ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อปีที่แล้ว 2011  เป็นปีที่ผมรู้สึกว่าตัวเอง อ้วนมาก อ้วนอย่างไม่น่าเชื่อ เท้าความก่อนว่า เพราะปกติผมเล่นบาส น้ำหนักเฉลี่ยตอนเล่นบาสคือ  67 - 68 โล กับความสูง 173-174  ก็เป็นอะไรที่ โอเคอยู่ พึ่งจะมาหยุดเล่นบาส ไปเมื่อ สองปีที่แล้ว เนื่องจากเจ็บเข่า หลังจากนั้น สองปีที่ไม่ได้เล่น บอกตรงๆว่าโคตรจัดหนัก กินทุกอย่างที่อยากกิน  น้ำอัดลม ต้องมีอย่างน้อยวันละขวด  ไม่กินไม่ได้ เพื่อนๆทุกคนที่ทำงานทัก  เพื่อนๆที่เจอทัก แม้กระทั่งคนใกล้ตัวเช่นแฟน หรือพ่อแม่ ยังทัก   " เมริงจะอ้วนไปไหน ? " แบบ เมื่อมันอ้วนขึ้น คุณจะรู้สึกจริงๆว่ามันเปลี่ยนไป เอาง่ายๆทางกายภาพ เหนื่อยง่าย เหนื่อยเร็ว เสื้อผ้า คับปลิ้น คับจริงๆ คับแบบ รู้สึกได้ว่ามันคับน่ะ พุง แม่มมาจากไหนไม่รู้  ขยายกันมาสุดโต่ง ภายใน 1 ปี น้ำหนักผมขึ้นจาก 67 โล  เป็น 80 โล 80 โล !!!! มันเป็นอะไรที่ หลายๆคนอาจจะคิดว่า แค่เนี้ย ? แต่สำหรับคนที่เล่นกีฬามาประจำ ถือว่า มันเร็วมากนะครับ มันเร็วมากจริงๆ แต่ถามว่าผมหยุดหรือไม่ ผมก็ยัง ไม่หยุดนะ ยังกินจุเหมือนเดิม ยังเลือกกิน สิ่งที่อร่อย แต่ไร้ประโยชน์กับร่างกาย เหมือนเดิม จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ผมเจอ " จุดเปลี่ยน " แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 11:00:23 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 10:54:15

ความคิดเห็นที่ 2 อะไรคือ " จุดเปลี่ยน " จุดเปลี่ยว เอ้ย ไม่ใช่ จุดเปลี่ยนคือ   อะไรบางอย่างที่ทำให้คุณสะดุด อะไรบางอย่าง ที่ทำให้ คุณต้องหันกลับมาทบทวนตัวเอง เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมเจอ จุดเปลี่ยน อยู่ 2 จุดใหญ่ๆ มันคือ คือ คือ .......... 1.  การตรวจสุขภาพประจำปีของโรงงาน คือปกติแล้ว โรงงานผม จะจัดให้ตรวจสุขภาพปีละครั้ง ปลายๆปี จุดเปลี่ยนที่ว่าของผม คือ เมื่อตอนที่ผมเข้าไปตรวจร่างกายกับหมอ คำแรกที่หมอบอกผมคือ  " อ้วน " อ้วน อ้วน อ้วน คำนี้มันเหมือน ระฆัง ที่ดังตูม เข้ามาในหัวสมอง คือ นึกออกป่ะ ถึงแม้เราจะรู้ตัวว่าเราอ้วนแล้ว  แต่แบบ มันเป็นคำทักทาย ที่แม่มโคตรรรรรรรร จะทำให้เสียเซลฟ์เลยครับ ด้วยความปรารถนาดี  เวลาคุณไปเจอเพื่อนฝูง อย่าทักทายเรื่องปัญหาความอ้วน หรือแบบ ไปทำอะไรมาหน้าเยินเป็นสิว  อะไรทำนองนั้น เพราะ เชื่อหรือไม่ว่า  เค้ารู้ตัวแหละ เพราะมันร่างกายเค้า แต่ก็ไม่ได้อยากให้คุณที่เป็นคนอื่น มาตอกย้ำ 2.  นอกจากจะเจอ หมอทักว่าอ้วนแล้ว ยังโดนตอกย้ำครั้งที่ 2 อีก จากใบรายงานผลการตรวจ มันขึ้นโชว์หรามาเลยว่า   อ้วน "  ควรควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกาย " อันนี้พอเปิดดูแล้ว ไม่อยากจะเปิดอีกเป็นครั้งที่สองเลยครับ เซ็งเป็ด แล้วหลังจากนั้น ก็เจอจุดเปลี่ยนจุดที่สอง นั่นก็คือ " ไม่สบาย " ใช่แล้วครับ การไม่สบายนี่แหละ ที่ถือเป็น จุดเปลี่ยนใหญ่อีกจุดของผมทีเดียว ผมไม่สบายเป็นหวัดเอาเมื่อตอน ท้ายปีครับ ช่วงส่งท้ายปีใหม่นั่นแหละ  คนอื่นเค้าไปเที่ยวกัน แต่ผมนอนซม อยุ่ 6 วันเต็มๆ แล้วถามว่า ไม่สบาย มันเกี่ยวอะไรกับการลดน้ำหนัก  ผมจะบอกว่า มันเกี่ยวครับ เกี่ยวมากทีเดียว พอคนเราไม่สบาย  ร่างกายมันก็อ่อนเพลีย ไม่อยากไปไหนไม่อยากทำอะไร พอกินข้าว กินยา แล้วมันก็อยากนอนอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น 6 วันที่ไม่สบาย ผมแค่ตื่นมากินข้าวต้มตอนเช้า กินยา  นอน กลางวันกินโจ๊ก แล้วกินยา นอน กลางคืนกินข้าวต้ม กินยา  นอน เท่านั้นจริงๆ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 11:02:21 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:01:21

ความคิดเห็นที่ 3 พอร่างกายหายไข้   มันก็ทำให้ผมคิดอะไรได้บางอย่าง " เออ  แค่กินข้าว สามมื้อตามปกติแค่นั้น ไม่ได้กินขนม ไม่ได้กินน้ำอัดลม มันก็ไม่ได้ตายนี่หว่า " หลังจากนั้นก็เกิดลูกฮึดขึ้นมา เอาวะ   กูต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ ดังนั้น ผมก็จัดทำ หลักสูตรลดน้ำหนักของตัวเองขึ้นมา ที่ผมบอกว่าของตัวเอง เพราะ ผมไม่รู้ว่า สำหรับพวกคุณแล้ว วิธีของผมมันจะใช้ได้หรือเปล่านะครับ  ก็เอาไป อะแด๊ปกัน เคล็ดลับของผมมี 3 คำสั้นๆเท่านั้นครับ เป็นคำที่ฟังแล้วง๊ายง่าย  แต่เอาเข้าจริง ผมเชื่อว่า หลายๆคนมีปัญหาแน่ คือ " ออกกำลังกาย   กินเย็นไม่เยอะ  งดน้ำอัดลม " เรามาดูดีเทลกัน เนื่องจากปกติผมเล่นบาสมาก่อน เรื่องการออกกำลังกาย อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก หรือ สิ่งที่น่าเบื่อเท่าไรสำหรับผม แต่สำหรับพวกคุณ ที่ไม่ค่อยถนัดในเรื่องออกกำลังกาย มันน่าเบื่อแน่นอนครับ  ใช่  มันน่าเบื่อ แต่เชื่อเหอะ ตอนคุณเห็นพุงตัวเองค่อยๆขยายออก หรือเห็นเสื้อผ้าที่ปกติคุณใส่ได้ แต่เริ่มใส่ไม่ได้แล้ว มันน่าเบื่อกว่าอีก การออกกำลังกายของผม จะเลือกช่วงเวลาเย็นๆเท่านั้น เพราะตอนเช้าไม่มีเวลา  ตื่นสาย 555 แต่การออกกำลังกายที่ว่าของผม ทำไม่เยอครับ แค่ 3อย่างเท่านั้นคือ วิ่ง กระโดดเชือก และซิทอัพ คือตารางที่คิดขึ้นมาเนี่ย ไม่ได้มีหลักกฎอะไรมากมายหรอกครับ แค่วิ่งเพราะรู้สึกว่าไม่ฟิต  กระโดดเชือก เพราะอยากลดพุง และซิทอัพ  ก็คืออยากลดพุงเหมือนกัน ( แต่ในระยะสั้น กระโดดเชือก จะลดพุงได้เร็วกว่านะครับ ประสบการณ์ตรง ) จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:03:54

ความคิดเห็นที่ 4 ผมยังจำ วันที่ผมเริ่มวิ่งได้ นั่นคือ วันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมานี่เอง สำหรับสถานที่แล้วแต่พวกคุณจะสะดวกนะครับ ส่วนของผมเองดีหน่อย ที่บริษัทมีโรงยิม ผมก็ใช้เวลาช่วงเย็นนั่นแหละไปเริ่มวิ่ง ขนาดการวิ่งของผมตามเส้นสนามบาส เลือกวิ่ง 30 รอบ ก็จะได้ประมาณ  3 กิโลเมตรกว่าๆ ในแต่ละวัน ใช่แล้วครับ คุณได้ยินไม่ผิดหรอก 30 รอบสนามบาส ทำไมถึงใช้ สามสิบรอบ ก็คือ มันไม่มีเหตุผลอะไรหรอกครับ เลขสวยเท่านั้นเอง แต่ตอนที่วิ่งทีแรก สารภาพว่าแทบจะอ้วกแตก เนื่องจากการ ร้างการออกกำลังกายไปนานถึงนานมาก มันก็ไม่ถึงหรอก หยวนๆเอา  ปลอบใจตัวเองว่าพึ่งวันแรก แต่จริงๆ ควรทำแค่รู้สึกเหนื่อยก็หยุดนะครับ ไม่งั้น มันจะไม่ไหว แล้วมันจะพาลให้ไม่อยากทำอีก  ในวันต่อๆไป ผมจำได้ว่า วิ่งราวๆ ยี่สิบกว่ารอบ ก็มายืนหอบแฮ่กๆ  เป็นอันว่า จบในส่วนการวิ่ง แล้วต่อไปล่ะ ผมจะทำอะไร ? เพิ่มเติมนะครับ ถ้าคุณผู้หญิงขี้เกียจวิ่งกันเป็นระยะเวลานานๆขนาดนั้น ก็ไปเลือก การวิ่งในฟิตเนส หรือไม่ก็เต้นแอโรบิคก็ได้ครับ  อาจไม่น่าเบื่อเท่า แต่ของผมไม่เบื่อ เพราะตอนวิ่ง ผมจะเอาที่ฟังเพลงใส่หูไปด้วย วิ่งไปด้วยฟังเพลงไปด้วย นับรอบไปด้วย  ก็โอเคอยู่ ผมเลือก กระโดดเชือกครับ ผมไปซื้อ ที่กระโดดเชือก ปกติธรรมดานี่แหละ  ที่นักมวยเค้าโดดกัน ผมก็เริ่มโดดเชือกไปเลย  อันนี้ถ้าใครทำไม่เป็นหรือ ไม่ถนัด ก็ใช้วิธีกระโดดขึ้นลงแล้วทำมือเหมือนกำเชือกก็ได้นะครับ วันไหนผมลืม ผมก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน สำหรับจำนวนที่ผมเลือกกระโดดคือ 400 ครั้งครับ ปรับเป็นเซ็ต เซ็ตละ 50   ที่เยอะเพราะอยากให้พุงลดไวๆน่ะครับ ไม่รู้ไปได้ยินมาจากไหนเหมือนกันสูตรกระโดดเชือกเนี่ย 555 เอาเป็นว่า ผมก็ทำครบ  400 ครั้ง  อย่างที่เรียกว่า ใช้เวลาพักเยอะอยู่วันแรกๆ หลังจากนั้น ก็มาซิทอัพครับ  100 ครั้ง แบ่งเป็นเซ็ต เซ็ตละ 20 เรื่องจำนวนไม่ต้องวอรี่นะครับ สำหรับแต่ละคนมันก็แล้วแต่ ไม่เท่ากันก็ได้ ตามที่เรารู้สึกเหนื่อย พอเหนื่อยก็พัก  พอหายเหนื่อย ก็มาทำกันใหม่ ในการออกกำลังกายของผม ตามที่จับเวลา ตั้งแต่เริ่มวิ่ง ไปจนจบ ซิทอัพ ผมใช้ราวๆ  ทั้งหมด 1 ชมนะครับ   เป็นหนึ่งชั่วโมงที่ ผมว่า มีผลดีกับร่างกายมากที่สุด ยกเว้นเวลานอนนะครับ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:04:55

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากการออกกำลังกาย ซึ่งถือเป็น เซคชั่นแรก ผมก็มาถึง เซคชั่นที่สอง ที่ผมคิดว่ามีความสำคัญคล้ายๆกัน นั่นคือ  การกินช่วงเย็น สำหรับช่วงเช้า ผมเลือกเคล็ดลับตามที่เคยๆอ่านในการออกกำลังกายทั่วไปนะครับ คือ  " หนักเช้า  เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น เว้นดึก " ดังนั้นตอนเช้า ผมเลือกที่จะกินอาหารกินข้าวตามปกติ   แต่มื้อเที่ยง กับมื้อเย็นที่เปลี่ยนไป มื้อเที่ยง ในช่วงลดน้ำหนัก ผมเลือกกินอะไรที่มันเน้นผัก และย่อยง่ายๆ มีสองเมนูที่ผมเลือกกินในช่วงแรกๆคือ สุกี้  กับ  ผัดไทยวุ้นเส้น สลับกันกินไปมา  จริงๆมันก็น่าเบื่อนะครับ แต่ช่วงนั้้น   ยอม คำเดียวสั้นๆ ( ส่วนตัวผมคิดว่าการจำกัดการกินเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก  ดังนั้น อย่าได้พยายามอ้วน เพราะถ้าอ้วนแล้วเวลาลด มันต้องคุมอาหาร มันทรมาน ) แต่ปริมาณการกิน ผมไม่ได้ลดลงไปมากนะครับ   ไม่ใช่ว่าสั่งสุกี้มาแล้วยังจะกินแค่ครึ่งจาน ไม่ครับ ผมกินเต็มจานปกติ สุกี้ของผมเน้นผัก และมีเนื้อบ้าง    ส่วนผัดไทยวุ้นเส้นก็ตามปกติเหมือนผัดไทย นี่คือมื้อกลางวัน สำหรับมื้อเย็น นี่ถือว่าสำคัญมาก   เนื่องจาก ผมไม่สามารถงด มื้อเย็นได้ ไม่มีทางเลยรู้ตัว ดังนั้น ผมเลือกที่จะ " ปรับ วิธีการกิน " ปรับยังไง ?     ผมเลือกที่จะ กินเกาหลา เย็นตาโฟครับ ในช่วงแรกๆ มันจะมี เนื้อ ลูกชิ้น อะไรมาให้ตามปกติ แต่ที่เน้นคือ ผักบุ้งครับ  ที่เน้นเพราะ มันช่วยเรื่องสายตาด้วย   แต่จริงๆคือ ผมชอบกินน่ะ 555 ดังนั้นอาหารเย็ฯหลักๆของผมคือ เกาเหลาเย็นตาโฟ อ้อ ในระหว่างตั้งแต่ช่วงออกกำลังกาย ไปจนถึงมื้อเย็น ถ้าหิว ผมเลือกที่จะกินน้ำเปล่า หรือ  น้ำมะเขือเทศ ของดอยคำนะครับ เป็ฯน้ำมะเขือเทศ ร้อยเปอร์เซ็นต์  ( เท่าที่มันเขียนในกล่องนะ ) ดังนั้น มันจะไม่ผสมน้ำตาล ( หรือถ้ามีมันก็ไม่ได้บอกมาในกล่อง ) เป็นน้ำที่ใช้กินประจำ ก่อนถึงมื้อเย็น  ซึ่งผมกินมื้อเย็นถือว่าค่ำเหมือนกัน ราวๆตั้งแต่สองทุ่ม ไปจนถึงสี่ทุ่ม  แต่ใครกินเร็วกว่านั้นก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เท่าที่ได้ยินมาคือก่อนสองทุ่ม จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:06:01

ความคิดเห็นที่ 6 ทีนี้มาถึงตอนสำคัญครับคือ ในช่วงดึก เนื่องจาก หลักของการลดความอ้วนที่ดีคือ  อย่านอนดึก แต่ผมก็ทำไม่ได้อีกแหละ เนื่องจากในการทำงานบางทีผมก็ต้องเอางานกลับไปทำตอนดึกๆบ้าง มันก็เลยต้องมีการ อะแด้ป กันหน่อย ถ้าตอนดึกๆ หิว  ถ้าไม่กินน้ำเปล่า ผมจะกินนี่ครับ ถั่วแอลมอนด์อบเกลือ    ซื้อได้จากเซเว่น ราวๆซองละ 24 บาท เอาไว้กินตอนดึกครับ มันช่วยได้เรื่องพลังงานให้หายหิว  แต่มันไขมันน้อย แต่ถ้าใครรู้สึกว่มมันจำเจเพราะกินทุกวัน ก็เปลี่ยนเป็น ถั่วลันเตานะครับ ถึงมันจะทอดแต่ผมว่ามันก็ให้พลังงานได้ดี และมันไม่หนักท้องเกินไป อันนี้ราคาจะย่อมลงมาหน่อยคือ ซองละ 15 บาท  กินครึ่งซองก็อิ่ม แต่ถ้าวันไหนไม่มี ให้คุณกิน  แอ๊ปเปิ้ลครับ เคยได้ยินว่าการกินแอ๊ปเปิ้ลตอนค่ำๆหรือตอนดึกๆ จะช่วยในเรื่องการลดอ้วน อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  แต่ก็ซื้อมาติดตุ้เย็นไว้ก่อน จะอย่างไรมันก็คือผลไม้ ( จริงๆกินอย่างอื่นที่เป็นผลไม้ก็คงได้ แต่ของผมกินแบบนี้ ก็ไปปรับกันเองครับ ) อ้อ มีอีกอย่างนึงที่ผมลืมบอกไปคือ การงด ของหวาน หรือน้ำอัดลมครับ อย่างเช่นพวกเค้ก พวกน้ำอัดลม งดได้ก็งดไปเลย งดไม่ได้ ก็กินให้น้อยที่สุด เอาแค่พอรู้รส อย่างน้ำอัดลม ปกติกินครั้งละ ขวด ก็ให้ลด เหลือครั้งละ ครึ่งขวด ไม่ต้องไปเสียดายอีกครึ่งที่เหลือ เพราะ แค่ที่คุณซื้อมากินแต่แรก มันก็เปลืองจะตาย ha อยู่แล้ว เค้ก ก็เอาแค่พอรู้รส ไม่จำเป็นต้อง ไปกระเดือกลงคอให้หมด ไม่มีใครเอารางวัล กินเค้กยอดเยี่ยม มาให้คุณนะครับ มีแต่ไขมัน ที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยามยาก เท่านั้น จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:07:01

ความคิดเห็นที่ 7 ผมทำแบบนี้ ตั้งแต่เริ่มวันที่ 9   จะมีวันอาทิตย์วีนเดียวนะครับ ที่หยุดพักกล้ามเนื้อ แต่ก็ยังกินอะไรเบาๆอยู่ จนมาถึงวันนี้ 2 มีนาคม ราวๆสองเดือนน้ำหนักผมลดลง   จาก 80 ตอนนี้เหลือ  72 โลแล้วครับ และผมคิดว่าในเวลาอีกไม่นานๆ ราวๆสักสี่เดือนตั้งแต่เริ่มลดความอ้วน ผมน่าจะกลับไปน้ำหนักเดิมที่อยู่ราว 68 โลได้อยู่ มันเป็นความรู้สึกดีนะครับที่เวลา เราชั่งน้ำหนักในแต่ละครั้งแล้ว เห็นตัวเลขมันค่อยๆลดลง นั่นหมายถึง สิ่งที่เราทำมา มันไม่สุญเปล่า และหลังจากนี้ ผมคิดว่าผมไม่กลัวโยโย่ครับ  เพราะถ้าน้ำหนักผมลงแล้ว และผมกลับไปกินเยอะเหมือนเก่า ผมก็จะออกกำลังกายเพื่อเบิร์นมันทันที  ไม่ปล่อยให้มันสะสมเด็ดขาด ใจและร่างกายเราจะบอกเองครับ ( แต่การออกกำลังกายผมคง ลดระดับลงเหลือในปริมาณที่เหมาะสม ) ให้จดจำในช่วงเวลาที่ต้องเหนื่อยยากตอนลดน้ำหนักไว้ และบอกตัวเองว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องมาทำแบบนั้นอีก จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:07:45

ความคิดเห็นที่ 8 จริงๆถามว่าพุงเพิงอะไรยังมีอยู่มั้ย ก็บอกได้ว่ายังมีบ้างครับ มันยังไม่ลดลงไปหมดหรอก คงต้องใช้เวลาในการ เบิร์นไปเรื่อยๆ แต่ผมก็โอเคขึ้นมากครับ มันเฟิมและดูดีขึ้นเยอะ ทำให้ร่างกายเราสดชื่นและไม่เหนื่อยง่ายด้วย เป้าหมายต่อไปของผมหลังจากลดให้ใกล้เคียงกับน้ำหนักเก่าแล้ว ก็น่าจะเป็น การสร้างพวกกล้ามท้องหรือกล้ามเนื้อด้านไหล่หรือต้นแขน ก็ยังต้องสู้กันต่อครับ ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากสรุปให้  ทุกท่านที่อยากลดน้ำหนัก อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองนะครับ คือ   คุณต้องหา " จุดเปลี่ยน" ของตัวเองให้ได้นะครับ และนอกจากนั้นแล้วคุณยังต้องมีการ " เริ่มต้น " เพราะถ้าไม่เริ่มทำมันเลย คุณก็จะทำได้แค่นั่งฝันหวาน แล้วภาวนากับฟ้ากับดาว ให้คุณผอมลงไปเอง ซึ่งมัน " เป็นไปไม่ได้ " นะครับ อีกทั้ง  ในการลดน้ำหนัก " ไม่มีทางลัด "นะครับ   ที่ดีที่สุดกับตัวคุณคือ ออกกำลังกายตามระบบเท่านั้นเพราะ เค้าวางมาแล้วว่าเห็นผลที่สุด และมีเอฟเฟคกับร่างกายเราน้อยที่สุด ผมขอแบ่งปัน เคล็ดลับ ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ลับอะไร อยู่ที่ใครจะทำเท่านั้น ให้แก่เพื่อนๆที่อยากมีสุขภาพดีทุกคนนะครับ จบเรื่องราวการลดน้ำหนักของผมเพียงเท่านี้ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:08:24

ความคิดเห็นที่ 9 ลงรูปให้ดูการเปลี่ยนแปลง before และ after นะครับ ลองดูครับ   ปล โลเคชั่นอาจแปลกๆนะครับ อย่าไปใส่ใจตรงนั้นมาก 555 เซนเซอร์ชุดทำงานหน่อยนะครับ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:08:51

ความคิดเห็นที่ 10 และอันนี้รูป ปัจจุบันนะครับ ถ่ายเมื่อวาน จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:09:34

ความคิดเห็นที่ 11 ใครมีเรื่องเกี่ยวกับการลดน้ำหนักของตัวเอง ก็มาแชร์กันนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม รีวิวของผมนะครับ อาจจะไม่หวือหวานะครับ เน้นเรื่อยๆ แต่สม่ำเสมอ  555 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:09:48

ความคิดเห็นที่ 12 อย่างเท่ ครับ ผมก็ตรวจสุขภาพทุกปีๆ หมอก็บอกอ้วนแล้วให้ลด แต่ก็อยู่ที่ความขี้เกียจของผมเองนี่แหละ  สมาชิกฟิตเนสก็เป็น โยคะก็เป็น สระว่ายน้ำอยู่ด้านล่างคอนโดก็ไม่ว่าย เห้อ...... จากคุณ : เสี่ยบอย รวยจริง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:17:51

ความคิดเห็นที่ 13 คุณเสี่ยบอยครับ ผมว่าอย่างนั้น สำคัญอยู่ที่ เราต้องเลิกขี้เกียจนะครับ อันนี้อยู่ที่ ใจล้วนๆจริงๆครับ 555 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:19:57

ความคิดเห็นที่ 14 เจ๋งมาก แต่กระโดดเชือกนี่ จะมีผลกับข้อเข่าหรือเปล่า ( แอบพูด - ที่จริงรูปซ้าย 2011 เราดูไม่ถึงขนาดทักว่าอ้วนนะ ) จากคุณ : กุ๊กไก่ใจร้าย (k487) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:20:31

ความคิดเห็นที่ 15 # 14 จริงๆผมคิดว่า มีนะครับ ในระยะยาว แต่นั่นต้องหมายถึง ถ้าเล่น สัก วันละ 400 อย่างนี้ตลอดนะ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ น้ำหนักลงมาตามปกติ ผมก็คง หยุด หรือ เล่นให้น้อยลง ในระดับพอดีๆน่ะครับ อาจจะเลือกสัก ร้อย ครั้ง ก็คงพอ ปล จากรูปมันดูเหมือนอาจไม่อ้วนมาก เพราะเสื้อทำงานมันบังครับ แต่ถ้าแบบใส่เสื้อปกตินี่คือ ดูอ้วนเลยนะ แถมมีพุงด้วยครับ ผมใส่เสื้อยืด หรือเสื้อเชิ๊ตตัวเดียว ไม่ได้เลย พุงมันออกมาเลย 555 จาก หกสิบกว่า มาแปดสิบ ในปีเดียวนี่ผมว่าอ้วนนะ 55 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:28:17

ความคิดเห็นที่ 16 อยากเห็น6แพกอ่ะ จากคุณ : 23 เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:38:58 A:119.46.176.222 X: TicketID:351076

ความคิดเห็นที่ 17 (T_T) สามเดื่อนเพิ่งจะลงมาสี่กิโลเอง อ้ะ หมูน้อยดุ๊กดิ๊กๆ//พยายามจะคิดว่ามันน่ารัก ถึงแม้ว่าจะเลยจุดนั้นมานานแล้ว จากคุณ : พระพายกระซิบแผ่ว เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:41:19

ความคิดเห็นที่ 18 เราเคยพยายามลดช่วงก่อนท้อง จนถึงตอนท้องอ่อนๆอ่ะคุณเค สามเดือนเราลดได้สิบหกกิโล แต่พอท้องได้สักสี่เดือนเราออกกำลังกายหนักไม่ได้แล้ว ได้แต่เดินกับลู่วิ่งที่บ้าน แล้วก็มีเตะขาบ้าง ทำตามเทรนเนอร์สอนมา แล้วพอท้องแก่น้ำหนักก็ขึ้นมาเท่ากับตอนก่อนท้อง สรุปตอนนี้ เท่าเดิมเลย แต่ก็จะไปยิมอีกรอลูกโตอีกสักเดือนสองเดือน จะเร่งเข้ายิมให้หนักแล้ว จากคุณ : ฆาตกรตัวจริงคือคุณหมีหูห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:42:02

ความคิดเห็นที่ 19 16 ซิกแพค ไม่มีครับ กำลังสร้าง คงต้องรอไปก่อนนะ 5555 17 ไม่เป็นไรครับ คุณพระพาย แต่ละคนมันก็ลดได้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว สามโลนี่ก็นีบว่าดีแล้วนะ 18 โอ้วลดได้เยอะมากเลยนะ   เดี๋ยวรอไปยิมใหม่ละกันเนาะ สู้ๆ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:48:27

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เห็นต่างเลยเฮีย :P จากคุณ : NINEINLOVE เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:52:31

ความคิดเห็นที่ 21 (><)'''''   ง่า .... มันไม่ค่อนทันใจอ้ะ  ... ตอนเป็นเด็กแม่บอกว่ากินไปเหอะลูกเดี๋ยวโตก็ยืด พอโตแม่ก็บอกว่ากินไปเหอะลูกเดี๋ยวเป็นผู้ใหญ่มีเรื่องเยอะก็ผอมเอง ...แม่ อ้ะ แม่โกหก T_Tฮือๆๆ จากคุณ : พระพายกระซิบแผ่ว เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:52:45

ความคิดเห็นที่ 22 รู้สึก ว่า ผิว จะขาวขึ้น คับ 0_0 จากคุณ : ซึรุงิ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:58:56

ความคิดเห็นที่ 23 20 เหรอไอ้คาวา 5555 21 จริงๆแม่เค้าคงไม่อยากให้อดน่ะครับ 555 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 11:59:42

ความคิดเห็นที่ 24 22 ไม่ใช่หรอกครับ แสงไฟในห้องน้ำมันสว่างน่ะ   อ้อ แล้วรูปที่เดี่ยวผมก็ปรับให้มันสว่างอีกนิดหน่อยอ่ะครับ เพราะถ่ายมาแล้วกล้องมันหน้าดำ เพราะปกติ ผมดำ 5555 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 12:01:07 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:00:25

ความคิดเห็นที่ 25 อยากมีหนวดเท่ๆ แบบคุณจรเข้ บ้าง 55555 แต่ก็ไม่มี ตอนนี้หน้ายังเหมือนเด็ก ม3  ไปผับ การ์ดยังต้องตรวจบัตร ไม่ยอมให้เข้า เค้าบอกกลัวอายุไม่ถึง 5555555555 จากคุณ : เสี่ยบอย รวยจริง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:01:44

ความคิดเห็นที่ 26 ดูดีขึ้นมากกกกกกกกกอ่ะป๋า ของหวานนี่จะลดละเหมือนกัน  อิอิ จากคุณ : Sugary Girl เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:02:29

ความคิดเห็นที่ 27 25 แต่แฟนผม ไม่ค่อยชอบให้ไว้หนวดครับ เธอบอกว่ามันรก แต่ผมชอบ 5555 นานๆทีก็ต้องโกนบ้างอ่ะครับ เพราะเราขี้เกียจแต่ง ถ้ายาวไปมันจะยุ่งเหยิง จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:03:15

ความคิดเห็นที่ 28 27 ลด ละ อะไรฟะ แห้งจะตายเธอน่ะ 55555 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:03:46

ความคิดเห็นที่ 29 เยี่ยมมากเพื่อน จะเอาไปใช้บ้าง ^^b จากคุณ : มะอึกคุง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:04:58

ความคิดเห็นที่ 30 เฮียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่ใครโคตรเท่เลย จากคุณ : ลูกกวาดสีแดง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:10:03

ความคิดเห็นที่ 31 29 เอาไปใช้ได้เลยบักหมู ไม่สงวนลิขสาก เอ้ย สิทธิ์ 555 30 พี่ใครหว่าป่าน 5555555 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:11:27

ความคิดเห็นที่ 32 "....ด้วยความปรารถนาดี  เวลาคุณไปเจอเพื่อนฝูง อย่าทักทายเรื่องปัญหาความอ้วน หรือแบบ ไปทำอะไรมาหน้าเยินเป็นสิว  อะไรทำนองนั้น เพราะ เชื่อหรือไม่ว่า  เค้ารู้ตัวแหละ เพราะมันร่างกายเค้า แต่ก็ไม่ได้อยากให้คุณที่เป็นคนอื่น มาตอกย้ำ...." ผมเคยหน้าสิว ผมเข้าใจคุณมากๆในจุดนี้ (นึกในใจ หน้าสิว กุรู้ ไม่ต้องมาถาม กำลังรักษาอยู่เนี่ย!!) ผมเป็นกำลังใจให้นะ ผมคิดว่าลดเเล้วคงหล่อเหมือน บอย ปกรณ์ เลยล่ะ ^^" เรื่องอ้วนของผมนะ ผมสูงประมาณ 172-173 ชั่งล่าสุดเมื่อต้นปี (มค.) ได้ 70 กิโลกรัม กล้ามไม่มี พุงมีนิดๆ เเต่ตอนนี้ไม่ได้ชั่งเเต่รู้สึกว่าอ้วนกว่าเดิม ประเด็นคือผมโครงใหญ่ ถ้าอ้วนจะใส่เสื้อยืดเเล้ว มันไม่เท่ เเต่ก็ยังไม่ได้ลดเลย จะไม่อ้างเหตุผลอื่นใดนอกจากคำว่า "ขี้เกียจ" ...เเต่ผมจะนำสูตรของคุณไปใช้นะ ถ้ามีเเรงบันดาลใจ (สุขภาพเริ่มไม่ดี/อยากจะมีเเฟน/...) เพราะดูง่าย เเละตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ คงไม่ค่อยเครียดเท่าไรเวลาจะลด ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับ ^^ (แก้ไขคำผิด) แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 12:13:58 จากคุณ : Shad-Jen Man เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:11:44

ความคิดเห็นที่ 33 32 สิวผมก็ไม่ค่อยมีแล้วครับ ยกเว้นช่วงนอนดึกเท่านั้ถึงจะขึ้น อันนี้กรณียกตัวอย่าง เวลาเราไปเจอคนอื่นๆหน้าเป็นสิวเยอะๆ มากกว่า ส่วนเรื่องลดน้ำหนัก ผมก็ยังต้อง โกอยู่ครับตอนนี้ ยังไม่หยุด คุณก็มาเริ่มต้นด้วยกันเถอะครับ  เราจะมา สุขภาพดีด้วยกันนะ 55 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:14:42

ความคิดเห็นที่ 34 ดีใจด้วยครับเฮีย เก่งโพดๆ ผมนี่ตอนนี้จะกลิ้งแทนเดินอยุ่แล้ว พยายามลดอาหาร + ออกกำลังกายอยู่ แต่ก็ไม่ได้ตามที่ต้องการ --" ยังไงจะไล่ตามเฮียเคไปติดๆ นะ ค้าบบบบบ จากคุณ : สงสัยใช้แก๊สโซฮอลล์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:30:43

ความคิดเห็นที่ 35 34 ตามมาเลยบักต่าย จะวิ่งหรือจะกลิ้งก็เอาสักอย่าง 55 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:33:13

ความคิดเห็นที่ 36 เฮ้ย ดูผอมลงแบบชัดเจนอยู่นะครับ คุณเคลดอีก 10 กิโล (เท่ากับว่าน่าจะลดไปทั้งหมดเกือบ 20 กิโล) ผมว่าน่าจะเจ๋งครับ แบบเอวบางร่างน้อยน่ะครับ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:35:36

ความคิดเห็นที่ 37 อวบแล้วมันอึดอัดอ่ะป๋าา  ใส่เสื้อผ้าไรงี้ อิอิ จากคุณ : Sugary Girl เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:39:07

ความคิดเห็นที่ 38 อยากทำบ้างครับ ^ ^ ชอบๆ จากคุณ : chucho เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:40:59

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องกินอาหารนี้ไม่มีปัญหากะหนูเลย.. เพราะปกติกินน้อย ถึงไม่กินอยู่ล่ะ (แต่ดันชอบกินกาแฟเย็น+เบเกอร์รี่นี่สิ) แต่การออกกำลังกายนี้ปัญหาใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกก เวลาก็ไม่มี + ความขี้เกียจที่เกาะหลัง เฮ้อ.. พี่เคทำได้นี้สุดยอดมากๆ ยกนิ้วให้คร้าบบบบ ^^ จากคุณ : ตัวกลม-หลงทาง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:41:22

ความคิดเห็นที่ 40 36 ยี่สิบกิโลนี่ผมว่า บักโกรก เอานะครับสำหรับผม เอาเป็นว่าให้มันเท่าๆกับตอนเล่นบาสละกัน 555 37 นั่นละปัญหา จริงๆคือ เสียดายเงินที่จะซื้อของใหม่ 5555 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:41:22

ความคิดเห็นที่ 41 การที่จะลดน้ำหนักได้นั่น ส่วนตัวผมให้ปรับเรื่องการกินให้ได้ก่อนครับ ถ้าเราตั้งใจจริงๆ ก็ทำได้อย่างแน่นอน อันดับแรกให้อดของมันๆ ชอบกินอาหารจานเดี่ยว ให้เปลี่ยนมาเป็นข้าวแกง ไม่เน้นของทอด ให้เน้นๆ พวกของต้ม ผักเยอะๆ มีเนื้อสัตว์  กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ ตามเวลา ห้ามขาดมื้อใดมื้อนึง เพราะถ้าขาดไปมื้อหนึ่ง คุณก็ต้องกินมื้อถัดไปในปริมาณที่มากกว่าเดิม เนื้อสัตว์ที่หลายคนว่า กินแล้วอ้วน ไม่จริงแต่อย่างใดครับ สิ่งที่ทำให้เราอ้วนคือคาร์โบไฮเดรคต่างหาก ถ้ายิ่งกินคาร์โบไฮเดรคมากไปเท่าไร ร่างกายคุณจะอ้วนมากเพิ่มขึ้น การออกกำลังกาย ตรงนี้สำคัญที่สุด หลายๆคนคาดหวังกับมันมากว่าใน 1 เดือน จะต้องลดได้ 3-4 กิโล แต่ในความจริงนั้น เป็นไปได้ยากมาก บางที ใน 1 เดือนร่างกายคุณจะลดแค่ 0.5 กิโล หรือไม่ลดเลยในระยะแรก เพราะอย่าลืมครับ ร่างกายคุณกำลังปรับสภาพอยู่ ให้ท่องว่า เดือนนี้ จะลด 0.5 กิโลก็พอ จะได้ออกกำลังกายอย่างสบายใจ การลดน้ำหนักที่ได้ประสิทธิ์ภาพมากที่สุด คือการเล่นเวทและทำคารดิโอ 30 นาที ครับ ผมไม่ได้เล่นกีฬานาน เลยต้องมาเข้ายิม 4 เดือน น้ำหนักลดมา 10 กิโล แต่ผมก็ควบคุมอาหารด้วย คือให้อิสระในการกิน 1 วัน ที่เหลือ ผมจะกินแบบพออิ่มครับ จากคุณ : OasisFX เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:42:05

ความคิดเห็นที่ 42 เจ๋งมากครับพี่เค เดี๋ยวผมต้องลดมั่งครับ จากคุณ : พี่ชาลี เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:45:18

ความคิดเห็นที่ 43 เคยอ้วนเหมือนกันค่ะ เป็นโรคอ้วนตั้งแต่ประถมต้นเลย นน ขึ้นทีปีละ5-10 กิโล จนเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง ไปเข้าคอร์สฝึกบุคลิกภาพ สถาบันๆนึง ตอนอายุ 13 บอกตรงๆว่าไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ หลังจากนั้นยังคงอ้วนขึ้นเรื่อยๆ จนมา peak สุดๆเมื่อปี2007 หนักประมาณ98.5 kg ได้ตอนนั้นเจอเพื่อนของพี่เขย ล้อจนร้องไห้ ผู้ชายทั้งนั้นเลยค่ะที่มาล้อเรากัน รู้สึกเกลียดตัวเองมากๆ ออกไปไหนโดนแถตลอด จนต้นปี2009 ตอนนั้นมีเรื่องเครียดๆ ในครอบครัว นน. ลดไป ห้ากิโลใน 1เดือน คราวนี้คนทักไปทำไรมาสวยขึ้น (ตรงไหนออกจะปลวก) หลังจากนั้นมันเริ่มลงอีก 10 สิบกิโล ภายในสามสี่เดือน กินข้าวไม่ลงค่ะช่วงนั้น ดราม่าในครอบครัว+เรื่องความรักด้วย ทีนี้คนทักกันเยอะขึ้น เลยเริ่มมาคิดๆ ทำไมถึงไม่ลดถาวรไปเลยล่ะ บวกกับตอนนั้นคิดถึงพวกที่มันเคยล้อเราไว้ เสียใจมากค่ะ เคยไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติเหล่านั้นไม่มีวันเข้าใจค่ะ หลัง จากนั้นเราทำจริงจัง ทานพวกผักเยอะๆ ผลไม้เปรี้ยวๆ ดื่มน้ำให้มากๆ ว่ายน้ำ เล่นกีฬา เช่นบาส ว่ายน้ำ แบดมินตัน วอลเล่ย์บอล ตอนนั้นไม่ห่วงหุ่นค่ะไม่อายด้วย เต็มที่ เราจะเล่นหลังรร เลิก เล่นกับคนรู้จักไม่รู้จักมั่ง ไปขอเขาเล่นร่วมทีมค่ะ ของมันๆจุกจิก เราเลิกถาวรค่ะช่วงนั้น ลดข้าวเย็นค่ะ เราทานผลไม้ กับนมหนึ่งแก้ว เราชอบดื่มนมมากๆ ช่วงเย็นเราจะดื่มค่ะ มันชินมาก และทุกๆวันเราจะซิพอัพ วันล่ะ200 ครั้งละ50 สี่ครั้งต่อวัน ตื่นมา หลังอาหาร ก่อนไปอาบน้ำ ก่อนนอน เรามีแรงบันดาลใจจากดารา Hollywood คนนึง เราจะแปะรูปเธอไว้หน้าตู้เย็นเตือนใจตลอดเวลาจะกินอะไร แปะหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วย ท่องตลอดชั้นต้องลดให้ได้ หลังจากนั้น เราดูในยูทูปเกี่ยวกับการเต้น เราอยากเต้นเป็น ชีวิตในวัยรุ่นเราๆ ไปปาร์ตี้เพื่อน เห็นเค้าสนุกกัน มีแต่เรานั่งมองเค้าสนุกกัน เราไม่เคยได้โอกาสนั้นเลย ความอ้วนมันทำลายชีวิตเรามาเยอะค่ะ เราพลาดโอกาสดีๆ ไปหลายอย่างมาก เราฝึกเต้นไปเรื่อยๆ ค่อยๆฝึก จนวันเกิดเรา เราเงินทั้งหมดไปซื้อเครื่องออกกำลังกาย ช่วงนั้นทำกิจกรรมให้ตัวเองเยอะค่ะ ว่างๆต้องออกกำลังกาย พยายามไม่อยู่เฉยๆ จนเรามาลดได้ถึง70 ช่วงนั้นผิวแตกเป็นเปลือกส้มเลยค่ะ ต้องหาหมอรักษาอีกกว่าจะหาย บวกกับต้องบริหารหน้าอกด้วย ถ้าสาวๆสังเกตุว่าน้ำหนักลงมากๆ ช่วงหน้าอกมันจะไปด้วย แผนลดน้ำหนักเดินหน้าต่อไป เรายังคงทำไปเรื่อยๆ จนเกือบปลายปี2011 สองปีกว่าๆได้ เราหนักที่55 ตอนนั้นเราดีใจค่ะที่เราทำได้ เราออกไปเที้ยวทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ที่เราเคยคิดว่าชีวิตนี้คงได้แต่นั่งมองอย่างเดียว เราเป็นได้แค่ที่ปรึกษาให้เพื่อนเวลาไปซื้อของสวยๆ เราได้แต่นั่งมอง เราไม่มีสิทธิ์เลยที่จะได้สวมใส่ของสวยๆงามๆเหล่านั้น เราได้แต่นั่งมองสมเพสตัวเองไปวันๆ เราเริ่มจะเต้นเป็นแล้ว ไปเที่ยวไหนเราไม่ต้องอายอีกต่อไป แต่เรายังออกกำลังกายต่อไปเรื่อยๆค่ะ เสาร์อาทิตย์เราสละเวลา เปิดคลิปยูทูปเรียนฝึกหัดท่าเต้นใหม่ๆ เสพติดไปเลยทีนี้ ทุกวันนี้เรานน 59.5 อยู่ที่ เราพอใจค่ะ คิดว่ากำลังดีพอแล้ว เพราะเราสูง174 ลดน่าจะพอแล้ว แต่ความที่เราเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองเราไม่เคยหายค่ะ ทุกวันนี้เราได้โอกาสใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเยอะ เรื่องงาน เรื่องเรียน เรารู้สึกมีแต่สิ่งดีๆเข้ามา คนที่เขาเคยล้อเรา กลับมาคุยกับเราดีๆ ถามว่าไปทำอะไรมา (ตายแล้วไปเกิดใหม่มั้ง ฟายยยยย) โทษทีค่ะเราโมโหจริงๆ พอมาถึงจุดนี้ คนเราบางทีโดนล้อมาเยอะต้องปรับปรุงตัวเองให้ดูดีขึ้นค่ะ ภายนอกเหมือนเราจะทำสำเร็จแล้ว เพราะเราว่าเรานน ลงไปมากน่ะ แต่เชื่อมั้ยค่ะภายในจิตใจ เราคือคนๆเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน หลายคนอวยกันเราได้รับฟีดแบ็คดีๆ กลับมาเยอะ แต่เราไม่เคยลืมเรื่องเจ็บปวดเหล่านั้นได้เลย แต่เราต้องขอบคุณคนเหล่านั้นค่ะ ถ้าไม่ได้พวกเขาเหล่านั้น เราคงมายืนจุดๆนี้ไม่ได้เหมือนกัน เกริ่นมายาวไปเราต้องขอโทษด้วยค่ะ ประสบการ์ณลดความอ้วนสุดแสนจะเจ็บปวด เราอยากจะแชร์บ้าง ระบายบ้าง อยากจะปล่อยวางค่ะบางทีมันลืมยากค่ะ เรารู้สึกเจ็บแปลบจุกที่อกจริงๆเวลาเรานึกถึง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Eternity เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:54:56 A:91.152.237.27 X: TicketID:347836

ความคิดเห็นที่ 44 38 ลองดูครับ มาเริ่มต้นกัน ปรับสูตรให้เข้ากับตัวเองให้เหมาะสม 39 ลองดูแซน อย่าขี้เกียจ พี่ว่าถ้าเธอผอมลงก็น่าจะสวยขึ้นนะ เหมือนชิววี่ไง 41  ทำคารดิโอคือ ทำอะไรอ่ะครับ ผมพึ่งเคยได้ยินเนี่ย 42 ลองดูครับป๋าชาลี จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 12:55:10

ความคิดเห็นที่ 45 คารดิโอ คือการทำกิจกรรมออกกำลังกายต่อเนื่องแบบไม่หยุดอย่างน้อยๆเป็นเวลา 30 นาที ครับ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ครับ ถ้าวิ่ง ก็ต้องวิ่งแบบไม่ต้องเร็วมากนักเป็นเวลา 30 นาที แต่ถ้ามีแรง จะวิ่งเพิ่มเป็น 45 นาที หรือ 1 ชั่วโมงก็ได้ครับ แต่ถ้าออกกำลังกายมาสักพัก แนะนำให้ทำ cardio แบบ hiit จะได้ผล Work มาก เพราะเราใช้เวลาแค่ 15 นาที แต่จะเหนื่อยลากไส้จนหายใจแทบไม่ทันเลยทีเดียว และประหยัดวันในการออกกำลังกายอีกด้วย ปกติ เราออกกำลังกาย 4-5 วันต่อสัปดาห์ แต่มาทำ cardio แบบ hiit นั้นจะใช้แค่ 3-4 วันเท่านี้เองครับ วิธีทำคือ วิ่งวอร์มๆ วอร์มอัพเป็นเวลา 2 นาที หลังจากนั้นให้วิ่งสุดแรงเกิดหรือ 90 % เป็นเวลา 30 วินาที เมื่อครบ 30 วินาที ให้เปลี่ยนมาเป็นเดิน 30 วินาที พอครบ 30 วินาที ให้เปลี่ยนมาเป็นวิ่งเร็วที่ความเร็ว 90 % 30 วินาที ทำแบบนี้ประมาณ 9 วงจรนี่แหล่ะครับ จะใช้เวลา 14-15 นาที แต่จะเหนื่อยมากๆ แต่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด ไม่เหนื่อยง่ายครับ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 13:11:02 จากคุณ : OasisFX เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 13:09:36

ความคิดเห็นที่ 46 43 จริงๆคือผมว่า มันไม่มีทางลืมได้หรอกครับ คิดซะว่า เป็นช่วงชีวิตนึง ที่ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างดีกว่า คุณทำได้ดีมากครับ เชื่อว่าคุณเอง คงลำบากและพยายามมามากเช่นกัน จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 13:11:15

ความคิดเห็นที่ 47 45 อ๋อ ถ้างั้นผมอาจทำ คาร์ดิโอ อยู่โดยที่ไม่รู่ตัวอ่ะครับ เพราะผมก็วิ่ง ราวๆ สามสิบนาที ไม่หยุดเช่นกัน แต่นับเป็นรอบน่ะ พอจบสามสิบรอบ ดูเวลาก็ราวๆ สามสิบนาทีพอดี   วิธี ฮิทนี่คือ การเร่งสปีด ในการวิ่ง ของพวกนักบอลนักบาส นี่ครับ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 13:13:55

ความคิดเห็นที่ 48 อยากลดพุงอย่าซิทอัพเยอะ อย่าเล่นจานหมุน หรือ ฮูล่าฮูป มันจะทำให้ เอวหนา ร่างกายคนเราที่มันอ้วนก็เพราะไขมัน  การซิทอัพ มันเป็นการเพิ่มกล้ามเนื้อแต่ไม่ได้ลดไขมัน ผมแนะนำให้พี่ จระเข้เจ้าเล่ห์ ลองทำ แบบที่ความเห็น 45 บอก ตรง HIIT นั้นแหละครับ ถ้าเคยวิ่งอยู่ประจำ ก็จัดไป ที่ 9 รอบครับ  จำง่ายๆคือ วอร์มอัพ 2 นาที คูลดาวน์2นาที แล้วก็สปริ้นท์ 1นาที 9 รอบ พักครึ่งนาที ทุกๆรอบที่สปริ้นท์ ยกเว้นรอบสุดท้าย จะจบลงด้วยการคูลดาวน์(สำหรับคนที่ไม่เคย ให้เริ่มที่ 3 รอบก่อนครับ แล้วเพิ่มเป็น 7 แล้วก็ 9) วอร์มอัพกับคูลดาวน์คือการวิ่งเหยาะ ส่วนสปริ้นท์ ให้พี่คิดซะว่ากำลังหนี อะไรสักอย่างสุดชีวิตอยู่ การพัก30วินาทีนั้น พี่จะหยุดหอบอยู่กับที่เลยก็ได้จะได้มีแรงในรอบต่อไป ลองดู ครับ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 14:05:55 จากคุณ : คนัคเกิ้ล เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 14:04:33

ความคิดเห็นที่ 49 กำลังลดอยู่เหมือนกันเลยครับ เมื่อเดือนธันวาท้่ผ่านมา - หนัก 105 (แต่สูง 195 เลยแค่ดูอวบๆ) - วิ่งแค่ 200 เมตร หอบเหมือนหัวใจจะวาย - ต้องซื้อยืนส์เอว 40 ทรงกระบอกใหญ่ มาใส่ เพราะของที่ใส่อยู่ฟิตมาก ตอนนี้ - หนัก 90 (ดูผอมลงมาก) - วิ่งติดต่อกันชั่วโมงนึงโดยไม่ต้องเดิน - พึ่งเอาเสื้อผ้าทั้งตู้ไปแก้ทรงมา เพราะหลวมทุกตัว โดยเฉพาะยีนส์ที่พึ่งซื้อ เอาไปเก็บเอวเข้า 4 นิ้ว แก้ทรงเป็นกระบอกเล็ก อนิจจา แม้ว่าทุกส่วนในร่างกายจะกระชับและเฟิร์มขึ้นมาก แต่พุงมันยังไม่ยอมจากไปง่ายๆ หลังจากร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา 8 ปี (ที่ไม่ออกกำลังเลย) ไว้ดูผลอีก 3-4 เดือนว่าจะเป็นยังไง แล้วผมจะมาอัพเดทเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ของผมคล้ายๆ จขกท. แต่ต่างหน่อย ตรงผมกินโค๊กวันละลิตร 555 จากคุณ : Zieg-Hart เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 14:14:34

ความคิดเห็นที่ 50 ป๋าเถื่อนแบบเร้าใจไร้เหตุผล   จากคุณ : พระจันทร์สวยจนเหงา เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 14:23:24

ความคิดเห็นที่ 51 ผมอ้วนว่าจะเริ่มพรุ่งนี้พอดีได้มาดูกระทู้คุณเข้พอดี ^ ^ จากคุณ : ชายคนนั้น เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 14:35:10

ความคิดเห็นที่ 52 #51 วันนี้เลยสิครับ วันอาทิตย์พอดี หยิบรองเท้าซักคู่ ออกไปสวน ลานกีฬาใกล้ๆบ้าน แล้วลองวิ่งเบาๆดู อย่านึงที่ผมบอกได้เลยคือ ช่วงสองอาทิตย์แรกคุณจะทรมาน รู้สึกมันฝืนเหลือเกิน แต่พอพ้นไปแล้วคุณจะเริ่มรู้สึกเฉยๆ จนนานเข้าคุณจะเสพติด ถ้าไม่ออกกำลังแล้วจะรู้สึกแปลกๆ หงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะผมเป็นอยู่ 555 ปล. นี่ผมตอบบนมือถือจากในฟิตเนสนะครับ อิอิ จากคุณ : Zieg-Hart เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 14:40:11

ความคิดเห็นที่ 53 ผมต้องกลับมาลดมั่งแล้ว 55 ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมานานแล้ว ว่าแล้วใครอยากไปออกกำลังกายบ้างงงงง จากคุณ : onmine เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 14:43:29

ความคิดเห็นที่ 54 48 ผมจะลองดูนะครับ   49 โอ้ว คุณลดเยอะมากนะครับ แต่ถ้าลดด้วยวิธีออกกำลังกายก็ไม่น่าห่วงเรื่องโยโย่ 50 เถื่อนเร้าใจไร้เหตุผล นี่มันชมหรืออะไรยายแพรจัง  5555 51 ถ้าไม่ติดขี้เกียจวันนี้เลยครับ สุขภาพอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง  สู้ๆครับ 53 ไปเลยครับวันนี้ ลุยยย จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 14:54:26

ความคิดเห็นที่ 55 ลดความอ้วนเหรอ น้ำตาจะไหลT_T. 186/98 เอาเว้ย ประจานตัวเองเอาไว้ตรงนี้ เดือนนึงเจอกัน จากคุณ : เขียนบน Android (ทำไมถึงไม่ผ่าน) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 15:38:25

ความคิดเห็นที่ 56 55 อย่าคิดว่าเป็นการประจาน อะไรกันเลยครับ คิดซะว่า มาสร้างแรงบันดาลใจ กันดีกว่า จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 15:48:03

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นวิวัฒนาการของป่าป๊าแล้วววว ต้องอุทานว่า..... โอ้วววว !! สวดยวดมว๊ากกกกกก 55555555~~ ต่อไปมารีวิวหน้าด้วยนะ อิอิ จากคุณ : เป็ดน้อยดุ๊กดิ๊ก เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 15:52:33

ความคิดเห็นที่ 58 เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่สู้เพื่อสุขภาพครับ ^^ ถ้าใครอ้วนมากๆ ลองแบบผมก็ได้นะครับ ช่วงแรกๆเน้นคาร์ดิโอเยอะๆหน่อย ซักชั่วโมงขึ้นไป แรกๆมันจะทรมานหมดครับ ไม่ว่าจะวิ่ง จักรยาน แอร์วอร์ก ให้ใช้วิธีหาอะไรมาเบนความสนใจ เช่นฟังเพลง เอาหนังลงมือถือไปดู แล้วค่อยๆเพิ่มความเข้มข้น ยกตัวอย่าง แรกๆผมปั่นจักรยานครับ เพราะวิ่งไม่ไหว แรกๆแรงต้านน้อย แต่เน้นปั่นให้ได้ 100 รอบต่อนาทีขึ้นไป แล้วค่อยๆเพิ่มแรงต้านไปทีละนิดๆ แต่คงความเร็วเอาไว้ พอหัวใจเราเริ่มเข้าที่เขาทาง หันไปวิ่งแทนครับ ถ้าวิ่งต่อๆกันไม่ไหว ให้แบ่งเป็นเซต เช้นวิ่ง 10 นาที แล้วเดินเร็วๆ 2 นาที เป็นการพัก ทำให้ครบชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ผมเน้นคาร์ดิโออยู่สองเดือน จากที่ร่างกายเปลี้ยมาก ตอนนีืเริ่มฟิต น้ำหนักหายไป 15 โล เอวหายไป 4 นิ้ว วิ่งขึ้นบันได 10 ชั้นสบายๆ ทีนี้ก็เริ่มเปลี่ยนมาเวทเทรนนิ่งควบคู่ โดยลดคาร์ดิโอเหลือ 45 นาที เพิ่มเล่นเวทไปอีกวันละชั่วโมง เพราะถ้าเวทช่วยเร่งอัตราการเบิร์นได้หลังเล้นหลายชั่วโมงครับ การกินตาม จขกท. เลยครับ หนักเช้า ปรกติกลางวัน เบาเย็น (กรณีผม เย็นกินนมขวดเดียวอยู่) แล้วชั่งน้ำหนักๆ ทุกๆ 7-14 วันครับ พอคุณเห็นตัวเลขที่ตราชั่ง คุณจะไม่เชื่อสายตา ชั่งทีหายไปโลสองโล กำลังใจจะตามมาเองครับ จากคุณ : Zieg-Hart เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 16:04:17

ความคิดเห็นที่ 59 พี่เค,, เดี๋ยวมันจะอยู่ตัวค่ะ ถ้ายิ่งคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเบิร์นแฟตด้วยแล้ว ช่วงแรกๆ ลดฮวบฮาบเป็นแรงกำลังใจสวดยวดเลยแหละค่ะ เพราะมันคือ น้ำ ไม่ใช่แฟตที่หายไป น้ำในร่างกายที่ทำให้บวม การลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดี เพราะผิวหนังมันยืดหยุ่น (ตรรกะอาจจะผิดก็ได้นะ นี่ตามความเข้าใจ) ไม่ทำให้เกิดการแตกลายเทียบเท่าการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร ตรรกะการลดน้ำหนักง่ายๆคือ input < output หรือภาษาไทยคือ กินให้น้อยกว่าที่ใช้ หรือ ใช้ให้มากกว่าที่กิน การอดอาหารนอกจากจะทำให้การเผาพลาญ(เมตาบอลิซึ่ม) ในร่างกายต่ำลงแล้ว ยังเป็นการกีดขวางการดึงไขมันออกมาจากร่างกายด้วย การอดอาหารทำให้อารมณ์หดหู่ จิตใจตึงเครียด (เพราะการอยากอาหารแต่ไม่ได้กิน) ดังนั้นเหมียวเห็นด้วยมากกับวิธีการของพี่เค เราไม่จำเป็นต้อง"หยุดกิน" "เลิกกิน" เราแค่ลดปริมาณ ถ้ากินอยู่แล้วมันหมดจาน ลองนิ่งไปสัก 5-10 นาที แล้วถามตัวเองว่า อิ่มแล้วหรือยัง พอแล้วหรือยัง จะได้คำตอบดีกว่า ซัดโฮกๆ รวดเดียว เพราะกว่าร่างกายมันจะสั่งว่าอิ่มแล้ว บางทีมันอืดแล้ว (ไม่ใช่แค่อิ่ม แต่จะทะลัก หรือที่เรียกว่า กินแล้วทรมาณ) ต้องฝึกนิสัยการกิน กินข้าววันละ 3 มื้อ ให้ครบมื้อ คนที่กินข้าวไม่ครบ 3 มื้อหลัก ไม่ใช่ว่าจะผอมนะคะ คุณกำลังทำให้ระบบเผาพลาญในร่างกายคุณต่ำลง คือทานแต่เช้าและกลางวัน งดเย็น!! แบบนี้ถ้าวันไหนหรือสัปดาห์ไหนคุณเผลอกินเย็น อ่าวววว จะเอาที่ไหนมาเบิร์นละ ร่างกายไม่รู้จักมื้อเย็นอะ ค้างเติ่งไว้ค่ะ พุงกะทิก็จะมาในตอนเช้าค่ะ ท้องป่อง ฝึกนิสัยการออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3 ครั้งไม่ต่ำกว่า 30 นาที ใครจะลักไก่ออกแค่วันเดียว ชั่วโมงครึ่งก็ได้นะ ยังดีกว่าไม่ออกเลย แต่อดข้าวอดน้ำ จิตป่วยแทน บ่นยาวไปละ ยังไม่จบ แต่สรุปง่ายๆ พฤติกรรมทั้งหมด ถ้าเราทำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ อย่างไรเราก็จะห่างไกลคำว่าอ้วนค่ะ เหมียวสังเกตจากตัวเองเลยนะ ตรรกะนี้เนี้ย ๕๕๕ ช่วงไหนกินหนัก (กินหนักตลอดเวลานั่นแหละ) แล้วละเลยการออกกำลังกาย เหมียวจะเผละ จะรู้สึกตัวเหลว จะรู้สึกว่าตัวเองอ้วนละ (ทั้งๆที่ยังไม่อ้วนหรอก) ก็ต้องมาออกนะคะ,, อย่าได้ขี้เกียจเลย กว่าไขมันจะสะสมให้เราบานเบอะได้ทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่แค่วันสองวัน เดือนสองเดือน บางคนอยู่กับแฟตมาหลายปีดีดัก จะให้ลดออกภายในเดือนสองเดือน ดูจะขี้โกงไปหน่อยน้า เพราะงั้นคนที่จะลดน้ำหนัก ต้องอดทนและพยายามค่ะ มีความสุขกับการกิน ไม่ใช่ทุกข์เพราะต้องไดเอทตลอดเวลา ท่องแต่คำว่า ไดเอท ไดเอท ลดความอ้วน ลดความอ้วน มันสนุกตรงไหนเนาะ จากคุณ : คิดมากหัวโต เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 16:20:33

ความคิดเห็นที่ 60 59 แจ๋วน้องเหมียว เดี๋ยวเราไปกินเหล้ากัน เจ๊ยยย  มันลดอ้วน ตรงไหนหว่า 5555 ปล แต่จริงๆเรื่องออกกำลังกายสำหรับพี่มันไม่ยากนะ เพราะเคยเล่นบาสมาอยู่แล้ว แค่แบบช่วงที่หายไปนี่คือ ขี้เกียจ ไม่ได้เล่นเลยไง ผสมกับกินอีก แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 16:35:07 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 16:34:27

ความคิดเห็นที่ 61 กำลังลดอยู่เหมือนกัน...แต่ปัญหาคือ ลดเรื่องการดื่มไม่ค่อยได้ น้ำหนักเลยลดไม่ค่อยเท่าไรครับ จากคุณ : นาย 17 อดีตเด็กหลังห้อง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:19:15

ความคิดเห็นที่ 62 * 61 ผมว่า พี่ต้องงด กิจกรรมการดื่มลงอ่ะ หรือไม่ก็ งด การไปเจอเพื่อนๆที่ชอบชวนดื่มให้น้อยลง อ้างเหตุผลไปเรื่องสุขภาพก็ได้ มันไม่มีใครว่าอะไรพี่ได้หรอกครับ ถ้าพี่จะทำเพื่อตัวเอง ว่างๆเราไปกินเหล้ากัน เจ๊ยยย 555 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:20:38

ความคิดเห็นที่ 63 ขอเกทับ จขกท. นะครับ อิอิ ผมลด 10 กิโลกรัม ใน 1 เดือน ไม่รู้ว่าทำไมมันลงเร็วขนาดนี้เหมือนกัน ตอนนั้นผมหนัก 84 กิโลกรัม สูง 183 รู้สึกว่าตัวเองอ้วนมากกกก วิธีการลดน้ำหนักของผมก็คือ - งดมื้อเย็น(มื้ออื่นทานปกติ ,มื้อเช้าจัดหนักเลย) ทานแอปเปิ้ล 1 ลูกกับแตงโม 1 ชิ้น แทน - วิ่งทุกเย็น วันละ 7-8 กิโลเมตร - อย่านอนดึกเกินไปนัก ไม่เกินเที่ยงคืน ผ่านไป 1 เดือนเหลือ 74 จากคุณ : OrangE_KnighT เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:36:37

ความคิดเห็นที่ 64 63 เยี่ยมแล้วครับ ผมเองอาจจะ ระบบเผาผลาญ ไม่ดีเท่าคุณก็ได้ 55 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:52:37

ความคิดเห็นที่ 65 เอาไปบอกพี่สาวเหมือนกันอ่า แต่มันยังไม่สามารถหักห้ามใจ และมีลูกฮึดแบบพี่เคได้ พวกวิธีลดหรืออะไร มันรุ้นะ แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้ ทำไงดีเนี่ย จากคุณ : bookalive เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:46:50

ความคิดเห็นที่ 66 เข้ามายิ้มอะ โต๊ะสยามนี่เป็นคลับลดความอ้วนได้ด้วยนะเนี่ย เหมือนจะเป็นได้ทุกอย่างจริงๆเห็นตั้งกระทู้ไรมาคุยได้หมด จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:12:14

ความคิดเห็นที่ 67 65 บุ๊ค มันต้องมี จุดเปลี่ยนอ่ะ 55 66 ผมก็ว่างั้นแหละครับ 55 จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:25:32

ความคิดเห็นที่ 68 อกหักคะ 13โล ใน1เดือน :( จากคุณ : FeoLiiTa เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:25:41

ความคิดเห็นที่ 69 3 อาทิตย์ลดไป 4 โล....เพราะอกหัก...ลดอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าจะหยุด...T^T จากคุณ : klint77 เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:59:05

ความคิดเห็นที่ 70 มายืนยันครับว่ากระโดดเชือกลดพุง ลดน้ำหนักได้ไวจริง จะลดพุง ซิทอัพ ไม่ได้ช่วยมากนะครับ ต้องเบิร์นให้เหนื่อย ๆ เพื่อเผาผลาญไขมันโดยรวมของร่างกาย ด้วยการออกกำลังแบบแอโรบิค ได้แก่ การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือกระโดดเชือก อีกอย่างการกระโดดเชือกที่ถูกวิธี มีอันตรายต่อเข่าน้อย เนื่องจากมีแรงกระแทกต่ำ (ต่ำกว่าการวิ่ง) สามารถศึกษาการกระโดดเชือกที่ถูกวิธีได้จากลิงค์นี้ครับ http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2010/08/S9536602/S9536602.html http://www.thaihealth.or.th/forum/105/25602 http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2010/06/L9406353/L9406353.html ส่วนเรื่องเชือก จากประสบการณ์ตรงและอ่านจากบทความของฝรั่ง เชือกที่เหมาะสมในการออกกำลังกายที่สุดคือเชือกที่เป็นพลาสติคเส้นเล็ก ๆ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า speed rope (แบบในรูป) เชือกผ้า น้ำหนักจะเบาไปและต้านอากาศเนื่องจากเส้นใหญ่ ทำให้กะจังหวะกระโดดยาก เชือกที่ควรหลีกเลี่ยงอีกอย่างคือ เชือกแบบนักมวย ที่เป็นสายยางเส้นโต ๆ หนัก ๆ เพราะต้องใช้แรงแขนมาก เมื่อยล้าเร็ว  มันเหมาะสำหรับนักมวยที่แข็งแรงมาก ๆ มากกว่าเพื่อใช้ออกกำลังกายแบบเรา ๆ ครับ จากคุณ : นายหลาน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 17:31:04

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 09:42:29