PANTIP.COM : F11827486 ออกแบบนิเทศศิลป์!...เรียน ม.ปลาย สายอะไรได้เปรียบที่สุดคะ? [การเรียน]

ความคิดเห็นที่ 8

ตอบได้เลยว่าสาย " วิทย์-คณิต "

มีหลายคนรวมถึงผมเองในอดีตเข้าใจผิดว่าการเรียน design คือ art ครับ

กรุณาอ่านข้างบนอีกสามรอบและตีความให้ดีๆว่าหมายความว่ายังไง

design กับ art นั้นในความเป็นจริงแล้วแตกต่างกันครับแต่มีบางอย่างที่เชื่อมกันอยู่

art คือ ศิลปะ เพ้อฝันได้ไปตามอารมณ์ช้าน เราเรียน art จบไปแล้วก็ไปเป็น artist จิตรกรหรือศิลปินในศิลปะด้านต่างๆ อันนี้ถ้าใครจะมาทาง art เรียนสายศิลป์-ภาษาจะดีที่สุด

design คือ การออกแบบ เราเพ้อฝันได้เหมือนกันแต่โดยหัวใจหลักคือเราเป็นผู้ออกแบบหรือผู้สร้างครับ เราเรียน design จบไปแล้วจะไปเป็น designer หรือ creator น่ะ ดังนั้นถ้าใครจะมาทางนี้เรียนสาย วิทย์-คณิตจะดีที่สุดครับ

ถามว่าทำไม เพราะการเป็นผู้ออกแบบหรือผู้สร้างนั้นเราต้องมีองค์ความรู้ในหลายๆด้านน่ะสิครับ ที่เราเห็นเขาประดิษฐ์คิดค้นอะไรต่างๆออกมานั่นก็มาจากการ design นั่นแหละครับ ถ้าเราไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์จะทำให้การ design ของเราถูกจำกัดลงมาครับ คือ design ได้แต่เหมือนจะไม่เปิดโลกเท่าสายวิทย์น่ะครับ ยังไงก็ต้องไปศึกษาความรู้ที่ขาดไปเพิ่มเองอยู่ดีครับ ในด้านความสวยงามนั้นเด็กศิลป์คงไม่มีปัญหา แต่ design นั้นประกอบไปด้วยความสวยงามกับ functional ตรงส่วน functional เนี่ยแหละจะมีปัญหาขึ้นมาครับหากต้องมีการใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มาใช้แต่หาก design อะไรที่ไม่ต้องใช้ความรู้ทางด้านวิทย์-คณิตก็ดีไปครับแต่ส่วนใหญ่มันก็ต้องใช้อะไม่มากก็น้อยนะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่จบสายศิลป์มาก็มาทำงานใน field ของ design ได้ครับ ไม่ถึงกับว่าทำไม่ได้ เพราะมันก็มีบางอย่างเชื่อมกันอยู่น่ะแล้วองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์เราก็ศึกษาเอาเองเพิ่มเติมได้ครับแต่อาจจะเสียเปรียบคนที่จบสายวิทย์-คณิตมาก็เท่านั้น แต่จริงๆคนจะทำอาชีพนี้ต้องศึกษา รีเสิชหาข้อมูลความรู้กันตลอดชีวิตแหละผมว่า เพียงแต่ถ้าหากจขกทถามว่าม.ปลายเรียนสายอะไร ผมคงตอบสายวิทย์ เพราะสายนี้มีองค์ความรู้ที่กว้างขวางที่สุดครับ ซึ่งการจะเป็น designer ที่ดีนั้นคือยิ่งมีองค์ความรู้มากและกวา้งขวางเท่าไรยิ่งดีแก่ designer ผู้นั้นมากเท่านั้น หากมีน้อยก็เสียเปรียบและต้องไปศึกษาเพิ่มเองอยู่ดีครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่นับอาชีพที่ใช้โปรแกรมสร้างงานตามโจทย์นะครับแต่หมายถึง designer จริงๆน่ะครับ ที่เป็นคนคิดงาน ออกแบบงาน สร้างสรรค์งานนั้นขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไรก็ว่าไป

ที่พูดแบบนี้เพราะคนไทยหลายคนเข้าใจผิดว่าเรียน design เพื่อไปทำ photoshop หรือโปรแรกมอื่นๆในสำนักงานในออฟฟิสแล้วส่ง ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่แบบนั้นครับ จริงๆแล้วเราเรียน design เพื่อไปเป็นผู้คิด , ผู้ออกแบบ หรือ ผู้สร้างอะไรใหม่ๆให้แก่โลกนี้ จะสร้างอะไรก็ว่าไปครับมันได้ทุกอย่างแหละแต่หากจขกทเจาะจงนิเทศศิลป์มาแบบนี้ ก็แสดงว่าจขกทกำลังจะเรียนการออกแบบเพื่อการสื่อสาร ซึ่งมันเป็นเรื่องนามธรรมพอสมควร จะสื่อสารอย่างไรให้ได้ดีประมาณนั้นอะ ก็ต้องใช้ความรู้หลายๆด้านมาประยุกต์ใช้แน่นอน เพราะมันต้องเจองานหลายรูปแบบหลายสื่อครับ

ฟังดูยิ่งใหญ่ชะมัดแต่ผมเบื่อมากเลย T - T แล้วส่วนตัวผมเองผมชอบ art ชอบ program มากกว่า design!

หากไม่เข้าใจอ่านความเห็นของผมอีกรอบหนึ่งอย่างตั้งใจแล้วจะรู้ว่าผมพูดถูก ผมตกผลึกมาได้แบบนี้จากการคลุกคลีในวงการนี้อยู่บ้างครับ

ดังนั้นคิดจะเรียน design ถามตัวเองให้ดี ว่าตัวเองแนวไหนแน่ art หรือ design ถ้า design มันจะกึ่งๆสายวิทย์กับสายศิลป์รวมกัน แต่หลักๆถ้าจะให้ดีน่าจะเป็น " สายวิทย์ที่มีหัวศิลป์ " จะเหมาะกับการเรียน design มากกว่าครับ อย่างลืมนะครับ ความสวยงาม+การนำไปใช้ประโยชน์ = การออกแบบ ถ้าเน้นแต่สวยงามเข้าว่าอย่างนี้ไม่ใช่ design ครับ ระวังจะเลือกผิด และส่วนมาก design จะต้องมี concept ด้วยครับ เป็นอะไรที่มีหลักการมากกว่า art เยอะ
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 16:34:01
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 16:26:09

จากคุณ : Keichun

เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 16:17:22

ความคิดเห็นที่ 24

ผมว่าหลายคนกำลังเข้าใจผิดนะครับ ทำไมเอา design , art , dec , communication art ไปรวมเป็นอย่างเดียวกันอะครับ มันคล้ายกันหมดแต่ไม่เหมือนกันนะครับ เวลาเรียนก็เรียนคนละลักษณะแต่แค่มีบางวิชาที่เรียนเหมือนกันเฉยๆ ถ้ามันจบไปเป็นอย่างเดียวกันเขาไม่แยกคณะแยกภาควิชาแยกเป็นคนละสาขาหรอกครับ เพียงแต่ในเวลาทำงานจริงมันทำใน field เดียวกันได้และข้ามสายกันทำไปมาได้อันนี้ไม่เถียง แต่เวลาเรียนจุดมุ่งหมายเขาให้จบไปเป็นอะไรนั้นมันแตกต่างกันครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์ให้จบไปเหมือนๆกัน แต่ละอย่างมีแนวทางเป็นของตัวเองครับ ถ้าคิดจะมา design แล้วมันต้องมีอะไรที่ไม่เหมือน dec หรือ นิเทศ แน่นอนครับ เพราะถ้าคุณเรียน design เขาจะผลักดันให้คุณเป็นผู้คิดผู้สร้างอะไรใหม่ๆขึ้นมาครับส่วนจะสร้างอะไรและมีคอนเสปหรือต้องสื่อสารเมสเสจอะไรอยู่ที่งานอยู่ที่สายของ design ไม่ใช่ไปเรียนประดับประดา หรือ เรียนสื่อสารเฉยๆ การออกแบบนิเทศศิลป์ ก็ไม่ใช่ นิเทศศาสตร์ นะครับ แค่มีคำว่าออกแบบนำหน้าและลงท้ายด้วยคำว่าศิลป์นั่นแสดงถึงความแตกต่างบางอย่างแล้วครับ ที่เหมือนกันน่าจะเป็นในส่วนของนิเทศหรือพวกการสื่อสารมากกว่าครับแต่เวลาเข้าไปเรียนจริงๆ การออกแบบนิเทศศิลป์ กับ นิเทศศาสตร์ จะโฆษณาหรือเปล่าก็ตามแต่ มันเรียนไม่เหมือนกันครับ การเรียนโฆษณาในการออกแบบนิเทศศิลป์มีจริงแต่ไม่ได้ขนาดโดยตรงเหมือนเป็นแค่สับเซตเฉยๆ เป็นเพียงโจทย์ เพราะจุดมุ่งหมายจริงๆคือทำ visual design ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ได้ทุกอย่างจริงๆเพื่อสื่อเมสเสจและมีคอนเสป รวมถึงมี functional และความสวยงาม แต่ก็อย่างที่บอกนะครับว่าพอจบไปทำงานจริงก็สามารถข้ามสายไปมาได้ไม่ได้ต้องยึดติด เพียงแต่ถ้ามั่นใจในแนวทางไหนการเรียนให้ตรงสายนั้นจะดีกว่าครับเพาะต่อยอดได้เร็วกว่า เพราะมีคนซิ่วกันไปแล้วนะ เพื่อนผมเองซิ่วจากนิเทศไปเรียนการออกแบบนิเทศศิลป์และมันมาบอกกับผมว่า พึ่งรู้ว่าอันนี้คือแนวของมันมากกว่า

พึ่งเห็นจากกระทู้ล่างว่าน้องจขกทอยากเรียน animation สำหรับตรงนี้มันต้องดูด้วยนะว่า animation ในแง่ไหน

ถ้าในแง่เทคนิคไปเรียนโปรแกรม เรียนวาด อันนี้พี่ถือว่าออกแนว art นะแต่ถ้าอยากในการออกแบบนิเทศศิลป์มันจะเหมือนเรา design มากกว่า animation จะเป็นเพียงแค่ " วิธีการนำเสนอ " คอนเสปของเราเท่านั้นครับ ถ้าอยากเรียน animation จริงๆว่าทำยังไงอะไรยังไงจะไม่ได้สอนถึงขนาดนั้น เพราะในการเรียน design animation จะเป็นเพียงแค่วิธีการนำเสนอเฉยๆไม่ใช่ศาสตร์วิชาหลัก เพราะเราเรียน design น่ะ ยังไงก็ต้องไปต่อยอดเองอยู่ดี ถ้าน้องอยากไปเป็นนักวาดการ์ตูนก็ไว้รอต่อยอดตอนป.โทที่เมืองนอกเอาก็ได้ ป.ตรีก็เรียนการออกแบบนิเทศศิลป์ไปก่อน เพราะเรียน design ก็เป็นพื้นฐานของการทำงานในสายศิลปะแทบทุกอย่างหรือจะเบนไปเรียน animation โดยตรงเลยก็ได้ครับแต่พี่ว่าในไทยมีเปิดสอนไม่เยอะนะ แต่ไงก็ตามมันก็ต้องดูนะว่าแต่ละที่เขามีหลักสูตรอะไร คำว่าอยากเรียน animation บางทีเหมือนยังไม่เจาะจงพอนะครับ เพราะน้องจะเรียน animation ในแง่ไหนล่ะอะไรแบบนี้ ซึ่งก็ต้องดูว่าหลักสูตรเขารองรับกับแนวที่เราอยากเรียนไหม บางที่เขาสอน animation จริงแต่ให้เป็นเชิง design หรือผู้คิดนะครับ

ในหลักสูตรการออกแบบนิเทศศิลป์ของไทยบางที่เขาจะระบุเลยว่าจบไปเป็นอะไรได้บ้าง ซึ่งมันเป็นได้เยอะมาก art director , animator , illustrator , designer เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจนิดหนึ่งว่าทางคณะเขาจะสอนพื้นฐานหรือในลักษณะเรียน design ซึ่งเป็นหัวใจหลักให้ แล้วเราต้องนำความรู้นี้ไปต่อยอดและประยุกต์ใช้เองครับ เวลาเรียนจริงเขาจะสอนเพื่อให้เราเป็น designer แต่ไม่ได้ระบุนะว่า designer อะไรแล้วก็ไม่ได้สอนให้เป็น animator โดยตรงอะไรแบบนี้ด้วย พอจบแล้วเราก็ต้องไปประยุกต์ใช้เองอะครับ ซึ่งมันสามารถนำหลักการ design ที่ทางคณะสอนไปเป็นอะไรได้หลายอย่างตามที่คณะเคยพูดถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นหากสนใจด้านไหนเป็นพิเศษทางคณะเขาส่งเสริมเราต่อได้แต่เขาจะไม่ได้มาเปิดเป็นคอสไปทางใดทางหนึ่งโดยตรงครับ จะสอนแบบกลางๆให้เป็น designer เฉยๆ ถึงมีวิชาเลือกที่เจาะจงไปทางสาขาไหนบ้าง เช่น วิชา illustration แต่ก็ไม่ใช่วิชาหลักน่ะครับ วิชาหลักจะสอนแบบกลางๆให้เราไปเป็น designer โดยจะสอนหลักทุกอย่างตั้งแต่คิดคอนเสป , รีเสิช , การทำภาพแสงสีเสียงวัตถุแต่หลักๆจะเน้นกันที่เมสเสจและคอนเปสไม่ได้เน้นปฏิบัติจริงแบบเรียน industrial design (เห็นไหมว่าถ้าจะให้พูดจริงๆมันทะลุไปอีกสาขาแล้ว) นี่พูดถึงการออกแบบนิเทศศิลป์นะครับ แต่บางทีบางมหาลัยเขามีภาควิชาที่เจาะจงไปเลยเช่นไปเรียน fashion design อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งครับ ในแง่จริงๆแล้วอย่างการออกแบบนิเทศศิลป์ก็จบไปทำแฟชั่นได้ เพียงแต่ไม่ใช่สายตรงน่ะครับแต่พื้นฐานของการออกแบบนิเทศศิลป์เป็นพื้นฐานของการออกแบบทุกอย่างอยู่แล้ว ของงี้ต้องดูหลักสูตรนะครับว่าเรียนแนวไหนใช่ตัวเราและเราจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด ของแบบนี้ตอบยากนะแต่ถ้าน้องพูดถึงการออกแบบนิเทศศิลป์พี่ก็ตอบมาให้ตามนี้ครับ

อยากย้ำอีกทีว่าจริงๆแล้วหลักสูตรนั้นมันมีเยอะมาก ทุกหลักสูตรเวลาจบไปสามารถทำงานในสายเดียวกันได้แต่ที่แน่ๆคือ มันเรียนไม่เหมือนกันนะแล้วก็มีความมุ่งหมายให้นิสิตนักศึกษาจบไปไม่เหมือนกันด้วย คิดง่ายๆว่าถ้ามันเรียนเหมือนกันจริงตั้งใจให้จบไปเหมือนๆกันจริง เขาจะแยกหลักสูตรแยกสาขาทำไม การเลือกผิดสายนั้นไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่เพราะทำงานในสายเดียวกันได้หมดอยู่แล้ว เราจะเห็นว่าคนทำงานสายนี้บางคนจบบัญชี , จบอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องมาเลยด้วยซ้ำแต่ถ้าเลือกหลักสูตรที่ตรงกับที่อยากเรียนและมีลักษณะการเรียนการสอนที่ตรงใจเราจะเกิดประโยชน์กับเรามากกว่าก็เท่านั้นน่ะครับในหลายๆแง่ แง่ของการเรียน แง่ของการต่อยอด จึงอยากให้คิดให้ดีเท่านั้นครับ เพราะแต่ละที่หรือที่เดียวกันแต่แต่ละสาขามีหลักสูตรไม่เหมือนกันครับ มีรูปแบบการสอนต่างกัน มีความตั้งใจให้ผู้เรียนจบไปต่างกัน(แม้ในทางปฏิบัติจะสามารถทำงาน field เดียวกันได้ก็ตาม)
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 09:20:02
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 09:09:09
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 09:00:11

จากคุณ : Keichun

เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 08:49:04