ความคิดเห็นที่ 1 ไม่สนับสนุนและไม่ชอบแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรเข้าใจว่าเป็นวัฒนธรรมไม่ว่าจะให้คืนหรือไม่ให้คืนก็ตามแต่ รวมๆก็แบบไม่ชอบแต่ไม่ได้คิดอะไรมากครับ ชายหญิงเท่าเทียมกันถ้าอยากให้เท่าเทียมจริงๆแบบที่คนกลุ่มหนึ่งชอบเรียกร้องก็ต้องรวมถึงเรื่องนี้ด้วย กลัวลูกสาวอดตายพ่อแม่ฝ่ายชายเขาไม่กลัวลูกชายอดตายหรือไงนะ ผมก็คิดๆ 555 ถ้าเท่าเทียมกันจริงมันก็ต้องฝ่าฟันไปด้วยกันครับ ช่วยกันเพราะมันก็มีสิทธิ์อดตายเหมือนกันทั้งคู่นั่นล่ะ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:23:05

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่คิดมากครับ เราเอาลูกเค้ามาอยู่กับเรา ไม่ค่อยได้กับไปเลี้ยงดูพ่อแม่เค้า ถือเป็นค่าเลี้ยงดูส่วนนึงที่พ่อแม่เค้าเลี้ยงดูเรามา และส่วนในอนาคตที่ลูกเค้ามาอยู่กับเรา ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เค้าเหมือนเมื่อก่อน ไม่คิดมาก หากพ่อแม่เค้ายินดีจะคืนมาทำทุนบ้างก็ยินดีรับ สรุปเค้าจะเก็บเองหรือเค้าจะให้มาทำทุน ไม่ซีเรียส ค่าเลี้ยงดูเมีย ค่าลูกในอนาคตยังเยอะกว่านี้เยอะนะผมว่าแล้วส่วนใหญ่พ่อแม่ฝ่ายสาว ก่อนจะเรียกสินสอดเค้าก็ดูฐานะฝ่ายชายอยู่ บางบ้านแทบไม่เรียกด้วยซ้ำ จากคุณ : หนุ่ม2002 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:23:25

ความคิดเห็นที่ 3 ก็พากันหนีเลยง่ายดี จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:32:59

ความคิดเห็นที่ 4 เราคิดว่าดีแล้ว และไม่มองว่าเป็นการขายลูก จากคุณ : TALVEZ___MOZNA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:33:52

ความคิดเห็นที่ 5 เฉยๆ ครับ เรื่องธรรมเนียมประเพณีมันถูกปลูกฝังมานาน ล้มเลิกยาก ถ้าตอนแต่งงานต้องเจอกับตัว มีก็ให้ ไม่มีก็ไม่ให้ จะไม่ถ่อไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายแน่ๆ ล่ะ แต่เท่าที่เจอมาเดี๋ยวนี้แม้เป็นคนไทยเองก็มีการให้สินสอดแก่คู่บ่าวสาวมากขึ้นนะ จากคุณ : จิตตะ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:34:17

ความคิดเห็นที่ 6 อยู่ที่ดวงครับ ถ้าครอบครัวฝ่ายหญิงดีเหมือนมีชัยไปกว่าครึ่ง จากคุณ : เขียนบน iPad (Kaku-Eishi) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:35:18

ความคิดเห็นที่ 7 มันก็แล้วแต่ครอบครัวนะ แต่ส่วนมากที่เจอมากับครอบครัวตัวเองจะไม่คืนฝ่ายชายนะ แต่จะให้ทั้งสองคนแหละเอาไปเก็บไว้เป็นเงินทุนในอนาคต ผมว่าไม่เกี่ยวกับจีนหรือไทยหรอก มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล แต่ถ้าถามว่าผิดไหมที่ไม่คืนให้ผมก็ว่าไม่ผิดนะ เอาลูกสาวเขามาทั้งคนเนอะ ก็ต้องลงทุนบ้าง จากคุณ : กระต๊อบหลังเดิม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:35:22

ความคิดเห็นที่ 8 แถวบ้านผมคืนหมดนะ เอาไว้ให้บ่าวสาวตั้งตัว จากคุณ : คงซ้ำอีกสิท่า เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:36:13

ความคิดเห็นที่ 9 ตระกูลเรารับมาก็เก็บไว้เป็นเงินขวัญถุงเล็กน้อยค่ะ ที่เหลือทั้งหมดให้คู่บ่าวสาวไปตั้งตัว จากคุณ : ล็อกอินนี้หน้าตาดีมาก เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:48:01

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วแต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงมากกว่านะ จากคุณ : Staccato_note เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:55:23

ความคิดเห็นที่ 11 เด็กผู้หญิงในสังคมไทย กว่าจะเลี้ยงให้เติบโตมาได้ ลำบากกว่าเด็กผู้ชายค่ะ อย่างน้อย ก็ได้ให้คุณพ่อคุณแม่ฝ่ายหญิง เรียกมากน้อย อันนี้แต่ละครอบครัวค่ะ ในกรณีสาวบริสุทธิ์ ถ้าแต่งงานไป แน่ละความบริสุทธิ์ต้องหาย นับจากนี้จะมีแต่เสียเปรียบ แค่สินสอด ไม่ถือว่ามากไปหรอกค่ะ  ปล.ถ้าเรามีลูกสาว ถ้าฝ่ายชายมีสินสอดมากน้อยไม่ว่า แต่ถ้าไม่มีเลย เราคงไม่ให้ลูกเราแต่งค่ะ แต่งไปมีจะเสียเปรียบ ต้องเลี้ยงฝ่ายชายแน่นอน รับรอง ถ้าไม่มีเลย ก็เป็นโสดไปค่ะ และคนที่จะแต่งงาน  ก็ต้องมีอะไรพร้อมสมบูรณ์แล้ว ถึงคิดจะสร้างครอบครัว สินสอดขั้นเริ่มต้นยังไม่มี แล้วมีลูกจะเลี้ยงลูกยังไงค่ะ เด็กไม่ต้องทานน้ำข้าวเหรอ ลำบากแน่ๆเลย คนหลายคน รอให้แต่งงานก่อน แล้วจึงสร้างฐานะ มันไม่ทันค่ะ ไม่ทันจริงๆ ค่าเสียโอกาสมาแล้ว โอกาสที่ลูกจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด ในกรณีที่เกิดมาเจ็บป่วย โอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่ดี จากสถาบันที่ดีที่สุด ก็ไม่มีหวัง เพราะพ่อแม่มัวแต่สร้างฐานะกันอยู่ ถ้าคิดจะมีลูก อะไรหลายอย่างมันต้องมีมากกว่าแค่รักกันแล้วยอมกัดก้อนเกลือกินค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 12:05:46 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 11:59:55 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 11:59:31 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 11:57:43 จากคุณ : น้องหมาของฉันน่ารักกว่าหลินปิง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:56:22

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่คิดอะไรค่ะ เข้าใจดีว่ามันเป็นประเพณี ยังไงเค้าก็คงจะต้องตกลงกันก่อนจัดงานอยู่แล้วว่าสินสอดจะยังไง ขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า บางบ้านให้เลยบางบ้านรับคืน เค้าก็คงตกลงกันได้ค่ะไม่งั้นงานคงไม่เกิดขึ้น จากคุณ : imluknutt เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:08:27

ความคิดเห็นที่ 13 ที่เจอๆมาก็คืนให้บ่าวสาวหมดนะคะ  แต่อาจหักค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปกับงานบ้าง บางบ้านค่ะ จากคุณ : ดูดีเป็นที่สุด เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:16:18

ความคิดเห็นที่ 14 สมัยนี้เท่าที่เราเห็นๆส่วนมากเค้าคืนให้บ่าวสาวกันนะคะ เพราะทั้งหญิงชาย เดี๋ยวนี้เค้าไม่นิยมแต่งเข้าบ้านฝ่ายไหนกันสักเท่าไหร่ เห็นๆออกมาสร้างครอบครัวใหม่กันเองอะค่ะ ใจเราเฉยๆนะคะ สินสอดไม่ต้องมีก็ยังได้ (แต่พ่อแม่เราคงไม่คิดงั้น 555) ขอแค่เรามีที่อยู่พร้อมกันแล้ว แบบมีบ้าน มีรถ อะไรงี้ เราก็พอใจแล้วค่ะ จากคุณ : aorp เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:24:16

ความคิดเห็นที่ 15 คห.11 ขอแย้งกรณีเดียวได้ไหมครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนทัศนคติกันไปเลยแล้วกันครับเพราะโดยส่วนตัวผมมองว่าจะเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายมันก็มี " ค่า " เท่ากันนั่นแหละครับ จะเลี้ยงยากหรือเลี้ยงง่ายอยู่ที่นิสัยของเด็กรวมถึงอยู่ที่ฐานะของพ่อแม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ โอเคเป็นลูกสาวอาจจะต้องห่วงมากหน่อยแต่โดยรวมๆจะลูกเพศไหนก็ห่วงไม่ต่างกันหรอกครับ เรื่องเลี้ยงดูก็เหมือนกัน ถ้าให้ว่ากันตามจริงลูกชายหลายบ้านบางทีถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีมากกว่าลูกสาวหลายบ้านเสียอีกนะครับ เขาก็ประคบประหงมของเขามาเหมือนกัน เราอาจจะบอกว่าไปเอาลูกสาวเขามาก็ต้องลงทุนสิแต่จริงๆแล้วในแง่ของความเป็นจริงอีกฝ่ายก็ไปเอาลูกชายของเขามาเหมือนกันครับ แล้วพอตบแต่งจริงๆก็ไม่มีใครได้ลูกคนไหนไปหรอกครับ นู่นลูกมันออกไปอยู่กันเอง หรือถ้าจะต้องอยู่กับพ่อแม่ฝ่ายใดจริงๆของแบบนี้มันตกลงกันได้ เพราะคุณพ่อผมต้องจากบ้านของคุณปู่คุณย่ามาอยู่กับคุณตาคุณยายผมนะครับ คุณพ่อผมเขาก็เสียโอกาสที่จะได้ดูแลพ่อแม่เขาไปนิดหนึ่งเหมือนกันครับ ในขณะที่คุณแม่ผมก็ยังอยู่กับครอบครัวตัวเองเหมือนเดิมตามปกติดี เห็นไหมว่ามันไม่มีอะไรเสียเปรียบเลยครับ ทุกอย่างอยู่ที่ความพึงพอใจของทุกฝ่ายแต่สมัยนี้คงแยกกันไปอยู่เองแล้วล่ะไม่ต้องอยู่กับพ่อแม่ของฝ่ายไหนหรอก 555 แต่ไงก็ตามของแบบนี้ถ้าจะไปหาพ่อแม่ตัวเองจริงๆอยู่ที่ไหนมันไม่สำคัญหรอก คุณพ่อผมท่านก็ขับรถไปหาคุณปู่คุณย่าของผมได้ ตรงนี้มันแทบไม่มีผลอะครับไม่ว่าจะในกรณีไหนๆ เสียเปรียบกันก็ไม่มากหรอกครับ พ่อแม่ของฝ่ายชายเขาก็เลี้ยงลูกของเขามาเหมือนกันกว่าจะเติบโตจนได้ดีมาแต่งงานกับลูกสาวของคุณได้และต้องมีหน้าที่หาเลี้ยงลูกสาวของคุณต่อไปอีก ถ้าผมมีลูกสาวนะครับ ผมจะไม่เรียกสินสอดจากฝ่ายชายเลยครับแต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะยกลูกสาวให้ใครง่ายๆนะ ผมก็จะต้องแน่ใจแล้วเหมือนกันว่าลูกสาวผมรักหมอนี่จริงและหมอนี่เป็นคนดีจริงหรืออย่างน้อยก็ต้องดีในระดับหนึ่งอะ หากจะมีอะไรที่ผิดพลาดไปในภายหลังผมก็ถือว่ามันก็แบบนี้ชีวิตคนที่ต้องเรียนรู้กันไปมีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลวครับ ส่วนเรื่องฐานะของฝ่ายชายผมอาจจะดูบ้างครับก็ห่วงเรื่องนี้เหมือนกันแต่ถ้าเด็กมันรักกันจริงผมก็คงไม่อะไร รักกันนั่นคือสุดยอดที่สุดแล้วถึงแม้ผมจะเห็นด้วยว่าเงินมันก็สำคัญก็ตาม ส่วนถ้าเจ้าบ่าวรวยเราก็โอเคแต่เราคงไม่ไปเรียกสินสอดอะไรจากเขาหรอกครับ พ่อแม่ใครเขาก็เลี้ยงลูกกันมาอย่างเต็มที่เหมือนๆกันนั่นล่ะครับ เผลอๆพ่อแม่ฝ่ายชายเขาอาจจะเลี้ยงลูกเขามาอย่างดีอย่างทุ่มเทมากกว่าคนที่เป็นพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวเสียอีก อยู่ดีๆแค่แต่งงานกันเราจะไปเอาเงินเอาทองจากพ่อแม่ของอีกฝ่ายเพื่ออะไร ในเมื่อทุกคนก็เลี้ยงลูกของตัวเองมาอย่างดีทั้งนั้น ยิ่งพ่อแม่ฝ่ายชายนี่ยิ่งไม่ต้องคิดเลยล่ะครับความคิดเรื่องจะขายลูกกินยิ่งไม่มีแต่จริงๆเรื่องสินสอดผมก็ไม่ได้มองมันในแง่ลบขนาดว่าเป็นการขายลูกกินนะแต่ส่วนตัวมองว่าเป็นการเอาเปรียบมากกว่าครับ หรือต่อให้จะเอาสินสอดจากตัวเจ้าบ่าวเองผมก็ไม่เห็นประโยชน์อยู่ดี ก็ให้เขาไปเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกสิครับ ส่วนเรื่องควรจะสร้างฐานะก่อนแต่งอันนี้ผมเห็นด้วยอย่างที่สุดแต่ชีวิตจริงคงกำหนดมันไม่ได้น่ะสิครับ ส่วนเรื่องกลับไปดูแลพ่อแม่ผมถือว่าเป็น " หน้าที่ " ของลูกทุกคน พ่อแม่ใครก็ไปจัดการกันเงอครับไม่มีเสียเปรียบแน่ๆไมไ่ด้ล่ามโซ่เอาไว้เนอะ ส่วนพ่อตาแม่ยาย พ่อผัวแม่ผัว ก็เอื้อน้ำใจให้บ้างตามโอกาสตามสถานการณ์ก็ต้องดูอีกทีว่าได้ไปเจอกับอะไรยังไงจะได้ตอบถูก สุดท้ายแล้วของแบบนี้ก็อย่างที่ผมพูดว่าถึงจะไม่เห็นด้วยยังไงก็ยังไงเข้าใจและพร้อมที่จะปฏิบัติไปตามประเพณีวัฒนธรรมครับ แล้วก็ไม่ได้คาดหวังความเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายด้วย เพราะ ของแบบนี้มันหยั่งรากลงไปลึกมากจนไม่อาจเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ฉะนั้นถ้าอะไรที่เราพอรับได้ผมก็ไม่ต่อต้านครับแต่ถ้าถามความเห็นว่าคิดยังไงก็ตอบได้เลยตามด้านบน แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 12:39:41 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 12:30:59 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:29:46

ความคิดเห็นที่ 16 ประเพณีมั่ว ๆ ขึ้นชื่อว่าประเพณี หรือ วัฒนธรรม ไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไปซะทุกเรื่อง บางทีรุ่นปู่รุ่นทวดบรรพบุรุษของเราก็ทำผิด ๆ หลงงมงายเกี่ยวกับประเพณีมาก็เยอะ เราไม่จำเป็นต้องเอาแบบอย่างหรือทำตาม เลือกเอาแต่สิ่งที่ดี ๆ ก็พอ.. *** ถ้าฝ่ายเจ้าสาวเรียกเยอะเกิน  ก็ทำตาม คห. 3 ไปเลย จบ!!! *** เหมือนที่ จขกท. ว่า " คนไทยที่รวย คงไม่มีปัญหาแบบนี้ " ช่ายย !! แต่เรามันจน หาเช้ากินคํ่า มนุษย์เงินเดือน จะแต่งงานทั้งทีต้องมีค่าสินสอดอะไรตั้งมากมาย  พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็เนอะ " ขายลูกกินหรือป่าว " จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:36:26

ความคิดเห็นที่ 17 ผมบอกแม่ยายไปว่า ผมกำลังตั้งตัวครับ เงินทองมีอยู่บ้างแต่ต้องเก็บไว้ทำทุนครับ ผมรักลูกสาวแม่มากนะแต่ผมไม่พร้อมเรื่องสินสอดจริงๆ แค่เนี้ยและแม่ยายไฟเขียวให้เลย ผมว่าเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลครับ เจอคนดีก็ดีไป เจอคนไม่ดีก็ซวยไปดูไปดูมามันก็เหมือนเข้า "ขายลูกกินเนอะ" ปล.กดlikeไห้ได้ไหมครับ คหบนผมเนี้ย จากคุณ : เขียนบน iPad (noirohl) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:11:03

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าสำหรับไทยเรื่องแบบนี้ธรรมดามากครับ  อย่าไปเปรียบเทียบกับคนจีนเลยครับ เพราะเราต่างขนบธรรมเนียมประเพณีและเชื้อชาติ   คนจีนให้ความสำคัญกับลูกชายมากๆ โดยเฉพาะหากเป็นลูกคนโต    ผมว่าหากแต่งงานเราต้องวางแผนมากกว่าแค่เรื่องค่าสินสอด หากแค่ค่าสินสอดยังอยากได้คืน  แล้วต่อไปจะเลี้ยงดูลูกสาวเขาได้ยังไง สำหรับผมแล้วธรรมดามากกับเรื่องนี้  แต่พ่อแม่ส่วนมากก็คืนแค่อยากให้ดูสมนำ้สมเนื้อ ดูความจริงใจจากฝ่ายชาย  เราเอาลูกสาวเขามาก็ต้องลงทุนกันบ้าง   สำหรับผมไม่มีใคร ที่จะอยากขายลูกกินหรอก  ลูกสำคัญที่สุดสำหรับพ่อแม่  การจะยกลูกให้กับใครเหตุผลเรื่องเงินไม่ใช่เหตุผลหลักแน่นอน   ชีวิตลูกทั้งชีวิตมีค่ามากกว่าเงินแน่นอน   เพราะฉะนั้นเรื่องค่าสินสอดอยู่ที่จะตกลงกันมากกว่า  มากน้อยตามฐานะ  และหาเหตุผลมาคุยกัน หากแต่งแล้วอยากได้สินสอดคืนดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย จากคุณ : Gripphen33 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:26:09

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าพ่อแม่ เขารักลูก เงิน ที่ได้ไป ก็ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ สุดท้ายก็ต้องคืนลูก เขาครับ นอกจะคุณไปเจอประเภท มีแต่ความโลภ ครับ จากคุณ : ton_21 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:00:58

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนมากเค้าจะคืนให้คู่แต่งงานไว้เป็นต้นทุนชีวิตนะคะ นอกจากจะซวยจริงๆเจอครอบครัวที่เค้าไม่คืน ก็ต้องทำใจ จากคุณ : mspantip เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:08:19

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบแทนพระคุณ เอาลูกสาวเค้ามา เค้าเลี้ยงมาจนกว่าจะโต มันเป็นประเพณี คุณจะภาคภูมิใจที่ทำถูกต้องตามประเพณี แต่งไปแล้วคิดเหรอว่า  เวลาลูกสาวเค้าเดือดเค้าจะนิ่งเฉย เผลอๆขายนา ขายที่ มาช่วยครอบครัวลูกสาวอีก เค้าคงพูด กรูไม่น่ายกลูกสาวให้มันเลย ดูแลลูกสาวเค้าไม่ได้ จากคุณ : แสนรัตน์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:17:22

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนตัวมองว่าเหมาะสมกับอดีตเฉยๆ เพราะสังคมสมัยก่อนมันแบบนั้น แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นแล้ว เพราะวัดอะไรไม่ได้เลย เห็นแต่งกันเป็นสิบ ล้านร้อยล้านก็เลิกได้ เลี้ยงไม่ได้ก็มี (เลี้ยงดูได้ไม่ได้หมายความว่า แค่มีเงิน) บางคู่อยู่กันจนแก่จนตายกันไปข้างหนึ่ง งานแต่งหรือใบจด ทะเบียนสักใบก็ไม่เคยมี คนรักกันไม่จำเป็นผู้ชายดูแลผู้หญิงหรือ ผู้หญิงดูแลผู้ชาย  มันต้องดูแลซึ่งกันและกันมากกว่า เงินสินสอดวัด อะไรไม่ได้มากหรอก เอาง่ายๆ ผมเห็นเลยหลายๆ คู่เงินสินสอดก็ขอ พ่อขอแม่ เงินจัดงานก็พ่อแม่เจ้าสาว เยอะแยะมาก สมมุติ 2 คู่ คู่แรก สินสอด 5 แสน แต่ขอพ่อบ้างขอแม่บ้างเงินตัวเองนิดๆ หน่อยหรืออาจ จะเงินผู้ชายคนเดียว กับ อีกคู่สินสอด 1 แสน แต่เป็นเงินที่ทั้งคู่ช่วยกันเก็บ ผมชอบคู่หลังมากกว่านะ ตัวเงินไม่สำคัญเท่ากับความคิดในการใช้ชีวิตของทั้งคู่ จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:24:57

ความคิดเห็นที่ 23 ปล. เลิกเถอะครับไอ้คำประเภทว่า "กว่าจะเลี้ยงลูกสาวมาจนโต" หรือ "ค่าน้ำนม" อะไรพวกนั้น ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายพ่อแม่เขา ก็ต้องเลี้ยงมาทั้งนั้น จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:28:01

ความคิดเห็นที่ 24 คห.21 แล้วทำไมถึงคิดว่าพ่อแม่ฝ่ายชายเขาจะนิ่งเฉยล่ะครับ อันที่จริงชีวิตคู่คือเรื่องของคนสองคนครับ มีอะไรไม่ควรกลับไปขอพ่อแม่แล้วด้วยซ้ำ เพราะถึงขั้นแต่งงานนี่แสดงว่าต้องโตมากแล้วไปอีกขั้นแล้ว คือการงานก็คงต้องมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว หากมีปัญหาอะไรจริงๆ คนเราถ้าพอให้ลูกหลานได้เขาก็ให้ทั้งนั้นแหละครับไม่เกี่ยวหรอกว่าเป็นพ่อแม่ฝ่ายไหน พ่อแม่ฝ่ายสามีช่วยครอบครัวลูกชายก็มีเยอะแยะไป ครอบครัวฝ่ายชายบางทีต้องมาอุปถัมภ์ครอบครัวฝ่ายหญิงก็มีนะเลี้ยงลูกสาวเขาไม่พอต้องเลี้ยงหมดทั้งครอบครัวเห็นมาแล้ว บางครอบครัวสะใภ้ไม่ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ สวยไปวันๆ ปัญหาลูกสะใภ้ไม่ดีก็อย่าคิดว่าไม่มีครับ มันมีหมดล่ะโลกนี้แต่คนเราชอบมองอะไรแบบเหมือนฝ่ายชายจะต้องไม่ดีตลอดประมาณนั้นนะ ของแบบนี้แบ่งเพศแบ่งฝ่ายอะไรไม่ได้หรอกครับ ดูเป็นกรณีไปเถอะครับ เรื่องสินสอดก็ไม่เถียงว่าเป็นประเพณีแต่มันดูเป็นการเอาเปรียบจริงๆครับ พ่อแม่ฝ่ายชายเขาก็เลี้ยงลูกของเขามา หมดเงินหมดแรงไปไม่รู้เท่าไรเหมือนกัน พูดเหมือนเลี้ยงลูกชายนี่ไม่เหนื่อยเลยนะครับ มันก็ต้องกินต้องใช้ต้องเรียนต้องซื้อนู่นนี่นั่นเหมือนกันไม่ต่างกันเลยครับ เวลาดูแลก็ต้องเอาใจใส่เหมือนๆกัน อบรมเหมือนๆกัน ไปรับไปส่งเหมือนกัน บางครอบครัวอาจจะทุ่มไปมากกว่าลูกสาวในบางครอบครัวซะอีก จริงๆสินสอดจะคืนไม่คืน ผมว่าพ่อแม่ฝ่ายชายเขาก็ไม่ควรจะต้องมาจ่ายค่าตรงนี้นะ ที่ควรช่วยกันจ่ายน่ะคือค่างานแต่งนู่นนี่นั่นมากกว่า เรื่องเงินเริ่มชีวิตใหม่อันที่จริงก็ควรให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของฝ่ายผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ใครอยากให้ก็ให้ไม่อยากให้เขาก็ไม่ผิดครับ เพราะหนุ่มสาวต่างหากที่ควรช่วยกันไปเองครับ ถ้าพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายพอมีปัญญาก็อาจจะช่วยบ้างตามสมควรนะ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 14:36:05 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:32:28

ความคิดเห็นที่ 25 มีที่มาจากสองประการ  1. สังคมเกษตร 2. ผู้ชายไทยแต่งเข้าบ้านผู้หญิง ตามประเพณีไทย ผู้ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิง สินสอดที่ฝ่ายผู้หญิงเรียก ก็เพื่อดูความสามารถในการทำมาหากินของฝ่ายชาย ถ้าหามาได้ ก็แสดงว่า สามารถเลี้ยงลูกสาวเขาได้ และเมื่อผู้ชายเข้ามาอยู่ในบ้านฝ่ายหญิง สินสอดดังกล่าว ก็ไม่ได้ไปไหน ใช้ในการทำทุนไร่ทำนาของฝ่ายหญิง ซึ่งผู้ชายจะเข้ามาเป็นแรงหลัก และสุดท้ายพ่อแม่ฝ่ายหญิง ก็ยกไร่น่าให้ทั้งคู่สืบทอดต่อไป สินสอดจึงเป็นเครื่องแสดงความสามารถในการทำมาหากินของฝ่ายชาย และเมื่อครองคู่ประสบความสำเร็จ  ฝ่ายชายก็จะครอบครองสมบัติของฝ่ายหญิงทั้งหมด คุณว่า ใครได้มากกว่ากัน ต่างจากประเพณีจีน ฝ่ายหญิงแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย การที่ฝ่ายชาย ได้คืน ก็สมควรแล้ว เพราะครอบครัวทั้งหมด ก็อยู่ที่นั่น อย่ามองตื้น ๆ ถึงจะเป็นสมัยปัุจจุับัน เราคนไทย สามีแต่งเข้าบ้านเรา พ่อแม่มอบสินสอดทั้งหมดให้คู่บ่าวสาว ให้ตั้งตัว จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:51:15

ความคิดเห็นที่ 26 ยังไงการแต่งงาน ผู้หญิงก็ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไม่แปลกใจที่ทำไมผู้หญิงสมัยนี้ โสดกันเยอะขึ้น ใครที่บอกว่า ไม่ยอมจ่ายสินสอด โดยอ้างเหตุผล จะรอวันที่คุณมีลูกสาวแล้วลูกคุณแต่งงานไปโดยที่ไม่ได้รับสินสอดเลยสักบาทเดียว แถมต้องไปเป็นทาสสามี รับใช้สารพัด ไหนจะเลี้ยงลูก บางคนก็ต้องทำงานนอกบ้านด้วย ผู้หญิงโสดอยู่ได้ไม่ลำบากหรอกค่ะ ถ้ามีเงินและไม่ติดว่ากลัวเหงา งานบ้านก็เป็น ทำอาหารก็เป็น คนไหนไม่เป็นก็มีตัวช่วยมากมาย มีแต่ผู้ชายที่ต้องการแต่งงาน เพราะจะได้มีคนมารับใช้ มีทายาทไว้สืบต่อนามสกุลของตัวเอง แต่ไม่ช่วยเลี้ยงลูก ตัวเองออกไปสำราญกับเพื่อนฝูง ดิ่มเหล้า เสเพลไปวันๆ ผู้ชายน่ะแบบนี้ทั้งนั้น จากคุณ : น้องหมาของฉันน่ารักกว่าหลินปิง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:52:32

ความคิดเห็นที่ 27 *26 พูดแบบนี้หมายถึงว่าเขามีเงินก็ยอมแต่งก่ะเขาแค่นั้นเอง? เพราะผู้ชายเป็นแบบนั้นทั้งนั้น จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:55:44

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ time ผมชอบประโยคนี้ ความรักจะยืนยาวและมีค่าที่สุดคับ "คนรักกันไม่จำเป็นผู้ชายดูแลผู้หญิงหรือ ผู้หญิงดูแลผู้ชาย  มันต้องดูแลซึ่งกันและกันมากกว่า " แต่ผู้ญ บางคนคิดว่าตัวเองคือสินค้า ต้องได้เปรียบ  ผู้ชายต้องดูแลฝ่ายเดียว น่าเศร้านะครับที่เอาความรักมาเป็นตัวประกันแบบนี้ จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:59:45

ความคิดเห็นที่ 29 คห.26 ผู้ชายไม่ใช่แบบนั้นทุกคนครับ อย่างน้อยถ้าผมมีลูกก็จะมีผมนี่แหละที่จะช่วยเมียเลี้ยงลูก เหอะๆ อากู๋ผม(ถ้าพูดในภาษาไทยคือคุณน้า)ก็ช่วยเลี้ยงลูกครับ ตอนเด็กๆตื่นนอนมาป้อนนมลูกทุกวัน ทุกวันนี้แกเป็นคนที่ต้องทำงานเป็นหลัก ภรรยาของแกช่วยในระดับหนึ่งแต่ไม่มากเท่าแกครับ เรื่องฝ่ายหญิงแต่งไปเป็นคนใช้ผมยอมรับว่ามีจริงครับแต่คงเพราะฝ่ายพ่อผมเขาดีมั้งครับที่ไม่มีทัศนคติแย่ๆแบบนั้น เป็นครอบครัวคนจีนที่ไม่กดขี่ลูกสะใภ้ คุณแม่ผมไม่เคยโดนโขกสับแบบในละครหรือที่เขาเล่ากันมาครับ แถมคุณแม่ผมยังเข้าไปหอมคุณปู่ด้วยซ้ำ รักกันขนาดไหนคิดดู เรื่องลูกสาวผมถ้าผมมีผมไม่เรียกสินสอดแน่ครับแต่ผมต้องขอให้มั่นใจว่าลูกผมจะต้องได้คนดีและทั้งสองคนรักกันจริงก็พอ ส่วนตัวผมไม่เคยมองผู้หญิงเป็นคนใช้นะ เรื่องนามสกุลผมก็ไม่แคร์นะและเดี๋ยวนี้ผู้หญิงหลายคนก็ไม่ใช้นามสกุลสามีครับ หลายๆอย่างมันเท่าเทียมกันแล้วนะครับโลกของเราน่ะ ของเก่าไม่ใช่ว่าดีทุกอย่างแต่จะให้เปลี่ยนกันทันวันมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ที่หยั่งรากลึกจนยากที่จะถอนได้ภายในเวลาอันสั้น ทัศนคติคนคือเรื่องที่เปลี่ยนยากที่สุด สงสัยผมคงหัวสมัยใหม่ไปมั้งครับแต่ผมก็เชื่อว่าที่ผมคิดอยู่มันเป็นการให้เกียรติทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงนะ ผมไม่ชอบเรื่องการเอาเปรียบครับ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:03:57 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:01:45

ความคิดเห็นที่ 30 #23 หากมีลูกสาวจะกล้าพูดไหมว่ายกให้ ฟรีๆค่าน้ำนมไม่เอา หากมีลูกชาย จะภาคภูมิใจไหม  มันไม่มีปัญญาแต่งเมีย       จะมากจะน้อยก็ต้องมี สินสอด จะบอกว่าสินสอดที่ได้มา พ่อแม่จะคืนคุณภายหลัง"ในทางอ้อมและทางลับ "ที่ ลูกผู้หญิงไม่สามารถจะบอกคุณได้ในบางครั้งเพราะเค้ารักษาศักดิ์ศรีของคุณผู้ชายไว้ไง ไม่คืนคุณแต่เค้าคืนให้หลานๆ เค้าไง จากคุณ : แสนรัตน์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:06:24

ความคิดเห็นที่ 31 *30 กล้าสิครับ มันผิดตั้งแต่คำว่า "ค่าน้ำนม" แล้ว ค่าน้ำนม มันอยู่ที่ลูกควรดูแลพ่อแม่ยังงัยมากกว่า ที่จะคิดว่าหาเงินสินสอดมาให้พ่อแม่ได้เท่าไร มันมีสิ่งอื่นให้ดูมากกว่าค่าสินสอดตั้งเยอะแยะ ลูกชายถ้ามันไม่มีปัญญาหาเอง ก็ชีวิตมันนี่ครับ ถ้าจะเจอพ่อตาแม่ยายที่ดูแต่ว่ามีสินสอดเท่าไร ก็ปล่อยตัวมันไปเถอะ อีกอย่างผมไม่ได้พูดถึงเรื่องคืนสินสอดหรือไม่คืน เลยครับ เพราะไม่มีประโยชน์ คนเรามันเปลี่ยนได้ ทุกวัน วันนี้พูดอย่าพรุ่งนี้อาจจะพูดอย่างก็ได้ จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:17:06

ความคิดเห็นที่ 32 คห ที่ 27 ก็คงไม่ต้องจากผู้ชายที่มองผู้หญิงที่หน้าตา และความเซ็กซี่มั้งคะ จากคุณ : น้องหมาของฉันน่ารักกว่าหลินปิง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:17:38

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆคือผมว่า แ้ล้วแต่แต่ละครอบครัวน่ะครับ บางบ้านก็ให้ไปตั้งตัวบ่าวสาว บางบ้านก็คือเป็นค่าน้ำนม ค่าเลี้ยงดูมา ของอย่างนี้มันตอบยาก มันอยู่ที่ ความพอใจของแต่ละครอบครัวและการพูดคุยตกลงกัน ฟันธงให้เป็น แบบใดแบบหนึ่งไปเลย ไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:20:17

ความคิดเห็นที่ 34 คห.29. แล้วคุณจะรู้ได้ยังใงและใช้วิธีไหนดูครับว่าแฟนลูกสาวจะเป็นคนดีหรือไม่ดี และมีปัญญาเลี้ยงดูลูกสาวคุณได้ โดยที่คุณก็ไม่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับแฟนลูกสาวคุณสักเท่าไหร่ ?? มันคล้ายกับเรื่องที่เวลาเราสมัครงานตอนเรียนจบใหม่ๆ บริษัทถึงต้องดูเกรดยังใงล่ะครับ  สินสอดก็เปรียบเทียบคล้ายเกรดของเรานั่นเอง ความเท่าเทียมกันมันมีอยู่แค่ในทางทฤษฎีเท่านั้นครับ(ความเท่าเทียมกันในทุกๆเรื่อง).. จากคุณ : RuudVanNis10 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:22:09

ความคิดเห็นที่ 35 *32 ผมไม่เข้าใจที่คุณสื่อนะครับ แต่ที่ผมหมายถึงในเมื่อคุณบอกว่าผู้ชายเป็นแบบนั้นทุกคน คุณก็ยังจะแต่งกับเขา เพราะว่าเขามีสินสอดมาขอคุณเท่านั้น? เพราะในเมื่อสุดท้ายเขาก็แค่อยากมีลูก ไม่สนใจคุณอยู่แล้ว มีคนมารับใช้ จะได้กินเหล้าเสเพลต่อไปวันๆ เอามาจากคุณเขียนไว้เองล้วนๆ สรุปคือผู้ชายยังงัยมันก็ชั่ว ก็เลวทุกคน แต่ถ้ามีเงินมาแต่งผู้หญิงอย่างคุณก็แต่ง? จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:25:36

ความคิดเห็นที่ 36 มันขึ้นอยู่กับการตกลงทั้งสองฝ่ายมากกว่าค่ะ ไม่มีใครถูกผิด ทั้งนี้การกระทำใดๆ มันก็เกิดจากการยอมรับทั้งสองฝ่ายแล้วนะคะ ส่วนตัว คิดว่า การคืนสินสอดให้ฝ่ายชาย(บ้าง) มันเป็นสินน้ำใจอะค่ะ ไม่ใช่รับแต่ของเขามาอย่างเดียว คืนให้เขาได้ตั้งครอบครัวบ้างนะคะ ญาติเรามีทั้งคืน และยึดหมดก็ว่ากันไป ส่วนมากที่คืนก็จัดสรรกันดี ไม่มีปัญหา คืนให้ส่วนนึง มันก็แฟร์ดีนะคะ จากคุณ : เจ้าหญิงนอกนิยาย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:28:04

ความคิดเห็นที่ 37 คห.34 ถ้างั้นคุณจะสื่อว่าถ้ามีเงินจ่ายสินสอดแสดงว่าลูกสาวผมจะได้คนดีและเป็นคนที่จะเลี้ยงดูลูกสาวผมได้อย่างงั้นหรอครับ??? คือของแบบนี้นะครับผมก็มีเซนส์ของผมเหมือนกันอะและอะไรที่ผมมองว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวกันสักเท่าไร เช่น เอาเงินมาให้แสดงว่าลูกฉันจะต้องได้คนดีคู่ชีวิตตลอดกาล ผมก็มักจะไม่เอามันมายุ่งกันน่ะ เอ้อ ถ้าจ่ายสินสอดมาแล้วมันรับประกันได้ร้อยเปอร์เซนต์สิว่านี่คู่แท้ของลูกฉันแน่ๆแบบนี้ผมถึงค่อยน่าเรียกหน่อยแต่ถ้ามันไม่ได้เกี่ยวกันเล้ยแล้วจะเรียกทำไม เงินใครก็เงินมันจะไปเอาของเขามาทำไมล่ะครับและก็อย่างที่บอกว่าหากมันมีการผิดพลาดผมก็ถือว่ามันเป็นบทเรียนของชีวิตครับ ผมน่ะไม่เคยคาดหวังว่าอะไรมันจะต้องเป็นยังไงเป๊ะๆอยู่แล้วล่ะครับ วันนี้ลูกผมมีความสุขไหม เขาดูโอเคในระดับหนึ่งไหมผมถือว่าผมโอเค ความเท่าเทียมกันที่แท้จริงมันไม่มี คุณคิดว่าผมไม่รู้หรอครับ 555 ผมน่ะรู้อยู่เต็มอกยิ่งกว่าอะไรดีแต่คนสมัยนี้น่ะสิที่เรียกร้องแต่ความเท่าเทียมที่มันจะเป็นคุณแก่ตัวเองแต่ถ้าเป็นความเท่าเทียมที่เป็นโทษแก่ตนกลับจะหาเหตุผลมาอ้างว่าเป็นค่านั้นค่านี้ ส่วนตัวผมเองทุกวันนี้ผมก็พยายามจะทำอะไรให้มันเท่าเทียมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับแต่รู้ดีครับว่าไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียมอย่างแท้จริงหรอกครับ ลูกเพศเดียวกันเลี้ยงมายากง่ายยังไม่เท่ากันเลย แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:40:08 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:30:40 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:28:45

ความคิดเห็นที่ 38 *34 ตรรกะง่ายไปไหมครับ ดูที่สินสอดคือเกรด แล้วเคยเห็นคนซื้อเกรดไหมครับ คุณรู้หรือว่าสินสอด มาจากไหนแฟนลูกคุณหาเองหรือขอใครมา มันก็ไม่ ต่างจากทึ่คุณถามผม คุณคิดว่าคุณดูเพื่อนคุณยังงัย ว่าดีไม่ดีแหละครับ ดูแค่มีเงินหรือเปล่า มันก็ต้องใช้ เวลาทั้งนั้น แล้วคุณบอกว่าไม่ใช้ชีวิตกับคุณสักเท่าไร มันก็ขึ้นอยู่ว่าคุณเลี้ยงลูกแบบไหนครับ ถ้าเลี้ยงแบบ เจอหน้าให้เงินแล้วจบ มันก็คงเป็นแบบที่คุณว่านะแหละ จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:30:15

ความคิดเห็นที่ 39 เอิ่ม พึ่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังโต้วาทีอยู่นิดหน่อยครับ 555 ยังไงคนที่ไม่เห็นด้วยก็อย่าโกรธกันนะเรามาเล่นบอร์ดเพื่อแชร์ว่าใครคิดยังไงถ้าคิดต่างผมคงไม่ไปเปลี่ยนความคิดคุณหรอกแต่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอาจจะทำให้มองอะไรกว้างขึ้นหรือเข้าใจกันมากขึ้นก็เท่านั้น ส่วนการแต่งงานของผมถ้าต้องแต่งกับคนไทย ผมก็จ่ายสินสอดนะเห็นพูดมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะฝืนประเพณีไม่จ่าย 555 เพราะเราก็ถือคติเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเหมือนกัน เพียงแต่ถ้าในอนาคตอะไรๆจะเปลี่ยนไปในทางที่ผมมองว่าดีกว่าผมสนับสนุนเต็มที่เลยครับ แล้วถ้าวันหนึ่งผมมีลูกผมก็จะไม่ใช้ประเพณีแบบนี้อีกเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:49:20 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:34:50

ความคิดเห็นที่ 40 คห ที่ 35 ฉันไม่คิดจะแต่งงานค่ะ แต่ถ้าฉันจำเป็นต้องแต่ง ฉันไม่มีวันมองแค่เรื่องความรักที่ไร้สาระแน่นอน คนที่มีเงินประมาณนึง ฉันไม่ได้ต้องการให้เขามาเลี้ยงฉัน แต่มันเป็นหลักประกัน ว่าเขาไม่คิดจะเกาะฉันกิน ความเป็นคนดี เอาอะไรมาวัดคะ ฉันไม่มีวันทราบหรอก ว่าคนอื่น นอกจากคนในครอบครัวฉัน ใครดีจริง ไม่ดีจริง แค่ความดีมันก็วัดไม่ได้ บางคนทำดี เสแสร้ง ก็มี เพราะบ้านฉันก็มีในระดับหนึ่ง อาจไม่ถึงขั้นรวย แต่ก็มี และคุณคิดว่าฉันจะต้องแต่งงานกับคนที่มีเงินน้อยกว่า มันเสี่ยงมั้ยละคะ ถึงจะดูเป็นคนดีก็เถอะ ดีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้ามี อย่างน้อย ถ้าหย่า หรือนอกใจ ก็จะได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ และถ้าต้องแต่ง ที่บ้านฉันไม่เคยให้ฉันลำบาก  ถ้าแต่งแล้วไม่สุขสบาย เท่าตอนฉันเป็นโสด ต้องลำบากขมขื่น ทุกข์ทั้งกายใจ ก็เป็นโสดดีกว่ามั้ยคะ คุณพ่อฉัน ตอนทำงานราชการแรกๆ ก็ไม่ได้รวยอะไร เขายังหาเงินมาแต่งงาน มาเป็นสินสอดคุณแม่ฉันได้เลย และไม่คิดทวงคืนด้วย ผู้ชายสมัยนี้ คิดจะได้ตัวผู้หญิงฟรีๆ และก็มองผู้หญิงว่าด้อยค่า บางคนถึงกับไปนินทากับเพื่อนฝูงตอนเมา ว่าใจง่ายแต่งกับฉันเฉยเลย ถ้าผู้ชาย 2 คนนิสัยดีเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงรายได้ ฉันก็เลือกคนมีเงิน เพราะถ้าวันนึง เกิดเผยธาตุแท้มาเหมือนกัน อย่างน้อยคนแรกฉันก็ฟ้องหย่าขอค่าเสียหายได้ แต่คนที่สอง เผลอๆ จะยอมหย่ารึเปล่า เพราะคงจะให้ผู้หญิงเลี้ยงดูให้อยู่ และการมีเงิน มันสื่อถึงความพยายาม ต่อให้เป็นคนบ้านรวยมาก่อน อย่างน้อยก็ต้องรู้จักประหยัด เก็บเงิน ถึงมีเหลือไม่หมดไป ผู้ชายประเภทที่ว่า ตัวเองไม่คิดพยายามพัฒนาตัว พอผู้หญิงเลือกคนดีกว่า ก็ด่าผู้หญิงว่าเห็นแก่เงิน ไม่มีเงินแม้แต่จะเป็นค่าสินสอด แต่มาด่าพ่อแม่ผู้หญิงว่าขายลูกกิน ก็เป็นได้แค่ คนไร้ความสามารถ เท่านั้นเอง อันนี้ พูดแสดงความคิดเห็นนะคะ เพราะใจจริงไม่เคยคิดจะแต่งงาน เพราะกลัวเจอผู้ชายแบบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:43:16 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 15:39:02 จากคุณ : น้องหมาของฉันน่ารักกว่าหลินปิง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:37:19

ความคิดเห็นที่ 41 *40 โอเคสรุปคือคุณจะแต่งกับคนที่มีเงินประมาณนึง แม้เขาจะเป็นแบบผู้ชายทุกคนเป็นอย่างที่คุณบอกคือ ก็แค่อยากมีลูก มีคนมารับใช้ จะได้กินเหล้าเสเพลต่อไปวันๆ เพราะจะได้ชื่อว่าไม่เกาะคุณกิน และก็คือแต่งกับคนที่มีเงินเยอะกว่า ซึ่งหย่ามาจะได้ฟ้องได้ จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:44:49

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นผู้หญิงหลายคนที่เรียกร้องความเท่าเทียมกับชาย  แต่พอมาเป็นเรื่องที่ตนเองจะเสียประโยชน์กลับไม่ยอมให้เท่าเทียมซะงั้น ประเพณี วัฒนธรรมผมว่ามันควรจะต้องเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป จากคุณ : the gooner เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:49:58

ความคิดเห็นที่ 43 ขึ้นอยู่กับประเพณีของแต่ละท้องถิ่น จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:51:43

ความคิดเห็นที่ 44 *30 กล้าสิครับ มันผิดตั้งแต่คำว่า "ค่าน้ำนม" แล้ว ค่าน้ำนม มันอยู่ที่ลูกควรดูแลพ่อแม่ยังงัยมากกว่า ที่จะคิดว่าหาเงินสินสอดมาให้พ่อแม่ได้เท่าไร มันมีสิ่งอื่นให้ดูมากกว่าค่าสินสอดตั้งเยอะแยะ ลูกชายถ้ามันไม่มีปัญญาหาเอง ก็ชีวิตมันนี่ครับ ถ้าจะเจอพ่อตาแม่ยายที่ดูแต่ว่ามีสินสอดเท่าไร ก็ปล่อยตัวมันไปเถอะ อีกอย่างผมไม่ได้พูดถึงเรื่องคืนสินสอดหรือไม่คืน เลยครับ เพราะไม่มีประโยชน์ คนเรามันเปลี่ยนได้ ทุกวัน วันนี้พูดอย่าพรุ่งนี้อาจจะพูดอย่างก็ได้ จากคุณ : time3957     เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:17:0 ########################################### คนเรามันเปลียนได้ทุกวัน วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้อาจพูดอย่างก็ได้ ขอให้ทำและพูดแล้วคนรอบข้างได้รับเกียรติ นั้นจากคุณ คุณจะรู้สึกดีที่ได้ทำและพูด จากคุณ : แสนรัตน์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:58:00

ความคิดเห็นที่ 45 ฮาตั้งแต่คำว่า "ค่าน้ำนม" อ่ะ มันแปลว่าอะไร? แล้วที่ผู้ชายต้องให้ฝ่ายหญิงฝ่ายเดียว แปลว่าผู้ชายเค้าไม่ได้เลี้ยงด้วยนมแม่มาเหมือนกันใช่มั้ย? เราเป็นผู้หญิง แต่เราว่าสมัยนี้มันแฟร์ๆกันได้แล้ว ไม่ได้มีการแต่งเข้าบ้านกันเหมือนสมัยก่อนเท่าไรแล้ว ควรดูความเหมาะสมของยุคสมัยมากกว่า แต่งงานกันแล้วแยกไปอยู่ต่างหาก สินสอดควรเป็นเงินที่บ่าวสาวจะเอาไปตั้งต้นชีวิตคู่มากกว่ามั้ย ไม่มีความจำเป็นอะไรที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะได้สินสมรสทั้งหมดนี่คะ? จากคุณ : bunnygirl เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:41:53

ความคิดเห็นที่ 46 กระทู้ยาวจัง จากคุณ : jaa.mv เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:13:18

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นผู้ชาย  แต่งงาน ไม่ให้สินสอดพ่อแม่เค้า น่าเกลียดตาย  อายตัวเองเปล่าๆ   ส่วนเค้าจะคืนหรือไม่คืน ก็เรื่องของเค้า ปล.แต่ถ้าคืนผมหมด ก็ดีน่ะ555 จากคุณ : No looking back เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:47:44

ความคิดเห็นที่ 48 คนจีนนิยทมีลูกเยอะ ถึงเเต่งออกสักคนก็ยังมีคนอื่นๆคอยดูเเล คอยช่วยทำมาหากิน คนไทยไม่นิยมมีลูกเยอะ บางทีก็ลูกสาวคนเดียว  เอาไปเเล้วก็ไม่มีใครดูเเล ช่วยทำงาน เเต่ปัจจุบัน  ก็ตามหลายๆ ความเห็น พ่อเเม่ๆ มักหาเงินได้ระดัยหนึ่ง  ดังนั้นในรายของคนที่พอมีตัง  ก็มักคืนมาให้เป็นเงินทุน(บางคนเเยบคายหน่อยก็มห้หลังจดทะเบียนจะได้เป็นสินสมรส)  เเต่พ่อเเม่บางคนไม่มีตังเยอะ ก็ขอเก็บสินสอดไว้ใช้ โดยส่วนตัวผมว่ามันก็เปลี่ยนไปตามสมัย เเละกาลเทศะเป็นครั้งคราวครับ  เช่น รวยทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงคนไม่มีไร  ให้ไม่ให้ขนหน้าเเข้งคงไม่ร่วง  เเต่ถ้าชายจนหย่อย พ่อเเม่หญิงเค้าก็คืน หญิงจนหน่อยฝ่ายชายก็ให้ไว้ จนทั้งคุ่ก็ตกลงกันดีๆ ก้เเค่นั้น ของพันนี้ถ้าคุญกันดีๆ ไม่เห็นเเก่ตัว มันก็ไม่ต้องมาดราม่าหรอกคับ จากคุณ : Zero Hour point เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 21:03:23

ความคิดเห็นที่ 49 มันเป็นหลักประกันและข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งค่ะ ว่าเขาสามารถเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวได้ และเลี้ยงลูกเราได้ จากคุณ : ทรายสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:53:40

ความคิดเห็นที่ 50 หลายคนอาจจะไม่ชอบที่ผมตอบเท่าไร แต่ถ้าอ่านดีๆ ผมไม่เคยบอกว่าไม่ควรให้สินสอด แต่ผมบอกว่าสินสอดมันวัดอะไรไม่ได้ ว่าผู้ชายจะเลี้ยงดูผู้หญิงได้ และเลิกบอกซะที่ว่า ต้องให้สินสอดเพราะ"ค่าน้ำนม" ฝ่ายหญิง ที่บอกว่าวัดไม่ได้เพราะสินสอดคุณก็เห็นแค่ตอนนั้นแหละ แต่คุณรู้จริงๆ หรือว่าเขาได้มา จากไหน เพราะหลายคู่เลยที่เงินนะขอพ่อแม่มาทั้งนั้นไม่ว่าสินสอดหรือค่าจัดงาน ส่วนคู่ ที่ทั้งคู่ช่วยกันเก็บช่วนกันจัดด้วยตัวเอง 2 คนนี่ผมนิยมอยู่ในใจอยู่แล้ว เพราะแสดงว่า ทั้งคู่จะดูแลซึ่งกันและกัน  แต่อย่างที่บอกว่ามันไม่มีทางรู้ว่าสินสอดจะมาจากทางไหน เลยบอกว่ามันวัดอะไรไม่ได้หรอกว่าจะอยู่กันรอดไหม และที่บอกว่าเลิกพูดซะทีว่าควรให้สินสอดเป็นค่าน้ำนมนี่  เพราะทั้งคู่มันก็ต้องเลี้ยงมา ทั้งนั้น  มันควรแก้ตั้งแต่ว่าความคิดที่ว่าสินสอดคือค่าน้ำนมแล้ว หากคุณจะวัดว่าคนนี้ เป็นงัยจากสินสอดผมยังเข้าใจนะ แต่มันไม่ควรจะบอกว่าเป็นค่าน้ำนม พูดแบบนั้นก็ เหมือนสินค้าไป ซึ่งสมัยนี้มันไม่ใช่แหละ ต่างคนต่างมีความสามารถ ไม่จำเป็นต้องให้ อีกฝ่ายดูแลและที่บอกว่าเอาลูกสาวเขามาเคยก็ให้นี่มันก็ไม่ใช่ อีกฝ่ายก็เอาลูกชายเขา มาเหมือนกัน สังคมมันเปลี่ยนไปเยอะแล้วไม่ได้หมายความว่าต้องเลิกประเพณีเก่า แต่ควรนิยามให้ มันเข้าความจริงปัจจุบันมากกว่า ผมไม่สนใจหรอกนะว่าสินสอดจะคืนไม่คืนออะไรนะ แต่ที่มาตอบกระทู้นี้ เพราะความเห็นบางอันที่นิยามแต่ว่าสินสอดคือทุกอย่าง เงินสำคัญ ที่สุด ลูกสาวมีค่ากว่าลูกชาย ซึ่งผมไม่เห็นด้วย แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 00:46:50 จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 00:26:46

ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อก่อนเราก็เคยคิดว่าไม่ดีเหมือนเอาเปรียบฝ่ายชาย แต่ตอนนี้เราว่าสมควรแล้วล่ะ.  เพราะว่าเงินที่เอามาสู่ขอถือเป็นเงินที่เหลือเก็บเลยเอามาขอลูกสาวเค้า แต่ถ้าทางฝ่ายชายคิดแต่ว่าเดี๋ยวก็ได้คืนอาจจะมีกรณีไปยืมเงินชาวบ้านมาแต่งงานก็เป็นได้ ซึ่งถ้ามองตามบ้านของฝ่ายหญิงแล้วก็อยากจะให้ลูกสาวตัวเองแต่งออกไปอยู่กับคนที่รู้จักเก็บรู้จักออม. มีงานทำเป็นหลักเลี้ยงดูลูกและหลานตนได้ ถึงจะไม่ต้องถึงกับรวยแต่ต้องทำให้ลูกเราอยู่อย่างไม่ลำบาก. ดังนั้นเงินที่มาสู่ขอก็เหมือนเป็นเงินที่มอบให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงเพื่อดูแลให้พวกท่านได้อยู่อย่างสุขสบายดั่งครอบครัวเดียวกันนั่นเอง เราถามแม่มาเมื่อไม่นานมานี้พอดีเลย จากคุณ : เขียนบน iPad (แมวเน่า_GIFT-GIFT) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 01:24:54

ความคิดเห็นที่ 52 แต่เงินสินสอดส่วนมากฝ่ายชายก็ได้มาจากพ่อแม่ตัวเองนะ ไม่ได้หามาเอง มันวัดได้จริง ๆ หรือ -*- จากคุณ : lic0ricez* เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 02:30:24

ความคิดเห็นที่ 53 เอาเป็นว่า สมัยนี้ ผู้ชายก็ไม่ได้โง่กันซักเท่าไร สรุปว่า คนไทยก็ได้รับ สินสมรสกันน้อยๆ ต่อไป ถ้าอยากได้กันนัก ถ้าผมจะแต่งงาน  แลัวผู้หญิงคนนั้น มาคอยดูแลพ่อแม่ผม มาอยู่ด้วยกันท่าน เท่าไรผมก็จะหามาแต่ง อันนี้ แยกกันอยู่ หน้าก้แปปๆ   ไหนจะมาทำตัวเอาแต่ใจด้วย คอยให้เราดูแล อย่างเดียว แบบนั้น ผมหาเมียใหม่ดีกว่า ผมคนนึงก็ไม่ได้โง่อะไรนัก อยู่ด้วยกันความรักมันไม่พอเลย มมันต้องมีอะไรหลายๆอย่าง จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 09:02:56

ความคิดเห็นที่ 54 คห.52 มันวัดไม่ได้หรอกครับ พ่อแม่ของฝ่ายชายนั่นแหละคือคนที่เสียเปรียบที่สุด โดนเอาเปรียบที่สุด ไม่ได้อะไรเลย เลี้ยงลูกก็หมดเงินหมดแรงมาเหมือนกันๆ พอจะแต่งยังต้องเสียเงินพิเศษตรงนี้ให้อีกฝ่ายอีก นี่ยังไม่นับว่าจะต้องเสียเงินค่างานแต่งค่าอะไรอีกไหมด้วยนะ ทั้งๆที่นี่คือกรณีแลกลูกกันนะ มันไม่ได้วัดได้เลยว่าเสียสินสอดแล้วผู้ชายคนนั้นจะเลี้ยงลูกสาวใครได้จริงแล้วก็ไม่ได้วัดได้เหมือนกันว่าลูกสะใภ้ที่ได้มามันจะดีจริง คือไม่ได้จะสื่อว่าผู้ชายไม่ดีหรือใครไม่ดีแต่ของแบบนี้มันไม่เกี่ยวกัน มีกรณีเดียวที่พอฟังขึ้นหน่อยสำหรับการจ่ายสินสอดคือขอเงินจากตัวเจ้าบ่าวเองเลยโดยตรงคือเป็นเงินเก็บของเจ้าบ่าวเองซึ่งกรณีนี้ก็คือสุดท้ายยังไงก็ต้องคืน ถ้าไม่คิดจะคืนอย่าไปขอเลยให้เขาเอาเงินตรงส่วนนั้นไปเลี้ยงครอบครัวเลี้ยงลูกเมียเขาและตอบแทนพ่อแม่ของเขาดีกว่าไหม สรุปไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ไม่ควรจะมีสินสอดน่ะครับ ถ้ากลัวว่าฝ่ายชายจะเลี้ยงลูกสาวตนไม่ได้ ไปขอดูเงินในบัญชีอะไรแบบนี้เลยสะดวกกว่าไหม 555 ว่าเขารวยจริงหรืออะไรก็ว่ากันไป คือนึกออกป่าวว่าเหตุผลของสินสอดที่พูดขึ้นมามันฟังไม่ขึ้นน่ะครับว่าทำไมถึงต้องจ่ายสินสอด มีเหตุผลกันจริงแต่เหตุผลมันฟังไม่ขึ้นน่ะ ถ้าสินสอดสำคัญขนาดนั้นจริงอย่างที่ปากพูดทั่วโลกเขาก็ต้องใช้ประเพณีนี้หมดแล้วสิครับ บางประเทศฝ่ายหญิงต้องเอาสินสอดมาให้ฝ่ายชายด้วยซ้ำนะซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยอีกเหมือนกันแต่แค่จะสื่อว่าสินสอดมันวัดอะไรไม่ได้เลยอยู่ที่วัฒนธรรมประเพณีของที่ไหนทำมาอย่างไรซึ่งคำว่าวัฒนธรรมประเพณีไม่ได้แปลว่าจะต้องดีงามถูกต้องไปเสียทุกอย่าง ก็โดนฝังหัวกันมาว่าดีนี่นะก็ทำให้คิดว่ามันดีน่ะสิ ไม่ให้สินสอดน่าเกลียด ถามว่าน่าเกลียดยังไง น่าเกลียดเพราะเป็นคนไม่ทำตามวัฒนธรมประเพณีน่ะหรือประมาณนั้นครับ ผมมีเหตุผลนะไม่ได้มาพูดสั่วๆแล้วก็ไม่ใช่คนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของใครแต่ที่มาถกในกระทู้นี้ทำให้ตอกย้ำขึ้นอีกเยอะเลยว่ายังไม่มีความเห็นไหนเลยที่สามารถเอาเหตุผลที่ฟังขึ้นจริงๆว่าทำไมต้องจ่ายสินสอดมาให้จขกทฟังได้น่ะครับ สุดท้ายผมคิดว่าจะอยู่รอดไม่รอดทำไมต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายชายฝ่ายเดียว ในสมัยก่อนผมเข้าใจได้ว่าผู้ชายในสังคมไทยคือช้างเท้าหน้าแต่สมัยนี้ทุกอย่างมันเท่าเทียมกันแล้วครับ ผู้หญิงไม่ได้มีโอกาสที่ด้อยไปกว่าผู้ชายอีกต่อไปแล้วในทุกเรื่องๆ(ถึงแม้มันจะไม่มีความเท่าเทียมที่แท้จริงแต่มันก็ไม่มีการเสียเปรียบอะไรกันมากมายอีกต่อไปแล้วครับ หลายเรื่องฝ่ายหญิงได้เปรียบด้วยซ้ำ) นับวันๆผู้หญิงมีแต่จะมีแต่ความเท่าเทียมที่มากขึ้นๆนะครับ ทุกวันนี้เรามีผู้นำประเทศก็เป็นผู้หญิง ทุกอย่างมันเท่าเทียมกันแล้วครับ ชีวิตคู่คือชีวิตของคนสองคนจะรอดไม่รอดมันต้องดูทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงครับ มีอะไรก็ต้องมาแชร์ต้องช่วยกันไปสิ ถ้าเอาแต่คิดว่าฝ่ายชายจะต้องรวยนั่นแสดงว่าคุณกำลังคิดจะเกาะเขากินอย่างเดียวแล้วล่ะ โลกมันเปลี่ยนไปแล้วครับผู้หญิงหลายคนถ้ากล้าจะเรียกร้องความเท่าเทียมก็ต้องรวมถึงเรื่องพวกนี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 09:28:47 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 09:17:04 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 09:11:13

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้าแพงไปก็พาหนีเลยครับ จากคุณ : sweetspot เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 13:39:11 A:124.121.249.177 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 56 ชอบ คห 54 อ่ะ ถูกใจหลายๆ ไม่ได้อยาหดูถูกประเพณีนี้ วํกเท่าไรหรอกครับ แต่บางคนก็เกินไปจริงๆ คนรอบข้างโดนมาเยอะ และย้ำอีกทีว่า  ดราม่าหรือไม่จะเกิดขึ้นกับ คนไทยฐานะ ปานกลางไปถึงจนเป็นส่วนมาก เกือบหมดเลยก็ว่าได้    ส่วนคนมีเงินเค้าไม่มีปัญหากัน อย่างว่าครับ สำหรับคนฐานะธรรมดา เงินมันหายาก  อะไรๆนิสัยต่างๆ มันออกมาหมด เพราะเงิน ผมเป็นวัยทีกำลังเรียกได้ว่า ใกล้แต่งงาน ถ้าผู้หญิงอยากดูความพร้อมจริงๆ มันรู้ๆกันอยู่อ่ะครับ ทรัพสินจากทางพ่อแม่ ฝ่ายชาย หรือ ดูบัญชีเงินก็ได้อ่ะ ถ้าเอาคำพูดที่ว่า "เงินสินสอดเป้น เครื่องพิสูจน์ ทางด้านความมั่นคง" ผมว่าเป็นข้ออ้างเรื่อง เห็นแก่เงินทั้งนั้น ถ้างั้น ก็แต่ง 5หมื่น พอ เอาไปโลด แต่ก็อย่างว่า คนเรามันรู้ๆกันอยู่ ผมก็ไม่รู้จะมาตั้งกระทู้ทำไมกัน 555+ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 13:43:36 จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 13:42:19

ความคิดเห็นที่ 57 ผมว่านี่คือปัญหาโลกแตก เหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน ทุกคนมีมุมมองต่างกันไป ถ้า เป็นผม ถ้าคิดจะแต่งงาน ผมจะหาผู้หญิงที่อย่างน้อยฐานะทุกอย่างเท่าเทียมกัน หรือต่าง กันไม่มาก เพื่อป้องกันปัญหานี้ ผมไม่อยากให้พ่อแม่ เอาเงินสินสอดไปให้ใครก็ไม่รู้ ที่เลี้ยงลูกสาวแล้วส่งเข้าบ้านผมใน ฐานะภรรยา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า ภรรยาผมจะดูแลพ่อแม่เค้าเหมือนพ่อแม่ผมไม๊? แล้วเกิด ทางบ้านภรรยาเดือดร้อน ผมต้องขายที่ ขายบ้าน ขายช่อง ไปช่วยภรรยาไม๊? ผมน่ะไม่ เดือดร้อนแน่ เพราะมีชีวิตปกติ มีงานทำ ดังนั้นทรัพย์สมบัติมีแต่เพิ่มพูด ดังนั้น ภรรยา ผมก็ควรมีพอๆกับผม หรือถ้าผมต้องออกค่าสินสอดเอง (ซึ่งเป็นไปได้มาก เพราะผมมีมากพอแล้ว) ผมก็คงไม่ ยกให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงแน่ ถ้ายกให้ผมจะร่างสัญญาว่า หากพ่อแม่ฝ่ายหญิงเดือดร้อน เรื่องเงิน อย่ามายุ่งกับบ้านผม ถ้าไม่มีบ้านอยู่ จะมาอาศัยผมอยู่ก็ได้ แต่มาแต่พ่อกับแม่ นะ ญาติพี่น้องผมไม่รับ เพราะเค้าไม่ได้เลี้ยงผมมานิ ดังนั้น ผมจะหาคนฐานะเท่ากัน หรือต่างกันไม่มากเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ถ้าไม่ได้ ก็ไม่แต่ง ผมไม่ง้อ เพราะผมหาเลี้ยงตัวเองได้ มีกินมีใช้ และที่สำคัญไม่อยากหาภาระ มาใส่ตัว จากคุณ : โยชิซึเนะ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 01:02:15

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่เห็นด้วยในกรณีที่ไม่คืนให้กับคู่บ่าวสาวครับ  เหมือนเป็นการขายลูกกินมากกว่า เพราะเมื่อแต่งงานกันไปแล้วยังไงก็ต้องช่วยเหลือดูแลพ่อแม่ทั้งสองฝั่งอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการไปขอลูกสาวเค้ามาแล้ว ตัดขาดไม่ให้ติดต่อกับพ่อแม่ฝ่ายหญิงเลยซะหน่อย จากคุณ : BzzzzY เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 07:04:48

ความคิดเห็นที่ 59 จะขายลูกสาวกิน สมควรให้คืน หรือไม่สมควรมีสินสอดอะไรตั้งแต่แรกก็แล้วแต่ ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่ได้พูดตงลงปลงใจกัน ไปคนละทาง ก็ต่างคนต่างกินแห้ว เท่านั้นเองค่ะ คนหัวสมัยใหม่น่ะมี แต่คนที่เค้านิยมนับถือประเพณีน่ะก็ไม่ใช่น้อยๆ เรื่องสินสอดเราคิดว่ามันคงยังจำเป็นต้องมี เพราะเรามีขนบธรรมเนียมแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่เราเห็นด้วยนะกับการคืนสินสอดให้กับลูกๆ เพื่อให้เป็นทุนชีวิตต่อไป หรืออาจจะแค่ส่วนหนึ่งอย่างนี้ก็โอเค ตามแต่ผู้ใหญ่จะเห็นสมควร จากคุณ : Sanctuary O. เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 19:48:14