เราต่างมีจินตนาการที่พึงใจซุกซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกทุกคน เรามองเห็นตัวเองโดยสารรถไฟไปตามเส้นทางอันยาวไกล จากหน้าต่างเราเห็นภาพต่างๆ ผ่านไปรถราขวักไขว่บนถนน เด็กน้อยโบกมือไหวๆอยู่ข้างทาง ฝูงวัวยืนเคี้ยวเอื้องอยู่กลางทุ่งหญ้า กลุ่มควันลอยตัวขึ้นสูงจากปล่องโรงไฟฟ้า นาข้าวเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ที่ราบสลับเนินสูง ตึกระฟ้าสลับศาลาเทศบาล แต่ใจของเรากลับจดจ่ออยู่ที่สถานีปลายทาง เมื่อเราไปถึงที่นั่น สิ่งที่เราวาดภาพเอาไว้ ณ จุดหมายปลายทาง บางเรื่องเราสมหวัง บางเรื่องผิดหวัง บางสิ่งกลายเป็นจริง บางสิ่งเราอาจไม่พบมัน แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา จะปะติดปะต่อได้อย่างเหมาะเจาะเป็นภาพใหญ่ที่สมบูรณ์ เราจึงพากันกระสับกระส่ายรุ่มร้อนกับการที่ต้องรอคอย เพราะเราเชื่อว่าเมื่อไปถึงสถานี เราจะได้มีความสุขกันเสียที บ้างก็ว่า
"เมื่อซื้อรถเบนซ์รุ่นล่าสุด" "เมื่อส่งลูกทุกคนจนจบมหาวิทยาลัย" "เมื่อผ่อนบ้านหมด"
และบ้างก็ว่า
"เมื่อได้เลื่อนตำแหน่ง" "เมื่อธุรกิจประสบความสำเร็จ" "เมื่อมีทรัพย์สินรวม 1,000 ล้าน" "เมื่อถึงวันเกษียณอายุ" ทว่าในไม่ช้า เราก็ประจักษ์ว่าไม่มีสถานีปลายทาง ไม่มีสถานีที่ใดให้เราเดินทางไปถึงเพื่อจบสิ้นการรอคอย เพราะ ความสุขแท้จริงของชีวิตอยู่ที่การเดินทาง สถานีปลายทางเป็นเพียงภาพฝัน ต่อให้เราเดินทางอีกยาวนานเพียงใด ก็ยังคงอยู่ไกลแสนไกล "จงเพลิดเพลินกับวันนี้" ดูจะเป็นคติประจำใจที่ดี เพราะสิ่งที่ทำให้มนุษย์มัวเมาคลุ้มคลั่งมิใช่ภาระอันหนักอึ้งในวันนี้ แต่คือ ความเสียใจที่มีให้กับวันวานและความหวาดกลัวต่อวันพรุ่งนี้ต่างหาก ทั้งสองเปรียบเสมือนโจรที่ปล้นเอาวันนี้ไปจากเรา เพราะฉะนั้น เลิกกระวนกระวายกับการรอยคอยให้ถึงสถานีปลายทางเสียเถอะ มาปีนป่ายภูเขา กินไอศครีม เดินเท้าเปล่า ลงเล่นน้ำในลำธาร ชื่นชมพระอาทิตย์ยามอัสดง หัวเราะให้มากขึ้น และพร่ำรำพันให้น้อยลง จงใช้ชีวิตทุกวันให้คุ้นค่า แล้วสถานีปลายทางจะปรากฏขึ้นเองเมื่อถึงเวลา
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 53 19:25:18
จากคุณ |
:
Camel's Back
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ต.ค. 53 19:21:45
|
|
|
|