การศึกษาไทย...จะเรียนแข่งเอาถ้วยเหรอ !?
|
|
คน เราตื่นนอนกันมาตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อไปโรงเรียน อยู่ที่นั่นเป็นเวลาทั้งวัน จากนั้นก็กลับมาถึงบ้านตอนห้าโมงเย็น ทำการบ้าน เรียนพิเศษ อาบน้ำนอน...นี่สินะ ชีวิตเด็กไทย ชาติหนึ่งที่เรียนหนัก เรียนทีวันหนึ่งตั้ง เจ็ดแปด คาบ คาบละหนึ่งชม. เรียนแต่วิชาการ นั่นแหละเด็กน้อย เธอต้องเรียนให้หมดนะ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย อังกฤษ จีน ศิลปะ พละ เรียงความขั้นสูง สังคม พระพุทธศาสนา คอมพิวเตอร์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี รกหัวสมองแต่กลับไม่พัฒนาความสามารถการใช้ชีวิตเอาตัวรอดนอกห้องเรียน
ขณะ ที่ รร ในเมืองนอก เรียนกันเลิกประมาณบ่ายโมง เที่ยง เอาเวลาที่เหลือไปเรียนรู้กันเองนอกห้องเรียน ชมรม กีฬา งานพิเศษ พัฒนาชุมชน กิจกรรมกลางแจ้ง และเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองมากกว่าการนั่งฟังครูสอนอยู่ภายในห้อง
การ ศึกษาที่แท้จริง ฉันว่าไม่ใช่การท่องจำ เพราะความจำเชื่อถือไม่ได้ น่าจะเป็นการปฏิบัติลงมือทดลองทำมากกว่า แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีงบประมาณเพียงพอให้ รร ซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบที่จำเป็น หรืออาจจะเป็นเพราะว่า นร เยอะเกินไป ใน รร ที่ใหญ่ ๆ และมีชื่อเสียง ขณะที่ รร ไม่มีชื่อก็ไม่มีคนไปเรียน...แล้วมาตรฐานมันอยู่ตรงไหน ? นร บ้านไกลหอบของมา รร ตอนเช้าอย่างเร่งรีบ เรียนไม่รู้เรื่อง กลับบ้านดึก ทำการบ้านไม่ทัน หรือนอนหอพัก ห่างไกลครอบครัว
ฉัน เข้าใจว่านี่เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก แต่ก็อดหวังไม่ได้ว่าซักวันหนึ่งในอนาคตที่การศึกษาของไทยจะเปลี่ยนแปลงบ้าง บางทีถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะมี นร อยากเผา รร อีกก็ได้ ความเครียดเรื่องการบ้านและกิจกรรมก็กดดันเราเหมือนกัน เด็ก...ยังไงก็เป็นเด็ก
เป็น ไปได้ไหม ถ้าไทยจะมีมาตรฐานการศึกษาที่เท่าเทียมกันทุก รร อาจจะเป็นชื่อเสียงที่แตกต่าง แต่ไม่ใช่การเรียนการสอนหรืออุปกรณ์ความพร้อม เป็นไปได้ไหมที่รัฐจะจัดสรรงบประมาณปฏิรูปการศึกษาเสียใหม่ เรียนให้เป็นด้าน ๆ เป็นสาย ๆ จะเรียนต่อสายไหนก็เรียนสายนั้นไปเลย เรียนวิชานั้น ๆ ไป เป็นหลัก ตัดสินใจห้ตัวเอง เพราะเรียนเยอะไปก็เหนื่อยเหมือนกัน เวลาทบทวนก็ไม่มี อย่าเชื่อเพียงค่านิยมว่า เฮ้ย ข้าเรียนเยอะ เรียนหนัก ข้าเก่ง บางทีการเรียนเยอะไปก็ทำให้เราเหนื่อยเหมือนกัน ล้า ทั้งร่างกายและสมอง ปัจจุบนนี้ผู้ใหญ่ชอบให้เด็กเรียนให้เยอะ ๆ ไม่สนใจหรอก ดนตรี กีฬา นันทนาการ ที่ รร มีห้องซ้อมกีฬา สีสนาม มีเครื่องดนตรี แต่ไม่เคยเปิดให้ นร เข้าใช้ได้ ไม่เคยเปิดให้ นร ได้ยืมไปเล่น ถามหน่อย ว่าเก็บเงินมาเพื่อให้ นร ทุกคนเล่นไม่ใช่หรือ ? ถ้ามัวแต่กลัวความเสียหายแล้วจะซื้อลงทุนมาทำไม ? ถ้า มันใช้กันหลายคนก็เป็นธรรมดาถึงความเสียหาย คุณอาจจะตั้งกฎหรืออะไรก็ได้ แต่อย่างน้อย นร ที่ไม่ใช่นักกีฬา รร ก็น่าจะได้ใช้เหมือนกันสิ...
ว่า ไปนั่น ดูตารางสอนซะก่อน แค่เวลาจะเดินมาเข้าห้องน้ำยังแทบไม่มีเลย เรียนเต็มทุกคาบ เดินกันไปมาให้วุ่นวาย ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยนะ ทั้งเหนื่อยทั้งล้าทั้งเครียด แต่ละวิชา ก็ต่างครูกัน ต่างหลักสูตร วิชาหนึ่งก็นัดสอบ นัดแสดงบทบาทสมมุติ นัดส่งรายงาน นัดเรียนเพิ่มเพราะคาบไม่พอ ทั้ง ๆ ที่เรียนอยู่แล้วตั้งแปดคาบต่อวันก็ยังไม่พอ นัดกันมาเรียนเพื่อน ๆ มีมีเรียนพิเศษ มาไม่เคยตรงกันซักที นัดมาทำรายงาน งานห้อง งาน รร งานโครงการ วันเสาร์ อาทิตย์ก็ไม่สะดวกกันอีก แล้วการกลุ่ม สุดท้ายก็เปรียบเสมือนงานเดี่ยวที่ต่างคนต่างรับผิดชอบ ตัดสินใจเพียงแค่คนเดียว ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนก็ไม่แน่นหนา ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้ทำงานร่วมกัน ไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน หรืออาจจะต้องบอกว่าไม่มีความปรองดองในโลกของการแข่งขัน ?
ใคร ๆ ก็คิดว่านี่เป็นการแข่งขันทั้งนั้น ต้องเรียนให้หมด ให้รู้เรื่องทุกวิชา สี่ เกลี้ยง แต่ถามหน่อยว่าพอไปอยู่มหาลัย วิชาที่ใช้จริง ๆ มีกี่วิชา ในแต่ละสาย? แล้วจะเรียนไปทำไมเยอะแยะ ? เพื่อให้บ้าเร็วขึ้นใช่ไหม ? กลัวเครียดกันน้อยไปสินะ ถามจริงเถอะ ถ้า รร เลิกซักบ่ายโมงเนี่ย มันเป็นไปไม่ได้เหรอ ? ฉัน ว่ามันแก้ปัญหาได้หลายอย่างเลยนะ ทั้งหมดที่กล่าวมาเนี่ย เพียงแค่เราละทิ้งค่านิยมเดิม ๆ แล้วออกนอกกรอบบ้าง (อย่างที่พ่อแม่มักอยากให้ลูกตวเองเป็นหมดหมดนั่นแหละ แต่ละอาชีพก็มีข้อดีของมันไป มองให้เห็น มองให้ชอบ แล้วเราก็จะไปด้วยกันได้ เพราะมันไม่ได้อยู่ที่เงินเดือนหรือความีหน้ามีตาเลย)
หรือ คุณคิดว่าไง เด็กกลับบ้านมีเวลาเพิ่มขึ้นให้ครอบครัว ให้กิจกรรมกลางแจ้ง การเรียนรู้ด้วยตัวเอง การคิดและแก้ปัญหาเอง อยู่กับเพื่อน ๆ รวมกลุ่มกันทำรายงาน และ...ทบทวนการบ้านเอง ไม่ต้องไปแย่งกันเข้าคิวเรียนพิเศษอยู่อย่างทุกวันนี้
เครดิต dek-d.com ป.ล.อยากให้คน pantip ได้อ่าน ผู้ใหญ่จะได้เข้าใจเด็กไม่มากก็น้อยอ่ะนะ
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 53 00:30:50
จากคุณ |
:
~Fasai Pourai~
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ส.ค. 53 00:29:59
|
|
|
|