 |
เอ้อ จขกทขอฝากสาระหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆมันเป็นการชักชวนให้ทำความดีน่ะไว้หน่อยครับ
ชาวพุทธเขาเชื่อกันว่าถ้าอยากเกิดมาหล่อ อยากเกิดมาสวยให้ทำบุญด้วยดอกไม้ครับ โดยเฉพาะดอกไม้ที่หอม
ถึงต่อให้ชาตินี้อาจจะเกิดมาไม่หล่อไม่สวยแต่หากตั้งใจทำจขกทเชื่อว่าของทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้ เพราะหน้าตาของคนเราก็เปลี่ยนไปได้ตลอดน่ะครับ ถ้าคนเรารักษาศีลและทำบุญด้วยดอกไม้ ผมเชื่อนะว่าหน้าของเรามันจะค่อยๆปรับให้เข้ารูปเองตามแต่บุญกรรมที่เราเคยทำมาจากชาติเก่าก่อน คงไม่ได้ถึงกับว่าเปลี่ยนไปเลยแต่อย่างน้อยก็ต้องดูหล่อขึ้นหรือสวยขึ้นแน่ๆครับ อย่างน้อยๆก็จะทำให้หน้าตาเราดูผ่องใสขึ้นหรือมีเสน่ห์ขึ้นมา ส่วนของใหม่ที่เราทำในชาตินี้มันจะไปให้ผลเต็มๆในชาติหน้าครับ ทั้งนี้เรื่องแบบนี้ละเอียดมากๆมีหลายปัจจัยมาเป็นตัวกำหนดถ้าอยากรู้ละเอียดคงต้องศึกษาเองครับ
เอามาจากบอร์ดพลังจิตนะ คัดเลือกมาเฉพาะส่วนที่จขกทอ่านแล้วค่อนข้างเห็นด้วยแล้วไม่ดูเวิ่นเว้อมากเกินไปแล้วกัน
ลองอ่านกันดูสนุกๆครับ จขกทไม่ขอฟันธงว่าที่ด้านล่างเขียนจะจริงทั้งหมดแต่ที่ตอบได้คือ การทำบุญด้วยดอกไม้และมีความงามทางจิตใจจะส่งผลให้เกิดมาหล่อ , เกิดมาสวย , หรือเกิดมาหน้าตาดีครับ เรื่องของหน้าตาถือป็นบุญเก่าอย่างหนึ่งนะแต่จะส่งผลเมื่อไรหรือจะครองรูปได้นานไหมก็อยู่ที่บุญอีกเช่นกันครับ
ในบทความเขากล่าวไว้ดังนี้ครับ
คนวัยหนุ่มสาวสมัยนี้ก็ล้วนแต่ทั้งอยากหล่อ อยากสวย และอยากรวย แต่ถ้าให้เลือกประการเดียว ผู้ชายส่วนใหญ่คงจะเลือกความหล่อไว้ก่อน และยิ่งถ้าถามสาวๆ ก็ยิ่งจะเทคะแนนโหวตข้างเดียวให้กับความสวยแบบถล่มทลาย เราทุกคนล้วนอยากได้รูปร่างหน้าที่สวยงดงาม เพราะตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตราบนั้นเราก็ยังต้องอาศัย ต้องพึ่งพา ต้องรับรู้ ต้องคลุกคลีอยู่กับความสุขจากสัมผัส 6 อย่าง คือ ความสุขจากสัมผัสทางรูป สัมผัสทางเสียง สัมผัสทางกลิ่น สัมผัสทางรส สัมผัสทางผิวกาย และสัมผัสทางใจ อยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รูปร่างหน้าตาที่ดีเป็นบัตรผ่าน เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกทุกสิ่ง ทั้งในการดำเนินชีวิตและการสร้างบุญ เพราะฉะนั้นการได้รูปร่างหน้าตาที่ดีเปรียบเสมือนลาถ เหมือนการได้สมบัติที่มีค่า แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนดาบสองคม ที่หากนำไปใช้ในทางที่ผิดก็สร้างบาปได้มากเช่นกัน เพราะพลังในการดึงดูดของรูป ทั้งชายต่อหญิงและหญิงต่อชาย มีอานุภาพรุนแรงทีสุด ยิ่งกว่าพลังดึงดูดใดๆ ดังทีพระพุทธองค์เคยตรัสสอนไว้ หากผู้ใดลุ่มหลงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลแรงดึงดูดจากรูปที่งดงามของเพศตรงข้ามก็พร้อมที่จะถูกชักจูงหรือยิมยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรูปนั้น แม้รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งผิด การหลงในรูป เมื่อเกิดกับผู้ใด โดยปราศจากสติและปัญญากำกับก็หมิ่นเหม่ต่อชีวิตที่ติดลบ
ดังนั้นเราจึงควรปรารถนาการเกิดมามี หน้าตาดีในแบบที่เอี้อต่อการทำงาน ในลักษณะที่น่าคบ น่าทำงานด้วย น่าเชื่อถือ น่ายอมรับนับถือในบุคลิก น่าให้เป็นผู้บริหาร เป็นผู้นำในการทำงาน หรือผู้นำการสร้างบุญสร้างกุศล แต่ไม่ควรปรารถนาหน้าตาหล่อสวยแบบที่กระตุ้นกิเลสหรือความรู้สึกทางเพศ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้ได้หน้าตาแบบนั้นจะหลุดรอดจากวังวนค่ายกลของกิเลสที่มีอานุภาพรุนแรง และมีเปลือกนอกสวยงาม แต่ซ่อนยาพิษไว้ข้างใน เมื่อเราต้องการหน้าตาที่ดี คำถามที่เกิดขึ้นทันทีก็คือ ทำอย่างไร จึงจะได้รูปทรัพย์ จึงจะมีความงาม จึงจะเป็นคนสวยคนหล่อ อย่างชนิดใกล้เคียงหรือตรงตามความปราถรถนานั้น นี่เองจึงเป็นที่มาของความเฟื่องฟูของวงการศัลยกรรมความงามทั่วโลก แต่การศัลยกรรมก็ไม่ใช่หลักประกันความงามที่ยั่งยืน เพราะความเสื่อมความเหี่ยวย่นของผิวหนังนั้นมีความแปรปรวนสูงและดำเนินไปเร็วมากทุกคืนทุกวัน ยากที่จะเหนื่ยวรั้งเอาไว้ได้ แม้จะมีการฉีดสารโบท็อกซ์ซึ่งจะช่วยความเหี่ยวย่นลดลงไว้บ้าง และภายในเวลาไม่เกินหกเดือนต้องฉีดใหม่ อีกทั้งก็ไม่ได้เป็นการชะลอ แต่เป็นแค่การปกปิดชั่วคราวเท่านั้น
เราอาจจะเคยพบว่า คนบางคนตอนเป็นเด็กหน้าตาดี พอโตขึ้นหน้าเปลี่ยนไปเป็นไม่ดี หรืออยู่ในเกณฑ์ธรรมดา บางคนตอนเป็นเด็กหน้าตาไม่มีแววสวยหล่อ แต่พอโตขึ้นก็กลับเปลี่ยนแปลงไปมากในด้านดี จนถึงกับได้เป็นพระเอกนางเอกละครภาพยนตร์เลยที่เดียว บางคนพอมีอายุ หน้าตาก็เสื่อมเร็วจนไม่เหลือเค้าความสวยหล่อแม้แต่น้อย แต่บางคนกลับยิ่งมีอายุยิ่งดูดี มีสง่าราศี งามแบบภูมิฐาน บางคนศัลยกรรมแล้วดูดีขึ้น แต่บางคนทำมาแล้วได้แค่เสมอตัว บางคนขึ้เหร่กว่าเดิม จนกระทั่งเสียโฉมไปเลยก็มีให้เห็นอยู่เนืองๆ สาเหตุเพราะอะไร
เราจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ ถ้ารู้จักว่าสิ่งใดที่มีอิทธิพลต่อรูปร่างหน้าตา สิ่งที่มีผลต่อการมีหน้าตาดีนั้นมี 4 ปัจจัย เป็นหนึ่งปัจจัยหลัก และสามปัจจัยรอง ปัจจัยหลัก ประการแรกที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อการได้มาหรือดำรงไว้ซึ่งรูปสมบัติคือ การไม่ผิดศีลข้อหนึ่ง ศีลข้อที่หนึ่งเป็นข้อเดียวที่มีผลกรรมเกี่ยวพันโดยตรงกับการควบคุม การได้มา หรือความเป็นไป ของรูปลักษณ์ของร่างกายมนุษย์ ไม่ให้บิดเบี้ยวไปจากมนุษย์ผู้สมบูรณ์แบบควรจะเป็นในช่วงเวลามาเกิดซึ่งควบคุมด้วย "ชนกกรรม" หรือกรรมนำมาเกิดทุกคน เพราะผลจากการผิดศีลข้อนี้ จากคำอธิบายในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ผลลัพธ์ของการฆ่าสัตว์ เกิดมาอาจต้องประสบกับ 9 สิ่งต่อไปนี้ คือ พิการ รูปไม่งาม อ่อนแอ เฉี่อยชา ขึ้ขลาด ถูกฆ่า ขึ้โรค บริวารพินาศ อายุสั้น จะเห็นว่าสิ่งทีสองคือ การมีรูปไม่งาม เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนเราในยุคโลกาภิวัฒน์ ยุคที่มีการแข่งขันทางธุรกิจสูงและการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีบทบาทอย่างยิ่ง
หากเราคุมคาม ฆ่าสัตว์ใดๆถึงคราวกรรมนั้นส่งผล เราก็ต้องไปเกิดในร่างแบบเดียวกันกับสัตว์นั้นอีกหลายร้อยชาติ และจะเป็นฝ่ายถูกฆ่าบ้าง ในระหว่างที่ใช้กรรมยังไม่หมดสิ้น หากมีจังหวะเพราะบุญตามทันมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ก่อน ก็จะไม่ได้รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ของมนุษย์ครบถ้วนร้อยเปอร์เซนต์ มีชนกกรรมทางร่างกายที่บกพร่อง มีลักษณะบางอย่างที่บิดเบี้ยวไป ลักษณะจากสัตว์ที่ผู้หนึ่งผู้ใดเคยทำลายชีวิต อาจจะถ่ายทอดมาสู่ผู้นั้นเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ จากน้อยไปถึงมาก บางคนอาจแค่เพียงทำให้มาตรฐานความสมบูรณ์ของร่างกายมนุษย์เสื่อมลดลง แต่บางคนอาจจะมีหน้าตาเหมือนสัตว์ที่เคยฆ่าอยู่บ่อยๆ และเคยเกิดเป็นสัตว์นั้นจนมองออกได้ทันที และหากกรรมปรากฏกับผู้ใดตั้งแต่ช่วงกำลังสิ้นชีพ ก็จะแสดงออกเป็นลักษณะท่าทางหรือเสียงร้องของสัตว์นั้นออกมาตั้งแต่ก่อนตาย พยากรณ์ได้ทันทีว่า ผู้นั้นกำลังจะเกิดเป็นอะไร
อีกสามปัจจัยที่มีผลต่อความสวยความหล่อรองๆลงมาคือ ปัจจัยอย่างที่สอง การทำบุญที่เกี่ยวเนื่องกับการสร้างความสวยงามให้ศาสนสถาน หรือบูชาพระรัตนตรัยที่สวยงาม เช่น
ชอบจัดดอกไม้ในภาชนะให้เป็นพุ่มเป็นทรงด้วยความปราณีต งดงาม เพื่อประดับหน้าแท่นบูชา ในโบสถ์ วิหาร ศาลา สถาที่ประกอบศาสนพิธี อันเป็นการเพิ่มบรรยากาศงดงาม ความน่าศรัทธาของสิ่งแวดล้อมในบริเวณศาสนสถานนั้น หรือจัดดอกไม้ในแจกัน ในกระเช้าให้เป็นช่อ เป็นชั้น มีศิลปะ สวยงาม เพื่อบูชาพระพุทธรูป บูชาพระบรมธาตเจดีย์ ย่อมทำให้เกิดมามีรูปร่างงดงาม มีหุ่นดี
ถ้าหมั่นทำความสะอาดขัดถูองค์พระพุทธรูปโลหะอยู่เป็นนิตย์ ก็จะมีผิวพรรณละเอียดหมดจด ผุดผาด ผ่องใส งดงาม (ทั้งนี้ต้องไม่ทำกรรมขัดขวางโดยชอบมีนิสัยโกรธง่ายอยู่เป็นนิจ)
ปัจจัยที่สาม ที่มีผลต่อหน้ารูปลักษณ์คือ การอธิษฐาน หากกระทำบ่อยๆและทำบุญใหญ่ด้วยจิตศรัทธาเลื่อมใส มีความปิติในบุญจริงๆ ก็จะเป็นแรงเสริมส่งผลให้เกิดเป็นเช่นนั้นเลยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องไม่มีกรรมจาการผิดศีลข้อที่หนึ่งมาเป็นตัวเหนี่ยวรั้ง แต่สเนื่องจากส่วนใหญ่เวลาที่คนเราอธิษฐานให้เกิดมาสวย เกิดมาหล่อนั้น น้อยคนนักที่จะอธิษฐานกำกับด้วยว่า "ให้ความสวยความหล่อนั้นเป็นไปเพื่อสร้างบุญสร้างกุศล หรือมีไว้สำหรับเป็นเครื่องชักจูงใจ ให้ผู้ที่พบเห็นเกิดศรัทธาอยากสร้างบุญสร้างกุศลตามอย่างบ้าง" เพราะในจิตใต้สำนึก ส่วนลึกของผู้อธิษฐานปรารถนาเช่นนั้น ก็ต้องการอยากได้หน้าตาสวยเด่น หล่อเด่น ในแบบที่สะกิดตาสะกิดใจคน ดึงดูงเพศตรงข้าม อันนั้นเป้าหมายแอบแฝง ที่เกิดจากธรรมชาติจิตใจของปุถุชนที่มีกิเลสละเอียดซ่อนอยู่ แม้ไม่ได้กล่าวอธิษฐานเป็นคำ แต่จงใจปรารถนาลึกๆอยู่ ใจก็จะบันทึกเป้าประสงค์ลึกๆ นั้นควบคู่กันไปทันที เมื่อได้หน้าตาที่สวยงามตามแรงบุญแล้ว ก็จะเป็นความสวยงามที่ต้องใจ ถูกใจ สะดุดตาสะดุดใจ ถูกกิเลสเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันด้วย และนำมาซึ่งความยุ่งเหยิงของชีวิต ล่อแหลมต่อการผิดศีลข้อ 3 และเสี่ยงต่อการไปสูอบายภูมิในภพชาติต่อไป ดังนั้นหากใครได้รูปร่างหน้าตาดีแบบที่คนชมว่าเซ็กซี่ ควรจะต้องรีบสร้างเกราะป้องกันโดยการปฏิบัติธรรมควบคู่ไปด้วย จึงจะรับประกันควมโชคดีในรูปทรัพย์นั้นตลอดไปจริง
ปัจจัยอย่างสุดท้าย ที่มิอิทธิพลต่อการเกิดมาพร้อมรูปสมบัติคือ การใช้หน้าตาประกอบบุญกุศล รักษาความความดีงาม ไม่ทำผิดศีล 5 ดังที่กล่าวมาแล้วว่า หน้าตาที่ดีซึ่งดึงดูดสายตา ถ้าขาดการอธิษฐานล้อมกรอบไว้ในทางป้องกันการนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางกามารมณ์ที่ผิดๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นแม่เหล็กชักนำดึงดูดให้ก่อกรรมละเมิดข้อห้ามทางเพศหรือกาเมสุมิจฉาจารขึ้นใหม่ และส่งผลต่อกรรมนำไปเกิดในภพชาติต่อไป
ดังนั้น เพราะการลดลงของเปอร์เซ็นต์ของการละเมิดศีลข้อหนึ่งในสังคม แต่ไปเพิ่มน้ำหนัดความถี่ให้แก่การละเมิดศีลข้อสาม จึงสะท้อนออกมาในภาพรวมว่า กรรมขณะเกิด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการผิดศีลข้อปาณาติบาตลดลง แต่กรรมซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารได้ช่องส่งผลทวีออกมามากขึ้นทุกที นั้นคือคนที่แสดงออกมาเป็นเกย์ สาวประเภทสอง สาวหล่อ จึงมากมายยิ่งขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน คุ่ขนานกับปริมาณกับคนสวยคนหล่อที่เพิ่มขึ้น หากคำนวณเป็นสดส่วนต่อประชากรจะพบว่าสูงขึ้นเรื่อยๆเหมือนราคาก๋วยเตี๋ยวที่ไม่เคยลดลงเลย
(อ้างอิงมาจากหนังสือ รู้บุญ ชีวิตรุ่ง ของนายแพทย์อรรคเดช นนทะโชติ)
แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 14:00:53
จากคุณ |
:
Keichun
|
เขียนเมื่อ |
:
29 เม.ย. 55 13:58:59
|
|
|
|
 |