เราเจอกันในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ฉันสะดุดที่แววตาของเขา และรอยยิ้มอ่อนโยนนั่น
เราำไม่ทำความรู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น ต่างคนต่างใจลอย มองเหม่อไปข้างหน้า ในใจคิดอะไรบางอย่าง .. อยู่ในโลกส่วนตัว
ก่อนที่เขาจะลุกออกไปจากม้านั่งตัวนั้น เขาหันมายิ้ม .. อ่อนโยนกว่าเดิม
ในหัวของฉันตอนนั้น ได้แต่คิดว่า .. เขาคงเป็นผู้ชายขี้เหงา ถึงได้ออกมานั่งคนเดียว ยิ้มให้ท้องฟ้า เล่นกับยอดหญ้าแบบนั้น
ฉัน .. ไม่เคยมีความรัก ตั้งแต่เรียนจบมา
ไม่เคยอ่อนไหวใจง่ายกับผู้ชายมาก่อน ..
สัปดาห์ละ ๗วัน ที่ฉันอยู่กับงาน ชีวิตเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อายุ ๒๒
ฉันกับเขา เจอกันอีกครั้งโดยบังเอิญ หลายต่อหลายครั้ง เราก็แค่ยิ้มทักทายกันเท่านั้น
จนวันหนึ่ง .. วันว่างที่ฉันอารมณ์ดี ฉันออกไปนั่งวาดรูปที่ริมแม่น้ำ
อากาศร้อนทำให้ฉันรู้สึกเพลียนิด ๆ แต่ก็ยังนั่งวาดรูปด้วยอารมณ์อ่อนไหว ลึกซึ้ง
ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า จู่ ๆลมก็พัดมา ทำให้ของที่วางอยู่กำลังจะปลิวไป
ผู้ชายคนเดิมคนนั้น มาช่วยเก็บของ มีเพียงรอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้า ไม่มีแม้เพียงสักคำที่จะเอ่ยออกมา
ฉันกล่าวคำขอบคุณ เขาตอบกลับมาเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโอนกว่าเก่า
ฉันพร่ำบ่นถึงลมเฮงซวยนั่น ที่ทำให้ฉันต้องละทิ้งอารมณ์อันลึกซึ้งมาตามเก็บข้าวของที่ปลิวกระจุยกระจายด้วยแรงลม
ฉันสบถออกไปหลายคำ พอนึกได้ รู้สึกตัวก็มองหน้าเขา พร้อมกับกล่าวคำขอโทษ
เขาหัวเราะเบาเบา ยิ้มกว้างกว่าเก่า และส่งของคืนให้กับฉัน แล้วก็เดินจากไป
ฉันยังสาละวนกับการเก็บของให้เสร็จ จะได้รีบกลับบ้านก่อนที่ฝนจะตกลงมา
เขาเดินย้อนกลับมา พร้อมกับยื่นการ์ดเล็ก ๆมาให้ฉัน เขาทำหน้าเขิน ๆก้มหน้ามองที่พื้น ก่อนจะรีบเดินหนีไป
กลับมาถึงบ้าน ฉันเปิดซอง ดึงการ์ดออกมาอ่าน
"คุณจำผมได้ไหม ? เราเคยพบหน้ากันหลายครั้งที่สวนสาธารณะ"
"แอดmsn ของผมเอาไว้นะครับ เราจะได้คุยกัน"
"ได้โปรดอนุญาตให้ผมได้รู้จักกับคุณ"
ฉันแปลกใจ .. ผู้ชายแบบไหนกันนะ ที่เขียนอีเมล์มาให้ผู้หญิงแอด msn ???
/ ฉันเผลอหัวเราะกับตัวเอง
เกือบ ๒ เดือนที่ฉันไม่ได้ออกไปเดินในสวนสาธารณะอย่างที่เคยชอบไป
วูบหนึ่งที่ฉันคิดถึงเขา ฉันละมือออกจากงานที่ทำอยู่ และเริ่มต้นเขียนอีเมล์
มองเหม่อออกไปไกลสุดไกล ฉันเริ่มต้นพิมพ์จดหมาย ..
"ต้นไม้เล็ก ๆ ต้นนั้น ข้าง ๆ ต้นไม้ใหญ่ที่มีดอกสีแดง-ส้ม มันโตขึ้นบ้างรึเปล่า ?
ม้านั่งตรงนั้น มันยังอยู่ที่เดิม หรือว่าเขาย้ายมันไปที่อื่นแล้ว ?
ฉันสบายดี แต่นอนน้อยหน่อย เพราะงานยุ่งมาก คุณสบายดีใช่มั้ย ?"
ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกมาก ที่เขียนไปแบบนั้น
ทำไมฉันไม่ถามในสิ่งที่ฉันอยากถาม ?
ความสงสัยมากมายจะได้มีคำตอบ !
เขาตอบกลับมาตอน ๓ ทุ่ม วันเดียวกัน
" ต้นไม้เล็ก ๆ ต้นนั้น ออกดอกแล้ว สีขาว มีเกสรสีส้ม ๆ ดำ ๆดูสดใสเชียวครับ"
"ม้านั่งตัวนั้น ยังอยู่ที่เดิม เหมือนกับว่ามันรอคุณอยู่"
"ผมดีใจที่คุณเขียนมาหาผม "
"ผมโง่มาก ที่ไม่ขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณเอาไว้"
"ผมคิดถึงคุณ"
- อัศวิน -
ฉันบอกไม่ถูกว่าอ่านจดหมายนี้แล้ว รู้สึกยังไง ?!
แต่อย่างนึงที่คิดก็คือ มีงานบานหัว ที่ต้องรีบเผา เอ้ย ! รีบทำให้เสร็จ
ก่อนที่ลูกค้าจะมาจิกหัวลากไปตามถนน !!
เราส่งจดหมายโต้ตอบกันทุกวัน
๒-๓ ประโยคแค่นี้ ไม่มีอะไรยาวกว่านั้นได้
ฉันแอดเขา ใน msn list ในค่ำคืนที่รู้สึกเดียวดายที่สุด
แต่เขาไม่ได้ออนไลน์ (

)
ครึ่งเดือนผ่านไป เราคุยกันทาง msn เกือบทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย
อยู่มาวันหนึ่ง เขาพูดว่า ขอเปิดกล้องได้ไหม ? เขาอยากเห็นหน้าฉันอีกสักครั้ง
ทันทีที่เชื่อมต่อสำเร็จ ฉันเห็นเขานั่งอยู่ คิดว่า คงจะเป็นในห้องนอน
ด้านหลังและด้านข้างของเขา มีชั้นวางหนังสือ ที่มีหนังสือเรียงอยู่จนเกือบเต็ม
ฉันคิดว่า เขาคงเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก ๆ และคงจะเรียนเก่งไม่เบา
ฉันทักทายเขาผ่านไมโครโฟน เขาได้แต่นั่งยิ้ม ไม่ตอบอะไร ไม่พูดอะไรสักคำ
ฉันคิดว่า อินเตอร์เน็ทไม่ดี เสียงอาจจะอู้อี้ ทำให้ฟังไม่ชัด
ฉันพยายามพูดซ้ำอีำก เขายิ้มแบบเศร้า ๆ เหมือนคนจะร้องไห้ แล้วก็ปิดกล้องไป
อ้าววว !
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ งงสุด ๆ แต่ยังมองโลกในแง่ดี คิดว่าเน็ทมันหลุด
เขาพิมพ์ข้อความส่งมาว่า "ผมขอโทษ" ติด ๆ กันหลายครั้ง
ฉันคิดเอาเองว่า "สงสัยเมียมาเจอ เลยโดนตีหัวแตกไปแล้ว"
ไม่ถึง ๓ นาทีต่อมา เขาเรียก video call อีกครั้ง
ฉันกดรับ เห็นเขานั่งทำหน้าเครียด ฉันยิ้มให้เขา เหมือนกับไม่มีอะไรงง ๆเกิดขึ้นมาก่อน
เขาทำหน้าเศร้ากว่าเดิม แต่ไม่พูดอะไร เขาพิมพ์คำว่า "ผมขอโทษ" อีกครั้ง
ฉันคิดว่า ฉันได้ยินเสียงคีย์บอร์ดทุกตัว เวลาที่เขาพิมพ์ แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมพูด
ฉันพูดอะไรออกไปตั้งเยอะ ( เพราะขี้เกียจพิมพ์ )
เขาพิมพ์มาว่า
"ผมดีใจที่ได้เห็นหน้าคุณอีกครั้ง คุณเป็นคนที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ
คุณมีรอยยิ้มที่สดใส แววตาใสซื่อดูว่างเปล่านั่น ทำให้ผมอยากเจอคุณทุกวัน
ผมอยากได้ยินเสียงของคุณ ผมอยากฟังเสียงของคุณเรียกชื่อของผม
ผมอยากจะพูดกับคุณ อยากเล่าเรื่องตลก ๆ อยากร้องเพลงให้คุณฟัง
ทุกครั้งที่ผมเจอคุณนั่งเหม่ออยู่ในสวน
ผมขอโทษ ผมเสียใจที่ผมทำแบบนั้นไม่ได้"
ฉันยังนั่งฟัง ไม่สิ ! นั่งอ่านทุกถ้อยคำ ที่เขาพิมพ์ และมองหน้าเขาที่หน้าจอ ด้วยความไม่เข้าใจ
จนเขาบอกกับฉันว่า "ผมไม่ได้ยิน เพราะผมเห็นคนหูหนวก"
"อุบัติเหตุตอน ๓ ขวบ ทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
และนั่น เป็นสาเหตุให้ผมพูดไม่ได้ ตั้งแต่ที่ผมเจอคุณครั้งแรก
ผมก็พยายามที่จะฝึกพูดให้มากขึ้น พยายามออกเสียงให้มากขึ้น
เพราะผมอยากพูดคุยกับคุณ ผมเสียใจที่เป็นคนพิการ"
"รู้อย่างนี้แล้ว คุณรังเกียจผมรึเปล่า ?"
ฉันน้ำตาไหล ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
หรือเพราะว่าฉันสงสารเขาหรอ ?
ฉันคิดว่า เขาคงเคยเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีมามาก
มันถึงทำให้เขาดูอึดอัด และเสียใจขนาดนี้
อาจเป็นเพราะเขาสูญเสียการได้ยิน และพูดไม่ได้
ธรรมชาติถึงชดเชยให้เขาโตขึ้นเป็นผู้ชายหน้าตาดี หุ่นดี นิสัยดี และสูง 185
ตั้งแต่วันนั้น เขาจะขอบคุณฉันเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เราออกไปเดินเล่นกัน
เวลาออกไปข้างนอก เราจะสื่อสารกันด้วยภาษามือง่าย ๆ หรือจดใส่กระดาษ
ยิ้ม และหัวเราะไปด้วยกันเสมอ
เขาเป็นผู้ชายน่ารัก และอบอุ่น พยายามเอาใจ ดูแลและปกป้องฉันในทุกสถานการณ์
ทุกครั้งที่ฉัน เผลอร้องเพลงออกมา เขาจะเอานิ้วมาสัมผัสที่ปากของฉัน
มองลึกลงไปในตา และยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
ฉันรู้ในทันทีว่า .. เขาอยากได้ยิน
บางครั้งที่เห็นเขาน้ำตาคลอ .. ในใจของฉันก็นึกสงสารเขาจับใจ
หลายครั้งที่คนอื่น มอง แล้วซุบซิบ หลายคนหัวเราะออกมาเหมือนมันเป็นรื่องตลก ที่เราคุยกันผ่านกระดาษ
เขามักจะมองหน้าฉัน แล้วก้มหน้า หันไปทางอื่น
ฉันรู้ว่า เขาน้อยใจตัวเอง ที่เป็นแบบนี้
ทุกครั้ง ฉันจะจับมือเขาเอาไว้ ถ้าทำได้..ฉันจะจูงมือเขาเดินไปจากตรงนั้น
เขาจะกุมมือฉันเอาไว้ และพยายามพูดออกมาว่า "ผมขอโทษ"
นับวันผ่านไป เราสนิทกันมากขึ้น จนเขาบอกรัก
เขาสารภาพว่า เขาไม่กล้าถามว่า ฉันรู้สึกกับเขายังไง
ทุกครั้งที่เขาบอกรัก ฉันจะยิ้ม และกอดเขาเอาไว้แน่น ๆ
ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเพราะไม่กล้า หรือกลัวผลที่จะตามมาในอนาคต
๑ ปี ผ่านไปแล้ว
เรายังเหมือนเดิม ทุกอย่าง
ฉันไม่แน่ใจในอนาคตของตัวเอง
ไม่รู้ว่า คนในครอบครัวจะคิดยังไงหากฉันคบกับเขาเป็นแฟนจริง ๆ
ผู้ชายคนนึง ที่หลายคนหัวเราะเยาะ คนที่มีอะไรไม่เท่ากับคนอื่น ๆ
คนที่พูดไม่ได้ อยู่ในโลกเงียบ ๆมาตั้งแต่อายุ ๓ ขวบ
เพื่อน ๆ หลายคนพูดว่า ฉันควรจะได้เจอกับผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่าง
อย่าเอาชีวิตและอนาคตทุ่มเทให้กับคนที่จะเป็นภาระกับตัวเอง
ฟังแล้วก็ .. สะเทือนใจเหมือนกัน
ฉันไม่รู้ว่า จะทำยังไงต่อไป
ฉันควรจะเป็นแบบนี้ ยังจะคบกับเขาอยู่แบบนี้
หรือรับรักผู้ชายคนอื่นไปซะ ?
โลกของฉัน เงียบลงเรื่อย ๆ
ฉันเริ่มที่จะไม่เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจใด ๆ
ฉันเริ่มที่จะไม่ฟังเสียงของคนอื่น
การที่เราได้อยู่เงียบ ๆ ซะบ้าง
คุยกันแบบเงียบ ๆ
ไม่มีเสียงทะเลาะกัน ไม่มีคำสบถให้ระคายหู เคืองใจ
มันก็ทำให้จิตใจของเรา สงบลง และนิ่งมากขึ้น
ได้อ่านเรื่องของฉันแล้ว ..
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ?
[ ยินดีรับฟังคำวิจารณ์ และคำแนะนำทุกแง่มุมนะคะ ]