ความคิดเห็นที่ 1 เรียนหมอให้จบ แล้วก็ออกมาเรียนต่อวิศวะคะ จากคุณ : Albumin เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 17:45:30

ความคิดเห็นที่ 2 ทำงานที่ตนเองชอบ ดีกว่าครับ หากเรียนแพทย์แล้วมันไม่ใช่ จะแย่ครับ เพราะแพทย์เป็นอาชีพที่ต้องรับผิดชอบชีวิตเลยนะครับ ผมว่าตามใจตัวเองดีกว่าครับเพราะงานมันจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิตเลยครับ คุณจะยอมทนกับงานที่ไม่ได้รักไปอีก 60 ปี เลยหรอครับ หรือคุณจะยอมโดนพ่อแม่บ่น ไม่ถึงปี เพื่องานที่คุณรัก เลือกเอาครับ งานของคุณ ใจของคุณ คุณมีสิทธิที่จะเลือกเองครับ จากคุณ : AkEz (AkEzRmutR) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 17:49:23

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าคนเรารักที่จะทำอะไรก็ทำได้ดีอยู่แล้วครับ ถ้าคิดว่าไปทางหมอแล้วฝืนก็อย่าฝืนเลยครับ จากคุณ : แค่คนแวะมา เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 17:52:29

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนที่รักนั่นหน่ะดีสุดแล้วน้อง ใครว่า วิศวะ หางานยาก พี่ชายผมจบวิศวะ ตอนนี้อยู่แบงค์ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ภาษีปีนึงจะเท่ารายได้ผมทั้งปีแล้ว ปล. ผมเป็นหมอ อยู่เอกชน ผมหมายถึง ถ้าคุณเก่งจริง ยังไงก็มีคนดึงตัวไปทำงานด้วย ถ้าคุณไก่กา ยังไงก็รอดยาก ไม่ว่าจะอาชีพอะไร แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 20:47:11 จากคุณ : no preservation เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 17:55:14

ความคิดเห็นที่ 5 พี่อยากเรียนหมอแต่สอบไม่ติดเลยเรียนวิศวฯ เพราะชอบรองจากแพทย์ ตอนนี้ตกงานอยู่ แป่ว ~.~ ทำตามใจตัวเองเถอะค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ตองมองดูองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย ทั้งครอบครัว คนรอบข้าง ชั่งน้ำหนักดีๆ ตัดสินใจให้รอบคอบ ถ้าเลือกหมอน้องจะอยู่กับมันไปทั้งชีวิต จะทนได้มั้ย?? อย่างที่ คห.บนๆ บอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่ต้องรับผิดชอบชีวิต ถ้าไม่รักจริงๆ ก็คงลำบากอ่ะค่ะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ นะคะ จากคุณ : อเวจีมด เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:00:19

ความคิดเห็นที่ 6 ใครบอกว่า วิศวะไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนครับ บางทีมากกว่าหมอด้วยซำ้ แค่ชอบฟิสิกส์ ไม่ได้แปลว่าจะรุ่งด้านวิศวะนะครับ แล้วอยากจะเรียนด้านไหน ? จะลองยกตัวอย่างมหาลัยที่ผมเรียนละกัน วิศวคอม - มีด้าน hardware - software หลักๆเขียนโปรแกรม วิศวเคมี - thermodynamics ของสาร ปรากฏการณ์การถ่ายโอน และ ปฏิกิริยา วิศวเครื่องกล - เยอะมากก ตั่งแต่ด้าน เครื่องกล พวก piping ออกแบบต่างๆ วิศวอุตสาหการ - พวกการจัดการในโรงงาน (เยอะมากๆ) ลด cycle time เปนต้น วิศวไฟฟ้า - ตั่งแต่พวกไฟฟ้ากำลัง สื่อสาร วิศวโยธา ก้อสร้างตึกน่ะแหละ วิศวการบิน - อันนี้ไม่ค่อยรู้อะ ว่าเรียนเรื่องอะไร แต่น่าจะเกี่ยวกับ aerodynamics เปนหลัก ลองอยู่กะตัวเองก่อนดีไหมซักพักนึง ค่อยๆตัดสินใจละกันครับ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Martiniiez_blink) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:03:21

ความคิดเห็นที่ 7 เรียนให้สนุกและมีความสุขครับ ชอบอะไรทำอันนั้น จากคุณ : Don't try this at home. เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:03:36

ความคิดเห็นที่ 8 ปัญหาคือ คุณติดวิศวะหรือเปล่าล่ะครับ ถ้ายังไม่ติด และในอนาคตคิดว่าจะติด ผมก็ว่าควรสละสิทธิ์หมอนะ ให้คนที่เค้าอยากเรียนหมอมากกว่าเราเข้าไปเรียน และเราก็ไปเรียนสิ่งที่เราอยากเรียน โลกนี้มันต้อง balance กันครับ แม้ว่าคุณไม่เป็นหมอ คนอื่นก็เข้ามาเป็นแทนคุณอยู่ดี แม้ว่าคุณไม่เป็นวิศวกร คนอื่นก็มาเป็นแทนคุณอยู่ดี หรือคนอื่นไม่อยากเป็นวิศวกร คุณก็ต้องเป็นวิศกรแทนเค้าอยู่ดี ถ้าคุณเรียนวิศวกร ยิ่งพูดยิ่งงง เอาเป็นว่าทำตามฝันตัวเองเถอะ เพราะมันคือชีวิตเราต่อจากนี้ไปทั้งชีวิต จากคุณ : เด็กชายบ้องตื้น เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:07:41

ความคิดเห็นที่ 9 #ความคิดเห็น 4 ครับ สงสัยคงไม่ได้ตามข่าวเท่าไหร่นะครับ แผนเศรษฐกิจฉบับใหม่ไม่ได้สนับงานสายวิศวะเท่าไหร่แล้วครับ เน้นไปสนับสนุน พวกทำ software มากกว่าครับ อันนี้เป็นข่าวล่าสุดครับ จากปากคนร่างหลักสูตรของมหาลัยผมครับ ส่วนตัว สนับสนุนให้รองเรียนแพทย์ไปก่อนครับ ตามความต้องการของ พ่อแม่คุณ ถ้าเรียนแล้วมันไม่ใช่ 1 ปีไม่สายเกินไปหรอกครับที่จะกลับ มาเริ่มใหม่ บางคนอายุ 30 เพิ่งจบ ป ตรี ก็มีครับ สู้ๆครับน้อง จากคุณ : sea_true เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:28:37

ความคิดเห็นที่ 10 เอาหมอไปเหอะน้อง พี่เองรู้งี้เรียนขยันเรียนชีวะก็ดี ไม่ใช่ไม่ชอบเรียนวิศวะนะ พอมาเรียนถึงจุดๆหนึ่ง ถ้าเรียนหมอชีวิตคงยุ่งยากน้อยกว่านี้เยอะ ตอนนี้มาเรียนโทอยู่ต่างประเทศ ไปๆมาๆหลายประเทศเหมือนจะมีความสุข ได้เห็นโลกกว้าง พอเห็นแล้วถึงได้รู้ว่าเมืองไทยเป็นหมอ สบายสุดละ มีกินมีใช้เหลือเฟือ เวลาก็มี ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีกแล้ว เป็นหมอมีโอกาสได้ทำงานใกล้ๆ บ้าน ได้ดูแลพ่อแม่ เล่นกับหมาที่บ้าน พอแล้ว ส่วนวิศวกร ทำอะไร เงินเป็นปัจจัยหลักตลอด ทั้งเรื่องงานแล้วก็กิเลสของเราเอง ตอนนี้ก็ยังไม่มีที่เป็นหลักแหล่ง พอเรียนจบก็ต้องหางาน แล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ที่ไหน จากคุณ : ชอบสาวผมบลอนด์ (romanista) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:38:12

ความคิดเห็นที่ 11 อืม โลกนี้ไม่ได้มี 2 คณะนะ ถ้าไม่คิดว่าอยากเรียนหมอ อย่าเลือกเลย ประเทศชาติต้องการคนที่อยากเป็นหมอจริง ๆ อีกเยอะ หมายถึงคนที่อยากเป็นหมอเพราะมีอุดมการณ์ช่วยชีวิตคนนะ ไม่ใช่เพราะหวังผลประโยชน์และความรวย อย่าลืมว่าผลประโยชน์กับความรวยที่ได้ มันมาคู่กับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วยเน่อ จากคุณ : ยาผีบอก เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:59:59

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าผมเป็นคุณก็เลือกวิศวะนะ ไม่อยากทำงานอยู่ในห้องเล็กๆ เช้าทำงานเย็นกลับบ้าน อยากออกไปท่องโลกกว้างบ้าง ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : Wc09 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 19:01:30

ความคิดเห็นที่ 13 ติดหมอ แล้วเลือกเรียน ธรณีวิทยา ยังมีมาแล้วเลย !!! จากคุณ : I-rup เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 19:24:22

ความคิดเห็นที่ 14 เหมือน คห.2 ถอดความคิดผมมาพูดเลย!! จากคุณ : วิ่งแข่งกับดาวหาง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 19:45:50

ความคิดเห็นที่ 15 ทำตาม ที่ฝันครับ เพราะเวลาไม่สามารถย้อนกลับ ไปได้อีก ทัศนคติ ของผม คิดว่า หมอเป็นอาชีพ ที่ต้องการใจรัก มากๆ ครับ เพราะว่าเหนื่อย มากก และก็มีโอกาสถูกฟ้องร้องมากขึ้น ถ้าไม่ชอบ หรือมีสิ่งอื่น ที่เราชอบมากกว่าอยู่แล้ว เวลา น้องเข้าไปเรียน แล้วเจออะไรแย่ๆ น้องจะต้อง ตอบคำถามตัวเอง มากมายครับ ฉันมาทำอะไรที่นี่ ฉันมาให้เขาว่าทำไม ทำไม ฉันเหนื่อยอย่างนี้ บลาๆๆๆ  ทุกข์นะครับ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เวลานั้นเขาก็ไม่ได้ มาทุกข์กับเราครับ พวกที่เข้าไปเรียน แล้วก็ออกมาทำอะไร ที่ไม่เข้าท่า หรือลาออกทีหลัง นี่ผมก็ไม่ชอบใจเลยครับ รู้สึกว่าเขา เข้าไปกันที่คนดีๆ ที่เขาอยากเรียน หมอ ต้องรักษาคน ช่วยคนครับ มันถึงจะน่าภาคภูมิใจ จากคุณ : คลอโรพลาสต์ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 19:50:25

ความคิดเห็นที่ 16 คุณเป็นคนเรียนครับ ฉะนั้นคุณก็มีสิทธิ์เลือก ถ้าทางบ้านหรือญาติพี่น้อง อยากให้เรียนหมอก็บอกให้เขาไปเรียนเองสิครับ นี่แหระครับประเทศไทย ชอบปลูกฝังว่าหมอดีอย่างนู่น ดีอย่างนี้ โดยที่ไม่ยอมรับว่าลูกตัวเองชอบอะไร ชอบทำตามค่านิยม วิศวะเงินดีกว่าหมอก็มีมากมาย(ขึ้นอยู่กับตัวคุณ) ทำงานก็แค่ 5 วัน ลองคิดดูนะ ถ้าคุณเรียนวิศวะจบตรี 4 ปีแล้วคุณเรียนต่อวิทยาลัยปิโตรของจุฬา(ป.โท) เงินเดือนเริ่มแรกคุณก็ได้เท่าหมอแล้ว แถมเรียน 6 ปีเหมือนกันด้วย เผลอๆค่าใช้จ่ายน้อยกว่าอีก (ป.โทจุฬามีทุนให้นะครับแต่เกรดต้องถึง) จากคุณ : Acrossphoto เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 19:54:51

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเป็นผม ผมติดหมอ ผมก็จะเรียนหมอ อย่างน้อยพ่อแม่ไม่สบายก็เบิกได้ แต่ผมจบวิศวะ มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร เงินน้อยกว่าหมอ แต่ก็หลายหมื่นอยู่นะ งานหาไม่ยากอยู่ที่คุณเลือกงานไม จากคุณ : naxaythong เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:06:37

ความคิดเห็นที่ 18 พี่แนะนำให้เรียนที่ตัวเองชอบค่ะ ....การอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ ไม่ใช่แค่วันสองวันนะคะ   มันทั้งชีวิต! เคยคิดเหมือนกันค่ะ  ว่าถ้าเรียนๆไปเรื่อยๆ  อาจทำให้เราชอบมากขึ้น แต่! จากประสบการณ์จริงที่ประสบมา   ...เรียกว่านรกชัดๆเลยค่ะ เราต้องรับผิดชอบต่อชีวิตคนไข้นะคะ   เปอร์เซ็นความผิดพลาด ต้องเท่ากับ ศูนย์! เป็นกำลังใจให้ค่ะ  ^____^ จากคุณ : กระวีร์กระวาด เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:17:29

ความคิดเห็นที่ 19 ลองชั่งน้ำหนักดีๆ นะคะ โลกแห่งความฝันกับโลกของความจริง บางครั้งมันก็ต่างกันไม่น้อยเลยนะคะ ก่อนเรียน เลือกแล้วว่าชอบ เรียนไปสนุก แต่พอจบมา หางาน สร้างชีวิต แล้วเราจะยังมีความสุขกับสิ่งที่เลือกหรือเปล่า แต่จะเรียนหมอ หรือวิศวะ ก็เป็นอาชีพที่สร้างประโยชน์แก่สังคมได้ไม่ต่างกันเลยค่ะ :) *ปล. เค้าอยากมีแฟนเป็นวิศวกร 555 (อันนี้ไม่เกี่ยว) จากคุณ : missjanja เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:20:13

ความคิดเห็นที่ 20 พี่เรียนมาแล้วทั้งหมอและวิศวะ... พี่เป็นคนเก่งวิชาคำนวณและเกลียดวิชาท่อง และเอ็นท์ติดวิศวะตอนม.5ก็เลยเรียนวิศวะ ตอนเรียนวิศวะได้เกรดดีระดับเทพ บางวิชาได้top แต่แล้ว...ฟองสบู่แตก รุ่นพี่วิศวะยังคงหางานง่ายแต่โดนกดเงินเดือนให้น้อยลง พี่จึงตัดสินใจด้วยตัวเองเอนท์ใหม่มาเรียนหมอทั้งๆที่ที่บ้านอยากให้เรียนวิศวะเพราะเค้ารู้ว่าเราชอบ พอมาเรียนหมอ...นรกแตก..ทรมาน..จิตเสื่อมตลอดห้าปี มีความสุขตอนปีสุดท้ายเพราะคิดว่า"อีกปีเดียวตรูก็จบแล้ว" เดชะบุญหลังจบพบ.พี่เลือกเรียนแพทย์เฉพาะทางสาขาที่ชอบ ตอนนี้เลยมีความสุขกับการทำงาน เพื่อนพี่(วิศวะโทรคม)ทำงานในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่มาก กำลังเซ็งกับชีวิต อาจได้เปลี่ยนงาน เพื่อนพี่อีกคน(โทรคมเหมือนกัน)ทำงานที่ต่างประเทศ ได้เงินเดือนเดือนละ8,000$ มีเงินเก็บเกือบสิบล้าน   เล่าให้ฟังยืดยาว แค่อยากบอกว่าชีวิตคือความไม่แน่นอน มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้ชีวิตไม่เป็นตามคาด คิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ แต่ควรคำนึงถึงใจตัวเองเป็นสำคัญ  จากคุณ : Sun-Dong เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:28:46

ความคิดเห็นที่ 21 เรียนที่ชอบครับ วิศวะ ก็รุ่งครับ แม่ผมก็วิดวะ จบญี่ปุ่น ตอนนี้เป็นกรรมการบริหาร อยู่บริษัทญี่ปุ่น(บริษัทรถยนต์) แม่บอกว่า ถ้าเก่ง มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าทำ เก่งคน เก่งงาน เก่งภาษา รุ่งแน่นอน ป.ล แต่ผมชอบวิศวะชีวการแพทย์อ่ะ จากคุณ : KONICHIWA เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:40:25

ความคิดเห็นที่ 22 เลือกที่ชอบนะจ๊ะ แต่ฝากไว้นิดนึง ถ้าเรียนแล้วซิ้วหรือไม่ได้ทำอาชีพแพทย์ก็ควรสละสิทธิ์นะคะ เพราะว่าค่าเทอมแพทย์ที่นักเรียนแพทย์ได้จ่ายไปนั้น ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดของค่าใช้จ่ายจริงค่ะ ถึงจบมาเราจะต้องไปใช้ทุน แต่จริงๆแล้วทุนที่เราใช้ก็ไม่เท่ากับที่รัฐที่ประชาชนจ่ายไปเนอะ ขอให้โชคดี เลือกอะไรที่เหมาะกับตัวเองให้ได้นะคะคนเก่ง :) จากคุณ : ph-su เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:48:14

ความคิดเห็นที่ 23 อยากบอกและเตือนน้องไม่ให้เป็นเหมือนพี่... ขอสนับสนุนให้เลือก วิศวะ ตามใจรักเลย ครั้งหนึ่งพี่เคยเป็นแบบน้องเลย พี่อยากเรียนวิศวะ เพราะพี่ถนัดเลข ฟิสิก ไม่ชอบชีวะ เน้นมากๆ แต่พอลองไปสอบหมอ โชคเหมือนจะเข้าข้าง สอบติดหมอขึ้นมา ใจก็เลยโลเล คิดแบบน้องเลย เรียนหมอมีงานทำ ไม่ต้องหางาน งานก็ดูไม่ได้ยุ่งยาก เหนื่อยอะไ่รมากมาย [จากประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวเองในตอนนั้นที่เวลาไม่สบายเล็กๆน้อยๆแล้วไปหาหมอ เลยเห็นภาพการทำของหมอที่แคบมากๆ] และในใจก็คิดว่า คงเรียนได้แหละถ้าตั้งใจ เอาเข้าจริง... มันฝืนมากๆเลยนะ การที่เราต้องมาทำ มาท่อง ในวิชาที่เราไม่ถนัด... เราจะรู้สึกกดดัน รู้สึกว่าไม่ใช่ทางเรา มันไม่เหมือนเวลาที่เราเรียนเลข หรือฟิสิก ที่เราเข้าใจและทำมันได้อย่างถนัด แต่จุดมุ่งหมายที่พี่เข้ามาเรียนหมอ ก็เพราะอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับสังคม อยากมีความสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย  พี่เลยพยายามใช้เป้าหมายนี้ เป็นแรงผลักดันให้ฝืนทำในสิ่งที่ไม่ชอบ[ท่องๆๆ อ่านๆๆ ตั้งใจเรียน] เพื่อการเป็นหมอที่มีความสามารถพอ สำหรับน้อง... ยิ่งถ้าน้องเห็นว่า ถ้าต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้ทุกๆวัน แล้วจะรู้สึกแย่... พี่อยากแนะนำให้น้องรีบถอยห่างโดยเร็ว... ชีวิตการเป็นหมอที่แท้จริง ... มีอะไรที่มากกว่าที่น้องได้เห็นอีกเยอะมากๆ  [ไม่ควรเอาภาพลักษณ์ของหมอเอกชนที่เราป่วยไม่สบายเล็กๆน้อยๆ แล้วไปหาหมอ เห็นแค่หมอจัดยาให้ มาเป็นข้อสรุปว่าหมอทำงานน้อย] ชีวิตหมอ สำหรับคนที่จบใหม่ๆ ไปใช้ทุน และสำหรับแพทย์รัฐบาลทุกคน... เหนื่อยมากๆ ทำงานแบบไม่ได้นอน อย่างถ้าไปทำงานใช้ทุนที่ รพ.ต่างจังหวัด  อยู่เวรเกือบวันเว้นวัน อยู่เวรคือ อยู่ต่อไปจากเวลาเย็นปกติถึงเช้าวันรุ่งขึ้น และทำงานต่อวันรุ่งอีก... สรุปว่าไม่ได้นอน... บางทีต้องอยู่เวรติดต่อกัน...เป็นซอมบี้ไปเลย... ระยะเวลาการทำงานก็น่าจะแปรผกผันกับประสิทธิภาพ... แต่การทำงานของหมอ ...มีชีวิตคนไข้เป็นเดิมพัน... ดังนั้นถึงจะอดนอน เป็นซอมบี้ สมองตื้อ อื้อ มึน อึน แต่ยังไงก็ต้องรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้ได้เหมือนเดิม ... จะให้เกิดสิ่งที่ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด... การทำงาน ต้องเจอคนป่วยมากมาย อยู่กับโรคทั้งวัน เจอทั้งสภาพโรคทางกายของผู้ป่วย และ จิตใจของผู้ป่วย ที่นานาจิตตัง มีได้ตั้งแต่คนไข้ที่น่ารัก ถึงคนไข้ที่ก้าวร้าว รวมถึงญาติๆคนไข้ที่พร้อมจะรุมด่าหมออีก ไม่ได้เจอสิ่งสวยๆงามๆ ตามที่เคยเห็นภาพแค่ที่เราไปหาหมอที่เอกชน... สิ่งที่ทำให้หมอมีความตั้งใจทำงานอยู่ได้ คือ รอยยิ้มของญาติและคนไข้ที่มีอาการดีขึ้น... แต่ปัจจุบัน การฟ้องร้องเยอะมาก คนไข้และญาติ จ้องจะจับผิดและฟ้องหมออย่างเดียว ทั้งๆที่หมอมีแต่จิตใจที่อยากจะช่วยเหลือ ทำด้วยความหวังดีและเต็มความสามารถ ... สิ่งเหล่าเป็นสิ่งที่บั่นทอนความตั้งใจของหมอเป็นอย่างมาก... พร่ำเยอะเกิน - -" คือจะบอกว่า ถ้าเป็นหมอ[สมัยนี้] ต้องทนรับความกดดันต่างๆ ทั้งจากคนไข้และญาติ มากๆให้ได้ โชคดีนะน้อง ขอให้เลือกสิ่งที่คิดว่าจะมีความสุขกับการใช้ชิวิตที่เหลือ ถ้าใจรัก อยากทำ ความพยายามก็เกิด ความสำเร็จก็ตามมา  ... ในทุกๆเรื่อง ทุกอาชีพแหละ เนอะ ^^ พี่เชื่ออย่างนั้น จากคุณ : CherryAlone เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 21:12:39

ความคิดเห็นที่ 24 อืม ไม่ได้บอกว่าให้เรียนหมอ หรือเรียนวิศวะนะคะ เเค่อยากเล่าเหตุการณ์ ครั้งๆนึงเคยไปหาหมอ(GP) เเต่ตอนนั้น เค้าอยู่ในฐานะหมอรักษาสิว วันนั้น เราใส่ชุดนักศึกษา หมอเห็นว่าอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเค้า เลยถามว่า อยู่อะไรอะไร เราก็ตอบไป เสร็จเเล้วทีนี้วันนั้น ก็คุยๆไปเรื่อยๆ เข้าเรื่องนี้ซะงั้น ปล พี่ไม่ได้เรียนเเพทย์นะคะ มันมาโปะเชะก็ตอนที่เราถามคำถามเค้าเเบบว่า "ทำไมถึงเป็นหมอรักษาสิวหล่ะ ไม่เคยดายเวลาที่เรียนมา 6 ปีหรอ" (อืม เราก็กล้าถามเนอะ ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร เเค่อยากรู้เฉยๆ) เค้าเห็นว่าเราเป็นรุ่นน้อง(รึป่าวไม่รู้) เค้าบอกว่า "สมัยพี่เรียน พี่รับไม่ได้เลย ตอนขึ้นหวอดครั้งเเรกนะ บลาๆๆ" จำไม่ได้ว่าพูดอะไร เเต่พูดไปทางลบ เลยไม่อยากจำ เราก็ถามต่อ ถามตรงมาก"เเล้วทำไมตอนเอ็น ถึงเลือกหมอล่ะคะ" หมอตอบ "น้องก็ลองถามตัวน้องสิ เลือกเพราะคะเเนนถึงไม่ใช่หรอ" (อ่อ ทำไมเหมารวมอ่ะTOT) คือจำคำถามคุณหมอคนนั้นไม่ได้เเล้ว เเต่จำความรู้สึกวันนั้นได้ ว่าไม่ชอบเลย คิดได้เเค่นี้เองหรอ ไม่รู้นะคะ ถึงเราไม่ชอบเรียนคณะที่เราเป็นอยู่ตอนนี้เเค่ไหน เราก็จะตั้งใจ เเละทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด สงสารคนไข้  เเละก็ไม่อยากเที่ยวโพทนาถึงเรื่องที่ดี ไม่ชอบ ของคณะตัวเอง อันนี้เป็น คห ส่วนตัวนะคะ ไม่ได้มีเจตนาว่าใคร ถ้าน้องจะเรียนหมอจริงๆ ถึงน้องไม่ชอบมากเท่าวิศวะ เมื่อน้องเลือกที่จะเป็นหมอเเล้ว จงทำหน้าที่ของน้องให้ดี  ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ อย่าเรียนเลยคะ สงสารคนไข้ พี่ฝากไว้เเค่นี้ ขอบคุณคะ^^ จากคุณ : zaramo เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 21:31:21

ความคิดเห็นที่ 25 วิทยาศาสตร์เอก ฟิสิกส์ ล่ะคะ ? สนใจไหมๆ :) จขกท เป็นคนเก่งมากๆ ถึงติดทั้งสอบตรงหมอมข กับติด สอวน ฟิสิกส์ได้ เทพมากเลย ลองสอบพวกทุนศรีตรัง มหิดล,, ทุน พสวท ทุนต่างประเทศต่างๆ ดูค่ะ :D จากคุณ : chocourbane เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:06:02 A:202.28.182.5 X: TicketID:311202

ความคิดเห็นที่ 26 เรียนแพทย์เลยครับ ตอนเรียนก้อเหนื่อยหน่อย จบมาเหนื่อยอีกนิด หลังจากนั้นก้อมีหลายทางให้เลือกเดินครับ มีหลายสาขาครับ อยู่รัฐบาลหรือเอกชนก็ได้ นักศึกษาแพทย์หญิงนี่สวยๆเยอะนะครับ น้องจะมีโอกาสดีๆในหลายๆด้านอีกมากเลยครับ อาชีพ รายได้(ไม่มากนัก) ครอบครัว แฟน ความภาคภูมิใจ ศรัทธา... เรียนไปเถอะครับ รักษาคนไข้ได้บุญด้วยนะครับ ไม่ต้องเก่งชีวะครับ ขอให้ขยันและเป็นคนเข้าใจเหตุและผล กล้าตัดสินใจครับ เด่วเค้าก้อฝึกน้องเองครับ ไม่ต้องกลัวครับ... จากคุณ : pamper เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:15:12

ความคิดเห็นที่ 27 เลือกในสิ่งที่ชอบเถอะค่ะ มันเป็นความสุขทั้งชีวิตของคุณ อีกอย่างถ้าจะเป็นหมอ ต้องรักในวิชาชีพนี้จริงๆนะคะ ม.6 เหมือนกัน เข้าใจค่ะ มีไขว้เขวบ้าง สับสนบ้างว่าเราจะเลือกอะไรดี :) จากคุณ : Soleindee เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:17:32

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเป็นวิศวกรครับ และได้เรียนตามสิ่งที่ผมรัก ตามที่ผมไฝ่ฝันมา แต่หลังจากเรียนจบ(จบมา3 ปี จากสถาบันที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เกรดสามกว่า ) มันไม่ได้เป็นดั่งฝันที่เราได้คิดไว้ครับ ชีวิตจริงมันช่างโหดร้ายไม่น้อยในชีวิตการทำงานจริงที่มีการแข่งขันที่สูงมากจากเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน ซึ่งบางครั้งไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้จ่ายของเราได้ทุกอย่าง (เฉพาะสถาบันผมสามารถผลิตเพื่อนร่วมอาชีพในทุกสาขาปีละเกือบ 2000 คน) โดยจากการพบปะเพื่อนๆเวลาที่มีนัดมีตติ้งกัน ผมก็มีการแลกเปลี่ยนและพูดคุยข้อมูลในการทำงานกันมีตั้งแต่เงินเดือน ห้าหมื่น(มี 4คน จาก200คนที่จบสาขานี้ในรุ่นเดียวกัน) จนถึง หมื่นต้นๆ แต่ส่วนมากโดยเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 20000-25000 บาทจากประสบการณ์สามปี(รายได้ผมเองประมาณสามหมื่นกว่าบาทต่อเดือน) ซึ่งต่างจากรายได้จากอาชีพหมอลิบลับ อาจจะถูกที่ว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างและซื้อความสุขไม่ได้ แต่ปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้คนเราเกิดความสุขได้นั้น หามาได้ด้วยเงิน แค่จะมาบอกว่าถ้าผมสามารถย้อนอดีตได้ ผมเลือกที่จะไม่เดินตามความฝันของตัวเองเพื่ออยู่กับความจริงในสภาพเช่นนี้ และที่สำคัญอย่างที่น้องบอกว่าพ่อ แม่ อยากให้เรียนด้วยแล้ว ผมยอมทิ้งความฝันของตัวเอง เพื่อเรียนในสิ่งที่ท่านต้องการ เพราะสิ่งที่ท่านต้องการที่จะให้เราเป็นมันก็ไม่ได้จะเลวร้ายอะไร หรืออาจจะดีกว่าทำตามความฝันของเราเองด้วยซ้ำ และโดยบางครั้งเองแล้วคนเราก็ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองหรือทำในสิ่งที่ชอบได้เสมอไป จากคุณ : วิศวกรเอง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 23:26:01 A:223.205.175.135 X: TicketID:330291

ความคิดเห็นที่ 29 วิศวะหางานง่ายค่ะ ชอบสิ่งไหนไปสิ่งนั้นนนนนนนนนนนนนนนนน แล้วเราจะไปโล้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด รู้ใจตัวเองแล้วช้าอยู่ใย? จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 00:17:46

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณพี่ทุกคนมากครับ T^T ผมมีเวลาตัดสินใจถึง 3ตุลา ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครในบ้าน ที่รู้ว่าผมคิดนิดๆที่จะสละสิทธิ์อยู่ และ ถ้าผมจะสละสิทธิ์ ผมจะบอกกับญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายอย่างไรดี คิดยังไง ก็คิดไม่ออก จากคุณ : Junkyjoke เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 00:20:03

ความคิดเห็นที่ 31 สละค่ะ อาชีพหมอถ้าไม่ใจรักจริงๆมันน่าจะทุกข์มากกว่าจะสบายนะคะ ต้องผ่ากบก่าครูใหญ่ผ่าคนไข้ยุ่งเกี่ยวกับโรคภัยเห็นคนเจ็บป่วยมากมาย เรียนก็หนักหนากว่าคนอื่นหลายสิบเท่าคนไข้เสียชีวิตก็เศร้าแถมยังอาจโดนญาติคนไข้รุมด่าทอเสียๆหายๆ คนที่เป็นหมอต้อง"ใจ"มากๆค่ะ มีเพื่อนเป็นหมอสองสามคนคือเป็นเด็กเรียนดี เห็นเพี้ยนๆเครียดๆทุกข์ๆไปหลายคนแล้วค่ะ ขอให้กำลังใจคุณหมอทุกท่านตรงนี้ด้วยนะคะ จากคุณ : Norma Jeanss เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 02:07:38

ความคิดเห็นที่ 32 ผมสมัยเรียนอยากเรียนกฏหมาย พอจบกฏหมายมาดันอยากเป็นหมอ แต่ตอนนี้ดันไปชอบหมอ กำลังจีบหมออยู่ครับ อายุ มากว่าผม 4 ปี แน่ะ อาจารย์หมอท่านนั้น รู้สึกว่า คนที่เป็นหมอ ไปไหนมีแต่คนเกรงใจ อำนวยความสะดวกให้เยอะมาก จากคุณ : Le droit เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 02:27:17

ความคิดเห็นที่ 33 **ขอให้หาตัวเองให้เจอเร็วๆนะคะ..ทุกอาชีพมีทั้งแง่ดีและแง่ร้าย** เป็นวิศวะ ก็ต้องทนความโดนกดดัน ทำงานกับคนหลายชนชั้นหลายรสนิยม ไม่ทันก็โดนด่าอย่างเดียว ความถูกต้อง มักจะสวนทางกับการเงิน บางสาขาก็ต้องย้ายที่ไปเรื่อยๆ ยิ่งกว่าราชการ. มีรุ่นน้องคนหนึ่งมาปรึกษา...จบวิศวะอินเตอร์ มาทำงานได้ 3 เดือน "พี่ครับผมเข้าใจแล้วว่าผมต้องการอะไร" (ตอนนี้เค้าเป็นไปเป็นสจ๊วต มีความสุขโล่ด) จากคุณ : วันฉันยังยิ้มได้ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 09:07:03

ความคิดเห็นที่ 34 มันยากมากที่จะแนะนำนะ ถ้าทางบ้านไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง อยากจะเรียนอะไร ก็บอกเค้า ปรึกษา อธิบายไป ถ้าขัดไม่ได้ ก็ลองเรียนให้เค้าดู ซักปีนึงนี้บอกได้แล้ว ว่าใช่รึเปล่า ยิ่งคนถ้าไม่ชอบ เลือด ต้องศึกษาอาจารย์ใหญ่ หน้ามืดรับไม่ไหว  อันนี้เรียนไม่ได้แน่ๆ แต่ชีวิต ทุกๆอย่างที่ผ่านเข้ามา มันคือโอกาส เราต้องดูแลหัวใจตัวเองก่อน จากคุณ : ปล่อยเธออยู่คู่โลก เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 10:15:38

ความคิดเห็นที่ 35 แพทย์ไม่ยากอย่างที่คิดครับน้อง อาจารย์ใหญ่ก็เรียนปีเดียวเองครับ มีแต่คนบอกว่าต้องอยู่กับคนเจ็บป่วยนู่นนี่ ผมบอกน้องแล้วไงรับมันมีหลายสาขา ถ้าน้องไม่อยากติดต่อกับผู้ป่วย น้องเรียน X-ray ก้อได้ครับ อ่านแต่ฟิมล์ในห้อง หรือเรียน radiotherapy ฉายแสงอย่างเดียวครับ ถ้าน้องต้องการดูแลผุ้ป่วยไม่หนักมาก น้องเรียน skin eye ก้อได้ครับ ถ้าน้องเรียนแล้วชอบอยากดูแลผู้ป่วยมากๆ น้องเรียน med surg ortho  ถ้าน้องชอบเด็กเล็กๆ น้องเลือกเรียน prediatric ได้ครับ  มันมีมากมายนะครับน้อง ไม่ต้องกลัวครับ น้องกลั้นใจเรียนจนจบแล้วไม่ชอบจริงๆ ทำงานสักพัก เก็บตังไปเล่นหุ้นก้อได้ครับ หรือเล่น แพทย์สายบริหารก้อได้ครับ หากใหญ่โตไป ไม่ค่อยได้ตรวจคนไข้แล้วครับ บริหาร รพ อย่างเดียว ประชุมนู่นนี่ แต่ตอนเรียนก้อเหนื่อยหน่อยนะครับ จบมาไม่รวยมากครับ พอมีพอกิน ยกเว้นลุยเอกชน หรือเก่งมากๆครับ ถ้าน้องขยัน แสนบาทต่อเดือนนี่หาได้แน่นอนครับ สอบติดแล้วครับฟ้าลิขิตมาให้แล้วครับน้อง... จากคุณ : pamper เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 22:54:52

ความคิดเห็นที่ 36 เราเชื่อ ว่าสุดท้ายมนุษย์ทุกคนย่อมอยากทำในสิ่งที่ตัวเองรัก วันนี้ถ้าคุณรู้อยู่ว่าใจคุณรักอะไร เพราะอะไรคุณถึงไม่เลือกมันหละคะ เรามีตัวอย่างจากพ่อเรา เค้าชอบปลา อยากเรียนประมง แต่ที่บ้านไม่สนับสนุน สุดท้ายจึงเลือกเรียนบัญชี จบมาก็ทำงานบัญชี รายได้ก็ดีนะคะ ก่อนออกจากงานรายได้หลักแสน แต่ทำก็เหมือนทำไปวันๆ ไม่มีแรงบันดาลใจ จนสุดท้ายตอนนี้ก็ทำร้านปลาจนได้ ไปร้านทุกวัน ไม่มีวันหยุด ลูกพยามบอกให้หยุดบ้าง แต่เค้าบอกเค้ามีความสุขทีได้ทำ ชีวิตมันสั้นนักนะคะ เลือกอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วคะ ปล.สู้ๆนะคะ ขอให้ตัดสินใจได้คะ เราก้เคยผ่านช่วงเวลานี้มาแล้วเหมือนกัน : ) จากคุณ : ย่งยี้ตัวกลม เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 23:30:01

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบอะไรก็เรียนไปเถอะครับแล้วจะดีเอง ผมมีอาจารย์ท่านนึงท่านเก่งมาก จบวิศวะจุฬา วิศวะUSC แล้วมาทำงานบริษัทใหญ่เลยบริษัทให้ทุนไปเรียนอะไรก็ที่ชอบท่านเลือกเรียนนิติมธ. จบแล้วไปต่อHavard จนตอนนี้เป็นอาจารย์ที่นิติมธ. ผมคิดว่าสอนเข้าใจที่สุดในความเห็นผม จากคุณ : A7X Rulzzz เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 21:32:04

ความคิดเห็นที่ 38 คนที่อยากเรียนหมอจะเป็นจะตาย ได้เข้ามาเรียนแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะเรียนไหว หรือจะชอบจริงๆ ถ้ายังไม่พร้อมหรือไม่อยากที่จะเรียน ยากนะคะที่จะหาแรงบันดาลใจ ดันตัวเองให้เรียนจบ เพราะมันเต็มไปด้วยความกดดัน และตารางเวลาชีวิตส่วนตัวที่หายไป สิ่งที่ยากของการไม่อยากเป็น และต้องมาทำงานในอาชีพนี้ ก็คือ"ความใส่ใจ" ที่คนมาหาเราทุกๆคนต้องการ ทุกอาชีพก็มีความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับ มีความมั่นคงทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ใช่แค่หมอ การที่แต่ละอย่างจะเท่ากัน จะมาก หรือน้อยกว่า มันขึ้นอยู่กับการขวนขวายของเราเอง ไม่ใช่วิชาชีพ เงินเดือนของหมอก็มาจากชั่วโมงการทำงานที่สูงลิบลิ่ว ถ้าคิดเป็นรายได้ต่อชั่วโมงแล้วมันไม่ได้มากมายหรอกค่ะ ค่านิยม ก็คือค่านิยม ถ้ามั่นใจว่าเราไม่อยากเรียน ไม่ชอบกับสภาพแวดล้อมการทำงาน แค่เท่าที่เข้าไปเห็น มันยังไม่ถึงครึ่งของครึ่งที่คนได้เป็นจริงๆต้องเจอด้วยซ้ำ คุยกับที่บ้านจะดีกว่า อย่าเสียเวลาหนึ่งปีเผื่อพิสูจน์เลยว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ หนึ่งปี เราเอาไปทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะนะคะ มากกว่าการเสียเวลาทำ ในสิ่งที่เราแน่ใจแล้ว ว่าไม่อยากจะทำ เราใช้ความสามารถพิสูจน์สิ่งที่เรารักได้ ด้วยความตั้งใจของเราเอง :) จากคุณ : ต้นไม้สีเทา เพลงเบาเบากับลูกอม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 17:06:44

ความคิดเห็นที่ 39 เอางี้ไหม ทนเรียนไปก่อน - - คือถ้าใจเรามันไม่ชอบจริงๆ มันคงถึงจุดๆนึง ที่เราทนเรียนต่อไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ช่าง ผู้ใหญ่คงเห็นใจเองแหละ แต่ทำอย่างงี้จะคุ้มไหม ก็คิดดูด้วยนะ แต่ถ้าเป็นเรา เราจะทำแบบนี้ ถ้าเราโดนบังคับเรียน จริงๆ เราก็โดนบังคับเรียนหมอ โดนไซโคมาตั้งแต่เด็กๆเลย แต่เราตัดปัญหาด้วยการไม่ไปสอบหมอเลย ม๊าเราก็สมัครแพทย์ กสพท.เรียบร๊อยยย เราก็ไม่ไปสอบ ไปสอบอย่างอื่น ตอนนี้เราก็ได้เรียนอะไรที่เราอยากเรียน และม๊าป๊าก็เห็นว่าเออเราก็ทำได้ ทีนี้ !!! ในความคิดเรานะ เราอยากจะแนะนำให้นายอ่ะ เรียนหมอไปก่อนละกัน หรือถ้ายังมีโอกาสที่ได้สอบวิศวะที่อื่น ก็ลองดูก่อน ถ้ายังไงก็โดนจับลงหมอๆๆอย่างเดียว ก็ทนเรียนไปก่อนนะ เดี๋ยวพอใจเราไม่ชอบ ใจเราไม่ไหว ไปไม่รอด ทางบ้านนายก็คงปล่อยนายเองหละ เป็นกำลังใจให้นะ เราผ่านจุดนี้มาแล้ว เราเข้าใจ ^^ จากคุณ : TEN CUPs เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 03:47:17

ความคิดเห็นที่ 40 เศร้าจิต.... เห็นกระทู้นี้แล้วนึกถึงตัวเองเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่เป็นตรงกันข้าม สมัยนั้นวิศวะคะแนนสูงกว่าหรือพอ ๆ กับหมอ อยากเรียนหมอแต่ที่บ้านให้เรียนวิศวะ เพราะทำโรงงานอยู่ ถนัดท่องจำ (ทั้งเคมี ชีวะ สังคม) แต่เรียนคำนวณพอไหว ม.4 สอบเทียบยังอุตส่าห์ติดแพทย์ มอ. ม.5 ก็ได้โควต้าศิริราชปีแรก แต่สละสิทธิ์เอาเอ็นท์กลางเลือกวิศวะจุฬา จากคนได้คะแนนฟิสิกส์ 87 เลข 64 สมัยเอ็นท์ เรียนเทอมแรกได้ C คู่ (Physics I, Calculus I) เป็นความรู้สึกที่กู่ไม่กลับเพราะไม่ได้ชอบจริง แต่พอถูไถเรียนได้ ทำข้อสอบได้ เพราะอ่าน / เรียน / กวดวิชา แบบบังคับตัวเอง พอคะแนนไม่ดีก็ท้อ ไม่อยากเรียน เบื่อ และไม่ใส่ใจเรียนตลอด 4 ปี (ความใส่ใจเรียนของพี่มี half-life = 1 semester) ตอนปี 1 มีเพื่อนหลายคนคะแนนไม่ดี ติดโปร ไม่ใช่เพราะโง่ (เพราะคะแนนเอ็นท์เกือบ 400 จาก 600 คงมีระดับสติปัญญาดีพอควร) แต่เพราะไม่ชอบคำนวณ หลายคนตัดใจซิ่ว ส่วนใหญ่ไปแพทย์ มีตั้งแต่จุฬา ศิริราช รามา เชียงใหม่ ฯลฯ พี่เรียนกลาง ๆ จนจบ พะอืดพะอมพอควร ถึงเกรดจะต่ำ แต่ด้วยสติปัญญาและความสามารถที่พอมีอยู่บ้าง หางานดี ๆ ได้ (ไม่ได้ทำที่บ้านด้วย) ทำให้ได้งานเงินเดือนกลาง ๆ (= เพื่อนที่จบแพทย์และเฉพาะทาง) ไม่ลำบากขัดสนอะไร และคิดว่าวิศวกรที่ไม่ฝืนตัวเองมากไป มีฉันทะในงาน และมีสติปัญญาดี คงได้เงินเดือนไม่แย่อะไรนัก พวกเพื่อนวิศวกรที่มีสติปัญญาดี ถ้ามองที่รายได้ ไม่น้อยหรอกครับ (เฉียดแสนกันหมดแล้วสำหรับอายุ 31-32 บางคนสูง 2-3 แสนก็มีเยอะแยะครับ ถ้า financial stability เป็นเรื่องสำคัญสำหรับครอบครัวน้อง) ขอกำกับคำว่า "สติปัญญาดี" เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประชากรวิศวกรไทยที่ผลิตออกมาปีละหลาย ๆ หมื่นคน น้องคงเป็นคนที่สติปัญญาดี ดังนั้นถ้าได้เรียนได้ทำในสิ่งที่รักจะยิ่งทวีคูณโอกาสของความสำเร็จครับ ยุคนี้เด็กเก่งเรียนหมอเยอะครับ พื้นฐานเราไม่ชอบไปสู้กับเค้าก็เหนื่อยหน่อย แต่มีขึ้นก็มีลงครับ ถ้าเราเลือกในสิ่งที่รักดีกว่าครับ ประจวบโอกาสฟ้าประทาน sky is your limit ครับ จากคุณ : โยยศ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 00:41:17 A:101.108.6.231 X: TicketID:137537

ความคิดเห็นที่ 41 คนจบวิศวะ คิดเก่ง มีงานให้เรื่องหนึ่ง สามารถคิดหาวิธีทำได้ 5-6 วิธี ดังนั้น คนจบวิศวะจึงทำงานได้แทบทุกอาชีพ ตั้งแต่อธิบดีไปจนถึงเซลล์แมน ไปเป็นเจ้าของกิจการก็ได้ เพราะกิจการที่มีเรื่องเทคนิคมาเกี่ยวข้อง คนที่เรียนท่องจำอย่างเช่นหมอหรือรัฐศาสตร์จะทำไม่ได้เลย เจอมาแล้ว เพื่อนผมจบวิศวะโยธาไปทำงานไฟแนนซ์กันเยอะ ลองดูอย่างคนดังๆล้วนจบวิศวะมาทั้งนั้น แต่เพื่อนผมที่เคยเรียนวิศวะมา 5 สถาบัน ก็บอกว่า วิศวะจุฬาจะคิดเก่งที่สุด สถาบันอื่นสอนให้ท่องจำมาก ถ้าเรียนวิศวะแล้วจะไปเรียนต่อหมอก็ไม่ยาก แค่ท่องจำและเปิดดิกชันนารี คนจบหมอ เรียนแต่ท่องจำ ถ้าเรียนจบหมอจะไปเรียนต่อวิศวะไม่ได้แล้ว เพราะคิดไม่เก่ง จะทำงานอาชีพอื่นก็ไม่ไหวแล้ว เพราะคิดไม่เก่ง เป็นได้แต่หมอไปตลอดชีวิต เมื่อเรียนท่องจำมากๆก็จะชอบเดา ต่อให้อาจารย์หมอ หรือเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จุฬาฯ ที่รู้จัก ก็ยังเห็นรักษาแบบคาดเดา ทำให้รักษาผิดประจำ หลักสูตรการแพทย์ไทยยังล้าหลัง รักษาแบบมองมุมเดียว ถ้าน้องจะเรียนหมอ แนะนำให้ไปเรียนเมืองนอก หลักสูตรยุคใหม่ holistic medicine จะรักษาเก่งกว่า แนะนำให้น้องเรียนวิศวะให้จบก่อน แล้วจึงค่อยไปเรียนหมอ แล้วจะรู้ว่า เราเป็นหมอที่คิดเก่งกว่าหมอทั่วไป จากคุณ : วิศวะ จุฬา (กัปตันเรย์) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 23:19:20