Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
How to อยู่หออย่างไรไม่ให้เสียคน ติดต่อทีมงาน

ปล.บทความแชร์มาจาก http://my.dek-d.com/Jyukai/blog/?blog_id=10152635 นะครับ :)
เห็นเขามีเรื่องราวเกี่ยวกับการอยู่หอของนักศึกษาและเสียผู้เสียคนกันมามากแล้ว

ถามว่ามีจริงๆไหม >> ตอบได้เลยว่า “มี และจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว” หลายคนที่ติดเพื่อน ติดแฟน ติดบาร์ข้างมหา’ลัย ติดบลาๆๆ โอย สารพัด เพราะไม่เคยสัมผัสกับชีวิตเสรีภาพที่เราต้องดูแลตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง

เอาจริง…ทุกคนตอนไปอยู่หอใหม่ๆ ร้อยละ 90 ก็หลุดกันหมดแหละฮะ... เราก็หลุด ไม่ยอมกลับหอ ไปนั่งเล่น นั่งคุยหอเพื่อน (แต่ที่ไปเพราะเรากลัวผีอ่ะ เมทเราต้องซ้อมเชียร์ เราไม่กล้าอยู่หอคนเดียว) บ้างก็สนุกกับการออกไปหาของกินนอกมอ สารพัดนานา ซึ่งผลพวงที่ตามมาอาจรุนแรงถึงขั้นเกรดไม่ถึง 2.00 กันเลยทีเดียว

(นอกจากนี้ก็ยังมีพวกบ้ากิจกรรม คือพวกนี้ไม่ได้หนีเที่ยวนะ แต่อยู่ทำกิจกรรมดึกดื่น กลับถึงหอเที่ยงคืนบ้าง สารพัด จนการเรียนตก)



แต่ถึงอย่างไรนั้น การอยู่หอก็ยังมีข้อดีอยู่ ซึ่งจะพูดถึงในตอนนี้

ตอนนี้ขอเป็น How to อยู่หอไม่ให้เสียคน?



1.พยายามอยู่หอในของมหาวิทยาลัยมากกว่าเลือกอยู่หอนอก

           เพราะว่าหอในของมหาวิทยาลัยจะค่อนข้างควบคุมความประพฤติของเราได้ดีกว่าหอนอกอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังแบ่งเป็นทั้งชาย-หญิง แยกไปเป็นสัดส่วน ไม่เหมือนกับหอนอกซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอยู่แบบคละกันไป ทำให้มีคู่รักบางคู่ตัดสินใจประหยัดค่าห้องด้วยการอยู่ร่วมกัน!



2.การเลือกเพื่อนในคณะก็เป็นสิ่งสำคัญ

           คบเพื่อนให้เยอะ คบเพื่อนให้กว้าง แต่ไม่ใช่ถึงขั้นว่าใครชวนไปไหนก็ไป... กินเหล้าหรือ? ไปบ้างเถอะ แต่ไม่ใช่ไปทุกวัน เช้ากลมเย็นกลม กินจนอ้วกแตกอ้วกแตน

           การเลือกเพื่อนในคณะ จะโชคดีมากถ้าเจอเพื่อนที่ไม่เรียบร้อยบ้าง เฮ้วบ้าง อะไรบ้าง แต่มีตารางชีวิตดี... เราก็คนหนึ่งล่ะที่ได้เพื่อนมหา’ลัยดี เพราะแต่ละคนไม่กินเหล้า แล้วก็เป็นพวกขี้เซาจึงเผ่นกลับหอ รวมทั้งเงินรายเดือนมันมีจำกัด ทำให้เพื่อนของเราไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้ บางทีถ้าว่างๆก็ชวนไปอ่านหนังสือ

           เพื่อนจึงเป็นส่วนสำคัญมากๆในการอยู่หอของเรา :)



3.ต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง

           อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก การที่คุณอยู่หอ อยู่ด้วยตัวเองนั้น คุณต้องทำเองทุกอย่าง ทั้งซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ถ้าไม่สบายก็ไม่มีใครพาไปหาหมอ ต้องเอาตัวรอดเอง ไม่มีใครคอยตะโกนบอกคุณว่า อ่านหนังสือนะ ทำการบ้านนะ กินข้าวนะ

           มันคือเสรีภาพที่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบของตน

           แต่ปีหนึ่งส่วนมากจะหลง จะสนุกไปกับอะไรใหม่ๆ ทั้งกิจกรรมเอย ทั้งเพื่อนเอย เราเองยังหลุดไปพักหนึ่ง คือช่วงที่ทำกิจกรรมคณะแล้วกลับหอตีหนึ่งตีสอง คือยิ่งนอนดึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตื่นไปเรียนไม่ทัน แถมวิชาไหนที่เป็นวิชาบรรยายไม่เช็คชื่อ หลายคนก็แทบไม่เคยโผล่หัวไปเรียน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยอ่านหนังสือ เลยมีพวกที่สอบตกหรือกินน้องหมาให้เห็นอยู่เรื่อย

         

4.นึกถึงพ่อแม่เข้าไว้มากๆ

           เวลาที่เราอยู่คนเดียว อยู่กับเพื่อน เรามักหลงลืมคนที่รักเรามากๆ คือมันทำให้เราลืมไปว่า เรามีหน้าที่อะไร เราต้องรับผิดชอบอะไร

           ฉะนั้น เวลาที่เรารู้สึกว่าเหนื่อย ท้อ หรือรู้สึกอยากออกนอกลู่นอกทางตามคนอื่นบ้าง เราจะนึกถึงตอนที่ตัวเองเอนท์ติด ตอนที่ทุกคนในบ้านดีใจ หรือไม่ก็ตอนที่คนที่เกลียดเราดูถูกเราว่าเราจะเรียนไม่ไหว พอเรานึกถึงเรื่องพวกนั้น เราจะอยากเรียนจบ เราจะอยากอ่านหนังสือ อยากทำให้คนที่รักเรามีความสุข อยากทำให้คนที่ดูถูกเราได้เห็นว่าเราก็ทำได้

           คนเรานะ ชนะได้ทุกสิ่งแหละ ถ้าแรงใจมี :D



5.จัดห้องให้น่าอยู่

           พยายามทำหอให้กลายเป็นบ้านของเรา ใครชอบอ่านการ์ตูนก็เช่าการ์ตูนไปนอนอ่านที่หอ ตุนของกินไว้บ้าง มีคอมพ์ มีเน็ต ให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน (คือถ้าใครทำหอเหมือนเป็นค่ายพักแรมล่ะก็ จะรู้สึกแย่น่ะ แล้วก็ไม่อยากอยู่ในห้อง พอกลับบ้านไม่ได้ก็เลยหาทางออกด้วยการไปเที่ยวกับเพื่อน)

           เราใช้วิธีจัดโต๊ะอ่านหนังสือเราสะอาดๆ มีโคมไฟตั้งโต๊ะ มีโพสต์อิทไว้แปะข้อความสารพัดบนกำแพงเพื่อให้ห้องเราน่าอยู่ ทำความสะอาดบ่อยๆ ซื้อพวกขนมเอย ของกินเอยมาตุนไว้บ้าง

บางทีก็เอานิยายสองสามเล่มมาวางไว้ อ่านสลับกับอ่านหนังสือ

           แค่นี้ห้องเราก็น่าอยู่ น่าอ่านหนังสือแล้วจ้า



6.พยายามอยู่กับคนที่เรียนเก่งๆ ไม่ก็ส่องเฟซพวกเรียนเก่งบ่อยๆ

           หลายคนไม่ชอบพวกเด็กเรียน พวกเรียนเก่ง เพราะจะหาว่าเห็นแก่ตัว บลาๆๆๆ เอาจริง เราก็ต้องเลือกที่จะคบสิคะ :D คนเรียนเก่งมีดีอีกมากมายนะ แล้วหลายคนพอเห็นพวกเรียนเก่งคุยกัน เถียงกัน ก็คิดว่า ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่เอาแล้ว ยังไงฉันก็ตก

           อันนั้นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์มากเลยค่ะ

           ลองคิดแบบเราดูนะ คือเราเป็นพวกบ้าพลังหน่อยๆ ตรงที่เวลาเห็นคนเก่งคุยกันในเฟซ ในห้อง หรืออะไรก็ตาม เราก็จะรู้สึกว่าแบบ เฮ้ยยย คุยอะไรกัน อยากรู้เรื่อง อยากคุยด้วย อยากเถียงด้วย เราก็เลยพยายามอ่านหนังสือให้ทัน ไม่ก็คิดว่า ฉันอยากจะเก่งอย่างคนพวกนั้นบ้าง ก็เลยพยายามอ่านหนังสือเรื่อยๆ



7.พ่อแม่อย่าให้เงินลูกใช้เยอะเกินไป

           เห็นพ่อแม่บางคนแล้วตกใจค่ะ ให้เงินลูกใช้เพียวๆเดือนละ 8,000 บาท เดือนละ 12,000 บาทก็มี บางคนไม่ใช่แค่ได้เงินเยอะ แต่ยังไม่ต้องออกค่าอะไรเองอีกด้วย พ่อแม่กลัวลูกลำบาก แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่ค่ะ มันกำลังจะทำให้พวกเราเสียนิสัย

           ยิ่งเรามีเงินเยอะมากเท่าไหร่ อำนาจการใช้จ่ายเรายิ่งสูงมาก คราวนี้ก็สบายเลย อยากกินเหล้าก็ได้ อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ ห้องก็ไม่ต้องกวาด จ้างแม่บ้านเอา เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซัก ส่งรีดเอา

ยิ่งพวกที่มีรถยิ่งแล้วใหญ่ ขับไปไหนก็ไม่รู้ พ่อแม่เช็คไม่ได้

           ไม่ได้บอกว่าคนที่มีเงินเยอะๆไม่ดีนะ แต่เราคิดว่า การใช้เงินเยอะเกินตัวไม่ใช่เสียแค่ตอนนี้ค่ะ แต่นึกภาพดูนะคะว่าเงินเดือนคนเรียนจบมันจะซักเท่าไหร่กัน แล้วตอนนี้ยังใช้เงินเยอะขนาดนี้ ถ้าเงินเดือนที่ได้ไม่พอ เขาไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินหรือคะ?

           ทางที่ดีอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองคำนวณเงินที่ลูกใช้จริงๆในแต่ละเดือนดูนะคะ ว่าใช้กันเท่าไหร่ มันจะทำให้พวกเราประหยัดเงิน และรู้จักบริหารเงินค่ะ อาจจะมีให้เงินพิเศษไว้กินเลี้ยงกับเพื่อนบ้างก็ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ให้เยอะจนเงินกลายเป็นยาพิษสำหรับพวกเรา

           อย่างบ้านเรา แม่ให้ใช้เดือนละ 5,000 บาทค่ะ รวมค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินข้าว ค่ากลับบ้าน ค่าหนังสือ ค่าชีท ซึ่งเราไม่เคยเบิกเพิ่มค่ะ ทำให้เราต้องพยายามบริหารเงินอย่างเต็มที่ อย่างตอนแรกก็ใช้ไฟเปลืองมาก ค่าไฟเดือนละ 600 จนสุดท้ายต้องตกลงกับเมท นอนพัดลมบ้าง แอร์บ้างสลับไป ปัจจุบันค่าไฟลดเหลือ 150 บาทแล้วค่ะ เงิน 500 ที่เหลือสามารถอยู่ได้ถึงอาทิตย์นึงเลยทีเดียว :D



อา หมดกันไปสำหรับการใช้ชีวิตคร่างๆไม่ให้เสียผู้เสียคนยามอยู่หอนะคะ



ทีนี้ จะมาเข้าข้อดีของการอยู่หอบ้าง กลัวพ่อแม่หลายคนจะหวาดผวาว่าลูกสุดที่รักจะเสียผู้เสียคนค่ะ วึ่งความจริงการอยู่หอนั้นอาจเป็นเพียงปัจจัยเสริมให้มีเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงเพิ่มค่ะ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเด็กอยู่หอจะต้องแย่เสมอไป



ข้อดีของการอยู่ก็มีประมาณ...



โตขึ้น รับผิดชอบขึ้น รู้จักอะไรๆมากขึ้น

           การอยู่หอนั่นหมายความว่าชีวิตเรายี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นของเราค่ะ

           เพราะฉะนั้น เราต้องทำอะไรทุกอย่าง บางคนไม่เคยล้างจาน ก็ต้องล้างเอง บางคนไม่เคยซักผ้าก็ต้องซัก นอกจากนี้เรายังต้องรู้จักบริหารเงินให้พอใช้ตลอดทั้งเดือนโดยไม่เอ่ยปากขอพ่อแม่ ต้องฝึกความอดทนเพราะการอยู่ร่วมกันกับเมทนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ต้องหัดถนอมน้ำใจกัน ต้องมีน้ำใจ

           ข้อดีมีข้อเดียวนะคะ แต่มันครอบจักรวาลทีเดียว

           เมื่อไหร่ที่พวกเราอยู่หอได้โดยเกรดไม่ตก การเรียนเท่าเดิม และรับผิดชอบตัวเองได้ มันหมายถึงเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในอีกระดับหนึ่งแล้ว เพราะการอยู่หอจะสอนให้เราตัดสินใจเอง บางทีก็ต้องพยายามเอาชนะความเหงา ความเหนื่อย อะไรต่อมิอะไรโดยที่ไม่มีพ่อแม่คอยดูแลค่ะ มันทำให้ความคิดของเรากว้างขึ้นนะ J

           อยู่หอทำให้เราได้รู้จักชีวิตที่ไม่เคยเห็น มันเป็นความทรงจำดีๆในช่วงมหา’ลัยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ทำงานกับเพื่อนดึกๆ บางทีก็นัดไปเที่ยวทะเลกันเองบ้าง บางทีเราก็มีเพื่อนคอยปรับทุกข์ คือการอยู่หอทำให้เรารักและจริงใจกับเพื่อนมากค่ะ เพราะถ้านิสัยเข้ากันไม่ได้จริงๆก็จะอยู่กันไม่ได้

           คือเราต้องพยายามอย่าเก็บเรื่องเล็กน้อยมาใส่ใจ แล้วเราจะมีความสุขกับการอยู่กับเพื่อนๆ ยิ่งถ้าเรามีเพื่อนดีๆนะ เพื่อนก็ชวนเราไปอ่านหนังสือฟ

           คือพ่อแม่ต้องอย่าลืมว่า สักวันหนึ่งพวกเราต้องออกมีชีวิตของตัวเองค่ะ การที่พยายามหวงลูกให้อยู่ในการดูแลของตัวเองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการทำลายเรามากเท่านั้น หลายคนที่กลายเป็นไข่ในหิน ไม่เคยผิดหวัง ไม่เคยเผชิญกับปัญหาด้วยตัวเอง พอมีปัญหาขึ้นมาก็มักหาทางออกง่ายๆ การอยู่หอมันจะช่วยดัดนิสัยเราตรงนี้แหละค่ะ



           แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างบนโลกมันมีข้อดีข้อเสียค่ะ นั่นคือความเสี่ยงที่เราต้องยอมรับและแน่นอนว่ามันคือความเสี่ยงที่เรา “เลือกได้” ว่าจะให้การอยู่หอของเรานั้นเป็น “สิ่งดี” หรือ “สิ่งเลวร้าย”



           ชนะอะไรก็ไม่เท่าชนะใจตัวเองนะ

จากคุณ : ใจบันดาลแรง
เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 23:35:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com