Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แชร์ประสบการณ์ : มีใครเป็นแบบนี้บ้างไหมคะ ''สามีไม่ให้ทำอะไรเลย...'' ติดต่อทีมงาน

ไม่ได้เป็นสมาชิกถาวรของพันทิพย์ค่ะ สมัครไม่เป็น เหมือนสมาชิกมือถือจะหมดอายุด้วย ก็เลยลองใช้บัตรผ่าน

--------------------------------------------------------

กระทู้นี้แค่อยากจะระบายกับผู้คนในโลกไซเบอร์ที่ไม่รู้จักหน้า ไม่รู้จักตัวตน ไม่รู้จักหน้าที่การงาน หวังว่ามันคงจะไปได้สวย อยากฟังความคิดเห็นจากคนหลายๆ คน อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้น

เคยเล่าเรื่องนี้ให้คนรอบข้างฟัง แต่คำตอบที่ได้มันยิ่งทำให้รู้สึกช้ำใจยิ่งกว่าเดิม เศร้าดีนะคะ :)

--------------------------------------------------------

เมื่อก่อน... ดิฉันเป็นคนรักอิสระ ชอบเล่นกีฬา ชอบอยู่คนเดียวเพราะรู้สึกว่ามีสมาธิ จบมหาวิทยาลัยที่ดีแห่งหนึ่ง ฐานะปานกลาง ครอบครัวจะสอนเสมอว่าเราต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้อย่าไปเกาะคนอื่นกิน ดิฉันเลยชอบทำโน่นทำนี่ ถ้าได้อยู่เฉยๆ คือเลือกที่จะอ่านหนังสือเพราะทำอาชีพเกี่ยวกับหนังสือที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำได้ มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองตลอด

ส่วนสามี แต่งงานกันมา 2 ปี... เขาเป็นลูกคนเล็ก เกิดในครอบครัวฐานะดีมาก เป็นครอบครัวที่มีหน้ามีตามีชื่อเสียงแถวภาคอีสาน พ่อกับแม่ตามใจ เขาเรียนไม่จบแต่พ่อกับแม่ก็ยกกิจการให้เขาทุกอย่าง แล้วทุกวันนี้เขาก็ดำเนินมันไปด้วยดี หน้าตาก็.. งั้นๆ แต่เป็นคนเอาใจเก่ง :)

สามีรักดิฉันมาก ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เขาจะเป็นฝ่ายขอโทษ ทั้งๆ ที่เขาไม่ผิด เวลาทำอะไรเขาจะโทรมาหาตลอดเวลา อยากได้อะไรเขาก็ซื้อให้(บ้าง) แล้วเวลาที่ดิฉันต้องกลับบ้านที่กรุงเทพ เขาก็จะต่อสายโทรศัพท์ตลอดเกือบทั้งวัน คุยกันตลอด ถ้าไม่ได้ต่อสายก็ต้องเปิด skype ให้ได้เห็นหน้า เนื่องจากเป็นบริษัทเขาเองก็เลยไม่มีปัญหา และเพราะมีเขาหนีบเหมือนเงาตามตัว... ทำให้ดิฉันเหลือเพื่อนเพียงแค่คนเดียว (แถมยังไม่ค่อยได้คุยด้วย)

ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคงมีความสุขกับความรักที่สามีให้จนล้นพ้น

แต่รู้ไหมคะ.. ดิฉันกำลังรู้สึกว่า มันมากเกินไป ***ทุกข์เรื่องแรก*** ความเป็นส่วนตัวในชีวิตของดิฉันเป็น 0

และแม้ดิฉันจะได้รับความรักจากสามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ในสายตาของคนอื่นๆ ***ทุกข์เรื่องที่สอง*** ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถแต่ทำตัวไร้ค่า ไร้ประโยชน์อย่างไรก็ไม่รู้

***ทุกข์เรื่องที่สาม***แล้วก็ดิฉันอยากมีสังคมเป็นของตัวเองบ้างแบบที่ผู้หญิงอายุ 20-30 สมควรจะใช้ชีวิตกัน

วันนั้นเราไปนั่งร้านกาแฟกันที่ห้าง ดิฉันจะพกแลปท็อปไปไหนมาไหนด้วยอยู่แล้วเพราะสามารถทำงานได้ตลอดเวลา เวลาสามีไปทำธุระตามต่างอำเภอแล้วหนีบดิฉันไปด้วย ดิฉันก็มีแลปท็อปเอาไว้ช่วยชีวิตพิมพ์ก๊อกๆ แก๊กๆ ของตัวเองไป

เขาก็นั่งเล่น iPad ของเขาไปสักพัก ทำหน้าเครียด หน้าตาบอกบุญไม่รับ จนดิฉันรู้สึกแปลกๆ เลยถามว่าเป็นอะไร

เขาบอกว่า เวลาอยู่ด้วยกัน เลิกเขียนหนังสือได้ไหม ถ้าจะให้ดีไม่ต้องเขียนเลยก็ได้

ดิฉันก็เริ่มโหมดดาร์คในความคิดขึ้นมา (ขออนุญาตหยาบนะคะ)... อ้าว ตรูอยู่กับเมิงเกือบ 24 ชั่วโมง เวลาไม่อยู่ก็ต้องคุยโทรศัพท์ & สไกด์ ช่วงเวลาสงบอันน้อยนิดขอมีโลกส่วนตัวไม่ได้หรอ

ดิฉันเลยบอกนี่ดิฉันทำงานนะ วันนึงได้อยู่หน้าจอไม่เกิน 2 ชั่วโมง บางวันก็ไม่ได้แตะเพราะเขาจะหนีบไปโน่นมานี่ตลอด หรือถ้าอยู่ที่รีสอร์ตก็ยุ่งช่วยงานเขา ดิฉันไม่มีตำแหน่งอะไรเป็นลูกจ้างกิตติมศักดิ์ที่ทำทุกอย่างตั้งแต่ต้อนรับลูกค้าจนถึงรถน้ำต้นไม้ เห็นตรงนั้นไม่ดีก็ต้องเข้าไปทำนั่นทำนี่ ไม่มีเวลาส่วนตัวเหลือสักวัน

พอกลับมาบ้านก็มีเทพเจ้าบีเกิ้ล 3 ตัวให้ปวดกบาลอีก มีนกอีก 1 ตัวที่ซนเป็นลิง ลูกๆ คุณทั้งนั้นน่ะ แค่เลี้ยงลูก 4 ตัวดิฉันก็แย่แล้ว ไอ้พวกนี้มันเอาคนอื่นที่ไหนแม่บ้านคนไหนมาก็โดนพวกมันรุมสะกำทำร้ายหมด โชคดีที่ดิฉันไม่ต้องทำงานบ้าน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเวลาไหนกลับมาเป็นตัวของตัวเองหนอ

ว่ากันว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเหมือนขายวิญญาณให้ปีศาจ แล้วเปลี่ยนตัวเองจากนางฟ้าในบ้านให้กลายมาเป็นทาสรับใช้เห็นทีจะจริง

เพื่อนดิฉันจบปริญญาโทสองใบ ตอนนี้เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกเต็ม 100% โยนใบปริญญาไปไหนก็ไม่รู้ เวลาทั้งหมดอุทิศให้ครอบครัว

เอาล่ะต่อๆ ในสตาบัควันนั้น...

เขาพูดต่อว่า เขายุ่งมาก วันๆ ทำแต่งาน ไปโน่นมานี่ตลอด(ก็หนีบตรูไปด้วยไม่ใช่หรอ แทบไม่เคยไปไหนคนเดียวเลยด้วยซ้ำ) เขาบอกว่าเวลาว่างที่อยู่กับภรรยา เขาขอให้เราทำอะไรด้วยกันได้ไหม แล้วก็เลิกเขียนนิยายได้ไหม เขารู้สึกว่างานของฉัน(ที่เขามองว่าเป็นงานอดิเรก)ทำให้เวลาว่างของเราลดน้อยลง

ดิฉันโกรธค่ะ โกรธมาก... แม้เงินที่ได้จากหนังสือจะไม่มากมาย แต่มันเป็นงานที่ดิฉันทำแล้วมีความสุข แล้วเงินนั่นฉันก้เอาไปซื้อนาฬิกาหน้าปัดสี่เหลี่ยมโค้งๆ ด้านข้างที่แม่อยากได้ให้ แม่ดีใจมาก แล้วฉันก็ดีใจยิ่งกว่าเพราะฉันหามันด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง

ก่อนหน้านี้ช่วงแรกๆ ก่อนแต่งงาน เราเคยทะเลาะกันเรื่องดิฉันอยากไปเป็นนักข่าวสายท่องเที่ยวจากหนังสือพิมพ์ที่เคยไปฝึกงานมา ดิฉันชอบเที่ยว ในฐานะนักข่าวเราได้เข้าไปทำข่าวไปเยี่ยมชมสถานที่ที่น้อยคนจะได้ไป ตอนนั้นดิฉันมีความสุขมาก

รู้ไหมคะ งานนี้ทำให้ดิฉันได้ลองดำน้ำ เที่ยวทั่วประเทศ ไปต่างประเทศ ได้เจอผู้คนมากมาย เวลาได้เห็นข่าวของตัวเอง รูปที่ตัวเองถ่ายในเว็บ ในหนังสือพิมพ์ ดิฉันรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก

แต่สามีมองว่าเป็นข้ออ้างหนีเที่ยว ยิ่งไปเจอคนเยอะๆ กลัวดิฉันจะนอกใจ

เรื่องเป็นนักข่าวทะเลาะกันหนักจนถึงขั้นต้องให้พ่อแม่มาเคลียร์ สุดท้ายเขายอมเรื่องทำงาน แต่เขาบอกว่าอยากจะทำงานอะไรก็ได้นะ แต่ต้องเป็นงานที่ทำได้ที่บ้าน ทำงานออฟฟิศเขาไม่อนุญาต

เขาบอกว่าแค่เมียคนเดียวเขาเลี้ยงดูอย่างสบายได้อยู่แล้ว ตอนนั้นดิฉันก็เห็นความสบายมาหลอกล่อเลยติดกับ ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็ยุว่าแต่งงานไปไม่ต้องทำอะไรดีจะตาย

ดิฉันเลยหลวมตัว แล้วก็เพราะรักเขาด้วยแหละเลยยอมทิ้งนิสัยตัวเองไป 70%

แม้ตกลงว่าดิฉันจะไม่ทำงานนอกบ้าน แต่ขอทำในสิ่งที่ตัวเองรักคือเขียนหนังสือ ส่วนงานของเขาดิฉันจะคอยช่วย แต่ไม่เข้าไปเต็มตัวเพราะเขาไม่ต้องการ นอกจากเรื่องเกี่ยวกับเงินกู้ที่ต้องใช้สกิลพูดเขาจะให้ดิฉันช่วยเยอะหน่อย (เวลาเขาใช้งานดิฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากๆ เลยค่ะ)

ส่วนงานด้านอื่นดิฉันจะมีตำแหน่งเป็นลูกจ้างกิตติมศักดิ์ที่ทำทุกอย่างแต่เหมือนทำไปอย่างนั้น... คุณรู้อะไรไหม ดิฉันรู้สึกไม่ดีเลย ดิฉันบอกกับตัวเองว่า... ความสามารถของดิฉันคือยืนรดน้ำต้นไม้งั้นหรอ!?

หลังจากนั้นก็มีทะเลาะกันเรื่องดิฉันอยากออกไปหาประสบการณ์บริษัทอื่นๆ บ้างประปรายซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ

เขามักจะพูดเสมอ ไปทำงานให้เหนื่อยทำไม อยู่ช่วยผมก็พอแล้ว อยากได้อะไรก็บอก... (แต่บางครั้งก็ไม่ค่อยซื้อให้หรอก)

-----------------------------------------------

จนตอนนี้เรื่องขอออกไปทำงานกลายเป็น Topic ต้องห้ามของบ้านไปแล้ว...และมาถึงในร้านกาแฟวันนั้น

เขาพูดหน้าตาจริงจัง เขาขอให้ดิฉันเลิกเขียนหนังสือ เขาบอกว่าเวลาดิฉันทำงานอยู่กับแลบทอป ดิฉันจะไม่สนใจเขา หงุดหงิดง่ายถ้าถูกก่อกวน และทำให้เราทะเลาะกัน เขาจะให้เงินดิฉันแทนที่ส่วนที่ดิฉันได้จากหนังสือเป็นข้อแลกเปลี่ยน

ก็พวกคุณคิดดูนะคะ ดิฉันใช้สมาธิคิดแทบตาย สามีเดินมาพับหน้าจอพั่บๆๆๆ เห็นจอคอมเป็นพัดหรอคะ!? ไม่โกรธให้ทำไง

ดิฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วนะ บางอารมณ์อยากอยู่เงียบๆ นั่งคนเดียวบ้าง มีเวลาส่วนตัวบ้าง อยากไปไหนมาไหนตัวคนเดียวบ้าง อยากไปลองทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ เหมือนตอนที่ยังเป็นโสดบ้าง

ขอยกตัวอย่างกิจกรรมที่เคยโดนสามีคุกคามเท่าที่จำได้นะ

ดำน้ำ... ดิฉันเคยขอเขาไปเรียนเพื่อเอาไลเซน เพราะดิฉันเคยแต่ดำหลักสูตรเร่งรัดเรียน 1 บทลงพร้อมครู เขาก็ไม่อนุญาต เพราะเขาว่ายน้ำไม่เก่ง (เขาว่ายน้ำไม่เก่ง แต่ห้ามดิฉันเรียนดำน้ำ... สมการนี้ทุกวันนี้ก็ยังงงอยู่ -.-)

ดิฉันเล่นกอล์ฟมาตั้งแต่ประถม แต่สามีดัน... ไม่เล่น... หนุ่มภูธรก็แบบนี้แหละค่ะ เหอๆ เขาไม่เล่น แล้วดิฉันก็ต้อง... เลิกเล่น ทุกวันนี้โคพเวอร์รุปไดโนเสาร์ปุ้มปุ้ยกลายเป็นหมอนไปแล้ว

จะไปปีนเขากับเพื่อน... เขาก็ไม่ให้ไป เขาบอกแล้วเขาจะอยู่กับใครตอนไปเที่ยว แล้วก็วิตกจริตสารพัดกลัวดิฉันโดนนางไม้ฉุดไป หลงป่าบ้างอะไรบ้าง สรุปคือดิฉันคิดว่าเขาคงกลัวเหงามากกว่า ถึงเขาจะไม่พูดตรงๆ ก็เถอะ

แต่เวลาเขาอยากไปแรลลี่กับชมรมยี่ห้อรถของเขา ดิฉันไม่เคยห้ามเลยนะ สงเสริมเต็มที่เพราะคิดว่าเขาคงสนุก เราก็สนุกด้วย

ไปดูหนังกับเพื่อน... พระเจ้าเหอะ จะเป็นจะตายเหมือนดิฉันไปคบชู้มา

แอบไปดูหนังคนเดียวเพราะเป็นคนชอบดูหนังคนเดียว... มานั่งคาดคั้นเหมือนแอบหนีไปมีกิ๊ก เฮ้อ

เขามีเพื่อนโทรมาหาบ่อย แฟนเก่าก็โทรมาแต่ดิฉันไม่โกรธเพราะรู้ว่าไม่มีอะไร แต่กลายเป็นว่าเขาหาว่าดิฉันไม่รักอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เคยหึง ไม่อะไรๆๆ ทำให้เขาเข้าใจว่าเขาห่างเหินดิฉันมากไป สุดท้ายก็หนีบดิฉันไปโน่นมานี่ตลอด เขาไม่เข้าใจคำว่า 'โลกส่วนตัว' กับการที่ดิฉัน ‘เคารพความเป็นส่วนตัวของเขา’ เลย

ไปเก็บหนี้ถิ่นทุระกันดานแค่ไหน แม้ดิฉันไม่ชอบอาชีพนี้ แต่ก็ไม่เคยบ่น แม้จะรำคาญกับอาการจุกจิกจุ้นจ้านประเภท ห้ามเปิดเพลงนะอยากคุยกันในรถ ตอนขับรถต้องจับมือนะ บลาๆๆๆ แต่ดิฉันก็เก็บงำความรำคาญและอาการหงุดหงิดเอาไว้เพราะเห็นว่าเขาเป็นแบบนี้เพราะเขารักเรา

อย่างน้อยตอนนั้นเขาก็ยังไม่เคยมาก้าวก่ายในแลบทอปดิฉัน โลกส่วนตัวที่เดียวที่ดิฉันเหลืออยู่ (ไม่นับตอนมาพับหน้าจอคอมขึ้นๆ ลงๆ พั่บๆๆๆ ตอนนั้นที่โกรธมาก)

แต่พอเขาบอกว่าให้เลิกได้แล้วมันเสียเวลาของเรา พวกคุณรู้ไหมคะ ดิฉันโกรธจนร้องไห้ โกรธมาก โกรธจริงๆ

คนที่ไม่ชอบชีวิตอิสระคงไม่เข้าใจ.. เขาไม่เข้าใจ เขาเป็นผู้ชายที่ชอบให้ผู้หญิงโทรจิกโทรตาม บอกว่ารู้สึกว่าภรรยารัก แต่ดิฉันไม่ใช่ ดิฉันเคารพความเป็นส่วนตัวของเขาแม้ว่าเราจะเป็นสามีภรรยา

การที่ฉันยอมทิ้งความอิสระในชีวิต ฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตฉันที่มอบให้เขาแล้วนะ

แล้วนี่เขายังคิดจะเอาชีวิตฉันไปหมดเลยหรือไง

---------------------------------------------

หลังจากวันนั้นที่เขาขอให้ดิฉันเลิกเขียนนิยาย เราก็มาคุยกันอีกเพราะดิฉันทำไม่ได้หรอก ดิฉันตัดสินใจตั้งแต่แต่งงานแล้วว่าต่อให้เลี้ยงดูอย่างราชินี(?) ดิฉันก็จะไม่ทิ้งงานนี้

เหมือนกับบอกคนศิลปินให้เลิกวาดภาพ...มันเป็นไปไม่ได้หรอก

ถ้าใครรักในวิชาชีพของตัวเองจริงๆ คุณคงจะเข้าใจดิฉันใช่ไหมคะ :)

เขาเองก็ยอมรับว่าเขาพูดเกินไปหน่อย แต่เขาไม่ชอบที่ดิฉันเห็นงานอดิเรกสำคัญกว่าเขา เขาไม่ชอบให้ดิฉันพกคอมไปไหนมาไหนด้วย เขาบอกเหมือนพาเลขาไปเที่ยวมากกว่าเมีย หรือไม่... คนอื่นอาจจะมองเขาเป็นเลขา ส่วนดิฉันเป็นบอส (ฮา)

แต่... แต่... แต่..

เขาก็ไม่ยอมให้ดิฉันทำอะไรอยู่ดี ดิฉันขอไปทำงานข้างนอกไม่ให้

ขอตำแหน่งเป็นชิ้นเป็นอันจากที่ไหนสักที่ในงานของเขาก็ไม่อนุญาต

เวลาไปบริษัทหรือไม่ก็รีสอร์ต...

ดิฉันอายที่ต้องบอกแขกหรือพนักงานว่า ...อ๋อ เป็นภรรยาคุณXOXO(ชื่อสามี)ค่ะ ไม่ใช่ซีรี่ย์เกาหลีหรือนิยายนะคะคุณ ดิฉันรู้สึกอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์มากกว่าคำว่า 'ภรรยา' แล้วเดินเชิดไปเชิดมาเหลือเกิน

แล้วดิฉันก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าตัวเองเป็นคุณนาย เพราะมันกระดากปากอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากตำแหน่งคุณนายตัวจริงคือแม่สามีค่ะ U_U

แล้วดิฉันก็ละอายที่จะบอกว่าเป็นเจ้าของ เพราะมันไม่ใช่เงินหรือน้ำพักน้ำแรงดิฉันเลยสักกะบาท ขืนพูดแบบนี้ไปมีหวังได้โดนเด็กมันนินทาเอาอีก

และดิฉันก็รู้สึกผิดกับสามัญสำนึกตัวเองเวลาที่ต้องไปทวงเงินจากลูกหนี้ทั้งหลาย รวมถึงรับช่วงต่อปล่อยเงินกู้จากแม่สามี(แบบจนใจ)

ดิฉันเรียนจบมาสูงนะ มหาวิทยาลัยก็ดี ตั้งใจเรียนแทบตายเพื่อหวังว่าจะได้ใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ ทำงานในบริษัทดีๆ ไต่เต้าเป็นระดับหัวหน้า หรือไม่ก็อาจจะสมัครเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ อยากมีสังคมในที่ทำงาน อยากมีประสบการณ์แบบคนทั่วๆ ไปคนอื่นเขา

เวลาคุยกันเพื่อนๆ ใน msn ก็บอกว่าไปชิวอยู่พาราก้อนกับเพื่อนที่ทำงาน มีตติ้ง ประชุม เจอคนนั้นคนนี้ ไปงานนั้นมางานนี้มา... บอกตามตรง อิจฉาค่ะ

ดิฉันเบื่อและเหนื่อยกับความเลื่อนลอย... ไม่ชอบเวลาคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์มาบอกว่าดิฉันวันๆ ไม่ทำอะไร ลอยไปลอยมา (บรรดาญาติๆ นี่แหละ) คอยกระแนะกระแหนว่าวันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่ผลาญตังสามี ไม่คิดจะทำอะไร บลาๆๆ ~

โดยเฉพาะญาติฝ่ายสามีห่างๆ... ห่างมาก แต่พวกเธอก็อยากจะนับญาติ เห็นสามีซื้อของดีๆ ให้ดิฉันใช้ก็หาว่าดิฉันฟุ่มเฟือย ไม่ยอมทำงานแล้วยังจะใช้ตังเปลือง

ดิฉันรู้สึกเหมือนถูกธนูนับล้านๆๆๆๆ ลูก มัน ฉึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เข้าที่หัว ตัว ใจ ร่างกาย จนเป็พรุนนับล้านๆๆๆๆ รูแล้ว

สามีรู้ไหมคะ!? ออแน่นอนคุณเธอรู้ แต่กลับบอกว่า ไม่ดีหรอ พวกนั้นเขาอิจฉาดิฉันนะ

โอย ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามากเลยค่ะ นอกจากจะไม่มีเวลาไม่มีอิสระแล้ว ยังต้องมาแบมือขอสามีกิน อยากจะทำงานเป็นชิ้นเป็นอันมันก็ไม่ให้ทำ เวลาทะเลาะกับมัน มันก็ชิงขอโทษก่อนทำหน้าเศร้า... แต่คนรู้สึกผิดหรือคนแพ้กลับเป็นดิฉันซะงั้นอะ

อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าโทษเขาตรงๆ ...เพราะสิ่งที่เขาทำคือเขารัก แต่รักมากไปดิฉันก็แย่เหมือนกันนะ

ทุกคนคงชอบให้คนรักกอดใช่ไหมคะ ถ้าเขากอดกระชับกำลังดี คุณจะรู้สึกรักและอบอุ่น แต่สิ่งที่สามีดิฉันทำไม่ใช่กอดแล้วค่ะ...

เขากำลังบีบคอดิฉัน... แถมบีบแบบซาดิสซะด้วย (รักรุนแรงค่ะ)

ใครเป็นมาโซคิสที่ชอบถูกกักขังและทรมานในโลกที่เขาบงการ มีหน้าที่ไม่กี่อย่างในชีวิตคงจะรู้สึกขึ้นสวรรค์

แต่ดิฉันมันนิยมแบบ normal นะ ok!!?? ให้ล่ามโซ่ขึงเชือกบีบคอเอาฝาปี๊บตีก้นคงไม่ไหว ดิฉันไม่ใช่มาโซคิสถึงจะได้ชอบเวลามีคนมาแสดงความรักด้วยการบีบคอ

ดิฉันอิจฉาพวกคุณนะ... ที่ได้เป็นสาว gossip girl ในที่ทำงาน มีสังคมเพื่อนฝูง ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไม่ต้องมีใครมาบงการชีวิต มีเวลาส่วนตัวที่เป็นส่วนตัวจริงๆ

ส่วนดิฉัน

ติดแหงกอยู่ที่วังน้ำเขียว เฮ้อ ชีวิต

----------------------------------------------

PS อ่านไปก็งงๆ หน่อยนะคะ ดิฉันนึกอะไรได้ก็เขียนไปตามนั้น แฮะๆ

PPS ตอนแรกจะเขียนเป็นการเป็นงาน แต่หลังๆ พอเริ่มนึกเหตุการณ์จะเริ่มใส่อารมณ์ค่ะ แฮะๆ

PPPS ย้ำอีกครั้งว่าสามีดิฉันเป็นคนดีนะคะ :) เพียงแต่ดิฉันแค่อึดอัดไปหน่อยเท่านั้นเอง

จากคุณ : บาลองเซียก้า
เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 12:19:18 A:182.53.27.39 X: TicketID:327574




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com