราสัญญากับตัวเองแล้ว จะใจเย็นกับน้องให้มากขึ้น จะพยายามช่วยน้อง ไม่ให้แม่ต้องลำบากใจอีก แม่ค่ะ หนูรักแม่ค่ะ
ปล.เรามาเพิ่มเหตุการณ์หลังจากวันนั้น
ตอนกลางคืน ประมาณ 4 ทุ่ม น้องกลับเข้ามาบ้าน แล้วหยิบมีดดาบซามูไรออกมา แล้วเดินเข้ามาหาเรา เรากับพี่สาวมองหน้ากัน ตกใจมาก น้องโยนดาบมาข้างหน้าเรากับพี่ แล้วบอกว่า ถ้าไม่ชอบมัน ไม่อยากเห็นหน้ามัน ก็หยิบดาบมาฟันสิ จะได้ตาย จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก เราบอกน้องไปว่า เก็บดาบไปเถอะ มันอันตราย เราไม่ได้อยากทะเลาะด้วย และอีกอย่างแกเป็นน้องชั้น ชั้นทำอะไรแกไม่ได้หรอก ถึงชั้นจะเกลียดแกแค่ไหน ชั้นก็ไม่ทำร้ายแกหรอก และชั้นก็อยากเห็นแกเป็นคนดี เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เพื่อตัวแกเอง และก็เพื่อพ่อกับแม่ น้องมันฟังแล้ว ก็เดินหนีไป เราภาวนาให้มันคิดได้ รู้สึกว่ามันจะเดินเข้าไปห้องพระ อาจจะไปสงบสติอารมณ์ แล้วไตร่ตรองดูใหม่ พออีกวัน เชื่อแล้วว่า หลังฝนตก ฟ้าย่อมแจ่มใสเสมอ มันเข้ามาขอโทษพ่อกับแม่ ขอโทษเรากับพี่ เราเชื่อ ว่าน้องเราคงคิดได้แล้วจริงๆ เราไม่อยากเห็นแม่กับพ่อต้องหนักใจเพราะมันอีก เราหวังอย่างนั้นจริงๆ
ปล.2 เราอินกับความรู้สึกตอนนั้นเข้าไปด้วย ในช่วงเวลาที่กำลังเขียน แม้จะเหมือนนิยายไปบ้าง แต่เราก็เขียนตามความรู้สึกของเรา ณ ช่วงเวลานั้นจริงๆค่ะ
ปล.3 ทุกวันนี้ เราก็พยายามกอด พยายามหอมแม่ตลอดเวลา ที่เราไม่เขินอาย เพราะเราก็ไม่รู้ท่านจะอยู่กับเราได้อีกนานแค่ไหน ทุกครั้งที่เราคุยกับแม่ เราจะพูด จะบอกแม่เสมอแหล่ะค่ะ ว่าหนูรักแม่นะ หนูคิดถึงแม่นะ เพื่อที่ต่อไป เราไม่มีโอกาสได้พูด แล้วเราจะได้ไม่มาเสียใจภายหลังค่ะ
ปล.4 หวังว่าเพื่อนๆทุกคน อ่านกระทู้นี้แล้ว เย็นนี้ เจอกับ พ่อ กับ แม่ที่บ้าน หรือคุยกันผ่านโทรศัพท์ ก็อย่าลืมบอกท่านว่า รักท่านนะคะ ถึงแม้เราจะโตๆ กันแล้ว ไม่กล้า บอก ไม่กล้าพูดกับท่าน แต่ลึกๆ แล้ว เราเชื่อว่าทุกคนคงอยากทำแบบนี้กันแน่นอนค่ะ
แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 15:50:30
จากคุณ |
:
momotaro&lingdoi
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ส.ค. 53 13:26:12
|
|
|
|  |