 |
ในความเห็นส่วนตัว ผมว่า ต้องขึ้นอยู่กับ ลักษณะงานที่เราสนใจจะไปสมัครด้วยน่ะครับ แล้วก็ดูด้วยเป็นบริษัท ฝรั่ง หรือ ไทย บางทีรายละเอียดเล็กน้อย เราอาจไม่สนใจ แต่ เขามองนะครับ เช่น เคสนี้เจอกับตัว เราไปสมัครงานบริษัทฝรั่ง ซึ่ง การเขียนตัวเลขในแบบยุโรป กับ แบบ อเมริกามันจะต่างกัน เช่น ลงรายละเอียดในการกรอกใบสมัคร November 1st,2011 กับ 1st November 2011 ฯลฯ ตรงนี้ผมสอบตกครับ เค้าบอกว่า ถือว่าคุณไม่มีความสนใจในองค์กร ไม่รู้วัฒนธรรม - -"
แนะนำอย่างน้อยในการไปสัมภาษณ์ ลองร่างคำถามที่คิดว่าจะถูกถามไว้ก่อนล่วงหน้านะครับ แล้วเราจะได้หาคำตอบที่เราต้องการ และยังได้เป็นการเตรียมการณ์ไปในตัวด้วย เวลาตอบจริง เราจะได้ดูเหมือนว่า เราตอบด้วยใจจริงๆ ไม่ใช้เวลาคิดนานมากไปต่อหนึ่งคำถามที่เขาถาม และยังสร้างบุคลิกมั่นใจในตัวเองให้เราอีกด้วย (โดยทั่วไป น่าจะได้ประมาณ 30-40 คำถาม ต่อหนึ่งการสัมภาษณ์นะครับ)
ในส่วนของ resume เราสามารถแก้ไขในส่วน Ability and Interesting ได้นะครับ ให้สอดคล้องกับลักษณะงานที่จะไปสมัคร เช่น ใส่ interesting ไปว่า travel, culture สำหรับงานพวกทัวร์ เป็นต้นครับ และมันก็ไม่น่าเกลียดเท่าไรนะครับ ถ้าเราส่งให้เขาไปทั้ง resume ในทั้งแบบไทย และ อังกฤษ แนะนำว่าพิมพ์ออกมาทั้งไทย และเทศ ก็ดีนะครับ
เสื้อผ้าหน้าผมก็สำคัญครับ ในความเห็นส่วนตัวของผม แนะนำให้แต่งตัว ปรับบุคลิก ให้ คนสัมภาษณ์ เขามองภาพเราออกครับ ว่าเราเป็นคนในแบบที่เขาต้องการ เช่น แต่งตัวดี เสริมด้วยบุคลิก กล้าแสดงออก อัธยาศัยดี สำหรับการสมัครงานในสายงานบริการ ,หรืออาจจะใส่สูทในกรณีชาย หรือแต่งตัวคล้ายพนักงานต้อนรับในสายการบินเลย ในกรณีที่สมัครงานสายการบิน เป็นต้น
บางทีเราต้องแสดงออกให้เค้าเห็นว่า เรานี่ล่ะ คือคนที่เขาต้องการมาร่วมองค์กร ไม่ต้องไปมองคนอื่นแล้วนะ อะไรประมาณนี้ครับ
อ้อ อันนี้ง่ายๆแต่ มีผลมากกว่า 50% ที่จะได้งานนะครับ ผมว่า อย่าลืมมารอให้เค้าเห็นก่อนเวลานัดสัมภาษณ์ประมาณ 20 นาที ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยนะครับ (เราจะได้ลดความตึงเครียดไปในตัวด้วยไง)
ปล. บางทีผมอาจจะคิดมากเกิน ไปสัมภาษณ์จริงๆอาจจะไม่เจออะไรแบบนี้เลยก็ได้ครับ พอดีผมเล่าจากที่ผมไปพบเจอมา เลยเอามาเล่าสู่กันฟังอีกที ...ขอให้ จขกท. โชคดีกับงานใหม่นะครับ
จากคุณ |
:
คุณพ่อแก้ว
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.พ. 54 01:08:10
|
|
|
|
 |