แต่คงเป็นเพราะฉันเป็นคนที่รู้จักเธอเป็นอย่างดี ฉันจึงเข้าใจได้ว่าตอนนี้ยังเป็นเพียง แค่การเริ่มต้นเท่านั้น ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบให้ใครมาเถียงและขึ้นเสียงดังๆ และไม่ต้องสงสัยเลย ว่าฉันทำรึเปล่า ฉันเถียงกับเธอด้วยเสียงที่ดังพอๆ กัน กับที่เธอด่ามา จนเธอบอกว่าไม่ไหว แล้ว เธอบอกว่าฉันทำให้เธอโกรธมาก และด่าฉันเพิ่มด้วยน้ำเสียงที่ฉันก็มั่นใจว่าเธอโกรธจัด แล้วจริงๆ หนึ่งในนั้นคือข้อความที่ว่า
" บอกก็ไม่เคยจะเข้าใจ คิดอะไรอยู่กันแน่ นี่มันดึกมาแล้วรู้มั้ย ส่วนเรื่องบ้าๆ นั้นก็ไม่ ต้องพูดอีกแล้ว ไม่อยากฟังแล้ว โตขนาดนี้แล้ว หัดคิดอะไรเองซะบ้าง ไม่ใช่ต้องให้คนอื่น มาสอน ทีให้คำปรึกษาคนอื่นล่ะพูดซะดีเชียว แต่พอถึงคราวตัวเองกลับคิดอะไรเองไม่เป็น ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ รำคาญ จะไม่โทรไปหาแล้วด้วย ไม่โทรไปอีกแล้ว "
ฉันได้แต่พูดให้เธอฟังในใจว่า
' โตขนาดนี้แล้วหัดคิดอะไรเองซะบ้างงั้นเหรอ เธอคงจะคิดว่าฉันทำไปแบบไม่มีเหตุ ผล แต่มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก เพราะฉันได้คิดมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก ฉันถึงทำแบบนี้ '
หลังจากนั้นเธอก็วางสายไป ฉันนั้นกำลังรู้สึกทั้งเสียใจและดีใจไปพร้อมๆ กัน ฉันน่ะ เสียใจที่เราจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกแล้ว ไม่ว่าจะในฐานะไหนก็ตาม และดีใจที่ในที่สุดเธอ น่าจะอยากเลิกติดต่อกับฉันจริงๆ เพราะฉันได้ทำเรื่องที่เธอไม่ชอบขึ้นมาพร้อมกันถึงสามเรื่อง และมันจะดีมากด้วย ถ้าหากเธอนั้นเกลียดฉันจนไม่อยากจะรับรู้ และไม่สนใจอีกต่อไปว่าคน อย่างฉันจะเป็นตายร้ายดียังไง และนั่นจะทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลย หากว่าฉันได้จากไปแล้ว
เมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว ฉันก็รู้สึกโล่งใจมากจนน่าประหลาด อาจจะเป็นเพราะว่าฉัน ได้ทำเรื่องที่ฉันควรทำลงไปแล้ว ฉันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงอะไรอีก ความรู้สึกเครียดและ กังวลใจของฉันพลันหายไปราวกับหมอกควันที่ถูกลมพัดจนสลายตัวไป และฉันก็ไม่รู้ว่าจะ โกรธคนที่บ้านไปทำไมอีก ฉันจึงเดินทางกลับไปที่บ้านของฉัน บ้านที่มีคนคอยสาปแช่ง ให้ตายวันตายพรุ่งนั้นแหล่ะ
ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันหนึ่งด้วยความสดชื่น ถึงแม้จะมีอาการหอบและ เจ็บหน้าอกอยู่บ้างแต่ฉันก็ไม่เป็นไร ฉันเริ่มใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกที่สงบนิ่งและไม่กังวลกับ สิ่งใด ราวกับว่าฉันได้เตรียมใจไว้พร้อมแล้วกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
บ่ายโมงวันนั้น เธอโทรมาหาฉันอีกหนทั้งๆ ที่เธอบอกว่าจะไม่โทรมาแล้ว เธอถาม ฉันว่าเป็นยังไงบ้าง ฉันจึงตอบเธอไปว่า ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว ทุกอย่างลงตัวแล้ว ทั้งหมด คุณยายก็กลับมาขอโทษที่ด่าฉันมากเกินไป และโมโหจนเผลอสาปแช่งฉัน สรุปว่า ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีก ขอให้เธอตั้งใจเรียนดีกว่า พอเธอได้ยินเธอก็บอกว่า ก็ดีแล้ว และวางสายไป นี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันพูดกับเธอด้วยใจที่เป็นกลางอย่างแท้จริง ไม่ใช่การ พูดที่ต้องทนเก็บความเจ็บปวดหรือความเศร้าเอาไว้ข้างใน เหมือนครั้งก่อนหน้านี้ มันทำให้ ฉันแน่ใจแล้วว่า ฉันพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ ที่ฉันไม่เคยไปมาก่อน
ฉันตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องที่ฉันป่วยกับคนที่บ้าน เพราะฉันมีเหตุผลของฉันเองอยู่ หลายๆ ข้อ และไม่เห็นถึงความจำเป็นอะไร ที่จะต้องไปทำให้คนที่บ้านต้องเดือดร้อนเพราะ ค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่วในการผ่าตัดหัวใจ สิ่งที่ฉันต้องการคงจะเหลือเพียง การใช้ชีวิตอย่าง สงบ คิดดี ทำดี ก็พอ
ในช่วงเวลาที่ฉันยังพอมีเหลือ ฉันตัดสินใจจะแต่งนิยายให้เธอ เพราะเธอเคยบอกว่า อยากให้ฉันแต่งนิยายที่มีฉันกับเธออยู่ในเรื่องนั้น แต่ฉันก็ไม่ได้เริ่มแต่งซะที จนในที่สุดเวลา นี้ก็มาถึง และฉันคิดว่าฉันน่าจะแต่งมันเสร็จก่อนที่ทุกอย่างจะไม่ทันการ และเมื่อฉันแต่งจบ ฉันก็จะเอาข้อความที่ฉันพิมพ์นี้ ใส่ไว้ในบทพิเศษเป็นบทสุดท้าย เพื่อให้ทุกๆ คน ได้เข้าใจ ว่าแท้จริงแล้ว นิยายเรื่องนี้มันถูกแต่งขึ้นมาเพราะอะไรกันแน่
๐๐๐๐๐
เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว เธออาจะมีคำถามถึงฉันมากมาย แต่ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉันจะแต่งนิยายเรื่องนี้จบทันหรือไม่
ถึงจะแต่งจบทันแล้วส่งไปหาเธอ
ก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอจะอ่านมันมั้ย และถ้าอ่านมัน เธอจะอ่านทันที หรือรอไปอีกนานแค่ไหนถึงค่อยอ่าน
และเมื่อเธอได้อ่านแล้ว ฉันจะยังอยู่ตอบคำถามให้เธอได้ทันรึเปล่า
ก็ยังไม่รู้อีกเหมือนกัน
เฮ้อ.. โลกใบนี้ไม่เคยมีอะไรที่แน่นอนเลยจริงๆ ว่ามั้ย?
ทีนี้เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วฉันจะพูดเรื่องที่มีแต่เราเท่านั้นที่เข้าใจบ้าง
เธอเคยถามว่าทำไมฉันถึงต้องทำอะไรบ้าๆ อย่างการทำพิธีสลับชะตากรรมกับเธอด้วย ฉันก็คงจะตอบว่า ที่ฉันทำไปนั้นมันมีอยู่เหตุผลเดียวจริงๆ และเธอเองก็น่าจะรู้ว่ามันคืออะไร นอกจากคำแนะนำที่ฉันเคยให้ การปลอบโยนตอนที่เธอเสียใจมา รวมไปถึงความอบอุ่นที่ฉัน มีให้เธอ ฉันยังคงรู้สึกว่าอยากจะให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าที่เธอเป็น ณ ตอนนั้น ฉันสงสารเธอมาก ที่เธอต้องพบเจอกับความทุกข์ ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนที่ทำให้ฉันรอดชีวิตมาได้แบบหวุดหวิด ดังนั้นฉันถึงรักเธอล้นใจ และยกให้เธอเป็นที่สุดของหัวใจไม่มีที่สองที่สาม
และมันทำให้ฉันไม่รีรอเลยที่จะทำพิธีกรรมนั้น เพื่อให้ชีวิตของเธอดีขึ้น และฉันก็จะ ไม่ขออะไรตอบแทนมากไปกว่า แค่ให้เธอรักฉันคนเดียวก็พอ เพราะถ้าเธอยังรักฉันอยู่ฉันเอง ก็จะยังคงปลอดภัย ถึงแม้จะต้องเจอกับอะไรแย่ๆ มาเป็นระยะๆ ก็ตาม สำหรับฉันแล้วตั้งแต่ ตอนที่เราเริ่มคบกันมา เรายังไม่ค่อยเจอะเรื่องที่ร้ายแรงอะไรมากนัก ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะ เรื่องที่ฉันทำ หรือเราโชคดีกันเอง ฉันก็ว่ามันดีทั้งนั้น
สำหรับเรื่องที่ฉันป่วย ฉันไม่ขอให้เธอเชื่อ เพราะมันเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แล้ว และฉันก็เคยเป็นแบบนี้มาแล้ว จนมันเหมือนดู Fake ว่าฉันอาจจะแค่เรียกร้องความสนใจ เพื่อให้เธอเห็นใจแล้วกลับมาหา แต่สิ่งที่เธอคงจะไม่ปฏิเสธก็คือ เธอเคยพูดว่าถ้าหากเรา ต้องตายจากกันไป ขอให้เธอได้เป็นคนที่จากไปก่อน หรือไม่ก็ขอให้เราจากไปพร้อมๆ กัน เพราะเธอคงจะทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีฉัน
จากคำพูดนั้นของเธอ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันทำพิธีกรรมนั้นขึ้นมา เพราะในเนื้อหา ของเงื่อนไขบอกว่า ฉันจะยังคงได้รับการคุ้มครองถ้าหากเธอยังมั่นคงในตัวฉัน แต่ถ้าหากใน วันได้ที่ความรักของเราได้ยุติลง สิ่งที่เป็นเสมือนเกราะที่คอยคุ้มกันนั้นก็จะหายไป และทำให้ ฉันต้องพบกับความตายในที่สุด ความรักที่เราเคยมีให้กันนั้นมันทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน มันทำให้ฉันรู้สึกดีจนไม่เคยคาดคิดว่าเราจะต้องเลิกกันไป และมันทำให้ฉันประมาทจนทำ สัญญานั้นขึ้นมา
ฉันเคยเชื่อใจว่าเธอจะรักฉันโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง นั่นหมายถึงสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉัน ต้องพบกับจุดจบก็คือ เธอได้ตายจากฉันไปก่อนเท่านั้น และเมื่อถึงตอนนั้นความรักของเราก็ จะยุติลงตามเงื่อนไข ตัวฉันก็จะตามเธอไปหลังจากนั้นด้วยผลจากพิธีกรรมเอง และมันเป็น การรับประกันได้ว่า อย่างน้อยที่สุดเธอจะไม่ต้องอยู่คนเดียว
แต่ในความเป็นจริง เธอไม่ได้จากไป แต่ความรักของเราต่างหากที่ได้จากไป และมันน่าจะส่งผลให้ฉันต้องเจอกับอะไรแบบนั้น เธอเคยบอกว่าพิธีกรรมนี้เป็นอะไรที่เชื่อถือ ไม่ได้ และสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้นเมื่อเราคิดว่ามันจะเกิด แต่ถ้าเราคิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นมันก็จะ ไม่เป็นอะไร ไม่มีผลอะไรทั้งนั้นต่อเรา ฉันเองก็อยากจะทำอย่างที่เธอว่า แต่คงเป็นเพราะฉัน อยู่ในตระกูลของนักทำนายมานานเกินไป เรื่องราวลึกลับหรือไสยศาสตร์จึงเป็นสิ่งที่ฉันมี ความเชื่ออยู่มากพอสมควร และฉันไม่สามารถคิดได้ว่า การที่เธอพบกับสิ่งดีๆ และฉันพบกับ เรื่องแย่ๆ แต่ก็ยังคงมีความสุขต่อไปได้นั้น มันจะไม่เกี่ยวกับพิธีกรรมที่ว่า
สำหรับฉันแล้วในตอนนี้ ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ก็ตาม ไม่ว่าเธอจะคิดว่ามัน เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ หรือมันเป็นความจริง ฉันก็จะไม่อาลัยอาวรณ์ในสิ่งใดทั้งนั้น สำหรับฉัน คนที่ถูกทำนายไว้ว่าชะตาขาดไปตั้งแต่เกือบสามปีก่อน และอยู่รอดมาได้เพราะการที่ได้พบ เจอกับเธอ ฉันว่าฉันได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันควรทำลงไปแล้ว ฉันได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อทำให้เธอรู้สึกดี ฉันยอมหันหลังให้กับทุกคนเพื่อที่จะหันหน้ามายังตัวเธอ และฉันยอม แลกสิ่งที่มีค่าทุกอย่างที่ฉันมีออกไปของเพียงแค่เธอมีความสุข และคิดว่าฉันคงจะทำทุกเรื่อง ที่อยากทำสำเร็จไปตั้งแต่ในคืนนั้น คืนที่ฉันทำให้เธอโกรธเกลียดจนบอกว่าจะไม่มีวันโทรมา หาฉันอีก
เธอเคยบอกฉันว่า ฉันไม่น่าทำแบบนี้เลย เพราะเธอไม่อยากจะรู้สึกผิดหากมันเกิด อะไรขึ้นมากับฉัน เธอบอกว่าอยากให้ฉันไปยกเลิกสัญญานี้ทิ้งซะ เพราะเธออยากให้ชะตา ชีวิตของเธอเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่ว่าดีขึ้นแต่ทำให้ฉันลำบากแบบนี้ ฉันก็คง จะต้องขอโทษเธอจริงๆ เพราะสัญญานั้นเมื่อได้ทำลงไปแล้วมันจะแก้ไขไม่ได้ และถึงฉัน จะลองไปแก้มาแล้ว แต่มันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ฉันก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ทำอะไรลงไป โดยไม่คิดให้ดีก่อน มันทำให้เธอต้องมารู้สึกแย่ในตอนท้าย การไปกำหนดชะตาชีวิตของผู้อื่น โดยที่คนๆ นั้นไม่ได้สมัครใจเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยจริงๆ ฉันถึงต้องขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอให้เธอช่วยยกโทษให้ และอโหสิให้กับฉัน
มันอาจจะดูไม่ยุติธรรมสำหรับฉัน แต่ฉันคิดว่านี่คงเป็นชะตากรรมที่ฉันต้องเผชิญอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในครั้งแรกที่เราพบเจอกัน เธอบาดเจ็บ บอบช้ำ และอ่อนแอ อย่างหนักจนฉัน ไม่สามารถทนนิ่งดูดายได้ ความรู้สึกที่ฉันมีมันไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะแค่สงสารเธอ ฉันเองก็ไม่ เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงรู้สึกว่าต้องช่วยเธอไว้ให้ได้ ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน รู้สึกแบบที่ว่า ฉันทนมองเห็นเธอเสียน้ำตาไม่ไหวจริงๆ ฉันจึงเฝ้าดูแลเธออย่างอบอุ่น เพื่อให้ เธอกลับมาหายดี บางครั้งฉันก็แอบท้อแท้ในใจ เพราะว่าเราต่างกันเกินไป แต่อย่างไรก็ตามที ในเมื่อฉันวางเดิมพันลงไปแล้ว ฉันก็ไม่คิดจะถอยอีกต่อไปแล้ว ฉันจึงเลือกที่จะออกเดินทางไป พร้อมๆ กับเธอ โดยที่ไม่สนใจว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบลงเช่นไร
ถึงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ตาม ฉันจะไม่ถือว่ามันเป็นความผิดของเธอ สาเหตุ ทั้งหมดมันมาจากตัวฉัน ฉันเป็นคนที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ขอให้เธออย่าคิดมากว่า เธอได้ทำให้ฉันลำบาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานั้นฉันเป็นคนเลือกเอง และเธอจะไม่ต้องรับผิดชอบ ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าฉันจะต้องจากไปจริงๆ มันคงจะไม่เป็นไร เพราะชีวิตที่ฉันได้ใช้มาหลังจากช่วง ที่เคยถูกทำนายไปว่าจะต้องตายไปนานแล้วนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากสำหรับฉันจริงๆ และคนที่ให้มันกับฉันมาก็คือเธอ ทุกๆ อย่างแค่จะกลับไปเป็นอย่างที่้มันควรจะเป็น ฉันควร จะไม่ได้มาอยู่นั่งเขียนอะไรถึงเธอแบบนี้ แต่ที่ยังได้มาทำแบบนี้ก็เป็นเพราะช่วงเวลาที่เธอ ได้มอบให้ฉันทั้งนั้น ในตอนนี้เธอมีอิสระแล้ว และฉันจะไม่ผูกมัดเธอไว้ด้วยคำพูดอีกต่อไป ขอให้เธอก้าวเดินไปข้างหน้า และอย่าหันหลังกลับมาอีก ถ้าเธอได้เลือกแล้วจริงๆ
ในตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าฉันจะต้องจบชีวิตลงในวันเกิดของเธอ หรือไม่ ฉันก็ไม่สนใจอีก ฉันยังคงหายใจอยู่ และฉันคิดแค่ว่า ฉันจะคิดดี ทำดีต่อไป เธอเคยบอกฉันว่าคนดีๆ แบบฉันน่าจะอยู่ไปได้อีกนาน ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ ว่ามันจะต้านทานอาถรรพ์ของสัญญานั้นได้หรือไม่ สำหรับฉัน ฉันไม่กังวลอะไร อาจจะยัง ห่วงเธออยู่บ้าง เพราะฉันรู้ว่าเธอยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก และอาจจะต้องมีเรื่องให้ ทุกข์ใจไปอีกนาน แต่สิ่งที่ฉันจะฝากไว้ได้คงมีเพียงคำแนะนำเท่านั้น
ฉันเหลือเพียงคำแนะนำสุดท้ายให้เธอ นั่นก็คือให้เธอทำความดีให้มากๆ ทำบุญให้ เยอะๆ เพราะสองอย่างนี้จะช่วยคุ้มครองเธอจากเรื่องร้ายๆ ได้ สิ่งที่ทำให้เธอเครียดหรือกังวล ก็จะได้ลดน้อยลงไป แม้มันจะไม่สามารถช่วยให้มันหมดไป แต่ก็คงจะพอทำให้เบาบางลง ได้อยู่
และฉันอยากให้เธอตั้งใจเรียนให้มากๆ เพราะในอนาคตคงจะมีคนไข้อีกมากที่รอให้เธอ ไปรักษาพวกเขา ฉันรู้สึกดีที่เธอขยันและตั้งใจเรียนขึ้น และหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปจนถึง ตอนที่เธอจบการศึกษา เพราะความรู้ที่เธอเรียนมาจะเป็นประโยชน์ต่อคนอีกมากในอนาคต ขอให้เธอพยายามให้มากๆ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ฉันเชื่อว่าเธอจะทำได้สำเร็จและไปยัง จุดๆ นั้น จุดที่ฝันของเธอเป็นจริงและได้ทำงานที่เธอรักในที่สุด
๐๐๐๐๐
เอาละ ในที่สุดก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ช่วงนี้คือช่วงที่ฉันอยากให้เธออ่าน และไม่อยากให้เธออ่านไปพร้อมๆ กัน ที่อยากให้อ่านเพราะมันจะทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เราเคยมีออก และที่ไม่อยากให้อ่านเพราะฉันกลัวว่าเธอจะต้องเสียน้ำตา น้ำตาที่ผู้ชายธรรมดาอย่างฉัน เพียรพยายามที่จะ ไม่ให้มันไหลออกมา หรือไหลออกมาน้อยที่สุด จากดวงตาของเธอ ผู้หญิงที่ฉันรักเท่าชีวิต
หรือบางทีฉันอาจจะคิดไปเองว่าเธอจะหวั่นไหวไปกับมัน และเธออาจจะไม่ร้องไห้ออกมาหรอก แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องดีอยู่ดี เพราะแสดงว่าเธอจะอยู่ต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง โดยไม่มีฉัน
... ... ...
คงถึงเวลาที่จะต้องเปิดใจออกมาพร่ำเพ้อเป็นอักษร ก่อนที่คำพูดเหล่านี้จะไม่มีที่ให้อยู่อีกต่อไป
แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 54 19:03:13
แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 54 19:02:42
จากคุณ |
:
หลับปุ๋ยคุง
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ธ.ค. 54 19:01:23
|
|
|
|