ความคิดเห็นที่ 1 พ่อเราไม่มีศาสนา แถมแอนตี้ด้วยซ้ำไป ตลอดชีวิตของพ่อไม่เคยตักบาตรทำบุญเข้าวัด พ่อสอนว่า คนดีตายในโลกอย่างหมาก็มี คนชั่วตายในโลงฝังเพชรก็เยอะ คนที่จะอยู่ในโลกได้ ไม่ใช่คนดี 100% หรือ ชั่วช้า 100% แต่คนที่เอาตัวรอดในสังคมได้ดีต่างหาก ที่จะยืนอยู่บนโลกแบบนี้ได้ แม่เรานับถือศาสนาพุทธ ตักบาตรทุกเช้า ยกเว้นวันที่พระท่านไม่มา สวดมนต์ก่อนนอน ปฏิบัติตามศีล 5 ได้อย่างเคร่งครัด ซึ่งสวนทางกับพ่ออย่างสุดโต่ง แม่สอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว พระพุทธเจ้าสอนอะไรดีๆ แม่ก็เอามาสอนเราอย่างนั้น แม่อยากให้เราโตขึ้นมาเป็นคนดีของแม่ เพราะฉะนั้น ศาสนา หรือ สิ่งยึดเหนี่ยวในใจเรา อันดับ 1 คือ พ่อแม่ ที่สอนให้เราโตขึ้นเป็นคนที่สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข อันดับ 2 คือ พระพุทธเจ้า ที่เราจะหยิบนำคำสั่งสอนที่มีประโยชน์ของท่านมาปรับใช้ มุมมองความคิดของคนไม่เหมือนกัน บังคับให้ใครคิดตามเหมือนเรามันยากค่ะ ใครจะนับถือศาสนาอะไร เค้าจะมัวเมาหรือไม่ มันก็อยู่ที่มุมมองและความพึงพอใจของเค้าค่ะ แต่เรียนรู้วิธีการมองของเค้า ข้อดี ข้อเสีย คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะ แล้วเอามาปรับใ้ช้ในชีวิตเราให้เป็นประโยชน์ จะดีกว่านะค่ะ -- สำหรับเพจนั้น ส่วนตัวคิดว่า มันสะท้อนมุมมองแคบๆ ของคนกลุ่มหนึ่งมากกว่า -- จากคุณ : Albumin เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:58:39

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่ากระทู้นี้น่าสนใจกว่ากระทู้แนะนำอะไรก็ไม่รู้ตั้งแยะ โหวตแล้วนะครับ จากคุณ : rosaman เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:00:40

ความคิดเห็นที่ 3 เราเป้นทั้งพุทธเเละคริสต์ เเต่ไม่เคยโจมตีศาสนาอื่นนะ ใครจะนับถือศาสนาไหนเราไม่สนหรอก เเต่ถ้าใครมาโจมตีศาสนาเรา เราก็เถียงนะ 555+ เเต่ไม่เคยเถึยงด้วยคำหยาบ... ไม่ได้โลกสวย เเต่มันเป็นนิสัยที่ปรกติเราไม่พูดคำหยาบอยู่เเล้ว เถียงด้วยเหตุผลเเละคำสุภาพ ส่วนศาสนาจำเป็นไหม ไม่รู้นะ เเต่เราได้ประโยชน์เยอะมากๆ จากการนั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิ เเล้วก็ฟังธรรม ทำบุญ(ไม่จำเป็นต้องทำที่วัด) รู้สึกจิตสงบดี ใจเย็นขึ้น นิสัยดีขึ้น ดังนั้นเราก็จะเชื่อในศาสนาในความคิดเราต่อไป อิๆ   เเน่นอนศาสนาย่อมมีเเก่นเสีย ... เเต่ในความคิดเรานะ เนื้อหาของศาสนามันดี เเต่คนที่เผยเเผ่ศาสนานะ มันมีดีบ้าง มีเสียบ้าง เราเลือกมองเเต่พระดีๆ บาทหลวงดีๆ เราก็รับฟังเเต่สิ่งที่ดี พระเเย่ๆ เราก็ไม่สน เราเลือกที่จะรับฟัง ไม่ได้เหมารวม จากคุณ : คนที่เดินผ่านมา เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:06:06

ความคิดเห็นที่ 4 เรานับถือศาสนาพุทธค่ะ และจะนับถือตลอดชีวิต เราว่ามันคือปรัชญา ไม่สุดโต่ง คำสอนหลายข้อ น่าสนใจ และที่สำคัญ เรื่องความเมตตากรุณา เพราะเราร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วย เราเชื่อว่าคือกรรมเก่า เพราะโรคที่เราเป็นตั้งแต่เกิด ญาติเราไม่ว่าจะฝั่งไหน สืบไปจนต้นกระกูล ไม่มีใครป่วยโรคนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ชอบคนที่ทำร้ายรังแกคน รังแกสัตว์ หรือสิ่งที่อ่อนแอกว่า (ยกเว้นการทำตามกฎหมาย เช่น ประหารชีวิตหรือวิสามัญ) ถ้าเจอคนคิดต่าง คิดต่างเฉยๆ แล้วไม่ทำเรื่องไม่ดีแบบที่เราไม่ชอบ ก็ยังเฉยๆ แต่ถ้าเจอคนที่คิดต่าง แถมนิสัยแย่ ไร้เมตตาก็ไม่ไหวหรอกค่ะ เกิดมาเป็นคน ย่อมมีสมอง จิตใจ เมตตา สัตว์อื่นๆ มีไม่ได้เหมือนเรา รวมถึงเรื่องอื่นๆ เช่น การละอายต่อการทำบาป และการสำรวมในเรื่องทางเพศ เราไม่ใช่สัตว์ที่จะมีแต่เรื่องสืบพันธ์ ถ้าประพฤติในทางหมกมุ่น หื่นกาม ก็ไม่ต่างอะไรจากมัน นี่คือความคิดของเราค่ะ ขอเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นด้วยกับการโคลนนิ่งค่ะ ไม่ต้องมีอะไรกับใคร ให้เสี่ยงติดโรค ก็มีลูกที่น่ารักได้ น่าจะเป็นเรื่องดี จากคุณ : น้องหมาของฉันน่ารักกว่าหลินปิง เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:07:21

ความคิดเห็นที่ 5 ตามนั้น จากคุณ : นาเบะ ชิโร่ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:13:13

ความคิดเห็นที่ 6 ถึงเราไม่มีศาสนา แต่ดำรงตนอยู่ในความดี สิ่งดี ๆ ที่ได้ทำ มันก็เป็นผลดีย้อนกลับมาสู่ตัวเรา (กฏแห่งกรรม) ทำจิตใจสงบ ไม่คิดร้าย เบียดเบียนใคร จิตใจก็สงบสุข ทำดีจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต หากภพหน้ามีจริง สิ่งดีๆที่ได้ทำ มันย่อมฝังในจิต ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ถึงแม้คนเราจะไม่รู้จักศาสนามาก่อน แต่ทุกเรื่องก็ล้วนมีเหตุมีผลทั้งนั้น พุทธศาสนาเป็นสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของชีวิตมากขึ้น ซึ่งมีอยู่โดยปกติตามธรรมชาติ เพียงแต่เราไม่ค่อยค้นพบได้เองในตนเอง ผมเป็นคนนึงที่นับถือศาสนาพุทธ และศรัทธาว่าล้วนเป็นจริงไม่งมงาย ถึงแม้สุดท้าย ไม่รู้ว่าสิ่งที่นับถือที่เชื่อจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ผลที่ได้ ก็เป็นสิ่งที่ดี  เราก็สามารถพิสูจน์ได้เอง ถึงแม้ไม่มีศาสนา แต่ถ้าทุกคนเข้าใจถึงเรื่องผลของการกระทำ ธรรมชาติของชีวิต ก็สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสงบสุข จากคุณ : คุณชายไข่เจียว เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:15:10

ความคิดเห็นที่ 7 บางครั้ง การเล่น การแสดงอะไรบางอย่าง ด้วยพื้นฐานของคนที่เป็น มนุษย์แล้ว อย่างน้อยมันก็ต้องมี จิตสำนึกอะไรบางอย่าง ว่าการดูหมื่น เหยียดหยาบ การล้อเลียน ในเรื่อง ที่ เอาหัวแม่ตีน คิดก็น่าจะคิดออก เรื่องแบบนี้คนไม่มีศาสนาก็ควรจะคิดได้รู้โด้ โดยพื้นฐาน ว่าควรหรือไม่ควร บางคนก็บอกว่า ควรมีพื้นทีให้คนเราเหล่านี้บ้าง แต่การที่เอาพื้นที่ ที่เขาให้ไปทำลาย หรือไป ดูหมื่นดูแคลน  มันเป็นเรื่องที่ควรสรรเสริญ ควรยกย่องงั้นหรือ ถ้าการคิดอะไรแปลกๆ ใหม่ โดยที่มันสร้างสรรค์ หรือ มีจุดประสงค์เพื่อเป็ฯประโยชน์ มันก็ควรที่จะทำได้ ใครทำกรรมอันใดไว้ ก็ได้รับผลแห่งกรรมนั้นเอง กรรมเป็นทายาท กรรมเป้นพันธุ กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:16:58

ความคิดเห็นที่ 8 เชื่อว่าหลายคนยกมือไหว้ตามๆเค้าเพราะไม่ยากทำตัวแปลกแยก จากคุณ : ด.ช.แม่น เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:46:44

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเป็นคนนึงที่ไม่นับถืออะไร พ่อแม่ ครู อาจารย์ ผมจะไม่เชื่อถ้ามันไม่มีเหตุผล พิสูจน์ไม่ได้ คนส่วนใหญนับถือศาสนาตามพ่อแม่ ผมเห็นว่าศาสนาไม่ได้ช่วยอะไรเลยในชีวิตประจำวัน สิ่งที่ดีกับไม่ดีคิดเองไม่ได้หลอ ต้องพึ่งพาศาสนาอย่างเดียว และตอนศาสนาสอนอะไรคุณรู้บ้างไหม? จากคุณ : marchioness เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:52:42

ความคิดเห็นที่ 10 ชอบตรง ไม่ "believe" แต่ "respect" มายกมือว่าเป็นอีกคนที่ไร้ศาสนาค่ะ แต่ที่เดินผ่านศาลแล้วไหว้ หรือสวดมนต์ เป็นเพราะ "เ้ข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" ถ้าชาวบ้านจากตจว.ที่เราเคยอยู่ รู้ว่าเราคิดแบบนี้ คงรับไม่ได้และเอาไปด่าทออย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงหวังเล็กๆว่าอนาคตจะเปิดกว้างมากขึ้นในการแสดงความคิดเห็น ทัศนคติ อยากให้การบังคับ หรือกล่าวหา เช่นกล่าวหาว่าเป็นปอป แล้วเฆี่ยนๆ ความโหดร้ายแบบนี้ อยากให้มันหายไปซะที จากคุณ : THe Capital Monkey เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:56:20

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัวผมเป็นคนออกแนวไม่มีศาสนาแต่เชื่อในแนวทางของศาสนาพุทธ เชื่อในมุมมองหลักเหตุและผล พุทธจะเป็นแนววิทยาศาสตร์มากกว่า ผม เชื่อในการทำความดีครับ แต่ไม่เชื่อว่าทำดีแล้วจะได้ดีหรือพวกบุญบาป เชื่อว่าคนเราควรทำความดีไม่ใช่เพื่ออะไรเพื่อใครแต่เพื่อตัวเองครับ สำหรับผมศาสนาก็แนวทางอย่างหนึ่งในการกำหนดกรอบในมนุษย์เพื่อ ความสงบสุขนั่นแหละ ดังนั้นไม่ศาสนาไหนหากทำให้สังคมสงบสุขได้ผม ก็ว่าดีหมด  ถึงแบบนั้นทุกศาสนาก็มีด้านดีและไม่ดีหมด ไม่ว่าจะศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม หรืออะไร จากคุณ : time3957 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:02:57

ความคิดเห็นที่ 12 กดเข้าไปอ่านเพสนั้น เจ้าของเพสไม่ได้มีลักษณะของผู้นำความคิดอะไรเลย จะคิดดีหรือชั่วก็หาสาระทางใดทางหนึ่งไม่ได้ กระจอกครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:33:10 จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:32:51

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านได้ไม่จบนะ .. แต่พอเข้าใจแนวคิด จขกท. เราแนะนำ อ่านคู่มือชีวิต ของท่านพุทธทาสดู แล้วคุณอาจมีมุมมองใหม่ในเรื่องของพุทธศาสนาค่ะ จากคุณ : ไม่รู้ตัวจริงๆ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:47:10 A:118.174.166.243 X: TicketID:252272

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนตัวผมนั้น นับถือในทุกศาสนาครับ คำว่านับถือของผมคือ นับถือคำสอน และสิ่งที่ดีเอามาปรับปรุงใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้งมงายจนสุดโต่งหรือ ปฏบัติพิธีกรรมที่ต้องทำตามกฏอย่างเคร่งครัด เพียงแต่นับถือสิ่งที่ควรค่าแก่การนับถือ ในหลายมุมมอง ผมเองก็อาจจะเป็นคนที่ไร้ศาสนาด้วย เพราะการนับถือของผมมันคงไม่เข้ากับหลักของศาสนาอื่นๆที่ว่าจะต้องนับถือ เพียงสิ่งเดียว ที่ผมเลือกที่จะเป็นแบบนี้เพราะต้องการนำแต่สิ่งที่มีประโยชน์ของแต่ละศาสนามาใช้ ไม่ได้ลบหลู่อะไรแต่อย่างใด ส่วนเพจโหดสัส แค่เข้าไปอ่านขำๆพอได้ครับ แต่ถ้าจะไปหลงงมงายคำพูดในเพจคลายเครียดแบบนั้น มันก็ไม่ต่างกับศาสนาใหม่ดีดีนี่เอง ในความคิดของผมการหลงงมงายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยที่ไม่มองออกมาข้างนอกหรือยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง มันก็ไม่ต่างกับการหลงสิ่งหนึ่งที่คล้ายๆกับศาสนานั่นแหละ ซึ่งสิ่งนี้มันรวมถึงทุกสิ่งในโลกที่ไม่เว้นแม้แต่คำว่า วิทยาศาสตร์ จากคุณ : ace metatron เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:56:25

ความคิดเห็นที่ 15 มนุษย์จะไม่ต่างอะไรไปจากสัตย์เดรัจฉานเลย  ถ้ามนุษย์นั้น ไม่มีอะไรที่สามารถแยกเยอะและบ่งบอกได้ว่า...เหนือกว่าพวกมัน แต่ก่อนเราก็คิดว่าแบบคุณ คือไม่อยากมีศาสนา แต่เมื่อได้เจอมรสุมชีวิต ถึงได้เข้าใจว่า ทำไมพระพุทธเจ้าถึงได้สอนอะไร ที่ดูแล้วเสียประโยชน์แก่ตนตั้งมากมาย      อนึ่ง  ตามสันดานในกมลของมนุษย์นั้นคือการเอาตัวรอด การต่อสู้เพื่อมีชีวิต ในด้านต่างๆ วนเวียนอยู่ในความอยาก... ความอยากในที่นี้หมายถึงในทุกๆด้าน     ในความอยากความต้องการนั้น เราล้วนแล้วแต่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโลก จากจากธรรมชาติ และผู้อื่น โดยทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว       มีคนนึงได้ ย่อมมีคนนึงเสีย............ พระพุทธเจ้าท่านได้ให้คำสอนแก่เราข้อแรก เพื่อหยุดยั้ง ความกระหายในชีวิต ไม่ให้มันมีมากเกินไปจนทำร้ายผู้อื่น จนกระทั้งแม้ตัวเราเอง นั้นคือ ความเมตตา กรุณา    ต่อมา ท่านได้ให้ความรู้สึกแยกแยะ ความต้องการในตัวเรา แยกจากสิ่งที่หลอกลวงในความรู้สึก  ในห้วงเหวลึกของความอยากที่ไม่อาจถมได้เต็ม นั้นคือ ความเต็มใจในสิ่งที่มีอยู่ หรือ ความพอเพียงที่ในหลวง ท่านทรงสอนสั่งนัก...สั่งหนา        แค่เพียงคำพูดแค่สองข้อ รู้ไหมว่า มันสามารถสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง และ คำพูดเพียงสองข้อนี้เเหละ ที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง   พระพุทธเจ้า ท่านสอนอะไรอีกมากมาย ท่านรู้ดีว่า สัตย์โลก เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร ต้องวนเวียน ซ้ำไปมาไม่อาจหยุดแรงแห่งธรรมชาติ ที่ต้องสรรน์สร้าง สัตย์ทั้งหลายไว้คอยค้ำจุนได้       กฎแห่งกรรม นั้นคือ กฎแห่งธรรมชาติที่ท่านได้เรียนรู้ เรียนเพื่อหยุด หยุดกรรม ไม่ให้ต้องมา เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิด บนกองทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง      นั้นคือที่มาที่ท่านตั้งพระพุทธศาสนา คำสอนท่านนั้น จะว่าลึกก็ลึกดั่งมหาสมุทรในห้วงทะเลของจิตใจมนุษย์       จะว่าเบา ก็เบาแสนเบาดังก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่ในทั่วภิภพจักรวาร แล้วแต่ว่า ในดวงจิตวิญญาณของคนผู้นั้นสามารถรับรู้ และตีความหมายให้ก่อเกิดประโยชน์แก่ตนได้อย่างไรบ้าง   ดวงจิตหนึ่งดวง ประกอบขึ้นมาด้วย แรงแห่งกรรม แรงแห่งการกระทำมากมาย ถักทอเป็นสายใยที่หนาและเหนียวแน่น ก่อให้เกิด แรงอารมณ์และปราถนา ทั้งดี-ชั่ว ยึดเหนี่ยวเราไว้บนทางเดินแห่งวัฐจักรสงสาร ฉะนั้น พระพุทธเจ้าได้ให้เครื่องมือ เป็นหนึ่งในเครื่องมือของท่าน นั้นคือ การอโหสิกรรม  เครื่องมือที่คมกริบดุจเหล็กไหล ตัดห่วงโซ่อาหารแห่งกรรมทั้งหลายทั้งปวง เครื่องมือที่สอง คือ อย่าทำกรรมชั่ว เพื่อไม่ให้ต่อยอดห่วงโซ่ได้อีก สองอย่างนี้ ท่านให้ไว้อย่างที่มือคนละข้าง ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ เพื่อให้เรามีชีวิตโดยเบียดเบียนผู้อื่นน้อยที่สุด เพิ่มพื้นที่ว่างแห่งกรรมดีให้มากที่สุด เพราะในขณะที่โลกมีแสงไว้คอยส่องสว่าง ย่อมมีเบื้องหลังของเงาที่ดำมืดซุกซ่อนไว้อยู่         นั้นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ จากคนที่ชั่วหลากหลายรูปแบบ คนที่ดีจนน่าหมั่นไส้(แต่ดีจริงๆนะค่ะ) คนที่ยอมน้ำตานองแม้จะเจ็ปปวดมากมาย แค่เพียงเพราะ คำว่าความรัก ( ที่กล่าวนี้คือในหลากหลายทางนะค่ะ)      ปัจจุบันนี้ เราพยายามมีชีวิตอยู่โดยไม่ทำร้ายตัวเองมากที่สุด ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน  ทำดีเท่าที่ทำได้ และพยายามไม่ทำร้ายใครดีกว่าค่ะ เพราะถ้าบอกว่าไม่ทำร้ายใครก็ดูเฟคไป เพราะใครทำร้ายเรา ไม่ไหวจริงๆก็ต้องโต้ตอบให้หลากจำบ้างละค่ะ แต่สิ่งสำคัญคือ ไม่ผูกใจเจ็บพยาบาทแล้วพยามอโหสิให้มากที่สุด     ปกติไม่ค่อยตอบกระทู้ที่ออกแนวไปกินม่าม่า แต่ที่มาตอบเพราะนั้นคือ ประสบการ์ณชีวิตที่อยากมาแชร์ให้ทุกคนรู้ ไม่อยากให้มองว่าศาสนาเป็นเรื่องงมงาน น่าเบื่อและ หลักการที่พูดมานี้คือสิ่งที่กลั่นกรองจากชีวิตตัวเองล้วนๆค่ะนอกนั้นไม่เกี่ยว( ไปทำบุญบ่อยๆเอย บริจากเงินเยอะๆเอยชอบของขลังเอย ไม่ใช่นะ) คิดว่านี้ต่างหากคือ คำสอนของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง  เดี๋ยววันจันทร์นี้จะไปเวียนเทียน ขอให้ผลบุญที่เกิดเผื่อแผ่ไปให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาเล่นในพันทิพย์ มีแต่ความสุขกาย สบายใจ ด้วยเถิน ....สาธุ ขอบคุณภาพจาก - http://9talontour.truelife.com/blogs/entry/27459 ค่ะ ป.ล. - จขกท. ก็มีความคิดของเค้า เราก็มีความคิดของเรา อย่ากินม่าม่าเลยน๊า เอาแค่มาแชร์ประสบการ์ณกันดีกว่านะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 17:10:57 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 17:07:26 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 17:04:39 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 17:03:19 จากคุณ : shunleang (shunleang) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:00:55

ความคิดเห็นที่ 16 "บางทีมุสลิมยังดูสะอาดกว่าชาวพุทธ" เข้าใจความหมายของหลายๆ เรื่องที่จะสื่อค่ะ แต่อย่าให้มีการเปรียบเทียบกันเลย ถึงแม้จะเป็นการยกตัวอย่าง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เวลาจะสื่ออะไรอยากให้ระวังนิดนึงค่ะ เรามั่นใจว่าโลกทั้งใบไม่มีใครสามารถตัดสินได้ทั้งหมด ว่าอะไรดีกว่าอะไร อะไรเหมาะสมที่สุด อะไรแย่ที่สุด ไม่มีหยั่งรู้ได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ค่ะ อย่าตัดสินอะไรคนอื่นด้วยความคิดส่วนตัวของเราเอง ส่วนเรื่องที่พุทธมีการทำวัตถุมงคล ผ้าป่า และอื่นๆ อีกหลายอย่าง เราเชื่ออย่างที่คุณบอกค่ะว่าพวกที่ใช้จุดตรงนี้ ใช้ความเชื่อของชาวบ้าน มาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์เข้าตัวเองมันมีจริงๆ แต่เราก็เชื่ออีกว่าคนที่ทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ก็ยังมีมากเช่นกัน ของทุกอย่างมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ศาสนาเองก็เช่นกัน ถ้าเลือกใช้ให้ถูกต้อง ศาสนาก็เป็นเหมือนกรอบล็อคอีกขั้นต่อจากกฏหมาย เพื่อช่วยให้คนละอายและเกรงกลัวต่อบาป เราเชื่อค่ะว่าศาสนาช่วยให้หลายๆ คนไม่กล้าทำบาปมากกว่าขึ้นจริงๆ และที่ศาสนาแปดเปื้อน คงไม่ใช่เพราะตัวศาสนาเองทำตัวเองค่ะ แต่เพราะ"มนุษย์" หลายคนที่เหยียบหัวศาสนาขึ้นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว การทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม ก็นับว่าผู้ทำมีจิตใจอันดีที่จะกระทำสิ่ง"ที่ตนคิดว่าดี" ทำแล้วมีความสุข สบายใจ เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำแล้วเกิดความรู้สึกที่พึงพอใจ ยิ่งไม่เดือดร้อนใครก็คงไม่ใช่เรื่องผิดนัก ตัวเราเองนับถือพุทธค่ะ ไม่ใช่พวกคลั่งศาสนา รับฟังได้ แต่ไม่พอใจกับบางประโยค บางข้อความของคุณ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนค่ะ ต่อให้นั่งคุยกันทั้งชาติก็ไม่สามารถหาบทสรุปได้ เหมือนกับคุณนั่งคุยเรื่องการเมืองกัน ร้อยคนร้อยความเห็น ตราบใดที่ศาสนายังเป็นสิ่งที่มีแรงยึดเหนี่ยวให้คนปฏิบัติดี ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด แต่เพียงบางส่วน สำหรับเราก็นับว่าโอเคแล้วค่ะ อย่างน้อยๆ ศาสนาแต่ละศาสนาก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ เป็นที่พึ่งพึงทางจิตใจให้กับ ประชาชนที่นับถือได้เป็นอย่างดี หลายคนที่รู้สึกท้อแท้ผิดหวังหมดกำลังใจแล้วหันหน้ามาพึ่ง ถึงแม้บางทีการที่พวกเค้าเหล่านั้นดีขึ้นมาได้ อาจเป็นเพราะตัวของเค้าเอง แต่ศาสนาก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจเป็นเหมือนที่พึ่งสุดท้าย เป็นที่พักให้พวกเค้าได้พักรักษาตัวแล้วพยุงตัวเองขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ค่ะ เคารพทุกศาสนาเช่นกัน จากคุณ : imluknutt เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:38:04

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกับเนื้อหาครับ  ผมว่าคำสอนของพุทธถือว่ามีเหตุมีผลนะ (ศาสนาอื่นผมไม่รู้)  แต่หลายๆ อย่างในประเทศไทยผมว่ามันมีความผิดเพี้ยนไปเยอะ  ไปมุ่งเน้นพิธีกรรมอะไรมากไป ซึ่งหลายอย่างไม่ใช่พุทธด้วยซ้ำ เช่น การนับถือวัตถุ เครื่องราง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิธีการทำบุญต่างๆ เช่น ไหว้พระ 9 วัด ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะทำให้ได้บุญมากกว่าการช่วยคนที่เดือดร้อนยังไง   การปล่อยนกปล่อยปลา ผมว่าเป็นการทำบาปด้วยซ้ำ  ส่งเสริมให้มีคนจับสัตว์มาให้เราปล่อย  สัตว์ที่เราเอาไปปล่อยในแม่น้ำจะเหมาะกับสภาพแวดล้อมของมันรึเปล่าก็ไม่รู้ เหมือนตอนนี้หลายคนจะวัดว่าใครเป็นคนดี อยู่ที่ใครเข้าวัดบ่อยมากกว่าก็จะดูเป็นคนดีไปแล้ว จากคุณ : the gooner เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 17:06:22

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ ใช่ครับผิดเพี้ยนไปหมด แทนที่จะทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่าการสร้างหลวงพ่อ...ใหญ่ที่สุด วัดหลายๆวัดที่ใหญ่โตอยู่แล้วก็ทำบุญมันเข้าไป รวยแล้วรวยอีก หรือการปิดถนนโรยดอกกุหลาบโชว์พาว นี่ก็ทำชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เดือดร้อน ผมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมมากกว่าเรื่องนรก สวรรค์  ไม่รู้จริงๆว่านรกพุทธเป็นอย่างไร แล้วถ้าแต่งงานกับอิสลามเปลี่ยนศาสนาแล้ว เวลาตายต้องกลับมาใช้กรรมต่อที่นรกพุทธ เหมือนกับส่งนักโทษข้ามแดนต่อหรือเปล่า เวลาดูคลิปพระตกใจเสียงพลุ ผมก็หัวเราะนะไม่ได้กลัวบาป บางคนบอกนรกจะกินหัว พระก็เหมือนคนเราแหละ มีหลายระดับ  บางรูปสมาธิยังไมแก่กล้าก็เป็นแบบในคลิป บางรูปฝึกจนแก่กล้าก็ไม่เป็นอะไรยังมั่นคงมีสติอยู่ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม  แต่ผมเชื่อเรื่องกรรมว่าวันนึงผมอาจจะกินข้าวอยู่ร้านริมทางแล้วมีเสียงระเบิดตกใจแบบพระปัดแก้วน้ำตกโต๊ะแตกโดนหัวเราะเยาะก็เป็นได้ คลิปนี้ถ้าคนดูแล้วคิดได้ว่าถ้าทำพิธีอะไรอยู่ที่ต้องการสมาธิ  หรือทำให้เกิดกุศล...จะจุดพลุทำไม? แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 18:17:25 จากคุณ : tong_chicken เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 18:14:18

ความคิดเห็นที่ 19 เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็มีคนคิดเหมือนกันแล้ว !!! แต่อยากจะขอเสริม จขกท. นิดนึงนะครับ ผมว่าการที่คุณมีความ "respect" นั้น คุณไม่ได้มีต่อศาสนาหรอก แต่คุณมีต่อคนอื่นในโลกนี้ที่ยังนับถือในศาสนาอยู่มากกว่า เพะราถ้าคุณเคารพในศาสนา (หนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง) คุณจะไม่มีทางออกมาพูดอย่างนี้เด็ดขาด อย่างที่คุณพูดนั่นแหล่ะ เพราะศาสนาเป็นเครื่องมือทางสังคมอย่างหนึ่ง มันจึงทำการกดและตีกรอบคนที่เคารพในศาสนาไม่ให้ออกมาแย้งกับตัวศาสนาอยู่แล้ว แต่คุณแค่ เคารพ/เกรงใจ/กลัว คนอื่นๆในสังคมที่ยังมีศาสนา เพราะถ้าคุณไม่ทำอย่างงั้น พวกเขาก็จะทำการเบียดขับคุณออกจากสังคมเนื่องจากคุณไปล้ำเส้นเรื่องศาสนาของพวกเขา ... ส่วนเรื่องเพจนั้น ผมว่ามันก็แค่ความเกรียนชั่วครู่ของคนกลุ่มนึงเท่านั้น .... จากคุณ : Draconyz เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:12:15

ความคิดเห็นที่ 20 ขอแก้ไข #13 คู่มือมนุษย์ค่ะ ไม่ใช่คู่มือชีวิต จากคุณ : อายยยยยย เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:36:55 A:118.174.166.243 X: TicketID:252272

ความคิดเห็นที่ 21 ผมก็ไม่ได้นับถือศาสนา แต่ก็อยากให้คนอื่นๆนับถือศาสนานะ เพราะว่าตั้งแต่ไม่ได้นับถือศาสนา รู้สึกว่ามีความคิดและจิตใจอิสระมากขึ้น เกิดความกลัวสิ่งต่างๆน้อยลง ไม่กลัวแม้กระทั่ง ความตาย จากคุณ : RedMiyoun เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:46:23

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยในความคิดครับ คือ แปลกใจว่าที่เราบอกตัวเองนั้นว่า นับถือพุทธนั้น ได้เข้าใจในศาสนาดีแล้วหรือ ได้มีศรัทธาเพียงพอที่จะบอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ หรือว่าเป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่ คนที่บ้าน พ่อแม่ พี่น้อง นับถือพุทธ เราเลยต้องพุทธตามด้วย จากคุณ : BeastGuy เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 12:15:01

ความคิดเห็นที่ 23 ศาสนาชี้นำไปในทางที่ดี แต่ใครจะเคราพหรือไม่สนใจก็แล้วแต่คน ผมไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษทำบุญบ้างตามโอกาส ทำแล้วสบายใจก็ทำ ไม่ได้ยึดเหนี่ยวอะไรขนาดนั้น สิ่งยึดเหนี่ยวจริงๆ คือ พ่อแม่ ไม่ใช่เทวดาฟ้าดินอะไรน่ะ จากคุณ : กล้ามเนื้อท้องลูกเดียว เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 12:17:47

ความคิดเห็นที่ 24 " ศาสนาเป็นสิ่งที่อยู่คู่ชีวิตคนเรามาตั้งแต่เกิด   คุณเคยลองนึกย้อนดูหรือเปล่า ว่าแรกเริ่มที่คุณเลือกนับถือศาสนานั้น เพราะอะไร เพราะคุณศรัทธาหรือเปล่า เพราะคุณชอบในศาสนานั้นๆ หรือว่าคุณนับถือไปตามคนรอบข้าง พ่อแม่ หรือผู้คนในสังคม ผม เองเป็นชาวพุทธ ตั้งแต่จำความได้ เพราะพ่อแม่นับถือพุทธ  เพราะคนรอบข้างเป็นพุทธ  เพราะหลายๆคนกรอกหูว่ามันดี มันยอด มันจอร์จมาก  พอผมโตขึ้นผมกลับมีคำถามหลายๆอย่างกับศาสนาของผม  ทำไม อะไร เพราะอะไร อย่างไร ซึ่งหลายๆอย่างหาคำตอบไม่ได้  แต่คนรอบข้างก็ยังเชื่อ ยังศรัทธาในศาสนาพุทธอยู่  ผมเริ่มศึกษาศาสนาอื่นๆ  ว่ามันแตกต่างอย่างไร จุดเริ่มต้นมาจากไหน  ทำไมศาสนานั้นๆถึงเป็นที่นิยม ไปจนถึงประวัติศาสตร์ การเผยแพร่ และเปลี่ยนแปลงของแต่ละศาสนา ไปยังคำสอนหลักๆของแต่ละศาสนา ผู้ คนหลายคนเห็นศาสนาเป็นของคู่กาย เป็นสิ่งที่ห้ามแตะต้อง ควรค่าแก่การเคารพ ศรัทธา และต้องปฏิบัติตาม  บางคนคิดว่า การไม่ปฏิบัติตามหลักศาสนานั้นเป็นบาป เป็นสิ่งไม่ดี  แต่สิ่งที่พวกคุณเชื่อว่าถูกต้องนั้น เคยคิดตรองดูหรือเปล่าว่า คุณเชื่อเพราะฟังต่อๆกันมา  เชื่อเพราะคนเค้าบอกว่ามันถูก หรือเชื่อเพราะพิศูจน์เองแล้วว่าดีจริง " ตรงใจเรามากค่ะ คนรอบข้างเรามักจะถาม ทำไมเราถึงเปลี่ยนศาสนา ผู้ใหญ่บางคน "ยัดเยียด" ความคิดเขาให้เราด้วยหลายๆ วิธี ทั้งๆ ที่เขาเองก็แค่ นับถือตามๆ กันมา ไม่ได้ศึกษาเข้าใจให้ท่องแท้ด้วยซ้ำ เราเองที่เพียรศึกษา ทำความเข้าใจ จนรู้ได้ว่าตัวเราเองศรัทธาอะไร เพราะอะไร เพื่อนเราบางคนไม่มีศาสนา สำหรับเราไม่แปลกอะไรค่ะ แต่เรากับคุณคงเจอปัญหาคล้ายๆกัน เรื่องคนรอบข้าง คนปิดใจมันเยอะกว่าคนเปิดใจค่ะ ในบ้านเรา จากคุณ : 9line เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 12:47:44

ความคิดเห็นที่ 25 ... แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 17:43:39 จากคุณ : Winged เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 12:59:34

ความคิดเห็นที่ 26 ขอถามค่ะ เราเองก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องศาสนามาหลายเดือนล่ะเรานับถือพุทธ เราอยากรู้ว่าเวลาเราตายไปแล้วคนที่นับถือพุทธถ้าทำดีก็ได้ไปสวรรค์ถ้าทำชั่วก็ไปชดใช้กรรมที่นรก แล้วคนที่นับถือศาสนาคริสต์ถ้าทำดีก็จะได้ไปอยู่กับพระเจ้า(รึเปล่าไม่แน่ใจ) แล้วถ้าคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย เมื่อตายแล้วจะไปอยู่ไหนหรอ จากคุณ : ตะวันทอฝัน เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 13:04:19

ความคิดเห็นที่ 27 Atheism จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 13:09:57

ความคิดเห็นที่ 28 ไปคุยเรื่องนี้ที่ห้องศาสนากันดีกว่าไหมคะ จากคุณ : หมวย ปริมณฑล เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 13:32:01

ความคิดเห็นที่ 29 จริงๆไม่ได้นับถือศาสนาพุทธหรอก แต่ต้องเขียนศาสนาพุทธ เพราะเป็นค่านิยมของสังคม ผมไม่นับถือเพราะมันค่อนข้างเสื่อม ไม่มีบรรทัดฐาน และยังดำเนินไปในทางธุรกิจอีก Non-Religion ยังไม่เป็นที่ยอมรับของประเทศไทย คุณไปกรอกเอกสารอะไร ต้องเลือกซักศาสนานึง แต่มีความเห้นว่าคนที่เป็น Non-Religion ควรจะอยู่เงียบๆเฉยๆ ใครจะนับถืออะไรก็นับถือไป ไม่ต้องไป ยุ่งกับเค้า เพราะถ้าไม่มีศาสนา ประเทศวุ่นวายกว่านี้แน่นอน จากคุณ : Fayewinds เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 13:36:01

ความคิดเห็นที่ 30 ศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ ตอนเรียนมหาลัย มีเพื่อนในกลุ่ม แต่มี 2 คนที่ไม่ใช่พุทธค่ะ คนนึงคริส คนนึงอิสลาม เค้าชอบทะเลาะกัน เถียงกัน คริส ชอบแซวอิสลาม เวลามีข่าว พวกมุสลิมหัวรุนแรง อิสลาม ชอบแซวคริส เวลามีข่าวแบบว่าฝรั่งทำเรื่องผิดๆ สรุป แซวไป แซวมา เลิกคบกันเลยค่ะ เรื่องสุดท้ายที่แซวและเลิกคบกัน ก์คือ เรื่องตอนเหตุการณ์ ตึกเวิลเทรดถล่มน่ะค่ะ ตอนนั้น เค้าทะเลาะกัน แทบจะฆ่ากัน เพื่อนๆต้องช่วยกันห้ามเอาไว้ แต่เท่าที่สังเกต เพื่อที่เป็น อิสลาม จะเลือดร้อนกว่า โมโหง่ายกว่า ส่วนเพื่อนคริส จะปากไว มันเป็นเป็นเรื่องแบบนี้อ่ะ แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 55 13:50:18 จากคุณ : นางฟ้าปีกสีชมพู เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 13:49:51

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่คิดว่าจะได้เห็นกระทู้นี้ในห้องสยามแฮะ ผมว่ากระทู้ของคนที่ไม่นับถือศาสนาหาห้องลงยากสุดแล้ว ห้องที่มีคนที่ไม่นับถือศาสนาเยอะสุดน่าจะเป็นหว้ากอ แต่ถ้าไปตั้งกระทู้แนวนี้มีสิทธิ์โดนลบกระทู้และยึดอมยิ้มได้ ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นแลกเปลี่ยนความเห็นของคนที่ไม่นับถือศาสนาเหมือนกันได้ดีที่สุด แต่ถ้าไปตั้งห้องศาสนา คุณก็จะเจอ "ผู้หวังดีทั้งหลาย" มาสนทนาธรรม เพื่อหวังจะช่วยคุณจากนรก เหมือนกับที่คนไทยกลุ่มใหญ่ๆ มองว่าคนไม่นับถือศาสนาเป็นคนเลว ที่พร้อมออกไปปล้น ฆ่า ข่มขืน ถ้ารู้ว่าไม่มีผู้บังคับใช้กฎหมาย ห้องศาสนาจึงไม่ใช่ที่ๆ จะไปสนทนากับคนที่มีแนวคิดเดียวกัน แต่เป็นแบบต่างกัน อาจจะนำๆปสู่การวิวาทะกัน อาจจะโดนหาว่าเป็นเกรียนไปล่อเป้าอีก มีคนแนะนำว่าให้ไปตั้งที่ห้องสมุด จะได้คำตอบเชิงประวัติศาสตร์ และปรัชญา แต่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงเหมือนกัน จะเชื่อ หรือไม่เชื่ออะไรเป็นสิทธิ์ของคุณครับ มันจะเพี้ยน จะพิลึกแค่ไหน ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญ อย่าเอาความเชื่อของคุณไปยัดเยียดใส่หัวใครก็พอ จากคุณ : Geneticist เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 14:07:59

ความคิดเห็นที่ 32 ศาสนาพุทธ จะเรียกว่าเป็นศาสนา หรือไม่เป็นศาสนาก็ได้ มันเป็นเรื่องของการที่เราเข้า ไปทำความเข้าใจกับธรรมชาติ เหตุและปัจจัยที่ทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นมา ต้องขอย้ำนิดว่า "เหตุและปัจจัย" ไม่ใช่เหตุและผล พวกมนุษย์มีความกลัวในภัยธรรมชาติเลยต้องหา สิ่งต่างๆมายึดเหนี่ยวจิตใจ เช่นกลัว ภูเขาไฟระเบิด ก็จะมีการบูชาภูเขาไฟ เป็นต้น พุทธเป็นเรื่องของวิถึชีวิตและการดำรงค์อยู่กับธรรมชาติรอบตัวเรา ตราบใดที่เรายังมีความกลัวอยู่ในใจ เราก็จะใช้คำว่า "ไม่เชื่อ แต่ไม่ลบหลู่" แต่ถ้าเราเข้าใจในความกลัวเราก็จะเปลี่ยนเป็น "ไม่เชื่อ แต่อยากพิสูจน์" เพราะยังกลัวก็เลยต้องทำตามๆกันไป เห็นใครไหว้อะไรก็ไหว้ตามไปเพราะกลัว จะถูกหาว่าลบหลู่ แค่เรื่องความกลัวอย่างเดียว ก็พูดกันได้ไม่รู้จบแล้วหล่ะครับ จากคุณ : Retrojazz60s เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 14:10:29

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่เข้าวัดใหญ่ๆสวยๆเพราะมองเห็นแต่วัตถุนิยม ไม่ใส่ซองผ้าป่า ไม่ใส่ซองพระที่ยืนบิณฑบาตรทุกวันที่ตลาดเพราะวัดไกล้ๆแค่นี้ ไม่ไหว้พระ้เพราะเป็นวัตถุชิ้นนึงที่คนสมมุตขึ้น เราไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอนเพราะเหนื่อย เราไม่เคยบนบารศาลกล่าวเพราะมองว่ามันงมงาย เราไม่เคยดูถูกบรรพบุรุษ (ยกเว้นคนที่ไม่น่านับถือจริงๆ) แต่ไม่ใช่ไม่มีศาสนา เราันับถือพระพุทธเจ้า แต่นำเอาแนวทางมาปฎิบัติ ทุกสิ่งอยู่ที่จิตทั้งสิ้น แค่คุณคิดจะให้ก็ได้ให้แล้ว อันใหนทำได้ก็ทำ อันใหนทำลำบากไม่ทำ จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 14:36:51

ความคิดเห็นที่ 34 ทุกศาสนามีหลักคิดและหลักปฏิบัติครับ หลักคิดของทุกศาสนาคือสอนให้เป็นคนดี ส่วนหลักปฏิบัติก็แล้วแต่ว่าแต่ละศาสนาสอนว่าคนดีเค้าเป็นกันอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง ถ้าเราเป็นคนดี นั่นคือเรายึดถือหลักคิดร่วมแล้วครับ แต่ไม่ได้ทำตามหลักปฏิบัติตามวิธีของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แบบนี้ผมถือว่าโอเคนะครับ (อาจจะเรียกว่าไร้ศาสนากลายๆก็ได้) แต่กลับกันถ้าเป็นคนชั่ว อย่าเรียกว่าไร้ศาสนาเลย เรียกว่า มาร เลยดีกว่า จากคุณ : AnnyongBonjour เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 14:55:34

ความคิดเห็นที่ 35 ศาสนานะเป็นที่พึ่งทางใจ ไม่มีใครบังคับให้คุณนับถือต่อให้คุณประกาศต่อคนทั้งโลกว่าคุณไม่นับถือศาสนาใดก็ไม่ทำให้คุณค้นพบความจริงอะไรขึ้น คุณควรจะมองให้เหมอนวิทยาศาสตร์ว่า ศาสนาหลายๆศาสนาที่อยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ผ่านการพิสูจน์มายาวนาน อันไหนที่ไม่ดีก็จะเสื่อมไปแทนที่คุณจะหยิบเข้าข้อดีของศาสนามาใช้กลับมองว่ามันไม่น่าสนใจ หรือไม่ดีอะไรก็ว่ากันไป บางทีในตอนนี้มันอาจจะไม่มีประโยชน์ต่อคุณ แต่วันไหนคุณเจอปัญหาชีวิตที่แม้แต่ความเชื่อมั่นในตัวคุณเองยังไม่สามารถเชื่อได้ เมื่อนั้นละศาสนาจะเข้ามาช่วยคุณโดยไม่รู้ตัว ถ้าคุณเปิดใจยอมรับมันมันก็จะทำให้ชีวิตคุณผ่านพ้นไปได้โดยที่คุณไม่วิกลจริตหรือว่ากลายเป็นคนเลวไปซะก่อน ผมไม่ได้จะบอกว่าทุกคนต้องนับถือศาสนา แต่ผมรู้สึกแปลกที่ว่าคุณเองเกิดมาเพียงไม่กี่สิบปีแต่กลับสามารถวิจารณ์ถึงสิ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นพันๆปีได้โดยง่าย ผมเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดที่กล้าวิจารณ์หรอกครับ เรื่องวิจารณ์ศาสนามันมีมาตังแต่เริ่มเกิดศาสนานั้นใหม่ๆแล้ว แต่ของจริงมันย่อมพิสูจน์ได้โดยกาลเวลาที่ผ่านมาเหมือนกับทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการพิสูจน์จนได้รับความน่าเชื่อถือเป็นสากล หากวันไหนคุณสามารถพิสูจนืได้เวรกรรมไม่มีจริง ชาตินี้ชาติหน้าไม่่มีจริง พระเจ้าไม่มีจริง ตามหลักศาสนาแล้ววันนั้นค่อยเอามาประกาศให้โลกรับรู้ได้ก็ไม่สายครับ แถมจะเอารางวัลระดับโลกไปครองเลยก็ไม่มีใครว่า ที่ผมนับถือศาสนาเพราะว่ามันเป็นเข็มทิศที่ทำให้ผมไม่เบียดเบียนผู้อื่่นครับ ไม่ใช่มาเชื่อปาฎิหารย์ว่าจะทำให้ขึ้นสวรรค์หรือว่าได้ผลตอบแทนจากการทำดี ถ้าคุณมองแค่นั้นแปลว่าคุณมองแค่กระผิของศาสนาเท่านั้นเอง จากคุณ : ไม่เห็นจะแปลก เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 15:07:12 A:115.87.122.151 X: TicketID:118563

ความคิดเห็นที่ 36 จขกท. แค่ยังไม่เจอคนที่ตอบคำถามคุณได้น่ะครับ เพราะถ้าเจอ อาจจะเปลี่ยนจาก respect อย่างเดียว เป็น believe ด้วยก็ได้นะครับ จากคุณ : Pulu เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 15:40:56

ความคิดเห็นที่ 38 ตั้งผิดห้องหรือเปล่า  แจ้ง ลบนะ จากคุณ : เพื่อนกับแฟนแทนกันไม่ได้ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 15:41:24

ความคิดเห็นที่ 39 โดยส่วนตัวเราคิดว่า ใครมองโลกอย่างไร ก็จะใช้ชีวิตแบบนั้นแหละค่ะ คนเราไม่มีขาวไม่มีดำทั้งหมด เพียงแต่ว่าคุณเคารพในความคิดคนอื่น โดยที่ไม่เหยียบย่ำเขาด้วยความคิดของตัวเองแค่ไหน ส่วนตัวเราไม่รังเกียจเพจนี้หรอกนะคะเพราะเค้าสะท้อนความจริงในหลายๆเรื่อง แต่สิ่งที่เราไม่ชอบก็คือบางครั้งก็ดูถูกคนอื่นด้วยอารมณ์และความสะใจเป็นที่ตั้ง นานาจิตตังค่ะ ใครใคร่ชอบก็ชอบไป อย่าทำร้ายผู้อื่นเป็นพอ จากคุณ : ladyalisia เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 16:25:51

ความคิดเห็นที่ 40 เราเห็นด้วยตรงที่บอกว่า ศาสนาบิดเบือนไปมาก แต่เราก็ต้องใช้ความคิดตัวเองพิจารณาเอา อะไรที่ควรเก็บมาเป็นแนวทาง อะไรที่ควรปล่อยให้มันผ่านๆไป ทุกศาสนามีแง่คิดดีๆกันทั้งนั้นแหละ เลือกหน่อย เลือกเหมือนเลือกผัก ในบรรดาผักทั้งหลายในกองผัก มันก็มีทั้งผักดีผักเน่าปนกันไป เราก็คงไม่เลือกผักเน่ากลับบ้านใช่มั้ยล่ะ จากคุณ : มันเผาตัวน้อย เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 16:29:35

ความคิดเห็นที่ 41 คล้ายๆกัน แต่ไม่เหมือนกัน สำหรับเรา เราเจอจุดบกพร่องหรือคำสอนพิลึกๆที่ไม่สมเหตุผลในทุกๆศาสนา เราก็เลย ไม่ใช่คนที่นับถือศาสนาเต็มร้อย แต่ตอนนี้ก็พุทธตามพ่อแม่ จะว่าไปก็ชอบพุทธที่สุด แต่ยังติดข้องกังขานิดๆหน่อย แต่เราไม่ได้สนใจมาก จะมีศาสนาไม่ว่าศาสนาอะไร หรือจะไร้ศาสนา เพราะทุกศาสนา แต่ดั่งเดิมสร้างมาเพื่อรักษากฏระเบียบของสังคม ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าเราทำได้เท่านี้ จะศาสนาอะไรก็แล้วแต่ ก็น่าจะพอแระ ดีกว่าพวกที่บอกว่าตัวเองเคร่งศาสนา แต่ดันทำตัวชั่วๆเยอะ ^ ^ จากคุณ : ข้าวปั้นหน้าไข่กุ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 16:43:29

ความคิดเห็นที่ 42 "เราอาจมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่นับถือศาสนาใด และฝึกสมาธิ แต่เราไม่อาจอยู่ได้โดยปราศจากความรักจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" ... ดาไลลามะ จากคุณ : กึ่งพุทธกึ่งไร้ศาสนา เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 17:15:43 A:1.4.129.141 X: TicketID:351237

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องศาสนา พูดให้ตายยังไงก็ไม่เข้าใจ ต่างคนต่างเชื่อ ..ลางเนื้อชอบลางยา จากคุณ : Glass Shoes เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 17:22:08

ความคิดเห็นที่ 44 ส่วนตัวเราคิดว่า ศาสนาทุกศาสนามีการบิดเบียนไปบ้าง ตามกาลเวลา เราทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด แล้วก็ไม่ดูถูก หรือลบหลู่ศาสนาอื่น เพราะเป็นเรื่องของความเชื่อในแต่ละบุึคคลครับ การที่เพจนั้นแสดงความคิดเห็นที่แตกแยก ถ้าแสดงในแง่ดีก็ีดีไป ก็การพูดบางอย่างก็กระทบกับจิตใจของคนหลายๆคน เราอยู่ของเรา ถ้าผมเจอก็คงปล่อยไปครับ ทำใจครับ ของแบบนี้แล้วแต่คนเชื่อ จากคุณ : fukamachi เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 17:40:46

ความคิดเห็นที่ 45 คนจะนับถือหรือไม่นับถือศาสนาอะไรเราไม่สนใจ แต่สิ่งเดียวที่เห็นแล้วขัดใจคือ ความงมงาย ไม่ว่าจะศาสนา หวย ดวงชะตา ฯลฯ จากคุณ : waimarie เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 17:46:15

ความคิดเห็นที่ 46 จริงๆ แล้ว ผมคิดว่า ศาสนาพุทธ ก็คือวิชาปรัชญานะ สอนถึงวิธีการจัดการจิตใจของตนเองเมื่อพบกับความทุกข์ ผมคิดเหมือน คห 15 นะครับว่า ถ้าคุณยังไม่เคยเจอมรสุมชีวิต คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า จริงๆ แล้ว ศาสนามีความสำคัญอย่างไร ถ้าคุณนับถือศาสนาตามพ่อแม่ คุณออกไปเป็นคนไม่มีศาสนาได้เลยครับ เพราะคุณไม่ได้นับถือเพราะศรัทธา แต่ถ้าวันใดที่คุณเจอมรสุมชีวิต ศาสนาเป็นแค่ทางเลือกหนึ่ง สำหรับคุณ (ไม่ได้หมายถึงการกราบไหว้ ขอพร ภาวนานะครับ แต่หมายถึงการศึกษาหลักธรรมเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับจิตใจตนเอง) ผมคิดว่า การจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ ควรจะต้องผ่านชีวิตมาสักระยะหนึ่ง ยิ่งผ่านชีวิตการทำงาน จะยิ่งรู้เลยว่า ความอยุติธรรมมันเกิดขึ้นกับคุณได้ตลอดเวลา พระพุทธเจ้า กว่าจะได้ตัดสินใจออกผนวชก็อายุ 29 เข้าไปแล้ว ตรัสรู้ ก็ปาเข้า 35 ปี มันต้องถึงจุดจริงๆ ถึงจะได้ตระหนักถึงเรื่องพวกนี้ จากคุณ : Dragonfly7Colors (Dragonfly7Colors) เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 18:04:56

ความคิดเห็นที่ 47 ศาสนาพุทธเราเจ๋งนะคะ   เป็นเหตุเป็นผล และมีความเป็นสัจธรรมสูง ธรรมะของพระพุทธเจ้า  สุดๆ แล้วค่ะ จากคุณ : เซียวลี้ปวยตอ มิเคยพลาดเป้า เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 18:17:39

ความคิดเห็นที่ 48 วันนี้ ไปวัดดัง เจอคนมากมาย เห็นแล้ว ก็เดินออกมาเลย วัดควรจะเป็นที่สงบ ให้ความสงบ สมาธิ และปัญญา แต่ทำไมคนพรุกพรานอย่างนี้ แต่ผมก็เป็นพุทธศาสนิกชน แม้จะไม่ค่อยบูชา ไม่ได้เข้าวัดทำบุญก็ตาม เพราะผมยังอาศัยพระธรรม ในพระพุทธศาสนา ในการดำเนินชีวิต จากคุณ : p-piya (P-Piya) เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 18:46:33

ความคิดเห็นที่ 49 เคยคิดเหมือน จขกท.นะ (ตอนมัธยม ไรเงี้ย) ยกตัวอย่างพุทธศาสนา ผมเชื่อว่าหลายๆ คน รู้ว่าหัวใจของศาสนาคืออะไร แต่กลับบอกว่าตัวเองไม่มีศาสนา เพียงเพราะทุกวันนี้สิ่งที่คนส่วนใหญ่ปฏิบัติกัน ไม่ตรงกับ "แก่นแท้" นั้นๆ ที่พวกคุณรู้มา และที่น่าแปลกใจสุดๆ ก็คือ คนเหล่านั้น "ทำได้แค่รับรู้ว่าหัวใจของศาสนานั้นคืออะไร" แต่กลับไม่เคยได้ปฏิบัติอย่างเปิดใจ กลับจ้องแต่จะจับผิด เรียกร้องหาเหตุและผลจะให้ศาสนาตอบคำถามของตัวเองให้ได้ รวมถึงการประนามกลุ่มคนที่ปฏิบัติผิดหลักศาสนา (ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดแล้วจะเก็บมาคิดทำไม ในโลกนี้ไม่มีสังคมไหนสมบูรณ์ 100% หรอกครับ) และแม้ว่าคุณเป็นคนที่ไม่ได้ศรัทธาการท่องคำสวดที่ตนไม่รู้ความหมาย ก็ยังมีหนังสือดีๆ อีกเยอะครับ ที่สามารถอธิบายสอดคล้อง เพื่อการปรับปรุงอารมณ์และความคิด ซึ่งนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ผมอยากให้พวกคุณได้รู้สึกนะว่า พุทธภาวะ หรือความสงบอันเป็นหัวใจของพุทธศาสนานั้นเป็นอย่างไร แต่ให้อธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจหรอกครับ ถ้าคุณไม่เก็บคำถามที่สงสัยไว้ในใจก่อน แล้วลองปฏิบัติดู สำหรับผมจึงไม่ต้องรอให้ใครป่วยหรือรอดชีวิตปาฏิหาริย์อะไรเลย ก็สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ผมเป็นคนพุทธ จากการศึกษา ทดลอง และรับรู้ได้ด้วยตนเองครับ (ดูเป็นวิทยาศาสตร์ดีไหมเอ่ย?) จากคุณ : BananaBlueSky เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 19:37:47

ความคิดเห็นที่ 50 ขอเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ ประเด็บเรื่องการปฏิบัติที่คิดว่ามันไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เช่น การทายหวย ไล่ผี กราบไหว้ของแปลก การหลับหูหลับตาทำบุญหวังขึ้นสวรรค์ หรืออะไรก็ตาม.. ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่รู้ว่า มันไม่ใช่ มันไม่ถูกเสียทีเดียว แต่กลับหยิบยกจุดนั้นขึ้นมาเป็นประเด็น ทำให้ไม่อยากเป็นคนกลุ่มเดียวกับพวกนั้น หรือกลายเป็นผู้ไม่มีศาสนาไป ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากครับ เหมือนมีผู้รู้ แต่ปัญหาไม่ได้แก้ เพราะผู้รู้กลับไม่ศรัทธา แต่ผู้ไม่รู้กลับก้มหน้าก้มตาปฏิบัติ (ผิดหรือถูกก็ไม่รู้หล่ะ ทำไว้ก่อน) และสุดท้าย ก็เป็นเหมือนอย่างที่กล่าวกันมา.. สำหรับผู้ที่บอกว่าต้องนับถือตามพ่อตามแม่ อันนี้ก็ไม่เถียงครับ มันหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราเกิดมาก็ต้องเรียนหนังสือ หางานทำ เลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นไปตามระบบสังคมที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าผมเกิดในต่างประเทศ ผมอาจไม่ได้นับถือศาสนาพุทธก็ได้ อาจไม่ได้กินข้าวเป็นอาหารหลักก็ได้ เราเกิดเป็นคนไทย อยู่เมืองไทย ทุกวันนี้เรากินข้าวเป็นอาหารหลักได้ทุกวันไม่บ่นอะไร.. แต่พุทธศาสนากลับไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร ปล. ผมเองไม่ได้จะทำตัวเหมือนพวกที่ คะยั้นคะยอให้มาเข้าศาสนาอะไรขนาดนั้นนะครับ แต่ผมพยายามอธิบายความเข้าใจของผมบ้าง ซึ่งสุดท้ายผมก็อ่านและเคารพความคิดต่างของผู้อื่นเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 55 20:16:54 จากคุณ : BananaBlueSky เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 20:14:20

ความคิดเห็นที่ 51 แก่นของศาสนาอยู่ข้างใน ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นคริสต์ อิสลาม พุทธ ฮินดู จากคุณ : ปังตออาบน้ำผึ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 20:40:08

ความคิดเห็นที่ 52 ธรรมะ...เป็นหลัก....ธรรมชาติ ไม่ว่าใครนับถือ หรือไม่นับถือศาสนาอะไร อย่างไรชีวิตก็ดำเนินไปโดยมีหลักธรรมแห่งพุทธศาสนาแฝงอยู่โดยที่บางคนอาจไม่รู้ตัว     จากคุณ : นกไร้ขน เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 20:49:35

ความคิดเห็นที่ 53 ตัวผมเองนับถือศาสนาพุทธในนาม มาตั้งแต่เกิด แล้วก็ค่อยๆซึมซับความเชื่อต่างๆมาแบบไม่รู้ที่มาที่ไป รู้แค่ว่าทำสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี ทำอย่างนี้ทำแล้วบาป แต่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม เคยคิดผิดๆว่า พอทำชั่วมากๆใกล้ตายก็เปลี่ยนเป็นคริศต์ จะได้สารภาพบาป บาปจะได้หมด เพราะประถมผมเคยเรียนโรงเรียนคริสต์ จนวันนึงโตพอที่มีปัญญา มีความคิด ก็เริ่มมานับถือ ศรัทธาจริงๆ โดยไม่ต้องมีใครบอก ที่ผมนับถือพุทธเพราะว่า มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วแม้ไม่มีศาสนาใด มันก็มีของมันอยู่แล้ว หรือที่เรียกว่า เป็นปรมัตถ์ และเชื่อเหอะว่าคนที่ไม่มีศาสนาหลายคน ก็เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมเหมือนกัน แต่มันกลัวจนสร้างหลักคิดขึ้นมาป้องกันความกลัวของตัวเองไว้ ก็เท่านั้น ถ้าลองคิดดูดีๆแล้ว สิ่งที่ศาสนาพุทธสอน สามารถเชื่อมโยง อธิบาย ความเป็นมาเป็นไป ได้ทุกศาสนา จากคุณ : คนัคเกิ้ล เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 20:57:28

ความคิดเห็นที่ 54 เรานับถือพุทธและเชื่อในพุทธ ความเชื่อเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ เราเชื่อในหลักธรรม คำสอน เพราะสามารถนำมาใช้ได้จริง อันไหนเหมาะกับเราก็ปรับใช้ อันไหนไม่เหมาะก็ไม่ได้อะไรมากมาย เชื่อแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ดีแล้ว ส่วนศาสนาอื่น หลักธรรมของศาสนาเขา อันไหนดี เราก็ปรับใช้ตาม อันไหนเรานำมาใช้ไม่ได้ เราก็เฉยเสีย ทั้งศาสนาเขาศาสนาเรา เราเชื่อในวลีที่ว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" จะว่าเรางมงายก็แล้วแต่ บางทีจะเชื่ออะไร รู้มั้ยว่าทำไมต้องเชื่อ ก็ลองคิดดู ว่า "เออ..ใช่แฮะ" หรือ "เอ๊ะ..ไม่ใช่อ่ะ" นั่นก็ว่ากันอีกทีว่าเชื่อได้มั้ย ทำนองนี้ เราเป็นคนเหนือ นอกจากพุทธ ความเชื่อท้องถิ่นที่บ้านก็เยอะ บางอย่างก็เชื่อแต่บางอย่างก็ไม่ แต่จะไปออกตัวเซย์โนเลยก็เกรงจะอยู่บ้านไม่ได้^^ แต่จากที่สังเกตดู "ความเชื่อ" ในเบื้องลึกแล้ว มักมีจุดมุ่งหมายซ่อนไว้เสมอ เคยคิดนะว่า "คนทุกศาสนาตายไป จะเจอนรกเหมือนกันมั้ย ในเมื่อเป็นแค่ความเชื่อ แต่ความเชื่อนั้นมีคนตายแล้วฟื้น นำมาเล่าเป็นคุ้งเป็นแคว" แต่ก็นะ ถึงยังไม่ตาย นรกมันก็มีอยู่ในใจของทุกคนแหละ จากคุณ : wapainunoon เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 22:20:21

ความคิดเห็นที่ 55 ในสมัยนี้พุทธเทียมมันเยอะครับ เมืองไทยเชื่ออะไรผิดๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเยอะมากๆ ผมนับถือพุทธครับ ผมไม่เชื่อในไสยศาสตร์ ไม่เชื่อเรื่องวัตถุมงคล ไม่เชื่อเรื่องฤกษ์ยาม ไม่เชื่อเรื่องปีชง ไม่เชื่อเรื่องการสะเดาะเคราะห์ ตัดกรรม แก้กรรม ไม่เชื่อเรื่องการดูดวง ไม่ชอบการอ้อนวอนขออะไรกับสิ่งที่คนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่เชื่อเรื่ององค์เทพ การเข้าเจ้าเข้าทรง เพราะศาสนาพุทธที่แท้จริงไม่สอนให้คนไปหลงงมงายกับเรื่องเหล่านี้ มันไม่ใช่พุทธเลย ผมว่าคุณยังศึกษาศาสนาพุทธไม่ลึกพอครับ คุณมองแค่เปลือกนอกที่คุณเห็นจากคนรอบๆตัว ถ้าคุณได้ศึกษาจริงๆ แล้วคุณจะรู้ครับว่าจริงๆแล้วเป็นยังไง ไม่ต้องเชื่อที่ผมบอกนะครับ ลองไปสัมผัสด้วยตัวคุณเอง ผมแนะนำหนังสือของท่านพุทธทาส ท่านปัญญานันทะฯ ท่าน ป.อ. ปยุตโต ครับอ่านงานเขียนของท่านทั้งสาม ผมว่าคุณจะมองพระพุทธศาสนาไปอีกแบบแน่นอน เพราะเมื่อก่อนผมก็คิดเหมือนคุณ ผมเสียดายแทนคุณนะ ดูความคิดคุณแล้วเป็นคนที่มีความคิดดีทีเดียว อยากมาให้เห็นเหมือนในสิ่งผมเห็นจริงๆ (80เปอร์เซ็นต์ คนรอบตัวผมเป็นคนที่นับถือพุทธแต่ไม่เข้าใจพุทธ จนบางอย่างที่ผมไม่เชื่อเขากลับมองเราว่าเป็นคนไร้ศาสนา แต่จริงๆแล้วผมนับถือพุทธ แต่ผมก็จนปัญญาที่จะบอกใครให้เชื่อตามผมได้ ตราบใดที่เขายังไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาจริงๆ ได้แต่นับถือตามๆกันมาอย่างที่บรรพบุรุษนับถือ) จากคุณ : เข้าใจเพราะเคยเป็นมาก่อน เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 22:41:17 A:61.90.40.31 X: TicketID:302074

ความคิดเห็นที่ 56 รับได้เหรอครับ การที่มันปรามาส ดูถูกพระพุทธเจ้า เช่น มันบอกว่า "ทำไมชาวพุทธต้องทำบุญวะ ในเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เคยทำบุญ" คุณดูจุดประสงค์มัน มาเพื่อทำลายศาสนาพุทธ Only โดยอ้าง Freedom หรือที่มันบอกว่า "รู้ไหม ตอนกูเกิด กูเดินได้ 7 ก้าว ก้าวที่ 7 กูก็พิการเลย" ไรประมาณนี้ รับได้เหรอ แม้คุณเป็นคนไม่มีศาสนา แต่หลักการธรรมชาติโดยทั่วไปไม่ควรมาก้าวล้ำใช่หรือไม่ ผมรับไม่ได้อย่างมาก แต่ยังหาช่องทางทำอะไรมันไม่ได้ ไม่อยากให้เมืิองไทยเสื่อมลงเพราะคนดีมัวแต่วางอุเบกขา คนเรายิิ่งรับรู้เรื่องชั่วๆมากเพียงใด มันก็ซึมซับไปมาเท่านั้น เด็กและดยาวชนกด Like มันโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดนไปเต็มๆ จากคุณ : ฟุดฟิด (ฟุดฟิด) เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:11:39

ความคิดเห็นที่ 57 ผมให้ความเคารพทุกศาสนา (ไม่เกี่ยวกับนักบวชนะ) คือ ผมจะนับถือเป็นคนๆไป คนที่สอนดี ผมจะนับถือเป็นครูอาจารย์มากกว่า ไม่ได้นับถือที่เขาเป็นนักบวช หรือ เป็น พระ ...   ผมนับถือคำสอน เพราะทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี เลือกหยิบแต่สิ่งที่ดีๆมาทำมาปฏิบัติ.... ผมนับถือ และปฏิบัติตามกฏหมาย มันก็คล้ายๆ กับ คำสอนของศาสนา... ไม่ฆ่าคน ไม่ไปโกง ไ่ม่ไปปล้นใคร และฯลฯ ถ้าเราไม่ทำผิดกฏหมาย ก็เท่ากับเราไม่ได้ทำบาป เราอยู่ในสังคมได้สบายๆ... ผมแทบจะ ไม่สวดมนต์ ไหว้พระ ตักบาตร แต่ผม ไม่ทำผิดกฏหมาย ผมก็อยู่ และ ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุข... เรื่องทำบุญ ..ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นบุญ.... พ่อผมสอนว่า อยากให้ อยากช่วยก็ช่วย ไม่อยากให้ก็ไม่ให้ ให้ไปแล้วอย่าหวังอะไรตอบแทน... ไม่ว่าจะเป็นบุญ หรือ โชคลาภ ให้คิดว่าช่วยเพราะอยากช่วย เพราะเต็มใจ.... ส่วนใหญ่ผมจะให้กับพวกสัตว์มากกว่า เพราะไม่ค่อยมีคนให้ ... พวกวัด ต่างๆ มีคนให้เยอะแล้วผมเลือกให้กับ สิ่งที่ขาดดีกว่า.... ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีครับ อยากมั่งมี อยากร่ำรวย ต้องทำงาน ถ้าวันๆ สวดมนต์ เอาเงินที่มีไปทำบุญ(ลงทุนเพื่อหวังลาภ) แต่ไม่ทำงานทำการ หวังทำบุญแล้วถูกหวย หวังว่าสวดมนต์แล้วเงินจะงอกงาม อันนั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ^^ จากคุณ : TonTon1977 เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:12:53

ความคิดเห็นที่ 58 คุณบริจาคเงินให้วัดรวยๆซัก 10 ล้าน  คุณค่าของมันเทียบไม่ได้กับการที่คุณนำเงิน 10000 บาทไปเป็นค่าอาหารและต่อชีวิต เด็กยากไร้  หรือช่วยเลี้ยงดูคนชราที่เค้าขาดแคลนอาหารและปัจจัย **************************** ผมถามว่า แล้วคุณรู้ได้ไงว่าเงิน10ล้านถูกนำไปใช้อย่างไร???  คุณค่ามันอยู่ที่ปลายทางของเงินมากกว่าครับ ว่าถูกใช้อย่างไร ทางวัดอาจจะนำไปช่วยเหลือผู้คนเยอะแยะ ที่นี้มันมีค่าเทียบได้กับเงินหมื่นที่คุณยกตัวอย่างมาหรือยัง?   แค่นี้คุณยังคิดไม่ครบทุกด้านเลย จากคุณ : Raycer_X เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:23:16

ความคิดเห็นที่ 59 คนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็ไม่มีศาสนาครับ (ถามเพื่อนญี่ปุ่นมา) ก็ยังเป็นคนดี มีระเบียบวินัยกันได้ นะ ครับ :D จากคุณ : ArmCUPUNCTURE เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:51:09

ความคิดเห็นที่ 60 ไม่คิดว่าจะเจอกระทู้แนวนี้ในห้องสยามจริงๆค่ะ ^^ หวังว่าวันนึงคนจะเปิดกว้างในมุมมองนี้ เราชื่อว่าถ้าเราทำดี ควบคุมตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีกรอบของศาสนา แต่เป็นกรอบของศีลธรรมในตัวที่แต่ละคนสามารถพิจารณาได้เอง ไม่จำเป็นต้องนับถือทางใดแบบสุดโต่ง ก็เป็นคนดีได้ จากคุณ : nutchanunu เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 02:02:28

ความคิดเห็นที่ 61 การทำบุญเช่นการปล่อยนกปล่อยปลา เราก็ไม่รู้ที่มาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นบุญหรือบาป http://youtu.be/Ic1JhFWxMMY จากคุณ : Tigery เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 05:11:24

ความคิดเห็นที่ 62 แต่ก่อนเคยคิดว่า การปล่อยนก ได้บุญหรือบาป พอดูรายการนี้ พอจะเข้าใจที่มาของนกแล้ว จากคุณ : Tigery เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 05:17:55

ความคิดเห็นที่ 63 มุมมองยังเด็กไปนะ จขกท. คิดคล้ายๆผมตอนม.ต้นเลย จริงๆอายุเราไม่ต่างกันเท่าไรหรอก ต่างกันที่มุมมอง ถ้าคุณมองแค่เปลือก คุณก็จะเห็นแค่เปลือกครับ   ถ้าคุณคิดว่ายังไม่ได้ศึกษาศาสนา เข้าใจอย่างแท้จริง  ก็อย่าวิจารณ์จะดีกว่าครับ มันเหมือนช่างที่รู้งานก่อสร้างปูปลาๆ มายืนเถียงกับวิศวกรโยธา  คุยกันยังไงก็ไม่เข้าใจ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 09:19:40

ความคิดเห็นที่ 64 เราไม่ได้มองว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้วิเศษ หรือผู้อยู่เหนือธรรมชาติค่ะ เรามองในแง่ว่า พระองค์ท่านเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ ศึกษาแนวทางของพระองค์และปรับใช้กับตัวเอง แต่ไม่ได้งมงายหรือถือทิฐิว่าศาสนาฉันดีกว่าใคร เราไม่ได้ทำบุญเพราะหวังผลบุญ เราทำเพราะเรามีความสุขที่จะทำ เราทำทานเพราะเรามีความสุขที่เห็นผู้อื่น ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ผ่อนทุกข์ที่เขามี การล้อเลียนของเพจโหดสัส เราไม่ได้ต่อต้านอะไรค่ะ แต่ก็ไม่ได้สนับสนุน ก็เหมือนกับการที่มีคนล้อเลียนครูบาอาจารย์เรา แล้วเราไม่พอใจนั่นแหละ เรามองว่า "คนเราย่อมคิดไม่เหมือนกัน" ต่อให้เราไม่พอใจ เราก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดเขาได้ง่ายๆ เราจึงไม่โกรธเขาในสิ่งที่เขาคิดและเขาทำ "คนเราไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน"  ค่ะ จากคุณ : fallen_angel เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 09:29:05

ความคิดเห็นที่ 65 อ๊ะ คลิปในคห.62 นั่นเพื่อนสมัยม.ต้นเรานี่ ตอนนี้มีลูกแล้วด้วยนะ หุ่นดีกว่าเราอีก ฮ่าๆ ทั้งที่สมัยก่อนอ้วนกว่าเราด้วย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 10:41:38

ความคิดเห็นที่ 66 คนเราก็มีแค่ คนดี กับ คนไม่ดี ละ คิดอยู่แต่ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน เป็นคนดี หรือ เป็นคนเลว คนบางคนเขาไม่ศาสนา แต่เขาก็เป็นคนดีของสังคม ช่วยเหลือผูื้อื่นได้ คนบางคนมีศาสนา แต่ทำไม่ดีก็มี ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ก็มี ลองแค่คิดดูว่าถ้าทุกคนบนโลกนี้เป็นคนดี รู้จักให้อภัยกัน สิ่งไหนไม่ดีก็จะไม่ทำ โลกนี้ก็จะสงบสุขแน่นอน  แต่นั้นก็แค่สังคมโลกสวยในจิตนาการเท่านั้น ในชีวิตจริงนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก มันก็ขึ้นอยู่แต่มุมมองของแต่ละบุคคลละครับ ... .. . จากคุณ : แง่มๆ น้องหมา 2 ปี เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 11:26:28

ความคิดเห็นที่ 67 อยากจะบอก จขกท.ว่ามันมีสัดส่วนของผู้ที่ไม่นับถือศาสนาเยอะเนี่ย มันเป็นผลมาจากลัทธิคอมมิวนิสต์ในจีนครับ เขาห้ามคนในประเทศนับถือศาสนา จากคุณ : SR20DET_200SX เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 11:51:36

ความคิดเห็นที่ 68 แก่นของทุกศาสนาก็มุ่งเน้นให้ทุกคนเป็นคนดี มันก็ขึ้นอยู่กับคนที่จะนำไปใช้ และปฏิบัติ ศาสนาไม่มีตัวตนเป็นเพียงแค่สิ่งที่ยึดเหนี่ยว มนุษย์เรานี่แหละที่เป็นทั้งผู้สร้างและก็ผู้ทำลายศาสนา จากคุณ : hasipsatang เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 12:03:24

ความคิดเห็นที่ 69 121 จากคุณ : 1212 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 13:01:45 A:223.204.199.174 X: TicketID:361758

ความคิดเห็นที่ 70 จากประโยคที่ จขกท.วิจารณ์ ศาสนาพุทธที่ว่า - มีการสร้างรูปบูชา ให้เช่า ให้บริจาค มีการซื้อขาย - ถวายปัจจัย เพื่อดึงเงินเข้าศาสนา - มีการแสดงปฏิหารย์ การรดน้ำมนค์ การสะเดาะเคราะห์" ทั้งหมดที่ว่ามา...ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าสักอย่างนะครับ ฉะนั้นสิ่งที่คุณเข้าใจว่าคือ ศาสานาพุทธ...มันไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่เป็นเพียงแค่รูปแบบความเชื่อ พิธีกรรม และประเพณีที่ผสมผสานระหว่างศาสนาพุทธ+พราหมณ์เท่านั้น คหสต. ผมเองมองว่า ศาสนาพุทธมีโครงสร้างหลักแค่ 3 ส่วน - พระพุทธเจ้า : ต้นแบบผู้ตรัสรู้และเผยแพร่คำสอน - พระธรรม : คำสอนของพระพุทธเจ้า มีอริยสัจ 4 เป็นแกน เป้าหมายคือ ดับทุกข์ หรือ นิพพาน(หากเชื่อเรื่องภพชาติ) - พระสงฆ์ : ผู้รับเอาคำสอนมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องวิเคราะห์ให้แตกว่าใช่แก่นของศาสนาพุทธแท้ๆ หรือ เป็นเพียงเปลือกที่เข้ามาภายหลัง เช่น - พระเครื่อง : สร้างขึ้นเพื่อเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ที่มาเคารพสังเวชนียสถาน เพื่อให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ได้มีอิทธิปาฏิหาริย์ คงกระพัน เมตตา เหมือนความเชื่อของไทยในปัจจุบัน และพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชัดเจนว่ามีพระเครื่องก็ในสมัยทวารวดี(หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานถึง 400ปี) - การถวายปัจจัย : คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในศีล 227 ข้อของพระสงฆ์มีอยู่ 2 ข้อที่ระบุว่า เว้นจากการรับเงินทอง และ ห้ามซื้อขายด้วยเงินทอง แต่ความผิดไม่ถึงขั้นปาราชิก - การแสดงปาฏิหาริย์ : คำสอนของพระพุทธเจ้า"ห้ามพระสาวกแสดงปาฏิหาริย์ ผู้ใดแสดงต้องอาบัติทุกกฏ" ตัวผมเองก็ไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าเป็น พุทธแท้ เพราะแค่ศีล 5 ยังรักษาลำบาก ศาสนาคริสต์ก็เข้าเคยไปรับศีล เข้าโบสถ์ คิดว่าตัวเองไร้ศาสนาก็เคยมาแล้ว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิตที่ปัญหารุมเร้าจนมองไม่เห็นทางไป...หลักคิด และแนวปฏิบัติของพุทธนี่แหละ ที่ทำให้ผมผ่านจุดนั้นมาได้ สุดท้ายอยากบอก จขกท.ว่าก่อนจะตัดสินใจ อยากให้พิจารณาถึงแก่นของศาสนานั้นๆเสียก่อน ส่วนสำหรับผมเองพุทธในปัจจุบันศรัทธาได้ 100%แค่ พระพุทธ กับพระธรรม ส่วนพระสงฆ์ต้องใช้ปัญญาพิจารณาเป็นครั้งๆไปก่อนจะศรัทธา...ขอให้โชคดีในวิถีที่เลือกนะครับ จากคุณ : ผ่านมาแซว (ไผ่แผ่วพริ้ว) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 15:36:41

ความคิดเห็นที่ 71 อยู่อย่างไม่เป็นโทษต่อคนอื่นและสังคมเท่านั้นก็พอค่ะ จากคุณ : HoneyMade เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:19:48

ความคิดเห็นที่ 72 เพลงที่ผมคิดว่าความหมายดีที่สุดที่เคยฟัง.. จากคุณ : แกะดำทำเนียน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:24:13

ความคิดเห็นที่ 73 เราไม่มีศาสนาค่ะ เพราะศาสนาให้คำตอบอะไรในชีวิตเราไม่ได้ค่ะ แล้วก็ไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้ เราเลยไม่นับถืออะไรทั้งนั้น ที่ผ่านมาชีวิตไม่เคยมีปัญหาอะไรนะคะ แต่... จะมีปัญหาก็ตอนไปทำบัตรประชาชนเนี่ยแหละ สิ่งหนึ่งที่ฮามากคือ เจ้าหน้าที่เค้าถามว่า ถ้าหนูตายไปแล้วจะทำยังไง (หมายถึงพวกงาน ศพน่ะค่ะ) เราก็บอกเค้าไปว่า  หนูตายแล้ว หนูไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ขำทั้งเรา ทั้งเจ้าหน้าที่ 5555555555 คือเราบอกแม่เราแล้วว่า เราตายก็ศพเราเอาไปทำเป็นอาจารย์ใหญ่นะ เราบริจาคร่างกายไปแล้วนะ แล้วก็ถ้าเกิดอยากทำพิฑีหรืออะไรก็ได้ แล้วแต่แม่ หนูตายแล้ว หนูยังไงก็ได้ แต่ขอร้อง ถ้าเป็นไปได้สวดวันเดียวแล้วเผาแล้วถ้าแม่อยากทำแบบพุทธ เพราะเราไม่พิธีกรรมอะไรนานๆ แล้วก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุด้วย ตายแล้วยังจะมีปัญหาอีก จริงๆเรื่องการตายนี่ชอบแบบนึงมาก ที่เค้าเอาศพไปแล้วแร้งกิน เราว่าเป็นการตายที่คุ้มค่ามากๆนะ แต่พอดีในประเทศไทยไม่มี แล้วก็เอาไปเป็นอาจารย์ใหญ่จะดีกว่า จากคุณ : zugar15 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:26:30

ความคิดเห็นที่ 74 ส่วนตัวผมคิดคล้ายกับ จขกท. นะ ประเด็นเครื่องมือ ศาสนาถูกใช้เป็นเครื่องมือ อยากที่ จขกท. ยกตัวอย่าง อย่างใจบ้านเราก็พุทธชัด ๆ เลยว่า ถูกนำไปเป็นเครื่องมือในการหาเงินเข้ามามาก โดยใช้คำว่า "บุญ" เป็นสโลแกนหลัก เพราะเราถูกฝังความคิดมากแล้วว่า ทำ "บุญ" = จะได้อะไรดี ๆ ตอบแทนในภายหลัง หรือ ทำ "บุญ" = ความรู้สึกดี ซึ่งแท้จริงแล้ว การจ่ายเิงินให้วัด กับผลที่เราอยากได้นั้นแทบจะไม่เกี่ยวข้องกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าวัดไม่ได้นำเงินไปส่งเสริมสิ่งให้เราได้สิ่งที่ต้องการ ส่วนวัดที่ได้เงินไปนั้น ก็นะ ถ้าใช้ได้ดีก็ดีไป แต่ถ้าเอาไปสนับสนุนอะไรที่ผิดก็จบกัน ผมเข้าใจคนที่บอกว่า ทั้งหมดมันคือเปลือกนะ แต่แก่นคำสอนที่ดีจริง ๆ อยู่ข้างใน เพราะผมก็เข้าใจอย่างนั้น แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ศาสนาเป็น "เครื่องมือ" ของสังคมด้วยที่แต่ละคนจะเอาไปใช้ต่อยอดหาประโยชน์ก็ได้ เช่น อิสลาม บิดเบือนจนกลายเป็นองค์กรก่อการร้าย หรือยุคกลางที่คริส ใช้เป็นเครื่องมือในการฆ่า ล่าแม่มด ประเด็นไม่นับถือศาสนา คนที่ไม่นับถือศาสนา อาจแลดูเป็นคนแปลก เนื่องจากในสังคมเราคิดรวม ๆ ว่าทุกคนมีศาสนาประจำตัว ดังเช่นในบัตรประชาชน เป็นเหมือน Attribute หนึ่งที่ทุกคนต้องมี แต่ความจริงส่วนประกอบนี้ ไม่ีมีความสำคัญอะไรในการดำรงชีวิตประจำวัน สำหรับคนบางคน (นอกเสียจากว่า สังคมจะมีค่านิยมให้ลงโทษคนที่ไม่มีศาสนา) เนื่องจากเขาสามารถดำเนินชีวิตโดยมีหลักในใจ ที่ทำให้เขาอยู่รอดได้อยู่แล้ว จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:27:58

ความคิดเห็นที่ 75 เพราะว่า ลึก ๆ มนุษย์สงสัยว่า ชีวิตนี้คือสิ่งสูญเปล่า เกิดมาแล้ว ทำไมต้องตาย  ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาย ศาสนาให้คำตอบแ่ก่พวกเขา ศาสนาพุทธ ทำให้เรารู้สึกว่าี ชีวิตมีค่า เกิดมาเพื่อยกระดับจิต  ยิ่งจิตสูง ยิ่งไปสู่ภพภูมิที่ดี หรือไปสุ่การไม่จิต หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดไปเลยยิ่งดี จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:46:58

ความคิดเห็นที่ 76 โดยส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าทุกคนต้องมีศาสนา หรือคนที่มีศาสนาเท่านั้นถึงจะเป็นคนดีนะครับ เพราะหลายคนที่บอกว่านับถือศาสนานั้นศาสนานี้เองก็ใช่ว่าจะรู้ถึงหลักธรรมของศาสนาตนได้ดีหรือหลายคนก็ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติพื้นฐานแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ก็คิดว่าทุกคนย่อมมีความเชื่อความศรัทธาของตน จากกระทู้อ้างอิง หลายคนอาจไม่พอใจเพจนั้นที่เอาความเชื่อความศรัทธาเขามาลบหลู่มากกว่า คือไม่มีใครว่าอะไรถ้าไม่ศรัทธาเหมือนเขาแต่ทำไมต้องเอาเรื่องที่เขาศรัทธามาล้อเล่น ซึ่งบางอย่างก็หยาบคายมากเสียด้วย และขอแย้งคุณ จขกท. ตรงประโยคที่ว่า "การเกิดขึ้นของศาสนานั้นเพราะคนที่สร้างศาสนาขึ้นมาต้องการเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพ ที่นอกเหนือไปจาก อำนาจและความหวาดกลัว" นะครับ  ศาสนานั้นเกิดมาด้วยเจตนาที่ดีครับ เช่นจากหลักคำสอนหลักๆ ของสามศาสนาใหญ่คือคริสต์ อิสลาม และพุทธนั้น สอนให้ศาสนิกชนทำตนเป็นคนดีไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นทั้งสิ้น แต่มักเป็นชนชั้นปกครองต่างหากที่นำศาสนาหรือลัทธิต่างๆ มาเป็นเครื่องมือ และเริ่มทำการบิดเบือนคำสอนต่างๆ ให้เอื้อประโยชน์แก่ตนและพรรคพวก แม้ว่าศาสนาจะเป็นเรื่องของศรัทธาความเชื่อ แต่ก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ซึ่งก่อนที่พวกคุณจะตัดสินใจว่าจะศรัทธาหรือไม่ พวกคุณควรใช้เวลาศึกษาทั้งทฤษฎีและปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อน เหมือนกับพวกคุณเรียนปริญญาสักสาขาหนึ่งนั่นแหละ จะมาอ่านแต่หนังสือโดยไม่เคยไปสอบ และ/หรือดูแต่คนเขาปฏิบัติงานหรือทดลองอะไรต่างๆ โดยตัวเองไม่เคยลงมือเองเลย แล้วจะมาบอกว่าฉันเรียนจบแล้วเข้าใจถ่องแท้แล้วก็คงไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหมล่ะครับ ถ้าพวกคุณศึกษาและปฏิบัติตามหลักศาสนาใดๆ อย่างแท้จริงแล้วจะไม่ศรัทธาก็สุดแท้แต่พวกคุณครับ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดหรือแสดงออกกับคนที่ศรัทธาซึ่งไม่เคยก่อความเดือดร้อนให้ใครๆ ในทำนองว่าศาสนาต่างๆ ที่พวกเขาศรัทธานั้นไม่เห็นจะดีตรงไหน ไม่เห็นจะน่านับถือเลย เพราะมันจะทำให้เกิดการแตกแยกเปล่าๆ และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย จากคุณ : จิตตะ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 20:53:19

ความคิดเห็นที่ 77 มาเห็นด้วยกับ จขกท. นะคะ เราเคยเป็นพุทธเหมือนคุณเพราะคนรอบข้างเป็นพุทธ โรงเรียนรอบข้างก็พุทธ แต่....เอาแค่ศีลห้า เรียนได้ แต่ทำไม่ได้ เพราะตัวอย่างจากคนที่บอกว่าชั้นคนพุทธ หาได้ปฏิบัติไม่ ยังผิดศีลเสียทุกข้อไป ชีวิตหาความเจริญไม่ได้ ตอนนั้นเราเด็ก เราก็ได้แต่ตั้งคำถามว่า คนพุทธ เป็นอย่างนี้เหรอ เราเลยบอกตัวเองว่า เราไม่เป็นดีกว่าไหมเราเป็นของชั้นอย่างนี้ จะเชื่ออะไร จะทำอะไรก็ชีวิตเราเอง พอเข้ามหาลัยมา เราก็ประกาศตัวเป็นคนไม่มีศาสนาอย่างชัดเจน ถึงขนาดที่ว่า ตอนทำบัตรประชาชนหาย เจ้าหน้าที่ให้กรอกศาสนา ก็กรอกว่าไม่มี เจ้าหน้าที่งง แล้วถามว่าจะให้ใส่อะไร พ่อแม่นับถืออะไรล่ะ บอกเขาว่า ไม่กรอกไม่ได้หรือไงคะ อย่างหนึ่งคือ ความเป็นเด็กและต้องการข้อเท็จจริงในโลกมากกว่ามานั่งตรอง ทุกสิ่งอย่างรอบข้าง ระวังทุกลมหายใจ มันยากเกินจะทำได้ และถ้าเราบอกว่าเรา นับถือศาสนาพุทธ แต่กะอีแค่ศีลห้ายังทำไม่ได้ วัดไม่เข้า เหล้ายังกิน ปล้อนปลิ้น :-)๋ เยี่ยงนี้ จะเป็นการทำให้ศาสนาพุทธแปดเปื้อนไปด้วย ไม่อยากเอาตัว ไปเปรียบกับพวกที่เป็นพระแต่หากินบนหลังชาวบ้านที่ศรัทธา ตัวไม่มีแต่ก็เอาเงินทอง กู้หนี้ยืมสินมา จะลำบากแค่ไหนก็ถวายหมด พระนั่งเบนซ์ ส่วนคนให้ นั่งรถเมล์ เพียงเพราะคำหลอกลวงกรอกหูว่า ทำบุญเยอะๆ จะได้เจริญๆ ได้บุญเยอะ แล้วคนที่ไม่ได้ทำบุญด้วยเงิน มันจะตกนรกงั้นหรือ ไม่ยุติธรรมเสียเลย กระนั้นก็ได้แต่คิ เพราะเถียงกับคนที่ประเคนทำบุญจนตัวตาย ลำบากข้นแค้น มันก็แค่นั้น ปล่อยเขาไปเถอะ ความเชื่อ เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมาเถียงกัน แต่พอเราได้มีโอกาส เรียนรู้ศาสนาอื่นๆ โตขึ้นมาเรื่อยๆ ได้พิจารณาแล้วก็เห็นว่า ศาสนาพุทธ ถ้าเรารู้ว่าแก่นคือ อะไร ก็เพียงพอแล้วที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข ไม่ต้องไปแคร์ว่าใครจะทำบุญมากน้อย  จะได้คืนกลับมาเท่าที่ทำไปไหม พิจารณาที่ตัวเอง การเอาชนะกิเลสตัวเอง ยากยิ่ง แต่ถ้าทำได้ มันจะเริ่มมีขั้นสูง ขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ให้ลด ละ ตัด ทอน จน หมดสิ้น ซึ่งความอยากได้ อยากมี แม้ปัจจุบันนี้ เราก็ยังไม่สามารถจะเรียกตัวเองว่าชาวพุทธได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปฏิบัติตัวตัวเองและผู้อื่น เราว่า ก็ไม่ด้อยเลย เรารู้จักพอ รู้จักหยุด ระงับ ยับยั้ง และมีคามสุขแค่เพียงเรามีลมหายใจเข้าออก มีชีวิตที่พอเพียง ก็มีความสุขแล้ว สรุปคือ ไม่ว่าจะอยู่ศาสนาไหน มีหรือไม่มีศาสนา ถ้าคุณทำแล้วมีความสุขโดยไม่ทำ ให้ใครเดือดร้อน คิดก่อนทำเยอะๆ ก็พอแล้วหล่ะค่ะ จากคุณ : LeeSangmi เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 22:02:25

ความคิดเห็นที่ 78 ความเชื่อกับความคิด เถียงกันให้ตายยังไง ก็ไม่มีวันจบสิ้นหรอกครับ แต่ถ้าใครจะไม่นับถือศาสนาอะไรเลย แต่เป็นคนดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร ผมว่ายังดีกว่าพวกที่ปากบอกว่านับถือนั่นนี่ทำบุญตลอด แต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเค้าไปทั่ว.. จากคุณ : JamesBond เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 22:51:44

ความคิดเห็นที่ 79 เราเป็นพุทธ ชอบศาสนาพุทธเพราะชอบคำสอนที่ว่าให้คนทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ แต่ไม่ได้ศรัทธากับพระสงฆ์ วัด อะไรมากมาย แค่เอาคำสอนมาปรับใช้กับชีวิตเท่านั้น ถ้าสังคมขาดศาสนาไป สังคมไทยจะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้นะคะ คนส่วนนึงกลัวบาปกรรม กลัวการทำร้ายชีวิตผู้อื่น ฯลฯ ส่วนนึงก็เป็นอิทธิพลของศาสนา อีกอย่างยามที่ทุกข์ การนั่งสมาธิ สวดมนต์ มันทำให้จิตใจสงบและปล่อยวางได้มากค่ะ คนที่ไม่เคยเข้ามาสัมผัสอาจจะไม่เข้าใจ จากคุณ : KK1985 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 23:27:39

ความคิดเห็นที่ 80 ศาสนาพุทธ  เน้นหลัก ๆ อยู่ ๒ อย่าง คือ ๑.  กรรมวาที   สอนเรื่องการกระทำหรือการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ๒.  วิภัชชวาที  สอนเรื่องการแยกแยะ   อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเพียงเพราะรู้เห็นอะไรบางอย่างแล้วเชื่อลงไปทันที ต้องพิจารณาให้เห็นอย่างถ่องแท้เสียก่อน  จึงค่อยเชื่อ ส่วนเพจโหดสัสนั้น  สำหรับผมเองไม่ได้สนใจมากหรอก แต่ถ้ามีหลายคนไม่ชอบก็เป็นสิทธิ์ของเขา ลองคิดดูง่าย ๆ ลองเปลี่ยนจากศาสดาเป็นคนที่เราเคารพรักมาก   อาจจะเป็น พ่อ แม่ ครูอาจารย์  หรือคนอื่น ๆ ที่เราเคารพ แล้วมีคนไปตัดต่อรูปใส่แบบนั้น  เราคงไม่หัวเราะชอบใจแน่ ๆ ใช่ไหมครับ ถ้าใครไม่เชื่อ  แต่เอาความเชื่อของคนอื่นไปล้อเล่น   คนนั้นก็ไม่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นคนดี  เป็นผู้นำ  หรือเป็นอะไรในทางที่ดีได้หรอก ผมคิดว่างั้นนะ จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 00:26:10

ความคิดเห็นที่ 81 เชื่อแต่ในคำสอนที่เป็นเหตุเป็นผลกันอะค่ะ ไม่เชื่อเรื่องอื่น บางทีมันก็เป็นการยึดติดเกินไป จากคุณ : BoGuSZz เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 01:03:34

ความคิดเห็นที่ 82 สำหรับเรา ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร หรือไม่ว่าจะมีศาสนาหรือไม่ ทุกคนก็เป็นคนดีได้เท่าๆกัน ทุกคนมีส่วนช่วยให้สังคมน่าอยู่ได้เท่าๆกัน เพียงแค่ใจของเรามุ่งมั่นที่จะคิดดี พูดดี ทำดี และหยิบยื่นสิ่งดีๆให้คนรอบข้าง จากคุณ : ไหมฝัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 02:05:51

ความคิดเห็นที่ 83 สั้นๆครับ ไม่ชอบไม่นับถือไม่มีใครว่า แต่อย่าไปดูถูกล้อเลียนเขา ศาสนาใคร ใครก็คงรัก เห็นด้วยกับ ม่ "believe" ครับ แต่ผม "respect" ในทุกๆศาสนา จากคุณ : เย็นตาโฟใส่ไข่พะโล้ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 07:39:58

ความคิดเห็นที่ 84 ผมไม่ "believe" ครับ แต่ผม "respect" Like!!!! จากคุณ : Captainside เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 16:28:34

ความคิดเห็นที่ 85 สำหรับเรา... ขอแค่ศาสนานั้นสอนให้มนุษย์เป็นคนดี เท่านั้นก็พอแล้ว ส่วนตัวเราเอง จะบอกว่าเราเป็นพุทธแท้ๆก็ไม่ใช่ เพราะเราไม่ค่อยเข้าวัด ทำบุญ สวดมนต์นั่งสมาธิ เราก็แค่หวังที่จะมีที่พึ่งทางใจก็แค่นั้น จากคุณ : แพรไชน่าทาวน์ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 17:19:06

ความคิดเห็นที่ 86 แอบมาอ่านครับ ณ ปัจจุบันนี้ศาสนาพุทธในไทยมันดูแปลกๆๆๆครับ เดี๋ยวนี้พระเจ้าต้องวิ่งหาพุทธศาสนิกชนแล้ว มีกิจกรรมเกี่ยวกับศาสนากลางห้าง เดินวนรอบอะไรกันก็ไม่รู้กลางห้าง ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่อ่ะ ถ้าเลื่อมใสในพุทธศาสนาจริง คุณก็ต้องหาเวลาเข้าวัดทำบุญฟังเทศน์ได้สิ อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา ห้างมีเวลลาเดินได้ ทำไมวัดจะเข้าหาไมไ่ด้ แอบบงงงงงง ปล. พุทธนี่ส่วนน้อยในโลกมาก แต่คนไทยดูทึกทักว่าเยอะยังงัยก็ไม่รู้ รู้หรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้อาหารตามตรอกซอกซอยเค้าแทบจะฮาลาลกันหมดแล้ว เพราะว่าปัจจุบันมุสลิมเยอะมากกก และสำหรับไทย ใครบอก non-religion ผมว่าคงถูกมองแบบชั้นต่ำแน่นอน ไทยยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องนี้นะ จากคุณ : A Boy From The Moon เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 19:17:31

ความคิดเห็นที่ 87 ผมว่าศาสดาของทุกศาสนา ท่านก็ไม่ได้คิดว่า จะต้องให้คำสอนของตัวเองก่อตั้งเป็นศาสนา ลัทธิ หรือสถาบันอะไรให้คนยกย่องยอมรับหรอกครับ ท่านเหล่านั้นคงหวังเพียงแค่ สิ่งที่ท่านได้ค้นพบนั้น จะมีผู้นำไปปฏิบัติแล้วเห็นผลที่ดีกับชีวิต ทำให้สังคมสงบสุข เท่านั้นเอง จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:59:13

ความคิดเห็นที่ 88 ผมไม่ได้นับถือศาสนาใด เพราะผมยังไม่ได้ศึกษาในแก่นของศาสนาและคำสอนของศาสนาเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง ยังไม่รู้ว่าดีจริงหรือลวงโลก ผมรู้จักพุทธนิดเดียว อิสลามนิดหน่อย คริสต์อีกนิดนึง ผมเลยยังไม่เกิดศรัทธา ดังนั้นผมจึงหลีกเลี่ยงที่จะพาดพิงไปถึงผู้ที่นับถือศาสนาอื่นๆ เพราะผมยังมีความรู้น้อยนัก พูดไปก็อาย เถียงได้ก็ไม่เต็มปาก หลังๆคำถามประเภทนี้มาบ่อยจากคนไม่นับถือศาสนา ว่านับถือเพราะอะไร เพราะคนใกล้ตัว เพราะทำตามๆเขา? คือเป็นแต่ตัว แต่ไม่เคยเข้าใจในคำสอนของศาสนานั้นๆว่างั้นเถอะ ผมมองว่าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนรุ่นหลังที่นิยมการไม่มีศาสนา เกินกว่าครึ่งเป็นเพราะมันใหม่ มันต่าง เป็นตามคนอื่น แต่ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมถึงต้องไม่นับถือศาสนา หลักทางวิทย์สอนให้พิสูจน์ แต่หลายๆคนในนี้ไม่เคยแม้แต่จะศึกษาคำสอนของศาสนาให้ครบด้วยซ้ำแม้แต่ศาสนาเดียว ในเมื่อไม่เคยศึกษาแล้วรู้ได้ยังไงว่าดีหรือไม่ดีครับ? เคยได้ยินมาว่าผู้ประกาศตัวไม่นับถือศาสนาทุกวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะค่านิยม ตามคนรอบข้าง และพวกหัวเสรี หรือพวกไม่แยกแยะ เช่น ไม่ชอบศาสนาพุทธเพราะคนไปกราบไหว้ภูติผี พระเล่นของ พระไม่ดี นิกายทำพิธีใหญ่โต? นั่นไม่ใช่ความผิดของศาสนานะครับ เป็นเรื่องของตัวบุคคลซะมากกว่า แปลกใจที่เห็นหลายคนตัดสินความดีไม่ดีของศาสนาจากการกระทำของเหล่าศาสนิกชนและนักบวช แปลกใจที่เห็นผู้ประกาศตัวไม่นับถือศาสนาทุกวันนี้ ตัดสินใจแค่เพียงเพราะเหตุผลข้างต้นเหล่านี้ แปลกตรงที่การถกเถียงของผู้มีศรัทธาและผู้ไม่มีศรัทธาในปัจจุบัน ไม่ได้พูดคุยกันด้วยความรู้หรือเหตุผลที่เกี่ยวกับตัวตนแท้ๆของศาสนาเลย สำหรับเพจที่ว่ามา ก็เป็นปกติของพวก try to be นะครับ หลายกลุ่มแนวๆนี้มี hidden agenda แฝงอยู่ในการกระทำด้วย จากคุณ : เคยตายมาแล้วเธอรู้ไว้เลย เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 02:33:46

ความคิดเห็นที่ 89 บังเอิญมาเห็นกระทู้นี้ อยากบอกว่าน่าสนใจมากๆ ผมเพิ่งเถียงกับแฟนเมื่อไม่กี่วันก่อนเรื่องนี้เอง เหตุมาจากข่าวนักศึกษามเมริกันกินคน แฟนผมเธอบอกว่าเพราะเค้าไม่มีศาสนาไงถึงทำแบบนี้ ผมแย้งเธอว่าไม่นะ ผมว่าไม่เกี่ยวเลย และผมก็ถามเธอว่า เธอนับถือศานาพุทธเพราะอะไรล่ะ แฟนก็เงียบครับ ผมก็ตอบให้ว่า ครึ่งนึงเลยก็เพราะครอบครัวพ่อแม่เรานับถือไงเราเกิดมาก็ทำตามแค่นั้นจบ จะมีสักกี่คนที่ เกิดมาแล้วตั้งใจสนใจศึกษาศาสนาเอง แล้วเออชอบ ศรัทธาก็นับถือ ตัวผมเองบอกตามตรงก็นับถือไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจหรอกว่าจะยังไง เพราะผมคิดว่า ศาสนาไม่ได้สำคัญอะไรในชีวิตมากมาย ผมว่าศานาเป็นแค่คนๆนึงเป็นคนเริ่มมีหลักทางทฤษฎี และมีการปฎิบัติ ขึ้นมา (พุทธ=พระพุทธเจ้า คริสต์=พระเจ้า อิสลาม=พระอัลเลาะห์ ) พอมีคนอื่นเห็นคนชอบชอบ ก็ทำตาม แล้วจุดเริ่มต้นมาจากไหนคนแถบนั้นก็นับถือตามๆกัน ถึงแยกได้ชัดเจนว่า ตะวันตกนับถือคริสต์ เอเชียนับถือพุทธ อะไรทำนองนี้ แฟนผมก็ยกอย่างศาสนาอิสลามบางกลุ่มที่เชื่อว่า ฆ่าคนแล้วจะดีเพราะเค้าไม่มีศาสนา ผมก็ว่าแฟนว่า คนอิสลามดีก็มีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น กลุ่มคนที่ทำแบบนั้นผมว่าเค้าหลงผิดเท่านั้นเอง และผมยังต่อว่าแฟนอีก ว่าศาสนาพุทธไม่ได้ดีดว่าศาสนาอื่น แฟนก็เถียงว่า แล้วถ้าไม่มีศาสนาจะรู้ไม๊ว่าอะไรดีไม่ดีควรทำไม่ควรทำ แฟนผมก็ว่าผมว่าผมเหมือนจะบอกว่า ผมเป็นคนไม่มีศาสนาไม่มีศาสนาก็อยู่ได้ ผม ตอบตรงๆว่า ก็จริง และเรื่องดีชั่วก็ไม่ต้องซับซ้อน ฆ่าคน ขโมยเงิน ดีไม๊ ตอบได้เลยไม่ต้องมีศาสนาก็รู้ว่าไม่ดีครับ ผมว่า ถ้าบอกว่าการศึกษาช่วยให้คนดีขึ้นยังน่าฟังกว่า ผมยังบอกเธออีกว่า การที่เราเกิดมาแล้วครอบครัวเราทำแบบนี้ ชอบแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า ครอบครัวเราดีเสมอไป เรื่องแบบนี้มันคือความชอบ ไลฟสไตล์ ประเด็นของผมอาจสรุปได้ว่า (ยาวไปเดี๋ยวเพื่อนเบื่อ) คนเราเกิดมาเลือกที่จะเป็นจะชอบอะไรเองได้ แค่อย่าทำให้ใครเดือดร้อนเสียหายต่อการกระทำของเรา ผมว่ามึคนคิด จขกท.และผมเยอะแต่ ไม่ได้มาประกาศหรือต้องบอกใคร นอกจากว่าใครจะถามเท่านั้นเอง ป.ล.ผมเถียงกับแฟนเกือบ ชม.มันส์มากครับอัดคลิปไว้ด้วย ลองเปิดฟังฮามากขำทั้งคู่ แต่อีตอนเถียงนี้ยังกะจะฆ่ากัน ดีนะที่คู่ผมถึงจะเถียงอะไรก็แต่พอจบเด๋วก็หายลืมไปว่าตะกี๊จะฆ่ากันใช่ไม๊ จากคุณ : เลดี้ กล้ากล้า เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 18:26:06 A:125.24.55.1 X: TicketID:352462

ความคิดเห็นที่ 90 ผมอยากแชร์อะไรบางอย่างให้ จขกท.และคนไร้ศาสนาหลายๆท่านทราบว่า ศาสนาที่คุณพูดถึง ซึ่งถูกเรียกชื่อต่างๆเช่น  อิสลาม คริสต์ พุทธ ฮินดู ซิกซ์ ฯลฯ ล้วนเป็น Nickname ที่ถูกตั้งชื่อโดยมนุษย์ ล้วนเป็นสิ่งสมมติที่เราทุกคนบนโลกเลือกที่จะเรียกว่าอะไรก็ตามที  หลายคนบนโลก(ซึ่งผมคิดว่าเป็นประชากรส่วนใหญ่) เกิดมาปุ๊บก็นับถือศาสนาตามบุพการี บรรพบุรุษ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร เรียกได้ว่านับถือศาสนาตามทะเบียนบ้านเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำหลังจากได้รับมอบการนับถือศาสนาตามทะเบียนบ้านมาให้แบบไม่ทันตั้งตัวก็มักปล่อยให้ความคิดคนรอบข้าง รวมทั้งของตัวเองเป็นใหญ่ นับถือกันต่อไปโดยไม่เคยนึกตรอง พิจารณา ทดสอบ ปฏิบัติตามหลักที่แต่ละศาสนามอบไว้ให้ จนออกนอกลู่ นอกทาง ไปกันใหญ่ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป แต่ทุกคนบนโลกนั้นล้วนอยู่ภายใต้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกันคือ "กฎแห่งความจริง" หรือ "กฎแห่งธรรมชาติ" ถึงแม้ใครจะบอกว่าไม่มีศาสนา แต่กฎของธรรมชาติไม่มีทางละเว้นที่จะมอบกฎแห่งความจริงนี้แก่ท่าน  ผมเชื่อว่า คนเราไม่ว่าปากจะบอกว่านับถือศาสนาใด หรือไร้ศาสนาใดก็ตาม ล้วนมีการกระทำต่างๆ (ทั้งดี, ชั่ว, ไม่ดีไม่ชั่ว)ปะปนกันไปตลอดชีวิต ไม่มีเว้นสักคนเดียว นั่นคือ ท่านได้ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งธรรมชาตินี้โดยไม่รู้ตัวแล้ว และที่สำคัญหลายศาสนา(สิ่งสมมติ)ที่แต่ละคนๆเรียกกัน มันมีทั้งผิดและถูก  ซึ่งสิ่งที่ถูกต้องนั่นต่างเชื่อมโยงเข้ากับกฎของความจริง ลงแนบสนิท  และมีผู้ค้นพบความจริงนี้แล้วจำนวนมากมาย ดังนั้นแล้ว คนที่บอกว่าตนไม่มีศาสนา แต่ประพฤติตนอยู่ในความดีงาม ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน (รวมทั้งไม่ทำให้ตนเองเดือนร้อน)นั่นคือท่านประพฤติตนอยู่ในกรอบของกฎของธรรมชาติ ที่ดีงาม สมควรแก่การเป็นผู้ได้สิ่งดีงามตามธรรมชาติแล้ว โดยไม่ต้องยึดติดคำเรียกสมมติว่าเป็นศาสนาใดเลย  ในทางกลับกัน ท่านผู้กล่าวว่าตนนับถือศาสนานั้น ศาสนานี้ อย่างดีแท้ ตรงตามหลักทุกประการ แต่ประพฤติตนด้วยการเบียดเบียนผู้อื่นไม่ว่าทางใดก็ตาม(รวมทั้งเบียดเบียนตนเอง) นั่นย่อมหมายถึงท่านไม่ได้นับถือศาสนาตามที่ปากพูดเลย แต่เป็นการท้าทาย"กฏแห่งความจริง" หรือ "กฎแห่งธรรมชาติ" ให้ตามคิดบัญชีสะท้อนคืนการกระทำเลวร้ายกลับไปแบบไม่ต้องลังเลสงสัยเลย ขอให้กฎแห่งธรรมชาติคุ้มครองรักษาทุกๆท่านที่มีจิตใจดีงามครับ จากคุณ : Silencemind เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:51:53

ความคิดเห็นที่ 91 เรานับถือพุทธ เรานับถือเพราะว่า เราเชื่อว่า สิ่งที่พระพุทธองค์สอน เป็น ----ของจริง----- แม้หลายๆสิ่งในชีวิตของเรา ไม่ได้ดีเหมือนใครๆเค้าสักนิด... (ที่ใครๆในนี้ เรียกว่า โพรไฟล์ เช่น หน้าที่การงาน เงินเดือน....) แต่เราคิดว่าเราโชคดีมากๆที่เกิดมาได้นับถือพุทธ ..... เราเชื่อเรื่องกรรม และผลของกรรม ถ้าใครเคยปลูกต้นไม้ จนออกดอกออกผลจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น ลองปลูกจนมันออกดอกออกผล เช่น ปลูกมะนาว จน ได้ลูกมะนาวออกมา แล้วจะเข้าใจ ปลูกอะไรไว้ ย่อมได้ผลอันนั้น ............ คำสอนของพระพุทธองค์ ทำให้ เราได้เห็นฝั่ง ที่ๆเรา ควรมุ่งหน้าไป ในขณะที่ เราในปัจจุบัน ยังหลง ดำผุด ดำว่าย วนไปวนมา อยู่ในห้วงมหาสมุทธอันกว้างไกล แต่เราเห็นทิศทางที่เราควรว่ายไป แม้ยังคงต้องใช้ เวลา ความพยายาม อีกยาวไกลก็ตาม... ............ ปอลอ ยังไม่ได้อ่าน คห จขกท เลย.... จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 23:51:44 A:110.169.183.154 X: TicketID:339178

ความคิดเห็นที่ 92 เพราะมนุษย์อ่อนแอ จึงต้องมีศาสนา วันใดที่มนุษย์เจริญ ยกระดับจิตใจได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวใดๆ จากคุณ : apiwatrossi เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 08:38:39

ความคิดเห็นที่ 93 เราเป็นมุสลิม....รักในศาสนาของเราคืออิสลาม จากคุณ : armedia (armedia) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 09:02:26

ความคิดเห็นที่ 94 เมื่อคนเราไม่เห็นว่าศาสนามีประโยชน์ในชีวิต หรือการดำรงชีวิต หรือการแก้ปัญหาชีวิต คนบางกลุ่มก็คิดว่าไม่เห็นจำเป็นต้องมีศาสนาเพราะมันไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ในชีวิตมีปัญหารถชน เรียกประกัน มีปัญหาเรื่องสุขภาพไปหาหมอ อกหักก็กินเหล้า ทำผู้หญิงท้องก็พาไปทำแท้งหรือแต่งงาน ขโมยขึ้นบ้านก็แจ้งความ เป็นเหตุผลพื้นๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับศาสนาเลย แทบไม่ต้องใช้ ไปวัดทำไม ไปโบสถ์ทำไม แล้วจะถือศีลไปทำไม แต่บางกลุ่มคนศึกษาศาสนา แล้วก็หยิบจับทำมาปฏิบัติ คนพวกนั้นก็จะตอบได้ว่า ไปวัดทำไม สวดมนต์ทำไม ที่สวดเขาเขียนว่ายังไง บางคนก็ไม่สวดมนต์แต่ปฏิบัติธรรมอย่างอื่น เพราะเขาเห็นประโยชน์ของการหยิบจับนำมาปฏิบัติ เมื่อคนเราเห็นประโยชน์กับสิ่งใดสิ่งนึง สิ่งนั้นก็จะมีประโยชน์สำหรับคนๆ นั้น ถ้าคนใดไม่เห็นว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์ ใช้อะไรไม่ได้ เขาก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะมีมัน แล้วใครจะตอบได้ล่ะว่า วันข้างหน้าของสิ่งนั้นจะมีประโยชน์กับเราหรือไม่ เราจะใช้มันไหม ใครมองเห็นอนาคตของตัวเองจนถึงวันตายได้ จากคุณ : m4cool เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 11:00:19

ความคิดเห็นที่ 95 ไม่กล้าวิจารณ์เรื่องนี้ เพราะรู้ว่าตัวเองยังโง่อยู่อีกมาก.... จากคุณ : คาดไม่ถึง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 13:55:09

ความคิดเห็นที่ 96 เราชอบแนวคิดของหลายศาสนา เรารู้ตัวเลยว่าไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้งหรอก แต่ชอบพุทธ ที่อนัตตา สูงสุดคือความไม่มี ทำให้รับรู้ว่าความเสื่อมมันปกติ ชอบอิสลาม ชอบการถือศีลอด ชอบศาสนาคริสต์ที่ทำให้คนเรามีความหวัง จากคุณ : แกงจืดไข่น้ำ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 17:27:54

ความคิดเห็นที่ 97 ก่อนเข้ามหาลัย เราก็เรียนพุทธศาสนา เชื่อฟัง ตั้งใจ เพื่อเก็บคะแนน จนได้เข้ามหาลัย เราเรียนเอกปรัชญา เราเหมือนได้รู้จักอีกโลก เราถามหาความจริง เราสงสัยว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับศาสนา อาจเป็นแค่นิทานเรื่องยาว พระเป็นเจ้า/ศาสดา/พระพุทธเจ้า อาจเป็นแค่ตัวละครหลักของเรื่อง เราเรียนรู้เรื่องสิ่งสากล สิ่งเฉพาะ การครอบงำของศ.คริสต์ในกรีก ปรัชญาอินเดียที่แทรกซึมอยู่กับศาสนา คำกล่าวที่ว่า God is dead เพราะพระเจ้าช่วยอะไรชาวโลกไม่ได้เลย เราถูกเหวี่ยงเข้ามา และรับใช้สิ่งที่เราไม่ได้เลือก นี่เป็นความรู้เพียวๆ ที่ทำให้เราเริ่มคิดเกี่ยวกับศาสนา ช่วงหนึ่งเราสงสัย สงสัยว่า เงินอาจมีอำนาจมากกว่ากฎแห่งกรรม คนดีไม่มีอยู่จริงในโลก การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นแค่นิยายน้ำเน่า เรียนจบ เรามาเผชิญโลกทำงาน ทุนนิยมกลายเป็นศาสนาหลัก แม้คนในนี้จะสวดมนตร์ทุกวันพระ เข้าโบสถ์รับพรพระเจ้า แต่จิตใจเขาไม่เคยหลุดพ้นจากเงิน และตอนนี้เราสงสัย เวลาฝันร้าย หวาดกลัวหรือกำลังตาย สุดท้ายเราก็นึกถึงพระ เราไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรานับถือ หรือเพราะเราเคยชิน เราไม่รู้ว่าอะไรคือความดี ดีสำหรับเราเพิ่งพอมั้ยในการทำ สุดท้ายก็ได้แต่ Dilemma กลับมา แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 17:39:25 จากคุณ : fafay เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 17:38:55

ความคิดเห็นที่ 98 เราว่าจริงๆทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี แต่สิ่งที่ทำให้ผิดเพี้ยนไปคงเป็น"คน"มากกว่าค่ะ โยงเอาเรื่องการเมืองเรื่องเงินทองผลประโยชน์เข้าหาตนเอง โดยอาศัยสิ่งที่ทุกคนให้ความเคารพและเชื่อถือกันมาช้านานเป็น"เครื่องมือ" แต่จริงๆแล้วทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีอยู่แล้วคงไม่มีศาสนาไหนสอนให้ ไปฆ่าคนตายแล้วคุณจะได้ขึ้นสวรรค์หรอกมั้งค่ะ เราไม่ดูถูกศาสนาไดๆแต่เราดูถูก"คน"มากกว่า คนที่ทำใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการทำชั่วหรือเอาไว้เพื่อให้คนงมงายมากกว่าค่ะ เรานับถือพุธค่ะเราว่าพุธทางสายกลางที่สุดแล้ว สอนให้คนทำความดี อยู่ในทางสายกลาง ไม่เบียดเบียนคนหรือศาสนาอื่นๆเปิดรับได้ทุกรูปแบบ ของแบบนี้มันอยู่ที่คนด้วยนะค่ะ ไม่บังคับให้เข้าวัดทุกวัน ไม่บังคับให้ไหว้พระ ไม่บังคับให้คนงมงายแต่ให้ใช้หลักเหตุผลมากกว่า แต่ก็อย่างที่บอกเพราะมีคนทำให้มันบิดเบือนไปโดยการขายรูปปั้นบูชาให้เอาเงินบริจาคทำนั่นนี่ อย่างเราถ้าศาสนาไดๆสอนให้คนๆนั้นเป็นคนดีไม่เบียดเบียนคนอื่นทำให้คนนั้อยู่ในศีลธรรมทำตัวดีเราว่ามันก็ดีแล้วนะค่ะ จากคุณ : PoonfaH เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:36:56

ความคิดเห็นที่ 99 ศาสนามีไว้เป็นทางพ้นทุกข์ ยามเมื่อคนเห็นทุกข์ค่ะ ส่วนตัวคิดว่า เมื่อวาระมาถึง แต่ละคนก็จะโน้มเข้าหาที่พึ่งของตนเอง เพราะงั้นเรื่องแบบนี้อธิบายไปก็ไม่เข้าใจ อย่างที่รู้ว่าเป็นเรื้่องที่รู้ได้เฉพาะคน ไม่เห็นไม่พบเองไม่มีวันรู้ จากคุณ : Janur เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 21:11:18

ความคิดเห็นที่ 100 ในโลก มีชนชัน ในทุกรูปแบบ ศาสนาก็ด้วย คนที่ฉลาด ก็ยกตนเป็นศาสดา คนที่ฉลาดรองๆ ลงมา ก็ต้องทำตามเขา คิดเองไม่ได้ ยังไงก็คิดเองไม่ได้ อินมากๆ ถึงกับยอมตาย เพื่อปกป้องก็มี ทั้งๆ ที่ศาสนา ก็เป็นแค่นามธรรม จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 00:14:13

ความคิดเห็นที่ 101 สั้น ๆ ค่ะ >>> เห็นด้วยทุกประการ จากคุณ : Yam_Strawberry เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 00:43:30

ความคิดเห็นที่ 102 อยากให้ลองอ่านพระไตรปิฎกครับ เผื่อจะเข้าใจเศษเสี้ยวของศาสนาพุทธ จากคุณ : Teuton เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 10:15:47

ความคิดเห็นที่ 103 ถ้าให้เราพูดตามความเชื่อของเรา ซึ่งเป็นคนพุทธคนหนึ่ง คนรอบข้างก็เป็นคนพุทธหมด และเราเองก็ไปวัด ทำบุญเสมอๆ เราคิดว่าศาสนา เป็นเพียงกุศโลบายหนึ่ง ที่เอาไว้ควบคุมคนไม่ให้ทำความชั่ว ให้เกรงกลัวต่อบาป แต่เราเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีตัวตนอยู่จริง และพระองค์ท่านก็สอนแต่อะไรก็ตามที่เป็นเรื่อง "จริงๆ" คือ เมื่อมีทุกข์ทำอย่างไร จะตัดความทุกข์ได้อย่างไร คือมีเหตุ มีผล เป็นวิทยาศาสตร์มากๆ ก็ว่าได้ แต่สำหรับคนที่ไม่นับถือศาสนาไหนเลย เราว่าก็ไม่เป็นไร ขอเพียงคุณคิดดี ทำดี และเข้มแข็งพอ เพราะเมื่อคุณไม่เชื่อในนรก สวรรค์ การทำบาป มันก็ง่าย ใช่หรือไม่ ในการที่จะทำความชั่วโดยไม่เกรงกลัวบาป โดยไม่ละอาย เราเองเป็นคนพุทธที่ไม่แน้นพิธีกรรม คือเมื่อตอนเด็กก็อย่างพุทธทั่วไป ที่ "เยอะ" กับพิธีกรรม แต่โตมาแล้ว เราได้เห็นจริงๆ ว่าแก่นของศาสนาคือ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ละเว้นความชั่ว และรู้จักคิดหาเหตุหาผล ว่าอะไรเป็นอะไร ทำไมเราปวดหัว เราลองค้นลึกๆ ไปว่าภายในหัวเราคิดอะไรอยู่ แอบเครียดเรื่องงานนี่เอง วิธีแก้ไข คือ พยายามสะสางงานให้ดี จะได้ไม่ต้องเก็บาเครียด ขอให้โลกสงบสุขเท่านั้นเป็นพอสำหรับเรา จากคุณ : ขอเป็นหวานใจของนายแบดบอย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 10:32:55

ความคิดเห็นที่ 104 น่าจะมองจุดมุ่งหมายสุดท้ายของศาสนานั้น ๆ นะคะ เรามองจุดมุ่งหมายศาสนาพุทธ และนับถือด้วยความเต็มใจ ... เพราะเป็นเป้าหมายที่จะหยุด ทั้งทุกข์ทั้งสุขค่ะ พอแล้ว ไม่เอาทั้งสองอย่าง สุขทำให้หลงยึดติด ทุกข์ทำให้รู้สึกทรมาน และรู้สึกตัว ว่าทั้งสองอย่างทำให้หลงวนเวียนไม่จบไม่สิ้น หนีความทุกข์ไม่พ้น และถ้าจะให้ทำทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้าย ... เราก็คงต้องไปบวชซะเดี๋ยวนี้ เพราะกลัวจะต้องเกิดอีก - ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม จขกท.คิดว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไหร่คะ ? เราเองไม่รู้ เราอาจจะตายในนาทีข้างหน้านี้ก็เป็นได้ แต่เราก็ติดค่ะ ติดข้อง ห่วงพ่อ - แม่ ... ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ความต้องการสวนทางกับความรับผิดชอบพื้นฐานในชีวิต... จากคุณ : WakingMyselfUpFromTheDream เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 15:44:50

ความคิดเห็นที่ 105 ตื้นเขิน จากคุณ : ฆ่าไม่เว้นสัตว์เลี้ยง (ฆ่าไม่เว้นสัตว์เลี้ยง) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 22:37:34

ความคิดเห็นที่ 106 เราไม่ได้ทำบุญ ตักบาตร หรือสวดมนต์ทุกวัน แ่ต่สิ่งที่เราเชื่อคือเราเชื่อ+ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ+การนั่งสมาธิ ของแบบนี้ ไม่ใช้ใจ ไม่ลงมือปฎิบัติเอง...คงไม่มีวันเข้าถึง ไม่มีวันเข้าใจค่ะ จากคุณ : kiramin เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 00:16:41

ความคิดเห็นที่ 107 ตอนแรกผมก็นับถือ พุทธครับ แล้วก็ไม่นับถือศาสนาใดแล้วครับ นานๆ ผมจะเจอคนอย่างคุณที่คิดเหมือนกันทุกบรรทัด สิ่งที่ผมไม่ชอบศาสนาพุทธก็คือศาสพุทธเอาแม่ของผมไป ... แต่ผมก็ไม่เคยไปทำลายศาสนาน่ะ แม่ผมชอบเข้าวัด จนงมงายทิ้งผมไปแต่เด็กเพราะเชื่อว่าเข้าวัดสวดมนแล้วจะดี ผมจะดี..แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเวลาแห่งโลกความเป็นจริงหายไป แม่ชอบดูดวง ชอบสะเดาะเคราะห์ ชอบแก้กรรม << ตรงนี้อาจเป็นความบิดเบือนของศาสนาครับ อันนี้เกลียดสุด ๆ  เสี่ยงเซียมซีก็เชื่อ ๆ เป็นตุเป็นตะ  ชื่อก็บอกแล้วว่า เสี่ยง... ทุกวันนี้อยู่ด้วยเป็นคนธรรมดา ที่มีศีลธรรม ไม่เลว ทำตัวช่วยเหลือผู้อื่นที่ด้อยกว่าเรา แต่ไม่เข้าวัด เพราะไม่ชอบเข้าไปแล้วรู้สึกว่าเป็นเหมือนตัวเงินตัวทอง  มีแต่คนอยากเข้าใกล้ เดี๋ยวก็เอาธูปยัดเข้ามือ  มาลัยไหมพี่  อืม ผมมาไหว้มือเปล่าครับ เอาศิริมงคล แต่ก็โดนด่าบ้าง หลายท่านจะบอกว่าจะสนใจทำไม  แต่ผมก็เห็นหลายท่านก็ชอบไปวัดดัง ๆ กันนิครับไม่เห็นไปวัดกระจอก ๆ เลย จะอย่างไรก็ช่างมันแล้วกัน      แต่1สิ่งที่ผมเกลียดและอยากจะให้มันหมดไปจากโลกนี้คือ การปล่อยนกปล่อยปลาครับ  ถ้าบาปมีจริงนั้นคือบาปขนานใหญ่เลย คิดดว่าดู  ก่อนวันพระใหญ่ นก ปลาเหล่านี้ก็ต้องมานอนในกรงในถุงอย่างน้อย1คืน เบียดกันหิวก็หิว บ้างตายบ้้างป่วย   แล้วคุณก็เอาเงินไปซื้อมา ปล่อยเป็นอิสระ    เงินที่คุณซื้อไม่ได้ซื้อความเป็นอิสระให้มัน แต่ในวันพระใหญ่ถัดไป มันหรือเพื่อนมันก็โดนจับมาลำบากอีก   รู้สึกยังไงหละครับที่โดนขังในกรง หรือ ในห้องที่แทบไม่มีอากาศให้หายใจ  ฝากไว้ครับ   เลิกปล่อยนกปล่อยปลา  ... ปล่อยแล้วสบายใจ...คิดไปเอง จากคุณ : puri puri pon pon เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 02:06:25

ความคิดเห็นที่ 108 ถูกครับ !! ในอดีตไม่มีศาสนา แต่มนุษย์ยุดนั้นอยู่ได้เพราะความเชื่อ เชื่อว่าจะต้องทำได้ ทำให้ได้  ปัจจุบันก็เหมือนกัน ท้อ ทุกข์ เข้าวัดกันทำไม ไม่อยากบอกว่าหาทางไปไม่ได้ แต่นั่นเรื่องจริง ท้ายสุดแล้ว จะท้อหรือทุกข์ หรือก่อนตายก็เถอะ คิดถึงศาสนากันตอนนั้น   คำถามในใจที่ว่า ทำไม อะไร อย่างไร ที่หาคำตอบไม่ได้ ถามว่าได้ลองเชื่อว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าดีจริงแล้วหรือยัง ?? อจินไตย เริ่มจากตรงนี้ก็ได้ !! เจ๋อ แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 09:18:12 จากคุณ : เจ๋อหน้าจอ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 10:20:24

ความคิดเห็นที่ 109 เห็นด้วยทุกประการ แต่คนหลายคนยังต้องพึ่งศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจครับ บางคนต้องใช้ศาสนาเพื่อเป็นการห้ามตัวเองจากการฆ่าตัวตาย ในขณะที่หลายๆ คนไม่ จากคุณ : Rachkhun เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:16:42